ท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆ มืดลง หานอวิ๋นซีก็นั่งขดตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง ตลอดทั้งบ่าย นักฆ่าหญิงในชุดเขียวไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะคุยกับนางสักประโยคเลย
สิ่งนี้ทำให้หานอวิ๋นซีแน่ใจมากขึ้นว่านักฆ่าหญิงในชุดเขียวกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ อาจจะกำลังรอให้มีบางอย่างเกิดขึ้นหรืออาจจะกำลังรอให้ใครสักคนมา
หานอวิ๋นซีไม่รู้ว่าตัวเองหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว บอกได้เพียงว่าท้องฟ้าตรงทางเข้าถ้ำจากกลางวันกลายเป็กลางคืนแล้ว
วันที่นางกับมู่ชิงอู่ไปที่โรงน้ำชาเทียนเซียงยังห่างจากเวลาที่ตกลงในการเดิมพันสิบสองวัน ถ้านางหมดสติไปสองสามวันบวกกับวันนี้อีก ก็คงเป็วันที่สามหรือสี่แล้วใช่หรือไม่?
เช่นนั้นเวลาที่เหลือมีเพียงเจ็ดหรือแปดวันเท่านั้น จะบอกว่านานก็นาน จะบอกว่าสั้นก็สั้นเช่นกัน!
สำหรับพิษงูหมื่นตัวนั้น จนถึงขณะนี้นางระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้เพียงคนเดียว และไม่ได้หลักฐานเป็สาระสำคัญใดๆ เลย
ไม่รู้ว่าหลงเฟยเยี่ยพบอะไรในห้องนอนของอี๋เหนียงสามบ้างหรือไม่ หากนางไปผิดทาง หากไม่พบผู้ร้ายตัวจริงตามเวลาที่ตกลงกัน นางก็ต้องแพ้มู่หลิวเยวี่ยจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
แพ้ต้องถอดเสื้อผ้าเดินบนถนนเลยนะ!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หานอวิ๋นซีก็หดหู่ใจ การแพ้ก็เป็เื่หนึ่ง แต่การทำงานหนักเป็เวลานานโดยเปล่าประโยชน์นั้นยิ่งทำให้น่าผิดหวังยิ่งกว่า
ยิ่งนางคิดเกี่ยวกับเื่นี้มากเท่าไร คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นมากเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถอนหายใจออกมา พร้อมสีหน้าจนปัญญา
เอาเถอะ นางจะได้กลับไปหรือไม่ก็ยังไม่แน่นอนเลย แต่ก็ยังคงคิดถึงการเดิมพันอยู่
เมื่อคิดเื่นี้ นางก็ก้มหน้าลงพลางถอนหายใจในใจ หากนางรู้ศิลปะการต่อสู้ก็คงจะดีกว่านี้มาก อย่างน้อยชีวิตก็ยังมีแสงริบหรี่ และไม่จำเป็ต้องถูกกระทำทุกครั้ง
หานอวิ๋นซีไม่รู้ว่าสีหน้าของตนเองเปลี่ยนไปมากเพียงใดเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ แต่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในรูตรงกำแพงหินกลับเฝ้าดูด้วยความเพลิดเพลิน
“นี่...นี่...”
“สาวน้อยยาพิษ...สาวน้อยยาพิษ...”
หานอวิ๋นซีที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตนเอง เมื่อได้ยินเสียงอย่างกะทันหัน นางก็รีบตั้งสติทันทีและตั้งใจฟัง จึงพบว่าดูเหมือนจะมีใครบางคุยกับนาง
“ทางนี้...ด้านขวา ฮิฮิ!”
“ด้านขวา”
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้นมาก หานอวิ๋นซีมองไปทางขวาทันที แต่ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากกำแพงหิน
“ยัยโง่”
ในเสียงนั้นมีรอยยิ้มหยอกล้ออยู่ ราวกับว่ามันมาจากกำแพงหิน
แปลก!
หานอวิ๋นซีมองไปที่กำแพงหินและในไม่ช้าก็เห็นช่องเล็กๆ ในกำแพงหิน ภายในช่องเล็กๆ มีดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งจ้องมองมาที่นาง!
หานอวิ๋นซีใสะดุ้งโหยง จนเกือบจะกรีดร้อง
โชคดีที่นางกลั้นไว้ได้!
ดวงตาของเขากะพริบสองสามครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่น ส่งสัญญาณความเป็มิตรให้นาง
คนรู้จักอย่างนั้นหรือ?
หานอวิ๋นซีจำได้ว่าในบรรดาผู้คนที่นางรู้จัก ไม่มีใครที่มีดวงตาที่สวยงามเช่นนี้
แม้ว่าช่องจะเล็กมากและเป็ไปไม่ได้ที่จะมองเห็นดวงตาคู่นั้นอย่างชัดเจน แต่หานอวิ๋นซีก็ยังมั่นใจมาก
ใครกัน?
นางรวบรวมสติและมองไปที่ทางเข้าถ้ำอย่างระแวดระวัง
นักฆ่าสวมหน้ากากสีดำในถ้ำออกไปแล้ว มีเพียงนักฆ่าหญิงในชุดเขียวนั่งอยู่คนเดียวที่ทางเข้าถ้ำโดยหันหลังให้นาง อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย และไม่สามารถเห็นการเคลื่อนไหวใดๆ ในนี้ได้
“ไม่ต้องกังวล นางไม่ได้ยินหรอก” ชายผู้นั้นกระซิบ แม้กระทั่งน้ำเสียงก็ยังแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีอย่างมาก
หานอวิ๋นซีหันกลับมามอง มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นอย่างระแวดระวังและถามด้วยเสียงเบาว่า “ข้าไม่รู้จักเ้าใช่หรือไม่?”
“แต่ข้ารู้จักเ้านะ” ชายผู้นั้นพูดด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นเ้าคือใครกัน?” หานอวิ๋นซีถาม พลางคิดว่าต้องมีถ้ำอยู่หลังกำแพงหินนี้ และคนผู้นั้นคงนั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง
“คนที่มาช่วยเ้าอย่างไรล่ะ” ชายผู้นั้นพูด ดูเหมือนเขาจะถอยหลังไปหนึ่งก้าว หานอวิ๋นซีจึงได้เห็นจมูกของเขาที่เป็สันและสวยมาก
ดวงตากลมโต ดั้งจมูกที่สูงโด่ง หากมีริมฝีปากที่บางเซ็กซี่ นั่นมันหนุ่มหล่อเลยไม่ใช่หรือ?
แน่นอน หานอวิ๋นซีไม่มีใจที่จะคิดถึงสิ่งเหล่านี้ในเวลานี้
นางแน่ใจอย่างมากว่าไม่เคยเห็นชายผู้นี้
“พี่ชาย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาลีลา” นางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขยับตำแหน่งและหันหน้าเข้าหากำแพง
“ดีเลย ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้คิดจะช่วยเ้า อยู่เฉยๆ ก็ดีเหมือนกัน เรามาเปิดใจคุยกันเถอะ” ชายผู้นั้นยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เฉื่อยชาและสบายๆ ดูไม่เหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายเลยแม้แต่น้อย
นี่กำลังแกล้งนางชัดๆ! หานอวิ๋นซีอดไม่ได้ที่จะกลอกตาและเลิกสนใจเขา นางคิดว่าชายผู้นี้คงแค่ผ่านมาซื้อซีอิ๊ว[1]เท่านั้นใช่หรือไม่?
ใครจะรู้ หลังจากหานอวิ๋นซีรอเป็เวลานาน ชายผู้นั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ
นางรีบหันหน้าไปมอง และเห็นว่าช่องเล็กๆ นั้นว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่
จริงหรือนี่ ผ่านมาซื้อซีอิ๊วจริงๆ หรือ?
“นี่...นี่...”
“เ้ายังอยู่หรือไม่?”
หานอวิ๋นซีรีบถาม มันไม่ง่ายเลยที่จะมีใครสักคนผ่านมา อย่างไรมันก็เป็โอกาสที่จะหลบหนี
“นี่...ยังอยู่หรือไม่?”
หานอวิ๋นซีถามออกไปสองสามครั้งอย่างหมดหนทาง แต่ก็ไม่มีคำตอบจากคนที่อยู่อีกฝั่งเลย
หานอวิ๋นซีรู้สึกกระวนกระวายใจและมองไปที่ทางเข้าถ้ำ เมื่อเห็นว่านักฆ่าหญิงในชุดเขียวไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ นางจึงขยับตัวไปที่ขอบกำแพงหินอย่างระมัดระวัง ผ่านช่องเล็กๆ นั้นมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่ามีถ้ำอยู่ข้างๆ แต่ไม่มีเงาของใครอยู่เลย
“ถ้าเ้าอยู่ ก็ส่งเสียงมาหน่อยสิ”
หานอวิ๋นซีที่ไร้เรี่ยวแรง แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่คำพูดนั้นจบลง ก็มีเสียง “เอี๊ยด” ดังมาจากถ้ำข้างๆ
หานอวิ๋นซีผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกดีใจขึ้นมา “นี่ เ้ายังอยู่ใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่ได้ชื่อนี่ ข้าชื่อกู้ชีฉ่าว...”
เสียงนั้นเบามากจนหานอวิ๋นซีได้ยินไม่ชัดเจน “นี่ เ้าพูดว่าอะไรนะ?”
“ข้าไม่ได้ชื่อนี่ ข้าชื่อกู้ชีฉ่าว”
ชายผู้นั้นพูดซ้ำ ราวกับจงใจกดเสียงของเขาให้ต่ำลง
คราวนี้ หานอวิ๋นซีที่ได้ยินก็ใ “อะไรนะ กู่ชีชาหรือ?”
นางได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ จากถ้ำข้างๆ และไม่รู้ว่าคนผู้นั้นได้ยินคำพูดของหานอวิ๋นซีหรือไม่ เขาพูดซ้ำในสิ่งที่เขาเพิ่งพูด ทว่าน้ำเสียงของเขาชัดเจนมากขึ้น “ข้าไม่ได้ชื่อนี่ ข้าชื่อกู้ชีฉ่าว”
คราวนี้ หานอวิ๋นซีได้ยินอย่างชัดเจน กู้ชีฉ่าว คำสามคำนี้ฟังดูคล้ายกับ “กู่ชีชา” มาก ไม่แปลกที่นางจะได้ยินผิด
อย่างไรก็ตาม กู้ชีฉ่าวเป็เพียงชื่อเรียก ไม่ใช่ชื่อจริงของเขา
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยได้ยินมาก่อนและไม่รู้จักด้วยซ้ำ
หลังจากยืนยันว่าบุคคลนั้นอยู่ที่นั่น หานอวิ๋นซีก็ขยับตัวด้วยความยากลำบากและหันหลังให้กำแพงเพื่อทำให้ตัวเองดูปกติ
ไม่นานหลังจากที่นั่งลง นักฆ่าหญิงในชุดเขียวก็หันศีรษะมามอง หานอวิ๋นซีไม่ขยับเขยื้อน และไม่หลบเลี่ยงการจ้องมองของนาง และมองนางจากที่ไกลๆ เช่นกัน
นักฆ่าหญิงในชุดเขียวมองดูอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นหันกลับมาอีกครั้ง
หานอวิ๋นซีแอบถอนหายใจเบาๆ และไม่กล้าพูดในทันที หลังจากรออยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่านักฆ่าหญิงในชุดเขียวไม่หันมาแล้ว นางจึงพูดเบาๆ ว่า “นี่ เ้าช่วยข้าทำไม?”
“ข้าไม่ได้ชื่อนี่ ถ้าเ้าไม่รังเกียจ เรียกข้าว่าเสี่ยวชีก็ได้”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่ดังขึ้น ทำให้หานอวิ๋นซีเ็าขึ้นทันที ชายร่างใหญ่ผู้นี้ชื่อเสี่ยวชี นางคิดว่าชายที่อยู่ถ้ำข้างๆ นี้ต้องเป็คนเ้าเล่ห์อย่างแน่นอน
ถ้ำข้างๆ กู้ชีฉ่าวกับหานอวิ๋นซีกำลังนั่งพิงกับกำแพงเช่นกัน
แต่เขาไม่ได้นั่งตัวตรงเหมือนหานอวิ๋นซี และนั่งอย่างี้เีและผ่อนคลายเหมือนแมวอาบแดดในฤดูหนาว
เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงเพลิงแขนกว้างซึ่งกางออกอย่างหรูหราและสวยงามไปทั่วพื้น เขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนขาที่งออย่างสบายๆ นิ้วทั้งห้าของเขาเรียวและขาวนวล ผิวของเขาก็ขาวซีดมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป และผิวเนียนนุ่มน่าถนอม
เขายิ้มเบาๆ หายใจออกเฮ้อ ใบหน้านั้นสวยงามจนทำให้โลกหม่นหมอง ดวงตาคู่นั้นช่างมีเสน่ห์จนทำให้ผู้คนถึงกับเหม่อลอย!
“ทำไมเ้าถึงช่วยข้า?” หานอวิ๋นซีถามอีกครั้ง
“เพราะข้าชอบเ้า” กู้ชีฉ่าวตอบอย่างเป็ธรรมชาติราวกับว่าเขาล้อเล่น
หานอวิ๋นซีที่ดูเหมือนจะชินกับการหยอกล้อของเขา ก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของเขาและถามอย่างอดทนว่า “แล้วเมื่อไรเ้าจะช่วยข้าล่ะ?”
“อีกไม่กี่วัน” กู้ชีฉ่าวพูดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าพูดเล่นๆ หรือว่าเขาคำนวณเวลาจริงๆ
หานอวิ๋นซีที่ไม่เต็มใจและถามต่อไปว่า “แล้วอีกกี่วันล่ะ?”
อย่างไรก็ตาม คราวนี้กู้ชีฉ่าวไม่ได้ตอบ แต่ถามกลับมาว่า “คอของเ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่?”
“อีกกี่วัน?” หานอวิ๋นซีพูดต่อ
“สาวน้อยยาพิษ เ้าเรียนวิชาพิษมาจากใคร ถึงได้เก่งกาจขนาดนี้? อาจารย์ของเ้ายังอยู่หรือไม่?” กู้ชีฉ่าวยังคงถามต่อไป
“อีกกี่วัน?” หานอวิ๋นซีพูดซ้ำอย่างดื้อรั้น
“ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เ้าไม่ได้เก่งขนาดนี้ใช่หรือไม่?” กู้ชีฉ่าวถามอีกครั้ง แทนที่จะถาม มันเหมือนเขากำลังพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เขาเงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และยังคงนิ่งเฉยเหมือนภาพหนุ่มงามกำลังครุ่นคิด
ถ้ำข้างๆ หานอวิ๋นซีกลอกตามองและยอมแพ้แล้ว
ชายลึกลับผู้นี้คือใคร? ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ไล่ตามพวกนางมาหรือ มาเจอโดยบังเอิญ?
เขารู้จักนาง คนที่รู้จักนางน่าจะมีหลายคน จะเดาอย่างไรล่ะ?
ไม่ทราบที่มาของชายถ้ำข้างๆ และไม่ทราบจุดประสงค์ของสตรีที่อยู่หน้าถ้ำ หานอวิ๋นซีหายใจออกยาวๆ นางทำได้แค่รอเท่านั้น!
ฟ้าได้มืดลงแล้ว
มีเสียงร่ำไห้ดังขึ้นจากคุกส่วนตัวของโรงน้ำชาเทียนเซียง การสอบปากคำของหลงเฟยเยี่ยดำเนินมาั้แ่เที่ยงจนถึงตอนนี้และยังไม่สิ้นสุด
เขายังคงใช้หนูที่น่าสะพรึงกลัวในการลงโทษ ไม่เพียงแต่เชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น แต่ยังนำไปทรมานและสอบปากคำทีละคนด้วย
ในห้องขังที่มืด มีกรงหนูขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง ทุกคนยืนอยู่ ยกเว้นหลงเฟยเยี่ยที่นั่งอยู่คนเดียว
การสอบสวนดำเนินการโดยซ่างกวนและมู่ชิงอู่เป็ผู้ตัดสิน นับั้แ่สอบสวน หลงเฟยเยี่ยไม่ได้พูดอะไรสักคำ รังสีความเ็าที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าว่าแต่ผู้ที่ถูกสอบสวนเลย ขนาดผู้คนที่รออยู่รอบๆ เมื่อมองไปที่เทพเ้าผู้ดุร้ายในแสงสลัวจากระยะไกล แต่ละคนต่างสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“อ๊าก…”
ชายผู้ถูกปะาชีวิตส่งเสียงร้องอย่างน่าสมเพช ดังก้องไปทั่วห้องขัง
หัวใจของเขาอยู่ตรงข้ามช่องเปิดของกรงหนู และหนูสีดำตัวใหญ่กำลังขุดหัวใจออกมา
“อ๊าก...ไว้ชีวิตด้วย! ข้าไม่รู้อะไรเลย! อ๊าก...ข้าไม่...”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็หยุดลงทันที จากนั้นชายผู้นั้นก็ล้มลงไปข้างหลัง บนหน้าอกถูกกัดเป็รูขนาดใหญ่ หนูสีดำตัวใหญ่ฝังหัวของมันไว้ในนั้น เหลือเพียงครึ่งหนึ่งของลำตัวที่อยู่ข้างนอก
ผู้ถูกสอบสวนตายไปอีกหนึ่งคน
ซ่างกวนสอบสวนช้าอย่างมาก ถามอย่างละเอียด แม้ว่าจะกินเวลาั้แ่เที่ยงจนถึงตอนนี้ ทว่าก็สอบสวนคนไปไม่น้อย
ในไม่ช้า คนที่อยู่รอบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาอีก บางคนถึงกับเป็ลมด้วยความใ
แต่ใไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะอีกไม่นานก็จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อรอให้ถึงตาตัวเองที่จะถูกสอบสวนอย่างโหดร้ายเช่นนี้
ตอนนี้เหลือเพียงยี่สิบคนเท่านั้น หลงเฟยเยี่ยมุ่งมั่นที่จะค้นหาผลการสอบสวน ฆ่าอย่างเด็ดขาด ไร้ความปรานี ั้แ่ต้นจนจบ เขาไม่เคยขมวดคิ้วเลย
ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงฟันกระทบกันแ่เบาจากฝูงชนที่รอการสอบปากคำ พระเ้ารู้ดีว่าพวกเขาหวาดกลัวเพียงใด
หลงเฟยเยี่ยที่มีสีหน้าเรียบเฉย โบกมืออย่างสง่างาม ส่งสัญญาณให้ซ่างกวนสอบสวนคนต่อไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ องครักษ์ที่อยู่แถวหน้าคุกเข่าลงทันทีและร้องเสียงดังว่า “ข้าไม่รู้อะไรเลย! ข้าไม่รู้จริงๆ...ซ่างกวน ข้าจะแต่งงานในสิ้นเดือนนี้ ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด ข้าขอร้องล่ะ!”
ซ่างกวนลังเล ต้องรู้ว่า ถ้าการสอบสวนยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ผู้บริสุทธิ์จะต้องตายมากขึ้น เขาจึงมองไปที่ฉินอ๋อง แต่ฉินอ๋องกลับไม่ตอบสนองใดๆ เลย
ด้วยความสิ้นหวัง ซ่างกวนจึงทำได้เพียงบังคับลากคนผู้นั้นไป แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ก็มีใครบางคนวิ่งออกมาจากด้านหลังของฝูงชนและะโว่า “พอได้แล้ว หยุดสอบสวนได้แล้ว ข้าสารภาพแล้ว! ข้าจะสารภาพ!”
----------------------------------
[1] ซื้อซีอิ๊ว (打酱油) เป็สแลงจะแปลว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง” แค่ผ่านมาเฉยๆ เท่านั้น
