องค์หญิงใหญ่ดึงความคิดเขากลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย “ยายเฒ่าไทเฮานั่นต่อสู้แย่งชิงกับข้ามาหลายปี สนุกที่ได้เล่นยิ่งนัก ทว่าตอนนี้ข้าไม่อยากเล่นแล้ว แคว้นเซวียนมีฮ่องเต้หญิงอีกสักคนก็ไม่เลว”
เซียวจ่างเฟิงก้าวขึ้นไปข้างหน้าทันที เขาทูลด้วยท่าทีร้อนใจ “องค์หญิงโปรดคิดให้รอบคอบ...…”
“อืม คิดรอบคอบแล้ว” องค์หญิงใหญ่มองเขาพลางตรัสด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพียงแค่คิดดูเท่านั้น เซียวไท่เว่ยไม่ต้องกังวล”
เซียวจ่างเฟิงยิ่งกระวนกระวายใจ เขาพูดอย่างอดกลั้น “องค์หญิง ในเมื่อตอนนี้พระองค์เอ่ยปากออกมาแล้ว เช่นนั้นเราเปลี่ยนแผนเถิด กระหม่อมคิดดีแล้ว หากเรา...…”
“เซียวไท่เว่ย...…” องค์หญิงใหญ่ไม่ปล่อยให้เขาพูดออกมา นางเพียงแค่เรียกเสียงเบาๆ จากนั้นก็แตะริมฝีปากแล้วตรัสด้วยอารมณ์ขัน “วันนี้ข้าเมานิดหน่อย ค่อยคุยเื่สำคัญ หลังข้าออกจากตำหนักเถิด”
เช่นนี้ก็เท่ากับว่าเป็การเชิญแขกออกไป
เซียวจ่างเฟิงระงับโทสะในใจและจำใจถอยออกไปเงียบๆ
ท่าทีที่องค์หญิงใหญ่แสดงออกมาชวนให้รู้สึกคาดไม่ถึงจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเซียวจ่างเฟิงรู้ดีว่าข้างกายองค์หญิงใหญ่มีเพียงแค่ตนเองที่ใช้การได้ เขาคงสงสัยจริงๆ ว่าองค์หญิงใหญ่มีคนใกล้ชิดคนอื่นอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้วสตรีก็จัดการเื่ราวได้ตื้นเขินเกินไป นางไม่ดูสถานการณ์ กระทำการโดยใช้อารมณ์ แสวงหาความสุขเพียงชั่วคราว ทว่ากลับลืมสถานการณ์โดยรวม
เมื่อก่อนองค์หญิงใหญ่ไม่ได้เป็เช่นนี้ หรือว่านางมีแผนการอื่นอยู่แล้ว?
เซียวจ่างเฟิงนึกถึงเหตุการณ์ในงานเลี้ยงวันนี้ทันที องค์หญิงใหญ่เท้าศีรษะมองจวินอู๋เสีย ในใจเขาจึงอดรู้สึกเ็าไม่ได้ หรือว่าเป็เพราะจวินอู๋เสีย?
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสองคนไม่คุ้นเคยกันมากนัก จวินอู๋เสียก็ไม่น่าจะมีอิทธิพลมากเท่าไร
ทว่าเมื่อนึกถึงพฤติกรรมขององค์หญิงใหญ่ในหลายปีมานี้ เซียวจ่างเฟิงก็รู้สึกถึงภัยอันตราย
แม้นางจะเชื่อใจเขา ทว่าก็มีหลายครั้งที่นางถูกบุรุษบำเรอรูปงามยั่วยุจนเกิดช่องว่างกับเขา หากเป็อดีตจวินอู๋เสียไม่มีอะไรให้ต้องหวาดกลัว ทว่าวันนี้องค์หญิงใหญ่เปิดเผยว่าฝั่งไทเฮาต้องกระทำการบางอย่างแน่ สถานการณ์ตึงเครียด หากเกิดความผิดพลาดอาจตายทั้งกองทัพ เซียวจ่างเฟิงไม่ยอมให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
หากป้องกันได้ก็จะป้องกัน เมื่อถึงยามจำเป็คงมิอาจเก็บจวินอู๋เสียผู้นี้ไว้ได้!
องค์หญิงใหญ่มองห้องที่ว่างเปล่า จากนั้นก็พลิกกายเงยศีรษะมองราวบันไดสลักหินหยกหลังม่านด้วยรอยยิ้มเ็า
เขาคิดว่านางจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีเขาหรือ?
เขาคิดว่านางจะเป็หุ่นเชิดเขาไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ?
นาง้าให้เขาเห็นว่าผู้ใดกันแน่ขาดซ่งอีเสวี่ยอย่างนางไม่ได้!
......
เช้าวันรุ่งขึ้น ราชโองการของซ่งอี้เฉินในการเลื่อนขั้นเจี๋ยอวี๋ถูกประกาศออกไป โจวหลู่ชิงที่ได้รับข่าวั้แ่เนิ่นๆ พาเจียเหรินจื่อ (*ใช้เรียกกลุ่มนางกำนัลที่เตรียมจะปฏิบัติหน้าที่ในวังหลวง) กลุ่มหนึ่งไปที่พำนักของเหลียงเจาอี๋ก่อน จากนั้นก็ไปที่ตำหนักเฟิ่งชัย
ตามกฎแล้ว เมื่อเลื่อนขั้นเป็ขั้นที่หนึ่งก็จะได้นางกำนัลเพิ่มอีกสองคน ตอนนี้เหยียนอู๋อวี้ได้เลื่อนสองขั้นติดๆ กัน ตามกฎต้องมีการเลือกคนที่ไว้วางใจได้สี่คนไว้ให้เหยียนอู๋อวี้ จากนั้นเขาก็จากไปอย่างสุภาพนอบน้อมโดยไม่พูดให้มากความอีก
เหยียนอู๋อวี้ได้รับคนที่ไว้ใจได้เพิ่มอีกสี่คนในคราเดียวจึงรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง นางเริ่มเตรียมการอีกครั้งทันทีและเพิ่มหน้าที่งานกับตำแหน่งสำคัญให้กับน่างกำนัลพวกนี้
โชคดีที่ตอนแรกตำหนักเฟิ่งชัยมีกำลังคนไม่มากจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาอันใด เพียงแต่สายของแต่ละตำหนักไม่รู้ความเป็มาของนางกำนัลที่มาใหม่ พวกเขาจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นและยากจะสร้างปัญหาไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งช่วยลดแรงกดดันให้เหยียนอู๋อวี้ได้ไม่น้อย
คืนนั้นโจวหลู่ชิงปรากฏตัวในตำหนักเฟิ่งชัยอีกครั้งและอาศัยโอกาสนี้เพิ่มของตกแต่งให้กับตำหนักเฟิ่งชัยในการส่งเอกสารที่เหยียนอู๋อวี้้าปะปนมากับหนังสือกองหนึ่งโดยที่ไม่ได้ดึงดูดความสงสัยของผู้อื่น เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยป้าโฉ่วจึงหยิบถุงเงินสองสามใบมอบให้เป็รางวัล เหยียนอู๋อวี้พูดพลางแย้มยิ้ม “ลำบากหัวหน้าโจวแล้ว วันหลังยังต้องพึ่งพาหัวหน้าอีกมาก”
คำพูดนี้ของเหยียนอู๋อวี้ด้านหนึ่งหมายถึงข้าวของภายนอกทั้งหลายของตำหนักเฟิ่งชัย ส่วนอีกด้านก็คือเอกสารพวกนั้น
โจวหลู่ชิงไหนเลยจะฟังไม่ออก เขาแสร้งทำเป็ชั่งน้ำหนักแล้วพูดพลางแย้มยิ้ม “เจี๋ยอวี๋ทรงเลื่อนขั้นนับเป็โชคอย่างมาก ของพวกนี้ล้วนเป็หน้าที่กระหม่อม แต่กระหม่อมยังต้องทูลเจี๋ยอวี๋ว่าของรางวัลพวกนี้มีบันทึกไว้ในคลังเอกสาร มิอาจเกิดความเสียหายได้ และยิ่งมิอาจใช้ในสถานที่ไม่เหมาะสมได้พ่ะย่ะค่ะ”
เหยียนอู๋อวี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ โจวหลู่ชิงยังคงสงสัยนาง เขาจึงใช้เื่นี้เตือนนางว่าสิ่งของพวกนี้เป็ของตระกูลอวิ๋น ตอนนี้เพียงแค่ให้นางยืม หากใช้ในสถานที่ไม่เหมาะสมก็มีราคาที่ต้องจ่าย
แม้วันนั้นนางจะแอบบอกเป็นัยบ้างแล้ว ทว่าไม่ได้พูดให้ชัดเจนั้แ่ต้นจนจบ โจวหลู่ชิงไม่เชื่อนางก็เป็เื่ปกติ เหยียนอู๋อวี้พูดพลางแย้มยิ้ม “ของพวกนี้เดิมทีส่งมอบให้ผู้อื่นไม่ได้ง่ายๆ ข้าไม่เหมือนพวกที่แสร้งทำเป็ใจกว้างมอบของที่ฝ่าาพระราชทานให้ผู้อื่นตามใจชอบ สิ่งของไร้ประโยชน์เพียงใดข้าก็ต้องเก็บไว้ กลับไปข้าจะเก็บเข้าคลังให้เรียบร้อยจะได้ไม่เกิดความเสียหาย”
นางกำลังบอกว่าตนเองจะใช้ของในที่ที่ควรใช้และจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดพบปัญหา โจวหลู่ชิงเข้าใจความหมายของนางจึงยกมือทูลลาด้วยความนอบน้อม “เจี๋ยอวี๋กังวลมากไปแล้ว กระหม่อมเพียงแค่ทำหน้าที่ตักเตือนตามสมควร เจี๋ยอวี๋โปรดอภัย”
โจวหลู่ชิงยังไม่วางใจ เหยียนอู๋อวี้รู้สึกว่าจำเป็ต้องอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียดจึงพูดพลางแย้มยิ้ม “คนที่ทำหน้าที่ได้ดีไม่เพียงแต่ไม่ถูกลงโทษ แต่ยังได้รับรางวัลมากมาย”
นางพูดพลางหันศีรษะไปส่งสัญญาณให้ป้าโฉ่วนำรางวัลอีกชิ้นที่เตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างดีออกมามอบให้โจวหลู่ชิง ้ามีดอกไม้ไม่ทราบชื่อ รวมกับหญ้าเขียวสองกอ ด้านในเป็สิ่งของสีขาวเหลืองหนักอึ้ง โจวหลู่ชิงรับมา ก่อนจะขอบคุณอีกครั้งหนึ่งแล้วจากไป
คืนนั้นโจวหลู่ชิงปรากฏตัวตามเวลานัดและเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา “นายหญิง้าบันทึกประจำวันในอดีตไปเพื่ออันใดหรือ?”
เหยียนอู๋อวี้กล่าวว่า “เพียงแค่อยากเข้าใจเื่ในตำหนักให้มากขึ้นก็เท่านั้น”
โจวหลู่ชิงไม่ได้ตั้งใจจะข้ามประเด็นนี้จึงจี้ถามทันที “นายหญิงสงสัยเื่บางอย่างหรือ?”
เหยียนอู๋อวี้ไม่ปิดบังเขา นางพยักหน้าพลางกล่าว “ไม่ผิด ข้าสงสัยฮ่องเต้กับไทเฮา แต่ข้ายังไม่ได้ยืนยันเื่พวกนี้ จึงไม่ได้บอกท่านเพราะกลัวเกิดเื่ยุ่งยากอื่นขึ้น”
โจวหลู่ชิงไม่พอใจในเื่นี้มาก ทว่าไม่สามารถปฏิเสธได้ เขาจึงจำใจพูด “นายหญิงจะบอกข้าน้อยจริงหรือ?”
สีหน้าสงสัยไม่ได้ถูกปกปิดอีกต่อไป เหยียนอู๋อวี้เงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพูดว่า “แม้ท่านโจวไม่เชื่อข้าก็ควรเชื่อสิ่งของยืนยันสถานะ หาก้า ข้าจะเล่าเื่ราวบางอย่างให้ท่านฟัง”
โจวหลู่ชิงก้มศีรษะเล็กน้อยและจำต้องพูดว่า “ข้าน้อยมิบังอาจ…...”
เหยียนอู๋อวี้ถอนหายใจ “ท่านไม่เชื่อข้า แต่ทำอันใดไม่ได้ ข้าเข้าใจดี หวังว่าท่านจะระงับความสงสัยและรอดูว่าข้าจะทำอย่างไรก่อน อย่ายื่นมือเข้ามาพังแผนการของข้า”
“ทว่าครั้งนี้ที่นายหญิงเลื่อนขั้นเป็เจี๋ยอวี๋ได้ก็เพราะช่วยฮ่องเต้ชั่วนั่น” โจวหลู่ชิงพูดเสียงเ็าโดยไม่ได้ระงับความสงสัยของตนเอง
“ท่านผิดแล้ว” เหยียนอู๋อวี้มองเขาพลางพูดด้วยเสียงเ็า “ข้าไม่ได้ช่วยซ่งอี้เฉิน ข้ามีแค่เส้นทางของซ่งอี้เฉินที่สามารถเดินไปได้เท่านั้น”
โจวหลู่ชิงตอบ “นายหญิงจะไม่สนใจโรคระบาดเหอเป่ยเลยก็ย่อมได้ ทว่านายหญิงกลับช่วยซ่งอี้เฉินยึดกรมการคลังให้มาอยู่ในมือเขา”
ปีนั้นอวิ๋นฮองเฮาก็ทำเช่นนี้ สุดท้ายเป็อย่างไร?