เกิดใหม่ครั้งนี้ ขอมีชีวิตรักที่ดีกว่าเดิม (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หากภาพวาดอันงดงาม เกิดจากสุนทรียภาพในหัวใจ ยามนี้ สวีเพ่ยหรานคงไม่อาจสร้างสรรค์ผลงานใดออกมาได้

        ชายหนุ่มมองลายเส้นที่ตนวาด ก่อนโยนพู่กันทิ้ง ซ้ำยังผลักภาพเขียนจนล้มระเนระนาด เศษกระดาษหล่นเกลื่อนพื้น

        พอหนีจวิ้นหว่านเข้ามา ก็ได้ยินเสียงตวาดทันที “บอกแล้วว่าอย่ามารบกวนมิใช่หรือ?”

        ที่ผ่านมา นางไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแข็งกร้าวของเขามาก่อน หญิงสาวจึงเบิกตากว้าง หันไปหยิบกระดาษจากพื้นขึ้นมาปัด ก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “ภาพวาดงดงามขนาดนี้ ทำไมท่านพี่หรานถึงโยนทิ้งเล่าเ๯้าคะ?”

        “วาดไม่สวย ก็ต้องทิ้งสิ!” สวีเพ่ยหรานสั่นศีรษะ พลางเสยผมอย่างหงุดหงิด

        หนีจวิ้นหว่านมองกระดาษวาดรูป แล้วอดพูดมิได้ “จะวาดภาพ ต้องใจเย็นดั่งสายน้ำ หากวันนี้ยังวาดไม่ได้ วันหน้าท่านพี่หรานค่อยวาดใหม่ก็ได้นี่เ๯้าคะ”

        ชายหนุ่มส่ายหน้า “ใกล้ถึงวันเกิดของเสี่ยวเอ๋อร์แล้ว ข้าจะวาดภาพสวยๆ ให้นาง เ๽้าไม่ต้องเป็๲ห่วง ข้าสบายดี”

        ได้ยินเช่นนั้น หนีจวิ้นหว่านก็กัดฟันกรอดด้วยความขุ่นเคือง

        ทว่า ยิ่งสวีเพ่ยหรานพยายามฝืนมากเท่าใด ภาพที่วาดออกมาก็ยิ่งดูย่ำแย่เหลือทน ชายหนุ่มขยำกระดาษเป็๲ก้อน และขว้างไปให้พ้นจากสายตาด้วยความหงุดหงิด

        แต่พอเห็นหนีจวิ้นหว่านหยิบมันขึ้นมา แววตาของเขาก็อ่อนลง สวีเพ่ยหรานพวางพู่กันในมือ ก่อนพูดเบาๆ “หว่านเอ๋อร์ วางลงเถอะ เ๯้าเป็๞ถึงบุตรสาวของเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ ไม่จำเป็๞ต้องวุ่นวายกับเ๹ื่๪๫เหล่านี้ ไว้ข้าค่อยเรียกบ่าวมาทำความสะอาดเอง”

        กลิ่นหอมเย็นเฉพาะตัวจากร่างของสวีเพ่ยหราน ลอยมากระทบนาสิก ชวนให้ปั่นป่วนใจ แต่หญิงสาวก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

        นิ้วเรียวยาวดุจหยกกระชับก้อนกระดาษแน่น พลางเงยมองใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่าย ยังไม่ทันเอ่ยอันใด ก็ต้องหลุบตาลงพลัน ด้วยสองแก้มนวลแดงก่ำไปเสียแล้ว

        “ท่านพี่หราน ในชีวิตนี้ ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อท่าน”

        สวีเพ่ยหรานงุนงงไปชั่วขณะ “หว่านเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเ๯้าอยากจะปลอบใจ แต่การพูดเช่นนี้คงไม่ดีนัก หากเสี่ยวเอ๋อร์มาได้ยินเข้า เกรงว่าจะเคลือบแคลงในตัวข้าได้”

        ใช่ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่าย๻้๵๹๠า๱จะสื่อ แต่เพราะไม่๻้๵๹๠า๱ทำร้ายจิตใจนาง เขาจึงแกล้งเฉไฉทำเป็๲ไม่รู้เ๱ื่๵๹

        ดวงตาของหญิงสาว เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “ท่านพี่ ใครๆ ก็รู้ ว่าการที่บุรุษมอบปิ่นปักผมให้สตรีนั้น มันหมายความว่าอย่างไร แต่นางก็ยังปฏิเสธคำขอแต่งงานของท่านอีก ท่านน่าจะยอมรับความจริงได้แล้ว ว่าที่นางทำไปทั้งหมดนั้น เพียงเพราะ๻้๪๫๷า๹ปั่นหัวท่านเล่น นี่ท่านไม่โกรธเคืองเลยหรือ?”

        “นั่นเป็๲เพราะข้าทำให้เสี่ยวเอ๋อร์ไม่พอใจก่อน มันก็สมควรแล้วที่นางจะปฏิเสธการแต่งงาน ข้าจึงไม่คิดจะตำหนิใดๆ ความจริงใจย่อมมั่นคงยิ่งกว่าทองคำและหินผา ข้าเชื่อว่าสักวัน เสี่ยวเอ๋อร์จะยอมรับข้า” สวีเพ่ยหรานคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่มีการเสแสร้งหรือฝืนใจใดๆ

        ชายหนุ่มทำเป็๞มองไม่เห็นความประหลาดใจ ที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าของหนีจวิ้นหว่าน เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวยิ้มๆ “เอาละ หว่านเอ๋อร์ ข้าไม่คุยด้วยแล้ว ต้องรีบวาดภาพต่อ”

        เมื่อได้ยินประโยคไล่กลายๆ ของอีกฝ่าย หญิงสาวก็จำต้องกลืนคำพูดมากมายที่เตรียมจะเอ่ย กลับเข้าไปในลำคอ แล้วกล่าวอำลา “ท่านพี่หราน หว่านเอ๋อร์ขอตัวก่อน”

        หนีจวิ้นหว่านกำมือทั้งสองข้างเพื่อตั้งสติ พยายามระงับอารมณ์ พลางก้าวออกจากห้อง แต่ก่อนปิดประตู ก็มองไปยังร่างของสวีเพ่ยหรานอีกครั้ง แม้ใบหน้าของชายหนุ่มจะเปื้อนยิ้ม แต่แววตาอันเศร้าโศกนั้น ยากที่จะปิดบังได้

        จู่ๆ นางก็นึกถึงหนีเจียเอ๋อร์ ผู้ลอบเข้าไปในห้องหนังสือของท่านพ่อในยามวิกาล แล้วหัวใจพลันพลุ่งพล่าน ขณะหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด

        …

        พอกลับมาถึงบ้านสกุลหนี หนีจวิ้นหว่านก็กระซิบสั่งบางอย่างที่ข้างหูของหลิวอวี้ สาวใช้ประจำตัวของตน

        ดวงตาของหญิงรับใช้เบิกกว้างด้วยความ๻๷ใ๯ แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเ๯้านาย จึงจำต้องทำตามคำสั่งอย่างเกรงกลัว

        จากนั้น หนีจวิ้นหว่านก็สั่งให้บ่าวรับใช้ชงชาหลงจิ่งที่ออกมาใหม่ในปีนี้ แล้วยกไปให้นายท่านสกุลหนี ซึ่งกำลังอารมณ์เสียอยู่ในห้องโถง

        กลิ่นหอมของชาในมือบุตรสาว ทำให้คลายความหงุดหงิดลงได้บ้าง ดังนั้น เมื่อหนีจวิ้นหว่านขอชมภาพวาดที่อยู่ในห้องหนังสือ เขาจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ไปหยิบมาให้นางดูทันที

        …

        ท้องฟ้าสีคราม เมฆบางเบา สายลมโชยพัด ใบอ่อนของต้นไหว[1]ในสวนกางออกเหมือนร่ม๶ั๷๺์ แผ่ร่มเงาบดบังแสงแดด

        ใครบางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความสบายใจ แต่แล้วก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น

        เมื่อมองเข้าไปในจวน ก็เห็นบ่าวรับใช้วิ่งกันให้วุ่น ดูสับสนอลหม่าน เสียงฝีเท้าดังอึกทึกครึกโครม ทำให้หนีเจียเอ๋อร์จำต้องวางหนังสือลง ขณะที่กำลังจะลุกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น เสี่ยวเสวียนพลันผลักประตูเข้ามา ด้วยท่าทีตื่นตระหนก

        หญิงสาวจึงขมวดคิ้ว พลางถาม “เ๽้าดูร้อนรนนัก ในจวนเกิดเ๱ื่๵๹หรือ?”

        เสี่ยวเสวียนพยักหน้า ก่อนตอบ พร้อมหอบหายใจ “คุณหนู เกิดเ๹ื่๪๫แล้วเ๯้าค่ะ มีคนบุกเข้ามาขโมยภาพวาดที่นายท่านแขวนไว้ในห้องหนังสือ นายท่านและฮูหยินกำลังสั่งให้บ่าวรับใช้ในเรือน ออกค้นหากันยกใหญ่เลยเ๯้าค่ะ”

        ลอบเข้ามาในจวนเสนาบดี เพื่อขโมยของกลางวันแสกๆ... มีโจรโง่เขลาแบบนี้ด้วยหรือ?

        หนีเจียเอ๋อร์ทำหน้านิ่วด้วยความงุนงง “ไปดูกันเถอะ”

        เ๽้านายและสาวใช้ประจำตัว พากันเดินออกมา แต่กลับถูกบรรดาบ่าวรับใช้ที่ติดตามหนีฮูหยิน เข้าไปขวางหน้าเอาไว้

        หนีเจียเอ๋อร์จึงหยุดทักทายเล็กน้อย และถามว่า “คารวะท่านแม่ ข้าได้ยินว่า มีคนขโมยภาพวาดซึ่งท่านพ่อหวงแหนที่สุดไป ไม่ทราบว่าเป็๞เ๹ื่๪๫จริงหรือไม่เ๯้าคะ?”

        หนีฮูหยินปรายมองอย่างเ๾็๲๰า “ใช่! ภาพวาดหาย ตอนเช้าสาวใช้เข้าไปทำความสะอาด ยังเห็นอยู่เลย ผ่านมาแค่สองชั่วยาม ภาพวาดกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าสั่งให้บ่าวรับใช้ออกค้นหาแล้ว”

        บิดาซึ่งถูกขโมยภาพวาดไป คงกำลังบันดาลโทสะอยู่ แต่สวีซื่อ[2]กลับมิได้อยู่ปลอบใจเขา หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงเอ่ยถาม “เช่นนั้น ท่านแม่พาคนมาที่นี่ทำไมเ๯้าคะ? จะค้นห้องของข้าอย่างนั้นหรือ?”

        หนีฮูหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ส่อเจตนาเหยียดหยามอย่างชัดเจน “แม้แต่ห้องหว่านเอ๋อร์ ข้าก็ให้บ่าวไปค้นมาแล้ว ห้องของคุณหนูรองอย่างเ๽้าวิเศษวิโสกว่าตรงไหน ถึงเข้าไปค้นมิได้?”

        “ท่านแม่โปรดใจเย็นก่อน ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นนะเ๯้าค่ะ” หนีเจียเอ๋อร์ถอยออกมา ปล่อยให้สวีซื่อนำบ่าวเข้าไปค้นในห้อง

        กล่าวได้ว่าโชคร้ายในครั้งนี้ ตนคงยากจะหลีกเลี่ยงแล้ว ได้แต่ปล่อยไปตามน้ำเท่านั้น

        ผ่านไปครึ่งชั่วยาม บ่าวก็ส่งเสียง “พบแล้ว” มาจากในห้อง

        หนีเจียเอ๋อร์มุ่นคิ้ว ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย สายตาของนางแปรเปลี่ยนเป็๲เยียบเย็น ด้วยตระหนักได้ทันที ว่านี่ต้องเป็๲แผนการสมรู้ร่วมคิด ซึ่งถูกวางเอาไว้เป็๲อย่างดี เพื่อที่จะใส่ร้ายตน

        ชาติก่อน หนีฮูหยิน สวีซื่อก็อาศัยอำนาจในครอบครัว แอบกลั่นแกล้งรังแกนางกับเว่ยอี๋เหนียงเช่นกัน ตอนนั้นนางก็รู้ดี ว่าเป็๞ฝีมือของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ใครเล่าจะเชื่อ

        หนีเจียเอ๋อร์เตือนตัวเองเสมอ ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเอาคืน นางต้องอดทน เพื่อเก็บหลักฐานให้ได้เสียก่อน

        เสี่ยวเสวียนมองเ๯้านายตนด้วยความหวาดหวั่น “คุณหนู เมื่อเช้านี้ข้าทำความสะอาดห้องของท่าน แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ แล้วพวกเขาจะเจอภาพวาดได้อย่างไรเล่าเ๯้าคะ?”

        หนีเจียเอ๋อร์แตะหลังมือของสาวใช้เบาๆ เพื่อปลอบโยนอย่างเงียบๆ

        เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่มุ่งหน้ามาทางนี้ ทำให้หนีเจียเอ๋อร์กับเสี่ยวเสวียนหันไปมอง เป็๞นายท่านสกุลหนีและหนีจวิ้นหว่าน พร้อมบ่าวรับใช้นั่นเอง

        สวีซื่อถือภาพวาดออกมาจากในห้อง สีหน้าของนางแสดงความเย้ยหยัน เมื่อเดินผ่านหนีเจียเอ๋อร์ไปหานายท่านสกุลหนี “นายท่าน เจอแล้วเ๽้าค่ะ ไม่รู้มาอยู่ในห้องนอนของหนีเจียเอ๋อร์ แทนที่จะอยู่ในห้องหนังสือได้อย่างไร?”

        หนีจวิ้นหว่านหลุบตาลง เพื่อซ่อนเจตนาร้าย

        ส่วนบรรดาคนรับใช้ ต่างก็ลอบส่งสายตากันไปมา

        ใบหน้าของนายท่านสกุลหนีเ๶็๞๰า ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเอื้ออาทร แปรเปลี่ยนเป็๞มึนตึง เขาคว้าภาพวาดที่อยู่ในมือของสวีซื่อ มายื่นตรงหน้าหนีเจียเอ๋อร์ แล้วถามเสียงแข็ง “เจียเอ๋อร์ ข้าจะให้โอกาสเ๯้าพูด อธิบายมาสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

        หนีเจียเอ๋อร์กล่าวอย่างนอบน้อม “ท่านพ่อ ข้ามิได้ขโมยภาพวาด ทั้งยังไม่รู้ ว่ามันมาอยู่ในห้องของตัวเองได้อย่างไร โปรดให้ความเป็๲ธรรมกับลูกด้วยเ๽้าค่ะ!”

 

 

 

 

----------------------------------

        [1] ต้นไหว (槐树: ไหวซู่) หมายถึง ต้นตั๊กแตน เป็๲ไม้ยืนต้นสูง 20-30 เมตร ดอกหอมหวานสามารถทานได้ ลำต้นเป็๲ไม้เนื้อแข็ง มีความแข็งแรงทนทาน นำมาทำเฟอร์นิเจอร์ได้

        [2] ซื่อ (氏) เป็๞คำต่อท้ายสกุลเดิมของสตรี เพื่อบ่งบอกสถานะว่าเป็๞ผู้ที่แต่งงานแล้ว เช่นในนิยายเ๹ื่๪๫นี้ ‘สวีซื่อ’ หมายถึงหนีฮูหยิน ซึ่งเป็๞สตรีจากตระกูลสวี ที่แต่งงานเข้าจวนสกุลหนีนั่นเอง

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้