เริ่มแรกเฟิ่งเฉี่ยนขบริมฝีปากของเซวียนหยวนเช่อด้วยรู้สึกแปลกใหม่ ทว่านางค่อยๆ เรียนรู้อย่างช้าๆ ว่าดูเหมือนวิธีการนี้ไม่ถูกต้อง ขั้นต่อไปควรทำอย่างไรนะ...นางตกอยู่ในความเคว้งคว้าง
เซวียนหยวนเช่อที่อยู่ใต้ร่างนอนอยู่อย่างสงบ มองดูนางอย่างเงียบๆ ปล่อยให้นางและเล็มริมฝีปากของเขา แต่การจุมพิตเช่นการขบกัดของสุนัขเช่นนางนี้เป็อะไรที่เงอะงะจริงๆ อีกทั้งเห็นสีหน้างงงันเคว้งคว้างของนางแล้วน่าจะไม่รู้ว่าขั้นตอนต่อไปควรทำอย่างไร เขาทั้งร้อนใจและทั้งรู้สึกขันจริงๆ!
ช่วยไม่ได้ เขาได้แต่คอยชี้แนะและสอนนาง
เขายื่นมือไปโอบศีรษะด้านหลังของนางเมื่อเปิดริมฝีปากของนางออกด้วยปลายลิ้นของเขา...
เฟิ่งเฉี่ยนเรียนรู้อย่างว่องไวทันที นางเลียนแบบท่าทางของเขา เปลี่ยนจากฝ่ายตั้งรับมาเป็ฝ่ายรุก
รสชาติอ่อนนุ่มหวานล้ำถูกถ่ายทอดมาจากริมฝีปากของนางไม่หยุด เซวียนหยวนเช่อเมามายถอนตัวไม่ขึ้น มือทั้งคู่โอบไปรอบเอวคอดกิ่วของนาง เป็เสมือนการปรบมือให้กำลังใจนางอย่างไร้ซุ่มเสียง ให้นางจุมพิตเขาลึกซึ้งและเร่าร้อนกว่านั้น!
ภายใต้การรุกเร้าของนาง ร่างกายของเซวียนหยวนเช่อร้อนราวกับไฟ ทว่าจุมพิตอ่อนโยนของนางมิอาจเติมเต็มความรู้สึกของเขาได้อีกต่อไปแล้ว เขาพลิกตัวหนึ่งตลบและกดร่างของนางไว้ใต้ร่างของตน เปลี่ยนมาเป็ผู้คุมเกม!
“อืม--” เฟิ่งเฉี่ยนถลึงตาใส่เขาด้วยไม่พอใจ
เซวียนหยวนเช่อหัวเราะหึๆ รินรดใบหูของนาง “ครั้งหน้าค่อยให้เ้าเล่น! แต่คืนนี้เจิ้นรอไม่ไหวแล้ว!”
การโจมตีอย่างเร่าร้อนรุนแรงเริ่มขึ้นอีกคำรบหนึ่ง
เฟิ่งเฉี่ยนพยายามฝืนดึงสติของตนเองเอาไว้ นางไม่เคยเหนื่อยเช่นนี้มาก่อนเลย นางนอนอยู่บนแผ่นอกขาวสะอาดที่เต็มไปกล้ามเนื้อตึงแน่นเป็มัดๆ นางได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นดังชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ เสียงหัวใจนั้นหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยพลกำลัง
มือซ้างของเขาโอบรัดรอบเอวของนางอย่างแ่าเพื่อประกาศตนว่าเขาเป็ฝ่ายควบคุม
ปลายนิ้วของเฟิ่งเฉี่ยนลูบไล้ลงบนแผ่นอกของเขาเป็วงกลมอย่างไม่รู้ตัว หัวใจของนางเต็มไปด้วยความสับสน เขามอบความอ่อนโยนของเขา ความกระตือรือร้นของเขาให้กับนางอย่างไม่เก็บกักแม้แต่น้อย นางอาลัยอาวรณ์สุดแสน และหักใจไม่ได้อย่างที่สุด แต่สติยังคงเอาชนะความรู้สึกได้อยู่ดี นางยังคงตัดสินใจที่จะจากไป
มีค่ำคืนนี้แล้ว เพียงพอสำหรับความทรงจำชั่วชีวิตนี้ของนาง
นางไม่โลภ และโลภไม่ได้!
“อาเช่อ รับปากข้าสักสองสามเื่ได้หรือไม่?”
ริมฝีปากของเซวียนหยวนเช่อโค้งขึ้น เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เ้า้าอะไร? เจิ้นรับปากเ้าทุกเื่!”
เฟิ่งเฉี่ยนสูดลมหายใจลึกๆ “เื่แรก ไม่ว่าท่านจะงานยุ่งเพียงใดก็ตาม ต้องเจียดเวลามาอยู่เป็เพื่อนเย่เอ๋อร์ อย่าให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว ได้หรือไม่?”
เซวียนหยวนเช่อหลุบตาลงกวาดตามองนางปราดหนึ่งพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “เจิ้นยังคิดว่าเื่อะไรเสียอีก เ้าไม่พูด เจิ้นก็ตั้งใจจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้าพูดอีกว่า “เื่ที่สอง ไม่ว่าจะเกิดเื่อันใดขึ้น ท่านจะต้องรับรองว่าคนในตำหนักของข้าจะต้องปลอดภัย จะขาดหรือน้อยไปสักคนหนึ่งก็ไม่ได้ ได้หรือไม่?”
เซวียนหยวนเช่อขมวดคิ้ว “เ้ายังกังวลว่าเสด็จแม่และหลานเฟยจะสร้างความลำบากใจให้กับเ้าอีกเช่นนั้นหรือ? เ้าวางใจ ต่อไปเจิ้นจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเ้าอีก รวมไปถึงคนในตำหนักของเ้าด้วย”
เฟิ่งเฉี่ยนรู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว แต่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้นางรู้สึกวางใจเช่นกัน
“ยังมีเื่ที่สาม...” นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมสันของเขา ดวงตาของนางฉาบด้วยละอองน้ำบางๆ ชั้นหนึ่ง
ในวังหลวงแห่งนี้ คนที่นางเป็ห่วงวางใจไม่ลง นอกจากบุตรชายและคนในตำหนักของนางก็มีเพียงเขา
มือของนางค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าของเขาไปมา สายตาอาลัยอาวรณ์ น้ำเสียงของนางพลันแหบพร่า “เื่ที่สาม ท่านต้องรับปากข้าว่าจะดูแลตัวเองให้ดี! ร่างกายของท่านมิได้ทำมาด้วยเหล็กกล้า ราชกิจทำอย่างไรก็ทำไม่หมด เวลาสมควรพักผ่อนต้องพักผ่อน อย่าได้ฝืนร่างกายให้เหน็ดเหนื่อยเกินไปเป็อันขาด! ยังมีอีก ต้องกินอาหารให้ตรงเวลา และต้องกินอาหารที่ห้องครัวเพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ อย่ารอให้อาหารเย็นแล้วค่อยกิน จะทำให้ปวดท้องได้! หากอารมณ์ไม่ดีให้ระบายออกมา อย่าเก็บอัดเอาไว้ โมโหบ่อยๆ ไม่ดีต่อตับ! ลั่วหยิ่งเป็คนไว้ใจได้ ท่านมีเื่อันใดก็พูดกับเขา อย่าเอาเื่ทุกเื่มาเก็บอัดเอาไว้ในใจ ใช้ความคิดมากเกินไปไม่ดีต่อม้าม! ยังมี...”
เซวียนหยวนเช่อพลันหัวเราะออกมาเบาๆ เขาตัดบทนางด้วยการดีดหน้าผากนางเบาๆ “มิใช่มีเ้าอยู่ข้างกายเจิ้นหรอกหรือ? ขอเพียงมีเ้าคอยตักเตือนเจิ้น ทำอาหารให้เจิ้น ฟังความในใจของเจิ้น ทุกอย่างมิใช่ล้วนได้รับการแก้ไขแล้ว?”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว คิดจะพูดทว่ากลับลังเล
เซวียนหยวนเช่อพลันพลิกกายคร่อมร่างของนางไว้ใต้ร่าง ั์ตาดำขลับนั้นคุกรุ่น “เฉียนเฉี่ยน ค่ำคืนวสันต์นั้นสั้นนัก พวกเราอย่าได้เสียเวลากับเื่เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้เลย...”
เขากุมมือทั้งคู่ของนางแล้วรวบไว้เหนือศีรษะของนางพร้อมกับก้มศีรษะลงจุมพิตลำคอขาวเนียนละเอียดราวกับหิมะของนาง
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้ขัดขืน นางปล่อยให้เขาจุดไฟในร่างกายของตน นางขบริมฝีปากเบาๆ เมื่อปล่อยให้หยดน้ำตาใสๆ ไหลรินลงทางหางตา
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าสว่างแล้ว เสียงลมหายใจหนักแน่นดังอยู่ข้างหู เฟิ่งเฉี่ยนรู้ว่าเขาหลับสนิทไปแล้ว
มองใบหน้าคมสันของเขาที่มักจะเ็าราวกับูเาน้ำแข็งเสมอ นาทีนี้ไร้ซึ่งปราการการป้องกันใดๆ ในใจของเฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกเจ็บหน่วงๆ ต่อให้นางยากจะหักใจอย่างไร สุดท้ายเวลาแห่งการร่ำลาก็มาถึง
อาเช่อ ลาก่อน!
ข้ารักท่าน!
แต่ข้าจำเป็ต้องไปจากท่าน...
ร่างของเฟิ่งเฉี่ยนสั่นสะท้าน เืในกายสั่นสะท้านไปด้วย
นางรู้ว่าทันทีที่นางจากไป จะเป็การทำร้ายจิตใจของเขาอย่างรุนแรง แต่นางไม่มีทางเลือก ระหว่างความรักและอิสระตรงหน้า นางจำเป็ต้องเลือก!
เพราะนางกลัวว่านางจะปล่อยให้ตัวเองยิ่งถลำลึก และนางได้ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ!
ดังนั้น นางจำเป็ต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน
และนางเลือกอิสระ!
แต่งกายอย่างรวดเร็ว พร้อมห่อสัมภาระที่นางแอบซ่อนไว้ในช่องเก็บของ ทิ้งจดหมายไว้บนโต๊ะฉบับหนึ่ง เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับไปมองคนบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง แล้วหมุนกายจากไปทันที!
จ้าวกงกงและลั่วหยิ่งเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูโดยไม่ห่างไปแม้แต่ก้าวเดียว
นางต้องใช้ยันต์ล่องหนหนึ่งใบเพราะจำเป็ต้องหลบไปโดยไม่ให้พวกเขาพบเห็น
ประตูห้องพลันถูกเปิดออก ลั่วหยิ่งและจ้าวกงกงคิดว่ามีคนออกมาจึงรีบหันกลับไปถวายบังคม ใครเลยจะรู้ว่าไม่มีเงาร่างของคนออกมาแม้แต่คนเดียว?
คนทั้งสองได้แต่มองหน้าคิดว่าเจอผี
เมื่อมองเข้าไปด้านใน บนเตียงมีผ้าม่านกั้นอยู่ทว่าเห็นคนด้านในยังนอนหลับสนิท พวกเขาคิดในใจ ประตูคงถูกลมพัดจนเปิดเองกระมัง แต่ทั้งๆ ที่เมื่อสักครู่ไม่มีลมนี่นา?
น่าแปลก น่าแปลกจริงๆ!
หลังจากตรวจสอบความปลอดภัยถึงสามครั้ง ลั่วหยิ่งก้าวขึ้นไปปิดประตูอีกครั้ง
ที่พวกเขาไม่รู้คือ เฟิ่งเฉี่ยนได้เดินผ่านร่างของพวกเขาออกไปจากห้องบรรทมและออกไปจากตำหนักเว่ยยางแล้ว
เวลานี้ท้องฟ้าปรากฏให้เห็นเป็ท้องปลาสีขาวแล้ว เฟิ่งเฉี่ยนแต่งกายรัดกุมหลบหลีกทหารลาดตระเวนอย่างคล่องแคล่ว นางมาถึงประตูวังอย่างรวดเร็ว นางใช้ยันต์ล่องหนอีกใบหนึ่งเดินผ่านสายตาขององครักษ์เ่าั้ไป
หันกลับไปมองกำแพงสีแดงกระเบื้องสีทองของประตูวัง เฟิ่งเฉี่ยนรู้สึกว้าวุ่นใจ ที่นี่มีบุตรชายและบุรุษที่นางรักที่สุด แต่นางมิอาจรั้งอยู่ที่นี่ได้ ความยิ่งทนงในตัวของนางไม่อาจทำให้นางยินยอมกับการต้องเป็สตรีหนึ่งในสามพันได้ ดังนั้น นางจำเป็ต้องจากไป!
“ขอโทษ...”
กระบอกตาของนางชื้นไปด้วยน้ำตา แต่นางไม่มีเวลาให้โศกเศร้าเสียใจมากมายนัก ด้วยเวลามีผลของยันต์ล่องหนเหลือไม่มาก นางทำได้เพียงแค่เดินไปข้างหน้า โดยไม่หันกลับไปอีก!
ตำหนักเว่ยยาง
นาฬิกาในร่างกายของเซวียนหยวนเช่อตรงเวลามาโดยตลอด เขาจะรู้สึกตัวตื่นเองก่อนเวลาเข้าประชุมเช้า วันนี้ไม่ยกเว้นเช่นกัน
เพิ่งจะรู้สึกตัวตื่นอย่างมีสติ ยังมิทันได้ลืมตาขึ้น มือซ้ายของเขาก็กวาดไปด้านซ้ายของเตียงนอนอย่างไม่รู้ตัว ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าที่คาดไม่ถึง เขาลืมตาขึ้นหันหน้าไปมอง กลับไม่เห็นคนที่นอนอยู่ข้างกายเสียแล้ว
นางไปไหนนะ?
ตามนิสัยขี้เซาของนางแล้ว ยามนี้ควรจะนอนหลับสนิทถึงขั้นที่ใครมาเรียกก็ไม่ยอมตื่นจึงจะถูกต้อง
หรือออกไปห้องเวจกระมัง?
เขาหัวเราะออกมาเมื่อยื่นมือออกมาลูบผ้าปูที่นอนอันยับย่น บนนั้นยังมีร่องรอยความหวานชื่นของค่ำคืนที่ผ่านมา
ความเร่าร้อนจากเมื่อคืนยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ หัวใจของเขาถูกเติมเต็มอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน นี่นับเป็ครั้งแรกั้แ่ขึ้นครองราชย์มาที่เขาทิ้งราชกิจและขุนนางทั้งท้องพระโรงแล้วปล่อยให้ตัวเองดื่มด่ำอยู่ในความอ่อนโยน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้