คัทลียาเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ แต่คำพูดนั้นทำให้คนฟังมีสีหน้าเปลี่ยนไป
“มันไม่ได้เป็การรบกวนอะไร” น้ำเสียงนั้นเริ่มเครียด “ในเมื่อฉันรับปากกับพ่อของเธอแล้วฉันก็จะทำตามอย่างที่พูด”
ก็แค่ทำตามสัญญา แต่เขาอาจไม่ได้เต็มใจอย่างที่ว่า ก็ดูสีหน้าเข้มขรึมนั่นเสียก่อนซึ่งมันต่างจากในความฝันโดยสิ้นเชิง
“แต่ว่า...”
“ถ้าเธอมาอยู่ในไร่นี้แล้วเธอต้องทำตามกฎกติกาของที่นี่ ตอนนี้เธอเป็เด็กในปกครองของฉัน เพราะฉะนั้นเสียงของผู้ปกครองจึงสำคัญที่สุดสำหรับเธอ”
คัทลียาถึงกับอึ้งไป เธอมองหน้าเขา...หล่อแค่ไหนแต่ถ้าชอบวางอำนาจก็ไม่ไหวเหมือนกัน เด็กสาวจำต้องตามน้ำ เธอไม่แสดงความเห็นใด ๆ อีกนอกจากฟังคำสั่งของเขา
“เดี๋ยวเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บ ฉันให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้เธอแล้ว เธอหิวหรือยัง หนูนิด?”
“ไม่ค่ะ...หนูนิดกินมาแล้ว” เธอตอบไม่เต็มเสียงและดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง ไกรสูรย์ปรับสีหน้าให้เครียดลงเล็กน้อย เขาก็มักเป็เช่นนี้ เป็ที่รู้ดีของคนทั้งไร่ว่าเขามักไม่ค่อยพูดล้อเล่นกับใคร ออกจะจริงจังมากเกินไปจนบางครั้งดูเป็คนแข็ง ๆ
ทั้งที่เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ั้แ่เห็นหน้าคัทลียาครั้งแรก หัวใจของเขาเหมือนเต้นผิดจังหวะ เขาตะลึงงันในความสวยของสาววัยสะพรั่งจนแนะนำตัวเองแทบไม่ถูก แต่เธอคงไม่ทันจับสังเกตเขาเพราะไกรสูรย์พยายามบดบังความรู้สึกข้างในด้วยการทำเสียงแข็ง ๆ
“เอาล่ะ” เสียงเขาอ่อนลง “ฉันจะให้เธอช่วยงานในไร่ก่อน แล้วหลังจากนี้จะดูให้ว่าเธอควรจะเรียนต่อที่ไหน...ในระดับอุดมศึกษา คืนนี้ไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวจะให้แม่บ้านพาไปห้องของเธอ”
กล่าวจบเขาก็หยิบกระดิ่งเล็ก ๆ ขึ้นมาสั่นก่อนที่แม่บ้านจะรีบวิ่งเข้ามาในห้อง คัทลียาไม่ถามหรือพูดอะไรอีก เธอทำตามคำสั่งของ ผู้ปกครอง คนใหม่ นั่นคือเดินตามแม่บ้านไปยังห้องของตัวเองกับความคิดมากมายว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเธอในไร่มัทนารีจะเป็อย่างไรต่อไป
คัทลียารีบตื่นขึ้นมาั้แ่ตอนไก่โห่ของเช้าวันต่อมา เธออาบน้ำและสวมเสื้อผ้าในชุดทะมัดทะแมงนั่นคือเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์แบบสกินนี่ หญิงสาวรีบออกไปหน้าบ้านเรือนไทยซึ่งเธอเห็นว่าตอนนี้ยังไม่มีใครแม้แต่ไกรสูรย์
เ้าของไร่และผู้ปกครองของเธอที่หนาตาหล่อเหลาปานเทพบุตรแต่เป็คนพูดแข็ง ๆ และดูเหมือนวางอำนาจ ดูแล้วไม่น่าจะเป็ผู้ชายโรแมนติกเลยสักนิด หญิงสาวคิดพลางเดินลงไปสำรวจไม้ดอกไม้ประดับลานตาในสวนแสนสวยซึ่งอยู่ห่างจากเรือนไทยไปไม่ไกล
สวนไม้ดอกไม้ประดับของไร่มัทนารีมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก สมแล้วกับที่เป็แหล่งส่งออกไม้ดอกสวยงามไปถึงต่างประเทศ คัทลียาเดินดูจนแสงแดดเริ่มสาดส่องมาถึง เธอจึงเดินไปอีกด้านหนึ่งที่เห็นว่าเป็โรงเรือนขนาดกลาง
หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นว่ามันเป็คอกสัตว์ และยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นว่าภายในนั้นมีชายวัยกลางคนสวมเสื้อเชิ้ตลายตารางและกางเกงยีนส์กำลังดูแลม้าสี่ห้าตัวซึ่งแต่ละตัวมีความสูงประมาณร้อยห้าสิบเซ็นติเมตร พอเขาหันมาคัทลียาก็รีบยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีค่ะ คุณลุง...หนูชื่อหนูนิดนะคะ หนูพึ่งมาอยู่ที่นี่น่ะค่ะ เอ้อ...ไม่ทราบว่าที่นี่เลี้ยงม้าด้วยหรือคะ?”
พอเธอทักทายด้วยรอยยิ้มชายวัยกลางคนก็รีบวางถังน้ำในมือลงและทักทายตอบ
“ครับ...สวัสดีครับคุณหนูนิด ผมชื่อเชษฐ์ครับ เป็คนคอยดูแลม้าที่นี่ ม้าพวกนี้เป็ของคุณไกรสูรย์น่ะครับ”
คัทลียาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ อาชาตัวสูงใหญ่และดูแข็งแรง รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดพรายขึ้นบนริมฝีปากของหญิงสาว “เป็ม้าที่สวยมากเลยนะคะ”
“มันเป็ม้าพันธุ์ผสมน่ะครับ เป็พันธุ์ม้าไทยกับม้าเทศ คุณไกรสูรย์ท่านชอบขี่ม้า นี่อีกไม่กี่วันก็จะมีม้าตัวใหม่มาอีก ท่านซื้อไว้เพราะความชอบ ตัวนี้คุณไกรสูรย์ตั้งชื่อให้มันว่าเ้าโชคดี มันเป็ม้าตัวเก่งของคุณไกรสูรย์เลยล่ะครับ แต่ท่านก็ไม่ได้ขี่มันมากว่าปีแล้ว ั้แ่...เอ้อ...”
“ั้แ่อะไรหรือคะ?” หญิงสาวถามด้วยความใคร่รู้
“ก็ั้แ่เมียของคุณไกรสูรย์หย่ากับท่านแล้วไปอยู่เมืองนอกนั่นล่ะครับ”
คัทลียาจับจ้องไปยังม้าซึ่งมีสีน้ำตาลเข้มสม่ำเสมอทั่วทั้งตัว มันตัวโตและดูแข็งแรงมากกว่าตัวอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้กัน
“ดูท่าทางมันจะเชื่องนะคะ...อืม...ถ้าหนูนิดจะขอลองขี่มัน ลุงเชษฐ์จะว่าอะไรไหมคะ?”
พอหญิงสาวยิงคำถามนั้นชายวัยกลางคนก็นิ่วหน้าทันที
“เอ้อ...จะดีหรือครับ...คุณหนูนิดแน่ใจหรือครับว่าขี่ม้าได้”
“นิดเคยเข้าแข่งขันขี่ม้านะคะ...เอ้อ...ได้รางวัลที่สองมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ดูซีคะ...ท่าทางมันออกจะเชื่องอย่างนี้ หนูนิดรับรองค่ะว่ามันจะต้องคุ้นเคยกับหนูนิดได้แน่”
นายเชษฐ์ทำหน้าคิดหนัก ปกติไกรสูรย์จะไม่อนุญาตให้ใครขี่ม้าตัวเก่งของเขาแม้แต่คนเดียว แต่เมื่อมองหน้าแสนหวานของเด็กสาวที่มองเขาด้วยสายตาเว้าวอน ชายวัยกลางคนก็เริ่มใจอ่อนตามประสาผู้สูงอายุ
“คุณหนูนิดแน่ใจนะครับ...ว่าขี่เ้าโชคดีได้แน่”
“แน่ใจค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มกว้าง
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ผมให้เวลาคุณหนูนิดแค่ห้านาทีนะครับ เพราะถ้าขืนคุณไกรสูรย์มาเห็นเข้า มีหวังผมโดนไล่ออกแน่ ๆ “
“โอเคค่า” คัทลียาชูสองนิ้วพร้อมทั้งขยิบตาให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะชะเง้อชะแง้มองรอบ ๆ แล้วเปิดคอกจูงเ้าโชคดีออกมาด้านนอก หญิงสาวรู้สึกลิงโลด เธอไม่ได้โกหกนายเชษฐ์เื่ที่เธอขี่ม้าแล้วได้รางวัล แต่นั่นมันเกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้วต่างหาก
ร่างอ้อนแอ้นะโขึ้นบนหลังม้าทันทีที่เ้าโชคดีออกมายืนตรงหน้า ท่าทางการขี่ม้าและกุมบังเหียนอย่างแคล่วคล่องทำให้นายเชษฐ์รู้สึกสบายใจมากขึ้น เขาคิดว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเพราะคิดว่าคุณหนูนิดคงจะบังคับม้าตัวนี้ได้แน่
คัทลียาพามันเหยาะย่างกุบกับห่างไปจากคอกม้า และสักครู่เธอก็เริ่มบังคับให้มันวิ่งเหยาะ ๆ แต่แล้วนายเชษฐ์ก็เห็นความผิดปกติเมื่อเ้าม้าตัวเก่งเริ่มห้อตะบึงออกไปด้วยความเร็วมากกว่าเก่า สักครู่เขาก็ฉุกใจคิดเมื่อเห็นเ้าโชคดีพาคุณหนูนิดควบอย่างเร็วรี่ตรงไปทางแนวป่าตรงเนินเขาและหายไปนานผิดปกติ
“เฮ้ย! เ้าโชคดี...ตายละวา นั่นคุณหนูนิดจะพามันไปไหน หรือว่ามันเกิดพยศ โอ๊ย!...ตายแน่ไอ้เชษฐ์งานนี้”
“มีอะไรหรือนายเชษฐ์?”
เสียงห้าวหนักที่ดังขึ้นทำให้นายเชษฐ์ถึงกับสะดุ้ง ชายวัยกลางคนหันกลับไปก็พบว่าเ้านายของเขายืนอยู่ที่คอกม้า
“มีอะไร นายเชษฐ์...ทำไมทำท่าทางอย่างนั้น แล้วนี่...เ้าโชคดีม้าของฉันไปไหนแล้ว?”
“เอ้อ...คุณไกรสูรย์ครับ” นายเชษฐ์ทำหน้าเจื่อนขณะเดินเข้าไปหาไกรสูรย์ซึ่งอยู่ในชุดลำลองแต่สวมรองเท้าบูทซึ่งบอกให้รู้ว่าเขาเตรียมตัวจะมาขี่ม้าในตอนเช้า
“คือว่า...คุณหนูนิดพาเ้าโชคดีไปขี่เล่นครับ คุณไกรสูรย์”
“ว่าอะไรนะ! ใครอนุญาตให้หนูนิดพาม้าของฉันไปฮะ นายเชษฐ์!”
