แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไร้ประโยชน์สำหรับซูเซวียนในตอนนี้
แต่สำหรับตระกูลซูสิ่งเหล่านี้ยังคงสำคัญยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าซูเซวียนตั้งใจจะบ่มเพาะตระกูลซูให้เจริญรุ่งเรือง
ด้านหนึ่งเพราะเขาเป็ประมุขตระกูลซูและมีความรับผิดชอบและพันธะสัญญานี้
อีกด้านหนึ่งก็เพราะเมื่อตอนที่เขาข้ามมิติมาใหม่ๆตระกูลซูปฏิบัติต่อเขาดีมากช่วยบ่มเพาะเขามาตลอดทางและสุดท้ายส่งต่อตำแหน่งประมุขตระกูลให้เขา
ดังนั้นไม่ว่าด้วยเหตุผลใดเขาย่อมไม่อาจลืมตระกูลซูได้
ในทันที
ด้วยความคิดแผ่นหยก,ตำรา,ทรัพยากรสมบัติและอื่นๆในฝ่ามือของซูเซวียนหายไปทั้งหมดแต่ละชิ้นกลับคืนสู่ตระกูลซู
เช่นตำราและแผ่นหยกถูกวางไว้ในหอตำราตระกูลซู
ทรัพยากรการบ่มเพาะและสมบัติฟ้าดินถูกเก็บไว้ในคลังสมบัติ
อาวุธและสมบัติถูกวางไว้ในคลังอาวุธ
ในพริบตาตระกูลซูรากฐานทั้งหมดที่สำนักปี้เซวียนสะสมมาหลายปีเรียกได้ว่าทะยานขึ้นทันที
ทว่าสำหรับซูเซวียนนี่ยังห่างไกลจากคำว่าพอ
เมื่อเขาตั้งใจจะบ่มเพาะตระกูลซูเขาย่อมไม่ทำแบบผิวเผินสำนักปี้เซวียนเพียงแห่งเดียวไม่ใช่เป้าหมายของเขาเลย
“อย่างน้อยที่สุดต้องบ่มเพาะให้เป็ขุมอำนาจะหรือกระทั่งเป็ขุมอำนาจสูงสุดในโลกนี้…”
ยิ่งกว่านั้นซูเซวียนยังมีความทะเยอทะยานในใจให้ทั้งตระกูลบรรลุการขึ้นสู่ความเป็ะให้ทั้งตระกูลขึ้นสู่์
เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ทรัพยากรของสำนักปี้เซวียนย่อมไม่เพียงพอ
“แต่ไม่ต้องรีบร้อนมันไม่อาจสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืนยังต้องขัดเกลาและพัฒนาไปพร้อมกัน…”
ซูเซวียนรู้ว่าความรีบร้อนนำมาซึ่งความสูญเสียดังนั้นเขาตัดสินใจให้ตระกูลซูใช้รากฐานของสำนักปี้เซวียนนี้ให้หมดก่อน
ในขณะนี้สมาชิกตระกูลซูก็กลับมามีสติ
ซูเซวียนอธิบายตามธรรมชาติว่ารากฐานทั้งหมดของสำนักปี้เซวียนถูกมอบให้ตระกูลซูแล้วและสมาชิกตระกูลย่อมตื่นเต้นและดีใจอย่างยิ่ง
ทันทีพวกเขาพุ่งเข้าไปในหอตำราและคลังสมบัติโดยไม่ลังเลแม้แต่ผู้าุโตระกูลที่น่านับถือก็ไม่ยกเว้น
ทีละคนพวกเขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งทิ้งความคิดเื่ความสง่างามะและมารยาทตระกูลไปทั้งหมด
เมื่อมองภาพนี้ซูเซวียนรู้สึกคุ้นเคยราวกับฉากวิ่งไปที่โรงอาหารหลังเลิกเรียนในชาติก่อน
ทันที
เขามองไปที่ฝ่ามือของเขาซึ่งเหลือเพียงก้อนหินเล็กๆที่ปกคลุมด้วยค่ายกลหนาแน่น
มันดูไม่น่าสนใจแต่สายตาของเขาสามารถทะลุภาพลวงตาเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงใต้หินสีเข้มนั้นในทันที
มันเป็สีทองเข้มทั่วทั้งชิ้นปกคลุมด้วยร่องรอยเต๋าล้อมรอบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมด้วยเสน่ห์ศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติรวบรวมพลังแห่งฟ้าดินแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และจันทรางดงามและหายากในโลก
นี่คือทองจักรพรรดิชิ้นเล็กที่สำนักปี้เซวียนได้มา
เห็นได้ชัดว่าสำนักปี้เซวียนกลัวว่ากลิ่นอายของมันจะรั่วไหลออกไปและดึงดูดผู้อื่นมาแย่งชิง
ดังนั้นพวกเขาใช้วิชาลับเพื่อผนึกมันไว้ในหินและปกคลุมพื้นผิวด้วยค่ายกล
ทว่าภายใต้สายตาราชันะของซูเซวียนไม่มีสิ่งใดรอดพ้นไปได้
วินาทีต่อมาหินกลายเป็ผงและทองจักรพรรดิภายในนั้นปรากฏสู่โลกอีกครั้ง
ทันทีที่กลิ่นอายของมันกระจายออกมันถูกผนึกไว้ในฝ่ามือของซูเซวียนไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้แม้แต่น้อย
“สีทองเข้มปกคลุมด้วยร่องรอยเต๋านี่น่าจะเป็หนึ่งในทองจักรพรรดิคือทองเต๋าลึกล้ำ”
ทองจักรพรรดิไม่ใช่ประเภทเดียวแต่เป็ชื่อรวมที่จริงแล้วแบ่งออกเป็หลายชนิดทองเต๋าลึกล้ำเป็หนึ่งในนั้น
อื่นๆรวมถึงทองิญญาเจ็ดสี,ทองแท้แห่งมหาสุริยันและอื่นๆ
ทั้งหมดนี้หายากยิ่งนักคนธรรมดาอาจไม่มีวันได้เห็นในชั่วชีวิตมีอยู่เฉพาะในขุมอำนาจใหญ่เท่านั้น
ทันที
ซูเซวียนนึกถึงทองจักรพรรดิชิ้นที่อยู่ในตระกูลซู
สายตาของเขากวาดผ่านทะลุภาพลวงตาตรวจสอบตระกูลซูทั้งภายในและภายนอกในทันที
ไม่นานด้วยความคิดก้อนหินที่ใช้ค้ำขาโต๊ะปรากฏในมือของเขา
สีหน้าของซูเซวียนดูแปลกประหลาดเพราะก้อนหินนี้ถูกวางไว้ใต้ขาโต๊ะด้วยมือของเขาเอง
เมื่อตอนที่เขาจัดการเื่ตระกูลก่อนหน้านี้เขาเห็นโต๊ะไม่สมดุลและบังเอิญเห็นก้อนหินในห้อง
เขาจึงหยิบมันขึ้นมาโดยไม่คิดและวางไว้ใต้ขาโต๊ะ
เมื่อนึกย้อนกลับไปก้อนหินที่ถูกวางในห้องของประมุขตระกูลย่อมไม่ใช่วัตถุธรรมดา
เมื่อมองก้อนหินในฝ่ามือซูเซวียนเห็นได้ในพริบตาว่าทองจักรพรรดิภายในนั้นก็เป็ทองเต๋าลึกล้ำ
พื้นผิวของมันย่อมปกคลุมด้วยค่ายกลมากมายลึกซึ้งและลึกลับยิ่งกว่าของสำนักปี้เซวียน
ทว่าด้วยการผ่านไปของกาลเวลาค่ายกลหลายอันถูกกัดกร่อนและพลังบางส่วนรั่วไหลออกมาซึ่งเป็เหตุผลที่สำนักปี้เซวียนััได้
“จากค่ายกลเหล่านี้บรรพบุรุษของตระกูลซูต้องไม่ธรรมดา…”
ซูเซวียนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่าความรุ่งเรืองของตระกูลซูในอดีตอันไกลโพ้นนั้นเป็อย่างไร
“ก็ดีข้าอยู่เฉยๆงั้นไปดูสักหน่อย”
ด้วยความคิดวินาทีต่อมาร่างของซูเซวียนพร่ามัวราวกับเขาเข้าสู่อีกมิติหนึ่งจากโลกแห่งความจริง
ที่นี่ความว่าเปล่าแตกสลาย กาลเวลาไหลเวียนและฝนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
จากนั้นแม่น้ำอันกว้างใหญ่และยิ่งใหญ่ก็ปรากฏ
จุดเริ่มต้นไม่รู้จุดสิ้นสุดไม่รู้ความกว้างไม่รู้ความยาวไม่รู้…
มันราวกับมีอยู่ั้แ่การสร้าง์และโลกโบราณเก่าแก่ยาวนานและตำนานไม่อาจอธิบายได้แม้เพียงเสี้ยว
นี่คือแม่น้ำแห่งกาลเวลา
มันบันทึกเหตุการณ์ใหญ่เล็กทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโลกนี้ั้แ่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน
และสถานที่นี้ยังเป็ที่รู้จักในฐานะเขตต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิต
เพราะกาลเวลาเหนือกว่าทุกสิ่ง สิ่งมีชีวิตใดที่พยายามย่างกรายมาที่นี่จะต้องเผชิญกับการตอบโต้ของกาลเวลา
และหากผู้ใด้าส่องมองอดีตการตอบโต้จะยิ่งเกินจินตนาการ
ทว่าสำหรับซูเซวียนที่กลายเป็ราชันะสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่มีความหมาย
พลังที่ตกลงมาบนตัวเขาถูกบดขยี้โดยอัตโนมัติด้วยร่างราชันะของเขาที่ไม่ยอมจำนนต่อกฎใดๆไร้เทียมทานต่อทุกสรรพสิ่ง
ท้ายที่สุด
นี่เป็เพียงแม่น้ำแห่งกาลเวลาของโลกนี้พูดให้ชัดคือมันเป็เพียงสาขาย่อยเล็กๆ
ในขณะนี้
ซูเซวียนก้าวเข้าสู่แม่น้ำแห่งกาลเวลามองข้ามพลังที่ตกลงมาที่สามารถทำให้แม้แต่จักรพรรดิยิ่งใหญ่ล่มสลาย
เขาเดินอย่างสบายราวกับอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเองก้าวไปข้างหน้าท้าทาย์ย้อนกลับไป
ใต้ฝ่าเท้าของเขาคลื่นปรากฏขึ้นเป็ครั้งคราว
สิ่งที่สามารถก่อให้เกิดคลื่นในแม่น้ำแห่งกาลเวลาย่อมไม่ธรรมดาตลอดประวัติศาสตร์
เช่นคลื่นใต้ฝ่าเท้าของซูเซวียนในขณะนี้บันทึกประวัติศาสตร์ของบุคคลที่น่าทึ่งที่พยายามทะลวงสู่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ถึงแม้จะล้มเหลวแต่ก็ก้าวเข้าไปได้ครึ่งก้าว
ยังมีคลื่นที่ใหญ่กว่านี้ซึ่งบันทึกประวัติศาสตร์ของชายหนุ่มที่ลุกขึ้นจากความมืดมิดปราบวีรบุรุษทั้งปวงท้าทาย์ขึ้นสู่จุดสูงสุดและสุดท้ายบรรลุเต๋ากลายเป็จักรพรรดิพยายามขึ้นสู่ความเป็ะท้าทาย์แต่โชคร้ายที่ล้มเหลวในท้ายที่สุด
มีตัวอย่างเช่นนี้มากมายนับไม่ถ้วน
กาลเวลาเปรียบเหมือนประวัติศาสตร์โบราณบันทึกทุกสิ่งั้แ่สมัยโบราณถึงปัจจุบัน
ซูเซวียนเดินย้อนกลับไปสังเกตตลอดทางรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง
เขาเหมือนผู้สังเกตการณ์เห็นการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์มากมายการขึ้นและลงของราชวงศ์ความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและอื่นๆ
ในกระบวนการนี้เขาเห็นตระกูลซูเช่นกันแต่ยิ่งมองย้อนกลับไปเขายิ่งค้นพบความไม่ธรรมดาของตระกูลซู
สุดท้ายซูเซวียนข้ามประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไปและมาถึงตระกูลซูในสมัยโบราณ
ตระกูลซูในยุคนั้นไม่ต้องสงสัยว่ารุ่งเรืองอย่างยิ่ง
มีผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตนิพพานและราชันมากมายผู้ทรงพลังระดับนักบุญไม่น้อยและกระทั่งมีกึ่งจักรพรรดิปกครองแข็งแกร่งกว่าสำนักปี้เซวียนในปัจจุบันมาก
ทว่าสิ่งที่ทำให้ซูเซวียนประหลาดใจที่สุดคือเขาเห็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในตระกูลซู
“์ ไม่น่าแปลกใจที่ไม่ธรรมดาที่แท้บรรพบุรุษของพวกเขาเป็จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่”