ตอนเขายังนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะนั้น เขาเป็แค่ชายฉกรรจ์ที่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ฉับพลันกลับฉีกกระชากเนื้อหนังมนุษย์ออกอย่างกับถอดเสื้อผ้า วินาทีที่กลายเป็หมีั์สีโลหิตหกแขน บรรยากาศคึกคักก็จบสิ้นลงทันที
คนของพรรคที่นั่งอยู่ข้างเขาทั้งสองคนต่างนิ่งค้าง
ก่อนหน้าที่จะได้โต้ตอบอะไร พวกเขาก็ถูกปีศาจหมีอัคคีโลหิตใช้กรงเล็บคมเหมือนคมดาบฉีกร่างออกเป็หกส่วน
ไอปีศาจสีเืเหมือนเปลวเพลิง ะเิออกมาจากร่างหมีั์หกแขน
กลิ่นคาวเืคละคลุ้งทั่วชั้นสี่ของหอลมฝนปรอย
“ไอปีศาจ...ปีศาจหมีอัคคีโลหิต!”
นักดาบฉกรรจ์อุทานออกมา
แต่ชั่วแวบเดียว ใบหน้าสิ้นหวังและตื่นตระหนกของเขาก็กลับกลายเป็ทะเลเื
เพราะหญิงสาววัยสะพรั่งที่เคยพูดคุยกับเขาอย่างสำราญเมื่อครู่นี้ ลิ้นของนางกลายเป็เส้นสีเงินแทงอกเขาทะลุ นั่นเป็ลิ้นอาบยาพิษ ยาพิษซึมแล่นไปทั่วทั้งร่าง ละลายกระดูก อวัยวะภายในและเืเนื้อ จนเหลือแค่หนังมนุษย์
หญิงสาวสะพรั่งหัวเราะกรีดกราย ร่างกายเริ่มขยายขนาดใหญ่ขึ้น
พริบตาเดียวหนังมนุษย์ที่ว่าก็ขาดสะบั้น ร่างกายอรชรดึงดูดใจเหลือเพียงแต่กิ้งก่าั์เกล็ดขาวราวกับหิมะ น่ากลัวยิ่งนัก
ปีศาจอีกตัว
ชั้นสี่โกลาหลแล้ว
คนของพรรคอลหม่านกันไปหมด รีบชักอาวุธประจำกายออกมา โอดร้องแตกตื่นสิ้นสติ ทุกคนกระตุ้นกำลังภายใน อาวุธอยู่ในกำมือ หวาดระแวงสหายทุกคนข้างกาย กลัวว่าอีกพริบตาเดียวเพื่อนที่เคยพูดคุยและหัวเราะสนุกสนานกันจะฉีกคราบมนุษย์กลายเป็ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัว
“กรร”
ปีศาจหมีอัคคีโลหิตทุบอกตัวเอง ร่างกายยังขยายขนาดไม่หยุด ไม่นานมันก็สูงถึงห้าเมตรราวสัตว์อสูรั์ เปลวเพลิงร้อนแรงสีเืปะทุออกมาจากร่างกายใหญ่โต ราวกับควันเพลิง ไอปีศาจถล่มทลายทำให้ทุกคนหายใจติดขัด
ชายชาวยุทธสาวกพรรคด้านข้างไม่ทันระวังตน ถูกเปลวเพลิงสีเืนั้นแผดเผา เสียงโอดร้องทรมานพร้อมๆ กับร่างกายที่แห้งเหี่ยวด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง เหมือนบุปผาถูกน้ำเดือดสาด กลายเป็ศพแห้งหนังหุ้มกระดูกในพริบตา
“ระวัง อัคคีโลหิตที่ปกป้องร่างของปีศาจหมีมีพิษร้าย อย่าโดนมันเป็อันขาด” กระบี่ตัดเวหาเหว่ยเทียนิะโลั่น
“ทุกคนอยู่ในความสงบ โอบสัตว์สองตัวนี้ไว้ พวกเรามีมากขนาดนี้ ยังจะกลัวมันอีกทำไม ร่วมมือกันฆ่าไอ้เดรัจฉานนี่เสีย!” สาวกพรรคจื่อเวยตะเบ็งบ้าง
บัดนี้ เนื้อแท้ของสาวกแห่งพรรคน้อยใหญ่ได้สำแดงจนประจักษ์
คนที่มาจากพรรคใหญ่น้อย ล้วนกลัวจนตะลีตะลาน แต่คนจากพรรคจื่อเวยเป็พรรคระดับสูงสุด สาวกพรรคย่อมรู้สึกตัวเองได้ก่อนใครๆ
“กรร!”
ปีศาจหมีอัคคีโลหิตคำรามดุร้าย ปากพ่นอัคคีโลหิต พุ่งพราดใส่เหว่ยเทียนิ
“กระบี่เหินฟ้า...ผ่า!”
เหว่ยเทียนิะโสุดเสียง วิชาจื่อเวยโคจรถึงขีดสุด ร่างกายมีดวงดาวจื่อเวยยี่สิบเอ็ดดวงโคจร หมายความถึงการฝึกฝนสูงสุดของเขาว่าอยู่ที่อาณาน้ำพุิญญายี่สิบเอ็ดตา กระบี่ยาวในมือบังเกิดแสงสีม่วงเจิดจรัส กระบี่ฟันออกไปยังเป้าหมาย
กระบี่เหินฟ้า กระบวนยุทธ์นี้คือสิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด
เป็เพราะพึ่งท่าโจมตีท่านี้ เขาถึงได้รับสมญาอันรื่นหูว่ากระบี่ตัดเวหา
เหว่ยเทียนิตั้งใจจะออกหน้าต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ดังนั้นจึงใช้ท่าจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อจะฟาดฟันปีศาจหมีอัคคีโลหิตให้สิ้นซาก
ตูม!
ไอกระบี่สีม่วงปะทะอัคคีโลหิต
กระบี่ดั่งหิมะถล่มราบ มันแหลกละเอียดต่อหน้าต่อตา
แค่ปะทะทีเดียวเท่านั้น
เหว่ยเทียนิเบิกตากว้าง
เพียงเห็นลำแสงอัคคีโลหิตกลืนกินร่างกายของเขา วินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ร่างหนึ่งก็แวบวาบเข้ามาคว้าตัวเหว่ยเทียนิ หลบการโจมตีถึงชีวิต
คนที่ลงมือ คืออาจารย์อาวัยฉกรรจ์นั่นเอง
เหว่ยเทียนิเหงื่อเย็นแตกซิก ผ่านประสบการณ์เกือบตายในเงื้อมมือมัจจุราช ทำให้เขาเหงื่อไหลชุ่มโชก
“ระวังหน่อย นี่เป็ระดับแม่ทัพปีศาจ อย่าประมาทเด็ดขาด” อาจารย์อาเตือนสติทุกคนในที่นั้นเสียงดัง
สิ่งที่เรียกว่าระดับแม่ทัพปีศาจนั้น เทียบเคียงกับยอดฝีมืออาณาน้ำพุิญญาสี่สิบตาของมนุษย์ มิใช่คู่ประมือกับเหว่ยเทียนิที่อยู่ขั้นนี้ั้แ่แรก เมื่อครู่หากมิได้อาจารย์อาลงมือ กระบี่ตัดเวหาเหว่ยเทียนิคงกลายเป็ศพแห้งติดกระดูกไปนานแล้ว
ตอนกำลังพูดกันอยู่นั้นเอง
มีชาวยุทธจากพรรคคนหนึ่งถูกหมีอัคคีโลหิตฉีกเป็ชิ้นๆ อีกครั้ง เืสดหลั่งไหล ลำไส้กระจุยกระจาย แขนขาขาดกระเด็น ไม่มีใครทัดทานการโจมตีของมันได้
“คิกๆๆ” กิ้งก่าั์ขาวหัวเราะเสียงแหลมคล้ายเสียงหญิงงาม
ของในปากของมันนั้นราวกับเส้นเงิน เมื่อใดที่พ่นออกมาจะเร็วอย่างสุดขั้ว สาวกพรรคธรรมดาต้องหลังชนฝา เส้นเงินนั้นจะยิงทะลุร่างของพวกเขา จากนั้นก็ละลายเืเนื้อและอวัยวะภายในอย่างรวดเร็ว ราวน้ำหนองไหลออก เหลือแต่เพียงซากหนังมนุษย์...
พลังของปีศาจกิ้งก่าขาวไม่ได้ด้อยว่าปีศาจหมีอัคคีโลหิตเลย
นับั้แ่ที่ปีศาจสองตนนี่ฉีกร่างปลอมแล้วเผยร่างจริงขึ้นมานั้นยังไม่กี่สิบอึดใจดี ที่ชั้นสี่ก็มีคนตายไปยี่สิบกว่าคนแล้ว พลังของสองปีศาจไม่ต่างอะไรกับพร้อมถอนรากถอนโคนมนุษย์
“หนี...”
มีบางคนร่ำร้องอย่างลนลาน
เหล่าชายชาญแห่งยุทธภพที่ถูกกดดันด้วยพลังของแม่ทัพปีศาจอันแข็งแกร่งภายใต้เวลาอันสั้น ก็ทำให้ความกล้าที่เคยมีหายไปกับลม ประหนึ่งหิมะบางถูกน้ำร้อนชะล้าง
เมื่อมีคนแรกร้องให้หนี เหล่าชาวยุทธที่เป็ฝูงกามารวมกันแต่แรกยิ่งพังพินาศไม่เหลือความเป็นักรบ
ผู้าุโเครายาวของพรรคจื่อเวยะโลั่นอีกครั้ง เขาหวั่นไหวต่อแนวโน้มที่จะพ่ายแพ้สูงลิบลิ่วนี้เช่นกัน
“คิกๆๆ...เนื้อหนังเด็กสาวก็ไม่เลว ข้ายังขาดหนังคนอีกแผ่น...” กิ้งก่าขาวพูดภาษาคนออกมา ดวงตาสีแดงฉานมองตรงไปยังหนานหัว
มันชอบถลกเนื้อหนังของหญิงงามเป็พิเศษ
หนานหัวหน้าซีดไร้สี
นางทำได้เพียงถอยหลังอย่างสุดชีวิตเท่านั้น
“ระวัง!” อาจารย์อาเคราดำเหมือนเพิ่งจับจุดได้ เขาร้องเตือน กระบี่ยาวในมือฟันฉับ ผ่าอากาศเข้าหาหน้าหนานหัว เสียงฉัวะเบาๆ ดังมา มันเสียบโดนเส้นเงินนั้นพอดิบพอดี
ลิ้นของปีศาจกิ้งก่าขาว
หนานหัวใกลัวจนถอยกรูด
หากมิใช่เพราะกระบี่ของอาจารย์อา น่ากลัวนางคงถูกพิษร้ายจากลิ้นนี้จนกลายเป็แผ่นหนังมนุษย์ไปแล้ว
แต่ว่า
ซิ่ว!
ขยับไหวเล็กน้อย ลิ้นเงินนั้นพลันอ่อนลงทันที มันพันเอาทั้งกระบี่ยาวแล้วดึงอย่างแรงในบัดดล
“อ๊าก” อาจารย์อาเคราดำร้องลั่น เหมือนถูกฟ้าผ่า ร่างกายสั่นเทิ้ม ใบหน้าตื่นตระหนกสุดขีด เขาถอยกรูดทันที ทิ้งกระบี่ในมือ มือขวากลายเป็ดั่งมีดตัดแขนซ้ายของตัวเองขาด
พรวด!
เืสดสาดกระเซ็น
แขนซ้ายบนพื้นกลายเป็น้ำหนองสีเงิน
ที่แท้แขนซ้ายของเขาก็ถูกลิ้นเงินนั่นทิ่มเข้าอย่างจังไปแล้ว
ดีที่อาจารย์อาวัยฉกรรจ์ผู้นี้มีความรู้ลึก กระตุ้นกำลังภายในผนึกพิษปีศาจไม่ให้กระจายตัว แล้วตัดแขนซ้ายทิ้งอย่างกล้าหาญ ไม่เช่นนั้นแล้ว ตอนนี้เืเนื้อและกระดูกของเขาทั้งตัวจะกลายเป็น้ำหนอง หลงเหลือเพียงหนังน่าขนลุกขนพอง...
ทั้งชั้นสี่ มีอาจารย์อาจากพรรคจื่อเวยท่านนี้ที่พลังมากที่สุด น่าจะเหนืออาณาน้ำพุิญญาขึ้นไป แต่กลับาเ็สาหัสเอาตอนนี้ คนอื่นล้วนแตกตื่นจนขวัญกระเจิง...
สาวกพรรคจื่อเวยสิ้นไร้ใจจะสู้
ทำไมเป็เช่นนี้ไปได้?
ไม่เหมือนที่พรรคพูดกันเลยนี่ ไฉนเผ่าปีศาจถึงน่ากลัวขนาดนี้กันเล่า?
กลุ่มคนวิ่งพล่านไปทั่วทิศทาง
แต่ชั่วอึดใจพวกเขาก็พบอย่างน่าสิ้นหวังว่า หลังทาสหญิงที่รับหน้าที่คุมกระบวนอักขระเคลื่อนย้ายบันไดหยกขาวตายไปแล้วนั้น กระบวนอักขระจะไม่มีทางทำงานได้ ไม่มีบันไดให้หนี ไม่มีทางเอาตัวรอดจากชั้นสี่นี้ไปได้ กระบวนอักขระทุกกระบวนของหอลมฝนปรอยเมื่อถูกโจมตี จะทำงานโดยอัตโนมัติ หน้าต่างและผนังล้วนถูกอักขระปิดผนึกไว้จนหมด ไม่อาจบุกตะลุยผ่าน ไม่มีทางหนีได้
ราวกับสัตว์ที่ถูกขังในกรง
ใครหน้าไหนก็หนีจากที่นี่ไม่ได้
เงาแห่งความตายปกคลุมเหล่าชาวยุทธทุกคน
“คิกๆๆ แม่นางน้อย อย่ากลัวไปเลย ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย เอาหนังเ้ามาให้ข้า ฮิๆ มาสิ มาหาข้าเร็ว” ปีศาจกิ้งก่าขาวหัวเราะพลางย่างกรายเข้าใกล้หนานหัวไม่หยุด
“ไม่...ไม่ๆ...ช่วยข้าด้วย” หนานหัวกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
นางหนีสุดชีวิต ผินหน้าไปเห็นเหว่ยเทียนิด้านข้างจึงรีบร้องขอให้ช่วย “ศิษย์พี่เหว่ยช่วยข้าที”
เหว่ยเทียนิกลับไปหลบอยู่อีกด้านไวเหมือนติดปีก เขาไม่ได้ยินนาง
เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ปกติจะห้อมล้อมกายนาง ทุบอกบอกแก่นางว่าจะปกป้องนางด้วยชีวิต บัดนี้กลับลืมคำสัตย์สาบานเพื่อตามจีบสาวงามไปเสียสิ้น พวกเขาหนีไวเสียยิ่งกว่าหมาวิ่งหางจุกตูด
อาจารย์อาร่างกายโงนเงนแล้วล้มลงไป
หนานหัวสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง
“ศิษย์พี่หนานหัว รีบหนีไป ข้าจะกันมันไว้เอง” เ้าของร่างผอมกะหร่องเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้านาง
หนานหัวตกตะลึง “ศิษย์น้องหลี่ เ้า...”
หลี่รุ่ยที่ยืนปกป้องนางจากปีศาจนี้ เป็คนโง่ที่ต่ำต้อยที่สุดของพรรคจื่อเวยคนหนึ่ง วันๆ เป็ตัวตลกที่ถูกเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องแกล้งถากถางมิได้ขาด เพราะเขาโง่และตาขาว เขาไม่เคยกล้าเถียงหรือตอบโต้เลย หนานหัวแทบไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับศิษย์น้อยที่คุณสมบัติธรรมดาและจืดจางผู้นี้เลย แต่นางไม่เคยคิดมาก่อน ว่าในเวลาแห่งความเป็ความตาย เด็กหนุ่มขี้กลัวคนนี้จะเข้ามาปกป้องนางจากปีศาจ...
แต่ไม่มีประโยชน์หรอก
ซิ่ว!
อากาศโหยหวนเบาหวิว เส้นเงินปลิดิญญาก็แทงทะลุไหล่ของเด็กหนุ่มร่างผอมกะหร่องไปอย่างง่ายดาย
พิษร้ายแผ่กระจาย
หลี่รุ่ยรู้สึกเหมือนร่างกายหมดความรู้สึก
เขาอ้าปาก ใช้สายตาสุดท้ายมองดรุณีที่หยิ่งยโสต่อเขาเสมือนสตรีจาก์ชั้นฟ้า เขาอยากพูดถ้อยคำสุดท้าย แต่กลับพบว่าไม่มีเสียงออกมาจากลำคออีกแล้ว...
“ศิษย์พี่หนาน ท่านสวยเหลือเกิน ข้าเองก็ชอบท่านนะ...”
เขาทอดถอนใจอยู่เดียวดาย
คราวนี้แม้ต้องตาย เขาก็ไม่เสียดายชีวิต
เพราะอย่างน้อย ไอ้ขี้ขลาดตาขาวอย่างเขา ก็ได้ทำเื่ที่กล้าหาญที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว
นี่เป็เื่ที่เขาจะไม่มีวันเสียดาย
ลิ้นเงินดึงกลับไปจากร่างกายของเขา ความรวดร้าวเสียดแทงในร่างของเด็กหนุ่มที่คิดว่าตนกำลังละลายเป็น้ำหนอง
ตอนนั้นเอง ที่ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นในพริบตา
ฝ่ามือหนึ่งกดไหล่เขาไว้เบาๆ
ความเย็นบาดลึกถึงกระดูกกระจายไปทั่วร่าง
“ถอยไปอีกทาง เคลื่อนปราณรักษาแผลเสีย”
เสียงไม่คุ้นดังขึ้นข้างใบหู
หนุ่มน้อยร่างผอมกะหร่องนิ่ง เขาพบอย่างน่าใว่าร่างกายของเขายังไม่กลายเป็น้ำหนองด้วยพิษร้ายจากลิ้นปีศาจกิ้งก่าขาว กลับกัน มีน้ำค้างแข็งสีเงินอ่อนๆ ปกคลุม พิษในกายถูกขจัดออกไปหมดสิ้น
พลังงานอันอ่อนโยนดันเขาไปอีกด้าน
บัดนี้เองที่หลี่รุ่ยเพิ่งได้เห็น ว่าคนที่ช่วยเขาคือใคร
เป็ลูกผู้ดีชุดขาวคนนั้น
คุณชายชุดขาวที่กล่าววาจาสามหาวกับหวงหร่านและศิษย์พี่เหว่ยเทียนิว่าเป็ขยะ
คนที่ในสายตาของชาวพรรคล้วนคิดว่าเขาไม่เป็วรยุทธ์ แต่เป็แค่เด็กหนุ่มลูกผู้ดี เป็ชนชั้นสูงผู้เอ้อระเหยลอยชาย ตอนนี้มีัเงินหลายสิบตนครวญครางยามพันอยู่รอบกาย มือหนึ่งถือกระบี่กว้างห้านิ้วพิสุทธิ์ราวกับสายน้ำยามใบไม้ร่วง เขาย่างก้าวทีละก้าว ดุจชาว์ตรงเข้าหาปีศาจกิ้งก่าขาวอันน่ากลัวนั่น
อาภรณ์ขาวระยิบระยับส่องแสง ดั่งเทพาสุกใส
เป็เขาไปได้อย่างไร?
หนุ่มน้อยร่างผอมแห้งหลี่รุ่ยนิ่งค้าง