แม้ว่าหลิวอี้จะร่ายบทเวทย์โจมตีไปยังคุณชายทั้งสองอย่างต่อเนื่องกลับไปไม่น้อยเช่นกันเเต่ทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นได้ร่ายบทเวทย์ป้องกันตนเองและลู่ซีในทันท่วงที ทำให้ไม่ว่าจะเป็การโจมตีด้วยบทเวทย์ระดับสูงและทรงพลังเเค่ไหนก็ไม่สามารถทำอันตรายกับพวกเขาทั้งสองได้เลยสักนิด เพียงสองเค่อเท่านั้นเกราะป้องกันอันเกิดจากศาสตร์ลับกลืนนภาอสูรเต่าทมิฬนิลกาฬของคุณชายหลิวอี้นั้นไม่สามารถตั้งรับได้ไหวเเล้วและเเตกสลายลงไปในที่สุด
"อั๊กกกซ์!!! ข้าขอยอมแพ้คุณชายทั้งสอง เป็เกียรติยิ่งนักที่ได้ประลองกับพวกท่าน!!" ทางฝั่งของคุณชายหลิวอี้นั้นเอ่ยออกมาด้วยรู้ตัวว่าหากเขานั้นฝืนใช้พลังิญญาและศาสตร์ลับกลืนนภาอสูรเต่าทมิฬนิลกาฬต่อไป
แม้ว่าจะสามารถตั้งรับได้นานมากกว่านี้เเต่ผลกระทบหลังจากนั้นไม่สามารถคาดเดาได้เพราะอาจจะเกิดความเสียหายไปถึงจิติญญาเลยทีเดียวซึ่งหากเป็เช่นนั้นแล้วเส้นทางผู้ฝึกตนของเขานั้นคงไม่มีทางก้าวหน้าได้อีก ดังนั้นถึงจะพ่ายแพ้ไปเเต่นับได้ว่าเขานั้นได้สร้างชื่อเสียงของตระกูลหลิวแห่งแคว้นสิงโตเพลิงบนยุทธภพของทวีปบูรพาได้แล้ว อีกทั้งได้ขึ้นชื่อว่าเป็หนึ่งในห้าของเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ที่ขึ้นตรงกับวิหารเทพยุทธ์ที่รับประกันได้ว่าหลังจากนี้เส้นทางการเป็ผู้ฝึกตนของเขานั้นย่อมไม่มีทางเลวทราม
"ลู่เกอ เรามาจบการประลองนี้ด้วยคนละหนึ่งบทเวทย์กันเถิดขอรับ!!!!" หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นกับลู่ซีเนื่องจากว่าอีกฝ่ายในตอนนี้นั้นสูญเสียพลังปราณไปอย่างมากรวมไปถึงอาการาเ็เหนื่อยล้าจากการประลองในรอบก่อนหน้าที่ส่งผลให้ตอนนี้ตัวคนนั้นหายใจหอบหนักและเรี่ยวแรงลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าตอนนี้ลู่ซีจะสามารถศึกษาเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาของตระกูลหวังได้เเล้ว เเต่ด้วยเพราะเริ่มศึกษาเพียงไม่นานจึงอาจทำให้ยังไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้และสามารถเเสดงศักยภาพได้เพียงขั้นที่สองของเคล็ดวิชาเพียงเท่านั้น ดังนั้นการประลองด้วยบทเวทย์หนึ่งบทเพื่อตัดสินผู้แพ้ชนะย่อมเป็ทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสองคน
"เข้าใจเเล้ว!!!เกอจะเเสดงฝีมืออย่างเต็มที่เ้าก็เช่นกัน..." ลู่ซีตอบกลับหนิงอ้ายไป
ในใจเขานั้นรู้ดีว่าความสามารถที่หนิงอ้ายมีอยู่ในตอนนี้สามารถประลองข้ามขั้นกับผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสูงได้เลยเสียด้วยซ้ำ ไม่นับรวมไปถึงบทเวทย์ระดับเทวะที่อีกฝ่ายใช้เวลาว่างคิดค้นขึ้น ถึงแม้ว่าการประลองครั้งนี้ตนอาจจะพ่ายแพ้ไปเเต่นั่นหาใช่สิ่งสำคัญเท่ากับการทำให้ท่านตาหวังจิ่งหลง ท่านยายเหมยฮวา ท่านเเม่เยว่ซินรวมไปถึงตระกูลหวังต้องภูมิใจและยอมรับในความสามารถของตนให้สมกับฐานะบุตรบุญธรรมของตระกูลหวังสายหลัก ถึงเขาจะพ่ายแพ้ไปเเต่แล้วอย่างไรเล่าเพราะสุดท้ายก็เป็หนิงอ้ายที่เป็น้องชายของเขาเป็ผู้ที่ชนะอันดับหนึ่งของการประลองเวทย์ครั้งนี้อยู่ดี
"นี่คือบทเวทย์ระดับสูงสุดที่ข้าสามารถร่ายออกมาได้ เตรียมรับมือ!!!!"ลู่ ซีะโก้องออกมาพร้อมกับรีดพลังปราณอออกมาถึงขีดสุด
อัญเชิญบทเวทย์ยันต์มหาเขตแดนอัสนีลงทัณฑ์!
วูบ!
ลู่ซีร่ายบทเวทย์ระดับเซียนที่หนิงอ้ายได้เขียนขึ้นมาให้แก่เขาโดยเฉพาะบทนี้อีกครั้งถึงก่อนหน้านี้เขาได้ใช้บทเวทย์นี้ไปเเล้วในการประลองกับจางิหวังเเต่ทว่าครั้งนั้นเขาได้ลดทอนพลังิญญาลงมาอยู่ที่ห้าส่วนเท่านั้นเเต่ว่าในครั้งนี้เขารีดเค้นพลังิญญาที่มีทั้งหมดที่มีอยู่ แน่นอนว่าเขานั้นไม่ได้หวังที่จะชนะการประลองเวทย์นี้เเต่เป้าหมายนั่นคือการทราบขีดจำกัดของตนว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถสำเเดงศักยภาพออกมาได้มากเพียงใด
ทันใดนั้นวงเวทย์อักขระของบทเวทย์ระดับเซียนปรากฏขึ้นในสนามประลองและได้ขยายอาณาเขตคลอบคลุมโดยรอบตัวของลู่ซีในทันที ซึ่งกลิ่นอายของบทเวทย์ระดับเทวะเข้มข้นได้แผ่ไปทั่วทั้งสนามประลองเวทย์ทำเอาผู้คนที่อยู่โดยรอบนั้นต่างอดที่จะชื่นชมในความเเข็งแกร่งและพร์ที่เขามีอยู่ไม่ได้
ทางฝั่งของหนิงอ้ายนั้นกังวลใจเล็กน้อยที่เห็นว่าลู่ซีฝืนใช้บทเวทย์เขตแดนระดับเทวะออกมาอีกครั้ง เเต่เขาััได้ว่ากลิ่นอายครั้งนี้นั้นช่างเข้มข้นกว่าตอนที่ร่ายบทเวทย์ออกมาใช้กับคุณชายจางิหวังหลายเท่านัก ทำให้รับรู้ว่าอีกฝ่ายจริงจังในการประลองครั้งสุดท้ายนี้เเค่ไหน เพื่อเเสดงฝีมือของเขาให้เป็ที่ประจักษ์ เพื่อการประลองที่สมศักดิ์ศรีดังนั้นเขาจึงเลือกใช้ศาสตร์ลับกลืนนภาอสูรของตนเพื่อจบการประลองครั้งนี้อย่างสวยงามเอง
อัญเชิญศาสตร์ลับกายาผสานอสูร!
พรึบ!
ทันใดนั้นบริเวณพื้นสนามประลองที่หนิงอ้ายยืนอยู่ปรากฎเป็พื้นน้ำเเข็งแผ่ขยายไปทั่วโดยรอบอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันที่้าติดกับม่านพลังป้องกันนั้นปรากฎเป็เกล็ดหิมะสีขาวบริสุทธิ์ตกลงมาอย่างมากมายมหาศาล ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเพียงชั่วพริบตานั้นสร้างความตกตะลึงแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก แน่นอนว่าศาสตร์ลับกายาผสานอสูรเป็ศาสตร์ที่ดึงเอาความสามารถของสัตว์อสูรที่ผู้ฝึกตนได้ประสานในร่างกายออกมาใช้เพิ่มพลังปราณและออกวิชายุทธ์ให้กับตน แม้ว่าอาจจะไม่เทียบเท่ากับต้นร่างเดิมของสัตว์อสูรเเต่ก็นับได้ว่าเเข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งนัก
จากความเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลันที่เกิดขึ้นแม้ว่าผู้คนโดยรอบสนามประลองเวทย์นี้จะไม่ทราบว่าเป็ผลึกของสัตว์อสูรใดกันแน่ที่คุณชายหนิงอ้ายนั้นได้ประสานเข้ากับร่างกายของตนไป เเต่เมื่อพินิจจากกลิ่นอายทรงพลังที่เล็ดลอดออกมาอานุภาพที่สำแดงออกมานั้นกล่าวได้ว่าอาจจะเป็ผลึกอสูรที่มีอายุมากกว่าหนึ่งแสนปีขึ้นไปอย่างแน่นอน และถ้าหากเป็เช่นนั้นจริง นับว่าคุณชายหนิงอ้ายนั้นคงมีวาสนาได้พบกับเคล็ดวิชาพิศดารในการประสานผลึกอสูรกับร่างกายเป็แน่เพราะทั่วไปนั้นสำหรับผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิควรเป็ผลึกอสูรที่มีอายุไม่เกินสี่พันปีเพราะหากมากไปกว่านี้ยากที่ร่างกายของผู้ฝึกตนจะสามารถรับไหวได้
ไม่รู้ว่าคุณชายหนิงอ้ายผู้นี้เป็ลูกรักของ์หรืออย่างไรเพราะนอกจากคำร่ำลือที่ว่าอีกฝ่ายใช้เวลาเพียงเเค่หนึ่งปีกว่าในการเริ่มปลุกพลังิญญาจนตอนนี้อยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสามัญ่ปลายที่เกือบจะทะลุเป็จักรพรรดิขั้นสูงเเล้ว ยังสามารถสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพฤกษษที่นับได้ว่าเป็สัตว์อสูรในตำราที่ถูกบันทึกไว้ที่ไม่มีใครคิดว่ามีอยู่จริงจนได้พบเห็นกับตาของตนเองในวันนี้ ความสามารถในการประสานร่างกายของตนเข้ากับผลึกอสูรที่มีอายุหนึ่งแสนปีขึ้นไปหรือข้ามไปเพียงหนึ่งขั้นของการประสานกระดูกิญญาหาได้เคยเกิดขึ้นให้เห็นไม่ ช่างน่าอิจฉาตระกูลหวังยิ่งนักที่มีลูกหลานที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถและพร์ที่อยู่เหนือผู้คนเช่นนี้...
ทันทีที่ศาสตร์ลับกายาผสานอสูรสำเเดงเดชรอบตัวของหนิงอ้ายพลันปรากฎเป็เงาร่างของสัตว์อสูรอสรพิษเหมันต์ารูปร่างใหญ่โตสีขาวเงินบริสุทธิ์ที่แผ่กลิ่นอายความเย็นเยือกออกมาจนเห็นไอหมอกสีขาวได้ชัด ชวนให้รู้สึกราวกับว่าเป็ความหนาวเย็นแห่งปฐมกาลเเรกเริ่มของยุทธภพ ภาพที่ทุกคนได้มองเห็นนั้นเป็ภาพความงดงามที่อันตรายอย่างยิ่ง ต้องบอกก่อนว่าม่านพลังในการประลองนี้ถูกเสริมความเเข็งแกร่งไปหลายชั้น ทว่าร่างจำแลงอสูรนี้ยังสามารถสร้างกดดันกับผู้คนโดยรอบของสนามประลองได้อีกทั้งส่งผลให้ม่านพลังบางส่วนมีเกร็ดน้ำเเข็งขึ้นจนฝ่ายควบคุมสนามต้องรีบเร่งเข้ามาเสริมความเเข็งแกร่งเพิ่มเข้าไปอีกหลายชั้นเลยทีเดียว...
ลู่ซีที่เห็นศาสตร์ลับกายาผสานอสูรของหนิงอ้ายนั้นเขายกยิ้มขึ้นใบหน้าเเสดงความชื่นชมและภูมิใจอย่างปิดไม่มิด หลายปีก่อนหนิงอ้ายเคยถูกเรียกว่าเป็สวะของตระกูลเพียงเเค่ไม่สามารถปลุกพลังิญญาเป็ผู้ฝึกตนได้ เเต่ในวันนี้นั้นอีกฝ่ายกลับกลายเป็ผู้ฝึกตนที่เปี่ยมไปด้วยฝีมือและมากล้นไปด้วยพร์ การประลองครั้งนี้เขาจะต้องเป็ฝ่ายพ่ายแพ้เเต่เขาไม่รู้สึกเสียใจสักนิด เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นั่นก็คือการประลองของสองพี่น้องตระกูลหวังที่จะเป็ที่เล่าขานในโลกยุทธภพของทวีปบูรพาอย่างไม่ลืมเลือนอย่างแน่นอน ไม่รอช้าลู่ซีะโออกมาด้วยเสียงดังก้องสุดเสียง
บทเวทย์ยันต์มหาเขตแดนอัสนีลงทัณฑ์!
พรึบ!
ลงทัณฑ์!
พรึบ! พรึบ!
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ตู้ม!
สายฟ้าอันเกิดจากบทเวทย์ระดับเทวะในเขตแดนดังกล่าวทำให้ผู้คนโดยรอบสนามประลองรู้สึกเเปลกใจเป็อย่างมากเพราะไม่คิดว่าคุณชายลู่ซีจะลงมือหนักถึงเพียงนี้ ด้วยบทสนทนาที่ได้ยินนั้นทำให้พวกเขารับรู้ได้ว่าคุณชายทั้งสองเป็พี่น้องในตระกูลหวังเเต่ทว่าในการประลองเวทย์รอบสุดท้ายนี้ทั้งคู่ต่างไม่ยึดถือความสัมพันธ์อะไรทั้งสิ้นถือเพียงว่าพวกเขานั้นเป็เพียงผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์สองคนที่ได้เข้าประลองและ้าเเสดงศักยภาพขั้นสูงสุดของตนที่มีอยู่ออกมาให้เป็ที่ประจักษ์แก่สายตาและเหนือสิ่งอื่นใดนั่นคือการให้เกียรติของคู่ประลองของตนอย่างสมศักดิ์ศรีนั่นเอง
เมื่อเห็นว่าลู่ซีร่ายบทเวทย์ออกมาเเล้วหนิงอ้ายไม่รอช้าที่จะรีดเค้นพลังลมปราณขั้นสูงสุดของตนออกมาในทันที
ศาสตร์ลับกายาผสานอสรพิษเหมันต์าสำเเดงเดช!
ตู้ม!
เสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองเวทย์ ม่านพลังสั่นไหวไปมาเป็ระลอกคลื่นเพราะผลจากใช้หนึ่งบทเวทย์ระดับเซียนจากผู้ฝึกตนระดับขุนนางิญญาขั้นสูง่ปลายและศาสตร์ลับกายาผสานอสูรจากผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสามัญ่ปลายไม่สามารถดูเบาได้สักนิด
ภาพที่ปรากฎแก่สายตานั่นคือทั่วทั้งสนามประลองเวทย์ปรากฎเป็เขตแดนเเห่งอัสนีที่มีสายฟ้ามหาศาลร้องคำรามพุ่งตกลงมาด้วยความรวดเร็วที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าสามารถทะลุ สร้างความเสียหายแก่พื้นการประลองอย่างน่าใ เเต่เพียงชั่วลมหายใจเงาร่างจำเเลงของอสูรอสรพิษเหมันต์าได้ขยายตัวขึ้นหลายเท่ ทะยานพุ่งทำลายทัณฑ์แห่งอัสนีจากบทเวทย์ระดับเทวะ ทำการแช่เเข็งสายฟ้าดังกล่าวให้หยุดนิ่งและเข้าโจมตีโดยการตวัดหางเหมันต์ไปทางลู่ซี เมื่อเห็นเช่นนั้นลู่ซีไม่รอช้าออกบทเวทย์ป้องกันการโจมตีนี้อย่างทันท่วงที
อัญเชิญบทเวทย์ป้องกันปราการม่านพิภพบรรพกัณฑ์!
พรึบ!
ตู้ม! ตู้ม!
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
"อั๊กกกซ์!!! ข้าขอยอมเเพ้..." ลู่ซีเอ่ยออกมาหลังจากรับมือกับการโจมตีเมื่อครู่พร้อมกับกระอักเืออกมาคำใหญ่ แม้ว่าเขาจะรีดเค้นพลังลมปราณที่มีอยู่ในการร่ายบทเวทย์ป้องการโจมตีของหนิงอ้าย ทว่าร่างจำแลงของอสูรอสรพิษเหมันต์านั้นช่างเเข็งแกร่งยิ่งนัก เขาััได้ว่าหนิงอ้ายนั้นลดพลังลมปราณเหลือเพียงครึ่งเท่านั้นก่อนที่เขาจะถูกโจมตีแม้จะเพียงครึ่งเเต่ก็เพียงพอให้บทเวทย์ป้องกันของเขานั้นแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว ลู่ซีได้ยินเสียงของหนิงอ้ายดังขึ้นไกล ๆ เเต่เขานั้นลืมตาไม่ไหวเเล้วและสิ้นสติไปในที่สุด
"ลู่เกอออ!!!!!!!"หนิงอ้ายตระโกนออกมาพร้อมกับพุ่งทะยานเข้ามาพยุงตัวของลู่ซีในทันที
หนิงอ้ายรีบใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้พุ่งไปรับตัวของลู่ซีโดยทันทีและรีบล้วงเอาโอสถรักษาระดับสูงป้อนให้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันนั้นเขาค่อย ๆ ดึงพิษเหมันต์ที่แฝงมากับศาสตร์ลับกายาผสานอสูรอสรพิษเหมันต์าออกจากร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้มีพิษเหมันต์ตกค้างอยู่ภายในตัวลู่ซีเ
พราะหากเป็เช่นนั้นเเล้วอาจจะส่งผลถึงการเลื่อนขั้นของระดับพลังิญญาในวันข้างหน้าเลยทีเดียว เมื่อได้รับโอสถรักษาระดับสูงเพียงไม่นานรวมไปถึงหนิงอ้ายนั้นได้ทำการดึงพิษเหมันต์ออกจากร่างกายจนหมดสิ้นลู่ซีค่อย ๆ ฟื้นสติขึ้นมาเเต่ทว่ากลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเสียจนหนิงอ้ายนั้นต้องจับตัวของอีกฝ่ายยืนข้างกันให้มั่นคง...
ต้องบอกก่อนว่าโดยปกติเเล้วสำหรับการร่ายบทเวทย์ระดับเทวะในเเต่ละครั้งนั้นไม่ว่าจะเป็บทเวทย์ป้องกัน บทเวทย์โจมตีหรือแม้กระทั่งบทเวทย์เขตแดนก็ตาม ด้วยเพราะต่างเป็บทเวทย์ระดับ ดังนั้นการที่ผู้ฝึกตนจะสามารถร่ายบทเวทย์ระดับเทวะนี้ออกมาได้จะต้องมีพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาขึ้นไปจึงจะดีที่สุด
ต้องมีความมั่นคงของรากฐานการบ่มเพาะพลังลมปราณอยู่ไม่น้อยถึงจะสามารถดึงเอาศักยภาพที่พึงมีของบทเวทย์ระดับเทวะออกมาได้ทั้งหมด เเต่ถึงอย่างไรก็ใช่ว่าผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิิญญาขึ้นไปนั้นจะสามารถใช้บทเวทย์ระดับเทวะนี้ออกมาได้ทั้งสิบส่วนเสมอไปเพราะทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง
และด้วยเพราะการร่ายบทเวทย์ระดับเทวะในเเต่ละครั้ง นับได้ว่าใช้พลังลมปราณไปเป็อย่างมหาศาล ยิ่งกับตัวของลู่ซีเองที่ในตอนนี้มีพลังิญญาอยู่ในระดับขุนนางิญญาขั้นสูงเท่านั้น พิจารณาจากปัจจัยภายนอกและตัวของผู้ฝึกตนแล้วจะเห็นได้ว่าการร่ายบทเวทย์ระดับเทวะโดยผู้ฝึกตนที่มีพลังิญญาระดับขุนนางิญญาขั้นสูงค่อนข้างที่จะเกินตัวไปมากเเต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถดึงเอาศักยภาพของบทเวทย์ออกมาได้มากถึงเจ็ดส่วนซึ่งค่อนข้างสูงเลยทีเดียวสำหรับขีดจำกัดที่มีอยู่ในตอนนี้นับได้ว่าลู่ซีนั้นเป็อีกหนึ่งผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่มากไปด้วยฝีมือโดดเด่นกว่ารุ่นเดียวกันที่ควรค่าแก่การยกย่องเช่นกัน
ในการประลองสองคนสุดท้ายเพื่อ่ชิงตำแหน่งจ้าวยุทธภพรุ่นเยาว์แห่งมหาทวีปบูรพานั้นสองบทเวทย์อหังการได้เกิดขึ้นในสนามประลองเวทย์รุ่นเยาวครั้งนี้ แม้ว่าทางคุณชายลู่ซีจะสามารถใช้บทเวทย์ระดับเซียนในการโจมตีเเต่ทางฝั่งของคุณชายหนิงอ้ายนั้นเลือกที่จะสำเเดงศาสตร์ลับกลืนนภาอสูร สิ่งที่น่าในั้นคือกลิ่นอายของศาสตร์ลับที่แผ่ออกมาในบริเวณโดยรอบนั้นถึงกับเป็อสูรเหมันต์ตัวหนึ่งซึ่งพินิจดูเเล้วผลึกอสูรดังกล่าวน่าจะมีอายุหนึ่งแสนปีขึ้นไปนับได้ว่าได้ยากยิ่งที่จะเจอผลึกอสูรอายุหนึ่งแสนปี
ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เพื่อให้ได้มาเพราะสัตว์อสูรที่มีอายุหนึ่งแสนปีขึ้นไปนั้นพลังิญญาระดับเซียนยังคงต้องร่วมมือกันมากกว่าห้าคนถึงจะกำราบได้และแน่นอนว่าในมหาทวีปบูรพานี้หาได้ปรากฎผู้ฝึกตนระดับเซียนมานานนับพันปีเเล้วดังนั้นยังคงเป็ปริศนาว่าคุณชายหนิงอ้ายนั้นได้ผลึกอสูรที่มีอายุหนึ่งแสนปีนี้ได้อย่างไรกัน ซึ่งท้ายที่สุดเเล้วผลการประลองเวทย์ครั้งนี้ผลเป็ไปตามที่ทุกคนคาดเดาได้นั่นคือคุณชายหวังหนิงอ้ายเป็ผู้ชนะอันดับหนึ่งและคุณชายลู่ซีนั้นย่อมเป็ผู้ชนะอันดับสอง แม้ความรุนแรงของศาสตร์ลับกลืนนภาอสูรของคุณชายหนิงอ้ายนั้นจะสำแดงออกมาเพียงเเค่ครึ่งเเต่ทว่าพลานุภาพดังกล่าวสามารถทำลายบทเวทย์เขตแดนระดับเทวะของคุณชายลู่ซีได้อย่างง่ายดาย...
"ผู้ชนะการประลองได้แก่คุณชายหวังหนิงอ้ายจากตระกูลหวังเเห่งแคว้นเต่าดำ!"
ผู้าุโที่ดำเนินการประลองได้ประกาศผลออกมาในที่สุดผู้คนโดยรอบสนามประลองต่างพากันส่งเสียงดังกึกก้องกันอย่างคึกคัก ส่วนหนึ่งนั้นคือผลของการประลองเวทย์ในครั้งนี้นับว่าผิดจากความคาดหมายไปมากเพราะหลังจากที่มีการปรากฎตัวของคุณชายหวังหนิงอ้ายและคุณชายลู่ซีแห่งแคว้นเต่าดำเข้าร่วมการประลอง ในเเต่ละรอบทั้งทั้งสองต่างเเสดงฝีมือที่โดดเด่นออกมาเอาชนะคู่เเข่งขันอีกทั้งด้วยเพราะคุณชายทั้งสองนั้นเเต่เดิมทีไม่ได้อยู่ในการรับรู้ถึงพร์ฝีมืออันโดดเด่นในนามของรุ่นเยาว์จากตระกูลใหญ่ที่มากไปด้วยฝีมือจากเเต่ละแคว้น
ดังนั้นจึงทำให้ผลของผู้ชนะในห้าอันดับเเรกต่างมีการสลับลำดับกันตามผลของการประลองที่พึ่งจบไปเเต่ถึงอย่างไรนั้นสำหรับผู้เข้าประลองอีกสามคนที่เหลือต่างได้รับชื่อเรียกนำหน้าตนว่าเสาหลักเเห่งยุทธภพรุ่นเยาว์ของทวีปบูรพาเเล้ว การประลองเวทย์ครั้งที่แปดสิบแปด (88) นี้ได้จบลงอย่างสมศักดิ์ศรีและเต็มไปด้วยความภาคภูมิผู้เข้าประลองทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในลำดับไหน จะผ่านเข้ารอบหรือไม่ผู้คนในยุทธภพต่างยอมรับในฝีมือทั้งเชิงยุทธ์ พลังเวทย์อย่างไม่มีข้อกังขาใดใดทั้งสิ้น
"ในที่สุดเ้าก็ทำได้เเล้วนะหนิงอ้าย..." ลู่ซีเอ่ยขึ้นกับหนิงอ้ายที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยความยินดีในความสำเร็จของอีกฝ่ายในวันนี้
กล่าวได้ว่าลู่ซีอยู่กับหนิงอ้ายในทุกเส้นทางที่ผ่านมาทั้งสิ้นก็คงไม่เกินจริงสักเท่าไหร่นัก ภาพของเด็กชายตัวเล็กรูปร่างบอบบางที่มักจะแอบดูเขาและน้องร่วมบิดาเดียวกันฝึกฝนบทเวทย์ในขณะที่ตัวเองนั้นทำได้เพียงเเค่ศึกษาตำราเเพทย์และศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อใช้เวลาให้เป็ไปคุ้มค่าเท่าที่จะสามารถทำได้
ด้วยเพราะอีกฝ่ายนั้นมีร่างกายที่ไม่เเข็งแรงเท่าไหร่นักจึงส่งผลให้การฝึกฝนเชิงยุทธ์หรือการต่อสู้ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน แม้ว่าหนิงอ้ายในวัยเด็กจะกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสเเต่ลู่ซีรู้ดีว่าภายในใจของเด็กน้อยในยามนั้นรู้สึกเ็ปมากเพียงใดกับคำกล่าวว่าตนเป็เพียงคุณชายที่เปรียบดั่งสวะไร้ค่าของตระกูลเพียงเพราะไม่สามารถปลุกพลังิญญาได้
"ข้าทำได้แล้วขอรับ...จากนี้ผู้คนจะจดจำชื่อของหวังหนิงอ้ายในนามของเ้ายุทธภพรุ่นเยาว์เเห่งทวีปบูรพาหาใช่สวะไร้ค่าอีกต่อไป!!!" หนิงอ้ายยิ้มรับด้วยความยินดีกับชัยชนะในครั้งนี้เพราะในที่สุดเขาสามารถทำตามที่ตนตั้งใจเอาไว้สำเร็จนั่นคือการทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าหนิงอ้ายนั้นหาใช่สวะของตระกูลและเป็ถึงจ้าวยุทธภพรุ่นเยาว์ของทวีปบูรพาซึ่งเป็อีกฐานะหนึ่งที่ได้รับการยอมรับนับถือทั่วทั้งยุทธภพเเห่งนี้คล้ายกับว่าได้ปลดพันธนาการในใจของหนิงอ้ายคนเก่าได้สำเร็จเพราะว่าเขานั้นได้ยินเสียงกล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ คำอวยพรที่เต็มไปด้วยความหวังดีของอีกฝ่ายจากสายลมที่พัดมาเบา ๆ เมื่อครู่ซึ่งเขาเองได้เเต่หวังให้อีกฝ่ายนั้นได้ไปเกิดใหม่ได้ใช้ชีวิตให้ดี...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้