บทที่ 6 กลิ่นหอมสู่เมืองใหญ่
สันติภาพที่ซื้อมาด้วยคำขู่นั้นเปราะบางยิ่งกว่าใยแมงมุม ลู่เมิ่งตระหนักถึงสัจธรรมข้อนี้ดีทุกขณะจิต แม้หัวหมู่จ้าวจะทำตามข้อตกลงอย่างไม่บิดพลิ้ว ทั้งจัดหาไขมันหมูให้ในราคาที่ถูกลง และไม่มาระรานสองพี่น้องอีก แต่ทุกลมหายใจที่นางสูดเข้าไปในแต่ละวัน ล้วนเจือปนด้วยกลิ่นอายของอันตรายที่รอวันปะทุ
หมู่บ้านแห่งนี้เล็กเกินไป... เล็กเกินกว่าจะรองรับความฝันอันยิ่งใหญ่ของนาง และเล็กเกินกว่าจะปกป้องนางจากพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนเล็บรอวันตะครุบเหยื่อ
"อาเป่า เ้าอยากไปเที่ยวในเมืองหรือไม่?" ลู่เมิ่งเอ่ยถามน้องชายในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่นางกำลังบรรจุ"ไข่มุก์"ล็อตใหม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดลงในกล่องไม้อย่างบรรจง
สบู่ล็อตนี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง...
ด้วยเทคนิคการสกัดกลิ่นหอมด้วยไขมันที่ใช้เวลาบ่มเพาะนานกว่าสองสัปดาห์ นางสามารถสกัดน้ำมันหอมระเหยจากดอกมะลิป่าและดอกกุ้ยฮวา ได้สำเร็จ แม้จะยังไม่บริสุทธิ์เท่าน้ำมันหอมระเหยในโลกเก่าของนาง แต่มันก็มากพอที่จะกลบกลิ่นหืนของไขมันสัตว์ได้อย่างหมดจด และมอบกลิ่นหอมละมุนอันเป็เอกลักษณ์ให้กับ "ไข่มุก์" ของนาง
สบู่ก้อนสีขาวนวลบัดนี้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ชวนให้ผ่อนคลายและรู้สึกหรูหรา มันไม่ใช่แค่ของใช้ทำความสะอาดอีกต่อไป แต่เป็เครื่องประทินผิวชั้นดี
อาเป่าเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น "ไปเมืองหรือขอรับ! เมืองที่ท่านพ่อเคยเล่าให้ฟังว่ามีหลังคากระเบื้องสีสวยๆ มีขนมหวานอร่อยๆ น่ะหรือขอรับ?"
"ใช่แล้ว" ลู่เมิ่งยิ้ม "พี่หญิงจะพาเ้าไปเปิดหูเปิดตา และจะไปเปิดตลาดของเราด้วย"
วันเดินทางมาถึง ลู่เมิ่งและอาเป่าได้อาศัยเกวียนของลุงจาง พ่อค้าที่รวบรวมของป่าในหมู่บ้านเพื่อเข้าไปขายในเมือง นางจ่ายค่าโดยสารเป็สบู่ไข่มุก์หนึ่งก้อน ซึ่งลุงจางรับไว้ด้วยความยินดีปรีดายิ่งกว่าได้รับเงินเสียอีก เพราะภรรยาของเขากำชับนักหนาว่าหากเจอแม่หนูอาลู่อีกครั้งต้องขอซื้อสบู่ของนาง มาให้ได้
การเดินทางบนเกวียนที่โคลงเคลงไปตามทางดินขรุขระใช้เวลาเกือบครึ่งวัน แต่สำหรับสองพี่น้อง มันคือการผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาเป่าชี้ชวนให้พี่สาวดูนั่นดูนี่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนลู่เมิ่งก็ซึมซับภาพของโลกใบใหม่นี้ไว้ในความทรงจำ ขณะเดียวกันก็สั่งให้เทียนฉี่สแกนและบันทึกข้อมูลทุกอย่างที่เห็น ทั้งพืชพรรณที่ไม่เคยเห็น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ ไปจนถึงการแต่งกายและภาษาถิ่นของผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา
[กำลังบันทึกข้อมูล... ตรวจพบการใช้ภาษาถิ่นแตกต่างจากหมู่บ้าน 12.7%... สันนิษฐานว่าเมืองนี้เป็ศูนย์กลางการค้าที่มีผู้คนจากหลากหลายที่มา]
เมื่อกำแพงเมืองอันสูงใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้า อาเป่าก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง ส่วนลู่เมิ่งนั้นรู้สึกถึงกระแสพลังงานที่คึกคักและซับซ้อนกว่าในหมู่บ้านอย่างเทียบไม่ติด
เมืองเจียงหนาน... คือชื่อของเมืองแห่งนี้ มันเป็เมืองท่าที่สำคัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายใหญ่ที่เชื่อมต่อกับเมืองหลวงได้โดยตรง ความมั่งคั่งและโอกาสลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ พร้อมๆ กับอันตรายที่มองไม่เห็น
หลังจากขอบคุณลุงจางแล้ว ลู่เมิ่งก็จูงมือน้องชายเดินเข้าไปในเมืองที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน เสียงจอแจของผู้คน เสียงร้องขายของของพ่อค้าแม่ค้า เสียงเกือกม้าที่กระทบกับพื้นหิน ทุกสิ่งทุกอย่างช่างแตกต่างจากความเงียบสงบในหมู่บ้านโดยสิ้นเชิง
"พี่หญิง... คนเยอะจังเลย" อาเป่าจับมือพี่สาวไว้แน่นด้วยความประหม่า
"ไม่ต้องกลัว" ลู่เมิ่งกระชับมือน้องชายให้แน่นขึ้น "จำไว้ แค่เราอยู่ด้วยกัน ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว"
เป้าหมายแรกของนางไม่ใช่การหาที่ขายของ แต่เป็การสำรวจตลาดและคู่แข่ง นางพาน้องชายเดินไปตามถนนสายหลักที่เรียงรายไปด้วยร้านค้ามากมาย
[กำลังสแกนและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์... ร้านผ้าไหม ร้านเครื่องถ้วยชาม ร้านขายยา ร้านเครื่องประทินโฉม... ตรวจพบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสามประเภท 1. ผลซักล้าง ราคาถูกที่สุด 2. ผงถั่วเขียว ใช้สำหรับล้างหน้าในหมู่คนมีฐานะ 3. ก้อนขี้เถ้าด่าง เป็ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในตลาด มีลักษณะคล้ายสบู่ แต่เนื้อหยาบ กลิ่นเหม็น และราคาสูง]
"เยี่ยม" ลู่เมิ่งยิ้มในใจ "ช่องว่างในตลาดใหญ่กว่าที่คิด"
นางแวะเข้าไปในร้านเครื่องประทินโฉมที่ดูหรูหราที่สุดในย่านนั้น บนป้ายไม้สลักสีทองอร่ามเขียนไว้ว่า หงจวงเก๋อ ซึ่งแปลความหมายได้ว่าหอแห่งเครื่องสำอางสีแดงชาดหรือหอประทินโฉมภายในร้านตกแต่งอย่างงดงาม มีหญิงสาวและฮูหยินผู้มีฐานะกำลังเลือกซื้อแป้งผัดหน้าและชาดทาปากกันอย่างเพลิด เพลิน
เถ้าแก่เนี้ยของร้านเป็สตรีวัยกลางคนที่แต่งกายงดงามและมีแววตาของนักค้าที่เฉียบ แหลม นางเหลือบมองสองพี่น้องในชุดผ้าป่านเก่าๆ ด้วยหางตา ก่อนจะเบือนหน้า หนีไปสนใจลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า...
ลู่เมิ่งไม่สนใจท่าทีนั้น นางเดินดูสินค้าในร้านอย่างใจเย็น
"เทียนฉี่ วิเคราะห์ส่วนประกอบของครีมไข่มุกในตลับนั้น"
[กำลังสแกน... ส่วนประกอบหลัก ผงไข่มุก ไขมันแกะ และน้ำผึ้ง... ตรวจพบสารปรอทเจือปนในปริมาณเล็กน้อย]
ลู่เมิ่งขมวดคิ้ว สารปรอทอาจทำให้ผิวขาวขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวมันคือยาพิษ! นี่คือความรู้ที่คนในยุคนี้ยังไม่มี!
นางเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์ รอจนเถ้าแก่เนี้ยว่างจากการดูแลลูกค้ารายอื่น
"เถ้าแก่เนี้ย ข้ามีของดีมาเสนอท่าน ไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาสักครู่หรือไม่?" ลู่เมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่มั่นคง
เถ้าแก่เนี้ยปรายตามองนางอีกครั้ง "ของดี? จากเ้าเนี่ยนะ? เด็กน้อย ไปเล่นไกลๆ เถอะ อย่ามารบกวนการค้าของข้า"
"หากเป็ของที่สามารถทำกำไรให้ท่านได้มากกว่าครีมไข่มุกตลับนั้นเป็สิบเท่า ท่านยังจะไม่อยากดูอีกหรือ?" คำพูดของลู่เมิ่งทำให้เถ้าแก่เนี้ยชะงัก
นางหรี่ตามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา "ปากดีนักนะ... ไหนล่ะ ของดีของเ้า?"
ลู่เมิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง นางค่อยๆ เปิดกล่องไม้ที่ถือมา เผยให้เห็นก้อนสบู่ไข่มุก์สีขาวนวลที่เรียงกันอยู่อย่างเป็ระเบียบ กลิ่นหอมละมุนของดอกมะลิและดอกกุ้ยฮวาลอยออกมาทันทีที่เปิดกล่อง ทำให้ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆ หันมามองเป็ตาเดียว
"นี่มัน... อะไร?" เถ้าแก่เนี้ยถามพลางขมวดคิ้ว "หินขัดตัวรึ? แต่ทำไมถึงหอมเช่นนี้?"
"มันเรียกว่าไข่มุก์" ลู่เมิ่งกล่าว "เป็ของวิเศษที่ใช้ชำระล้างร่างกายและบำรุงผิวพรรณในคราวเดียว"
นางหยิบก้อนสาธิตออกมา พร้อมกับขอน้ำสะอาดหนึ่งชามจากทางร้าน แล้วเริ่มทำการสาธิตให้ดูเหมือนที่เคยทำในหมู่บ้าน ฟองครีมที่หนานุ่มและกลิ่นหอมที่เย้ายวน ดึงดูดสายตาของสตรีทุกคนในร้านให้เข้ามารุมล้อม
"์! ฟองเยอะอะไรอย่างนี้!"
"หอมเหลือเกิน! นี่คือกลิ่นอะไรกัน?"
ลู่เมิ่งยื่นมือที่เพิ่งล้างด้วยสบู่ให้เถ้าแก่เนี้ยดู "ท่านลองััดูสิเ้าคะ"
เถ้าแก่เนี้ยแตะลงบนหลังมือของนางอย่างลังเล แล้วก็ต้องประหลาดใจกับความเนียน นุ่มและชุ่มชื้นที่แตกต่างจากการใช้ก้อนขี้เถ้าด่างอย่างสิ้นเชิง!
แววตาของนักค้าผู้ช่ำชองเปล่งประกายวาบ! นางรู้ทันทีว่าของสิ่งนี้คือขุมทอง!
"ก้อนละเท่าไหร่?" นางถามเสียงเรียบ พยายามเก็บอาการตื่นเต้นไว้
"ข้าไม่ได้มาขายปลีก" ลู่เมิ่งตอบ "ข้ากำลังมองหาตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในเมืองเจียงหนาน และข้าคิดว่า เรือนผกามาศ ของท่านเหมาะสมที่สุด"
เถ้าแก่เนี้ยเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา! ไม่เพียงมีของดี แต่ยังรู้จักวิธีการเจรจาธุรกิจอีกด้วย!
"น่าสนใจ... ว่าข้อเสนอของเ้ามา" นางเชิญลู่เมิ่งเข้าไปคุยในห้องด้านหลังร้าน
การเจรจาเป็ไปอย่างเข้มข้น เถ้าแก่เนี้ยพยายามจะกดราคาให้ต่ำที่สุดโดยอ้างว่ามันเป็สินค้าใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก ส่วนลู่เมิ่งก็ยืนกรานในราคาของตนโดยชี้ให้เห็นถึงคุณสมบัติที่เหนือกว่าสินค้าทุก ชนิดในตลาดและศักยภาพในการทำกำไรมหาศาล
"ข้าจะส่งให้ท่านในราคาส่งก้อนละหนึ่งร้อยอีแปะ โดยท่านสามารถนำไปตั้งราคาขายเองได้ตามใจชอบ แต่ข้าแนะนำว่าไม่ควรต่ำกว่าสามร้อยอีแปะ" ลู่เมิ่งกล่าว "และข้าขอเบิกเงินล่วงหน้าครึ่งหนึ่งสำหรับค่าวัตถุดิบในการผลิตล็อตแรกจำนวน หนึ่งร้อยก้อน"
"หนึ่งร้อยอีแปะ! เ้าจะบ้ารึ!" เถ้าแก่เนี้ยแทบจะล้มหงายหลัง "ก้อนขี้เถ้าด่างที่ดีที่สุดยังราคาแค่ห้าสิบอีแปะเท่านั้น!"
"นั่นเพราะมันมีกลิ่นเหม็นและทำให้มือแห้งสากไม่ใช่รึ?" ลู่เมิ่งสวนกลับอย่างใจเย็น "ท่านลองคิดดูสิ... ฮูหยินและคุณหนูในจวนชั้นสูงทั้งหลาย พวกนางยอมจ่ายเงินหลายตำลึงเพื่อซื้อครีมไข่มุกที่ทาแล้วขาวเพียงชั่วครู่ แต่กลับต้องทนใช้ของทำความสะอาดที่หยาบกระด้าง... หากมีของที่ทำให้พวกนางรู้สึกราวกับได้อาบน้ำนมและกลิ่นหอมของดอกไม้ทุกวัน ท่านคิดว่าเงินเพียงสามร้อยอีแปะ พวกนางจะลังเลที่จะจ่ายหรือ?"
ทุกคำพูดของนางคือการสะกิดแผลใจของเหล่าสตรีผู้รักงาม!
สุดท้าย เถ้าแก่เนี้ยก็ยอมตกลงในราคาเก้าสิบอีแปะต่อก้อน และยอมจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าเป็เงินถึงสี่ตำลึงกับอีกห้าร้อยอีแปะ!
ลู่เมิ่งรับเงินก้อนใหญ่มาด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย นี่คือความสำเร็จก้าวใหญ่ที่สุดในชีวิตใหม่ของนาง!
หลังจากทำสัญญาและนัดหมายวันส่งของเรียบร้อยแล้ว ลู่เมิ่งก็จูงมืออาเป่าออกมาจากร้านด้วยหัวใจที่พองโต นางพาน้องชายไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อดี และซื้อขนมถังหูลู่เคลือบน้ำตาลหวานฉ่ำให้เขากินสมใจอยาก
อาเป่ากัดขนมคำโตอย่างมีความสุข "พี่หญิง... พวกเราร่ำรวยแล้วหรือขอรับ?"
ลู่เมิ่งหัวเราะเบาๆ "ยังหรอก...นี่ยังเป็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น"
ทว่า... ขณะที่สองพี่น้องกำลังเดินชมเมืองอย่างมีความสุขนั้นเอง สายตาคู่หนึ่งก็จับจ้องมาที่นางจากมุมมืดของตรอกเล็กๆ
มันคือลูกสมุนของหัวหมู่จ้าว! มันแอบตามนางมาั้แ่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้!
[ตรวจพบการถูกติดตาม! บุคคลดังกล่าวมีเจตนาไม่ดี! แนะนำให้หาที่หลบภัยในที่ชุมชนทันที!]
หัวใจของลู่เมิ่งหล่นวูบ! นางรู้ทันทีว่าแผนการของหัวหมู่จ้าวคืออะไร... มันไม่ได้้าร่วมมือกับนางั้แ่แรก แต่มัน้า ขโมย เส้นทางการค้าของนาง! มันคงคิดจะรอให้นางเจรจาธุรกิจให้เรียบร้อย แล้วจึงชิงตัวนางไปบังคับให้คายสูตรลับออกมา!
"อาเป่า วิ่ง!"
ลู่เมิ่งไม่รอช้า นางคว้าแขนน้องชายแล้วออกวิ่งทันที! นางวิ่งเข้าไปในตลาดสดที่ผู้คนเบียดเสียดกันแน่นขนัดที่สุดเพื่ออาศัยฝูงชนเป็ ที่กำบัง
"เฮ้! หยุดนะ!" เสียงะโไล่หลังมาติดๆ
นางวิ่งซิกแซ็กไปมา หลบหลีกผู้คนและแผงขายของอย่างทุลักทุเล อาเป่าตัวเล็กวิ่งตามไม่ทันจนเกือบล้มไปหลายครั้ง
"พี่หญิง... ข้า...ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว" เด็กน้อยหอบหายใจอย่างหนัก
ลู่เมิ่งกัดฟันกรอด นางเหลือบไปเห็นกองลังไม้สูงท่วมหัวที่วางอยู่ข้างร้านขายธัญพืช นางรีบดันน้องชายเข้าไปซ่อนในซอกระหว่างลังกับกำแพง
"ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ห้ามส่งเสียงเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เข้าใจไหม!" นางสั่งเสียงเฉียบขาด
"แล้วพี่หญิงล่ะขอรับ?" อาเป่าถามทั้งน้ำตา
"พี่จะไปล่อมันไปทางอื่น แล้วจะกลับมารับเ้า" นางจูบหน้าผากน้องชายเร็วๆ ก่อนจะวิ่งออกไปอีกทางหนึ่ง เพื่อดึงดูดความสนใจของคนที่ไล่ตามมา
นางวิ่งอย่างไร้ทิศทางเข้าไปในตรอกที่ซับซ้อนราวกับเขาวงกต จนในที่สุดก็มาจนมุมที่ท้ายซอยตัน!
ลูกสมุนสองคนของหัวหมู่จ้าวเดินเข้ามาปิดทางออก ใบหน้าของพวกมันประดับด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย
"วิ่งอีกสิ... นังเด็กฉลาด" หนึ่งในนั้นพูดเย้ยหยัน "ดูซิว่าคราวนี้เ้าจะหนีไปไหนได้อีก"
ลู่เมิ่งยืนหอบหายใจพิงกำแพง ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีไล่ แต่ก็ไม่มี... ในมือของนางไม่มีอาวุธอะไรเลยนอกจากความว่างเปล่า
"เถ้าแก่เนี้ยน้อย... ส่งสูตรลับนั่นมาให้พวกข้าเสียดีๆ แล้วพวกข้าจะปล่อยเ้าไปอย่างสงบ" อีกคนพูดพลางควงมีดสั้นในมือเล่นอย่างน่าหวาดเสียว
[อันตรายระดับสูงสุด! ความน่าจะเป็ในการเอาชีวิตรอดต่ำกว่า 1%!]
สมองของลู่เมิ่งทำงานอย่างบ้าคลั่ง... ต้องมีทางสิ... ต้องมีทางรอดสิ!
ทันใดนั้น... สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นกระสอบขี้เถ้าสีดำที่วางพิงกำแพงอยู่ใกล้ๆ!
ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็ความตายนั้นเอง... สัญชาตญาณของนักเคมีก็ฉายประกายเจิดจ้าขึ้นมา!
นางแสร้งทำท่ายอมแพ้ ยกมือขึ้นช้าๆ "ก็ได้...พวกท่านชนะ...สูตรนั่นข้าซ่อนไว้ในเสื้อ"
นางทำทีเป็ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ การกระทำของนางดึงสายตาของชายโฉดทั้งสอง ให้จับจ้องไปที่หน้าอกของนางอย่างละโมบ พวกมันลดการป้องกันลงโดยไม่รู้ตัว รอคอยที่จะได้เห็น สูตรลับที่เป็ดั่งขุมทรัพย์
แต่ในจังหวะที่พวกมันเผลอนั้นเอง มืออีกข้างของลู่เมิ่งที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวก็เคลื่อน ไหวอย่างรวดเร็ว! มันไม่ได้คว้าอากาศธาตุ แต่กำเข้ากับสิ่งที่อยู่ข้างๆ ... มันเป็ กองขี้เถ้าละเอียดสีดำสนิทที่มีคนกวาดออกมาจากเตาปรุงอาหารแล้วทิ้งไว้จนเย็นสนิทอยู่ข้างกำแพง!มันคือเศษซากจากครัวของร้านอาหารที่อยู่ติดกันเป็สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในตรอกซอกซอยของยุคนี้!
ในธุลีสีดำนั้นยังปะปนไปด้วยเศษผงถ่านและฝุ่นดินที่แห้งกรัง มันคืออาวุธของคนจนตรอก... คืออาวุธของนางในยามนี้!
"เปิดตาของพวกเ้าให้สว่างเสียหน่อยเถอะ!"
นางตวาดลั่น! พร้อมกับสาดขี้เถ้าที่กำไว้เต็มสองกำมือเข้าใส่ใบหน้าของพวกมันทั้ง สองคนอย่างแรง!
ฟุ่บ!
เมฆาแห่งธุลีสีดำมรณะได้ะเิขึ้นตรงหน้า! มันไม่ได้แค่แสบร้อนเหมือนพริกป่น แต่มันคือหายนะที่สมบูรณ์แบบ!
"อ๊ากกกกกกก!"
"แค่ก! แค่ก! ข้าหายใจไม่ออก!"
เสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานดังลั่นตรอก พวกมันไม่ได้แค่แสบตา แต่ขี้เถ้าละเอียดได้พุ่งเข้าสู่ดวงตา จมูก และปากพร้อมๆ กัน พวกมันยกมือขึ้นขยี้ใบหน้าอย่างบ้าคลั่ง แต่ยิ่งขยี้ ฝุ่นผงก็ยิ่งแทรกซึมลึกเข้าไปในดวงตาทำให้มองอะไรไม่เห็น ทั้งยังสำลักจนหน้าดำหน้าแดง ไอโขลกๆ อย่างน่าสมเพช
มันคือจังหวะเดียวที่นางมี! คือประตูสู่ชีวิตที่เปิดออกเพียงเสี้ยวลมหายใจ!
ลู่เมิ่งไม่รอช้านางพุ่งเข้าใส่ช่องว่างระหว่างร่างของชายสองคนที่กำลังทุรนทุรายไม่ต่างอะไรกับสุนัขตาบอด นางใช้ไหล่กระแทกเข้าที่ซี่โครงของคนหนึ่งอย่างแรงจนมัน เซถลาไปชนกำแพง แล้วอาศัยจังหวะนั้นวิ่งทะลุผ่านม่านธุลีสีดำออกไป
นางวิ่งสุดชีวิตโดยไม่หันกลับไปมอง! ทิ้งไว้เพียงเสียงร้องโหยหวนและคำสาปแช่ง ที่ไล่หลังมา...
นางวิ่งกลับไปทางที่ซ่อนอาเป่าไว้ คว้าแขนน้องชายแล้ววิ่งต่อไปยังถนนใหญ่ที่มีผู้คน พลุกพล่านที่สุด... ที่นั่น... คือที่ที่นางจะปลอดภัยที่สุด...
นางวิ่งจนหมดแรง... จนมาหยุดหอบอยู่ที่หน้าจวนที่ทำการของทางการ... ที่นั่น... นางทรุดลงกับพื้น กอดน้องชายไว้แน่น... ร่างกายของนางสั่นสะท้าน... แต่ั์ตา... กลับลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความเด็ดเดี่ยวที่มากกว่าเดิมเป็ร้อยเท่า