เ่ิูคืนสติในที่สุด
เขากวาดตามองทุกชีวิตในชั้นสี่ ความคิดแลบแล่นเมื่อกายแวบวาบ พริบตาเดียวเขาก็มาอยู่ตรงหน้าผนัง เด็กหนุ่มง้างมือต่อยออกไป เสียงครวญแจ่มชัดของัดังจากกล้ามเนื้อและกระดูกของเขา ประหนึ่งมีพลังแห่งัและพยัคฆ์ประสานอยู่ในร่าง
ตูม!
กำแพงะเิไปเสียครึ่ง
แสงสว่างจ้าแสบั์ตาสาดส่องเข้ามาจากภายนอก
เหล่าชาวยุทธ์กระจายตัว ต่างคนต่างก็กรูเข้าหาทางหนีผ่านทางรูกำแพงนั้น
หากมิใช่เพราะเ่ิูทำลายผนังด้านหนึ่ง ทุกคนคงติดกับอยู่ในหอลมฝนปรอยที่ใกล้จะพังทลายนี้ไปแล้ว
เ่ิูไม่ได้ใส่ใจชาวยุทธ์พวกนี้นัก แต่อย่างไรเด็กหนุ่มก็ไม่ได้อยากให้ทุกคนตายอยู่ที่นี่ เขาจะไม่ทิ้งคนเ่าั้ให้ตายอนาถเฉยๆ แน่
นอกเหนือจากเสียงแห่งความร้อนรนและชื่นชมยกย่องแล้ว เ่ิูหยัดยืนอยู่หน้าทางออก มองสภาพการณ์ภายนอก
หลายพันเมตรเหนือขึ้นไปบนอากาศธาตุ มีร่างอันคุ้นเคยประหนึ่งเทวาและเหล่ามารตระหง่านอยู่เหนือเมฆา
ใต้กลิ่นอายสีดำสนิทฟุ้งกระจายผันผวนอยู่ทุกทิศทาง ไอปีศาจประหนึ่งมหาสมุทรบนอากาศเอ่อท้นออกมาจากร่างของเขา แผ่กระจายห่อหุ้มฟากฟ้าจนเกือบหมดสิ้น ไม่อาจรู้ได้ว่าแผ่ไปไกลกี่ลี้ ไร้ผู้ใดมองเห็นสุดปลายทางของมัน ราวกับว่าโลกถึงกาลอวสาน
ไอปีศาจนี้เองคงไม่แคล้วเป็สาเหตุที่ทำให้หอลมฝนปรอยพังทลาย
เยี่ยนปู้หุย!
เขาคือเยี่ยนปู้หุย!
เ่ิูจับต้นชนปลายไม่ถูก
เป็ไปได้อย่างไร? คนโฉดที่สุดแห่งยุคสมัย ไฉนถึงมาเผยตัวในด่านโยวเยี่ยน?
เ่ิูไม่ใช่ตื่นตระหนกธรรมดา
เขาบ้าหรือเปล่า?
ที่เยี่ยนปู้หุยมาที่นี่ ยังไม่ได้รักษาอาการาเ็ใช่หรือไม่?
เขาหายไวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ต่อให้จอมมารหาขีดสุดมิได้ผู้นี้อยู่ในสภาพดีพร้อมก็เถิด เว้นแต่ว่าสมองเขาจะเลอะเลือน เขาจะไม่มีทางมาที่ด่านโยวเยี่ยนตัวคนเดียวเป็อันขาด เหมือนชายชราดื่มยาพิษเพราะขุ่นเคืองที่ตนมีอายุยืนเกินไป แม้ว่าเขาจะแกร่งกว่าและดุร้ายยิ่งกว่า แต่การกระทำนี้ก็มิต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย ตลอดมา เพื่อจะสังหารเขา กองทัพโยวเยี่ยนต้องพยายามอย่างมากเพื่อสร้างแผนการและวางกับดักเพื่อให้เขาออกมา แต่พวกเขาก็เสียแรงเปล่าเพราะทำได้แค่ทำให้เขาาเ็สาหัสเท่านั้น
ใครเล่าจะคิดพิเรนทร์ว่าเยี่ยนปู้หุย ผู้หลบลี้ไปได้อย่างโชคช่วยจะกลับมาวางกับดักตัวเองเช่นนี้
บัดนี้ เ่ิูนึกว่าตนตาฝาด
เขาทำแม้กระทั่งขยี้ตาแล้วเพ่งมองบนฟ้า ร่างที่หยัดยืนบนก้อนเมฆกลางอากาศกว้างนั้น ประหนึ่งร่างของเทพมารล้างโลกา เป็เยี่ยนปู้หุยคนโฉดแห่งยุคสมัยไร้ใครอื่น
“เ้าคือเ่ิู โหวยุทธ์ผู้กล้าของด่านโยวเยี่ยนเ่ิูหรือ?”
เสียงประหลาดใจดังแว่วมาจากด้านหลัง
หนานหัวนั่นเอง
สาวกหญิงงามผู้หยิ่งยโสของพรรคจื่อเวย ไม่ได้สนใจร่างดั่งเทพมารข้างนอกนั้นเลย แล้วก็ไม่สนใจเหล่าชาวยุทธ์ที่หนีตายอลหม่านเหมือนสัตว์ปีกกระพือปีกหรือเดรัจฉานที่โกยอ้าว กระทั่งไม่ฟังเสียงเรียกขานเสียดังของอาจารย์อาเหลียงเฉวียน แต่ร้องออกมาด้วยเพิ่งเข้าใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็ความยินดีหรือความสูญเสียกันแน่
เ่ิูหันหลังกลับไปมอง
ความจริงแล้ว เขาไม่ได้มีความรู้สึกด้านดีใดๆ กับสาวกพรรคจื่อเวยดวงหน้างามนางนี้เลย
เป็หญิงที่มีใจคิดคดวางแผน มองปราดเดียวก็รู้ถึงไส้ เมื่อครู่ที่เอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงปรีดานั่น มันแอบแฝงแผนการที่นางคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว นั่นทำให้เ่ิูรู้สึกไม่สบายใจ เขายุ่งเกี่ยวกับคนประเภทนี้ยิ่งน้อยเท่าใดยิ่งดี
แต่เสียงอุทานของหนานหัวกลับดึงดูดทุกความสนใจของชาวยุทธ์ทั่วชั้นสี่
สายตาที่มองเ่ิูเปลี่ยนแปลงไปตามๆ กัน
“ที่แท้เด็กหนุ่มชุดขาวผู้นี้คือเ่ิู!”
“เขาเป็โหวผู้ทำความดีความชอบที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์อาณาจักรนี่นะ”
“ยามนี้ทั้งอาณาจักรกำลังโจษจัน คนหนุ่มที่แม้แต่ชาวยุทธภพยังพูดถึงกันเป็บ้าเป็หลัง คือเขาเองหรือ?”
“มิน่าล่ะ!”
“ชื่อเสียงฝังรากในสายเืของเขา มีดีให้อวด”
“เป็วีรบุรุษาผู้นั้นน่ะหรือ? มิใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายเลยนะ”
ความคิดแตกต่างกันไปเดือดพล่านขึ้นมาในใจของคนที่ต่างกัน
เหว่ยเทียนิเข้าสู่ความตระหนกและหวาดกลัวสุดชีวิต
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าลูกผู้ดีชุดขาวที่เขายั่วโมโหและกระทบกระทั่งทั้งวันผู้นี้ เป็คนศักดิ์สิทธิ์จากแดนไหน พอนึกถึงการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยของเขาที่ร้านอาหารข้างทางเมื่อเช้า ความขัดแย้งที่บันไดหยกขาว ตลอดจนส่งคนไปก่อเหตุที่ชั้นสี่...ทุกการกระทำเหมือนหมาที่ทำทุกวิถีทางให้เสือหัวเราะ เป็ความน่าอดสูที่แส่หาใส่ตัวเองโดยแท้
เมื่อนึกย้อนกลับไปเอาตอนนี้ หากเ่ิูคิดจะกำราบเขาั้แ่ตอนนั้น คงง่ายเหมือนแค่ยกมือเท่านั้นเอง
และตัวเขาต่อให้ต้องตาย น่ากลัวว่าทั้งพรรคจื่อเวยคงจะไม่ยอมเป็ปรปักษ์กับดวงดาวในวันข้างหน้าของอาณาจักรที่รอเวลาเฉิดฉายอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงตรงนี้ กระบี่ตัดเวหาเหว่ยเทียนิก็เหงื่อแตกพลั่กๆ แผ่นหลังชื้นแฉะ ความหวาดกลัวที่ยากจะอธิบายราวกับถูกมือมัจจุราชตะครุบดวงใจ เขาถอยหลังกรูดอย่างไร้สุ้มเสียง หลบอยู่ด้านหลังอาจารย์อาผู้แขนขาดเหลียงเฉวียนและศิษย์ของพรรคจื่อเวยคนอื่นๆ กลัวว่าเ่ิูจะจับเขาได้
และศิษย์คนอื่นนั้น กำลังเม้มปากแน่น
กระทั่งเหลียงเฉวียนผู้รอบรู้กว้างขวางยังมีสีหน้าตื่นตระหนก ท่าทางเหมือนเพิ่งรู้ในบัดดล
“เย่โหวเหย่ ท่านนี่เอง” หนานหัวท่าทียกย่องบูชา ทั้งร่างราวกับแผ่สีสันงามตากระจายออกมา ดั่งสาวน้อยที่พบเจอเ้าชายขี่ม้าขาวที่นางใฝ่ฝันถึง ดวงหน้างามแฉล้มชวนให้ชายทุกคนที่ได้เห็นเกิดแรงกระตุ้นที่จะปกป้องนาง
แต่เ่ิูหาใช่ผู้ชายธรรมดาไม่
เด็กสาวงามๆ เขาเจอมานักต่อนักแล้ว เช่นเี๋เี่า ไป๋อวี้ชิง ่เี่ิหรือแม้แต่เด็กสาวเผ่าปีศาจที่แก่นแก้วนางนั้น ในมุมมองของเ่ิู หากเลือกนางใดสักนางหนึ่งมา เมื่อพวกนางเติบโตย่อมจะสวยสะดุดตากว่าหนานหัวหลายเท่า
ดังนั้นเขาจึงทำเพียงมองหนานหัวอย่างนิ่งๆ แล้วก็หันกลับมาด้วยความเร็วอย่างนิ่งๆ เช่นกัน
หนานหัวหน้าเปลี่ยนสี
เหมือนโดนหมัดหนักๆ ต่อยเข้ากลางอากาศ ไม่มีเรี่ยวแรง แต่ทำให้นางเศร้าสลด แล้วก็ขุ่นเคืองด้วย
สถานการณ์ไม่เป็เช่นที่นางวาดหวังไว้เลย
เ่ิูคนนี้เป็คนอย่างไรกันแน่?
หรือว่าไม่ชอบผู้หญิง?
นางอุตส่าห์แสดงออกชัดเจนขนาดนี้แล้วนะ
หรือว่าจะเป็พวกตายด้านที่ฝึกยุทธ์มากเกินจนลืมความรู้สึกรัก?
หนานหัวกำลังจะแสดงออกให้ชัดกว่าเดิม...
แต่เ่ิูกลับหายตัวไปแล้ว
เขากลายเป็เส้นแสงเหาะออกจากหอลมฝนปรอย
“ให้แจ้งแม่ทัพหลิวกับแม่ทัพเวิน ให้พวกเขาถอยกลับมา สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว” สุรเสียงของเ่ิูดังมาจากภายนอก แต่ร่างไม่อยู่อีกแล้ว
ประโยคนี้ เขาพูดกับนักรบเกราะเหล็กดำทั้งสี่
นักรบเกราะเหล็กร่างกายระยิบระยับ เสียงแหวกอากาศดังฟ้าวๆๆ พวกเขาพุ่งออกจากหอลมฝนปรอย ทำตามคำสั่งเ่ิูโดยไปตามหาหลิวจงหยวนและเวินหว่าน
หนานหัวเผยอริมฝีปากอิ่มแข็งค้าง
“เ้า...นี่...ฮึ!”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเ่ิูหายไป หนานหัวก็ได้แต่กระทืบเท้าแรงๆ ทั้งโกรธทั้งเกลียด
ผู้ชายคนใดเล่าไม่กำหนัด?
ไม่เชื่อหรอกว่าเ้าจะหนีจากข้าไปได้
หนานหัวกัดฟันอย่างแรง นางตัดสินใจว่าหลังได้หัวใจของเ่ิูมาแล้ว นางจะทรมานและขยำขยี้เขาให้สาแก่ใจ ฮึ เป็แค่โหวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น มีอะไรดีนักหนาหรือไง
“ไปจากที่นี่เร็ว!”
เหลียงเฉวียนเตือนเหล่าศิษย์พรรคจื่อเวยทุกคน
ร่างบุรุษปีศาจประหนึ่งเทพมาร เพียงมองแวบเดียวก็รู้ได้ว่าแข็งแกร่งขั้นสุดยอด ลำพังแค่กลิ่นอายปีศาจที่แผ่ออกมา ก็มากพอให้ผู้ที่แข็งแกร่งวรยุทธ์ธรรมดาหายใจไม่ออก เห็นได้ชัดว่าในไม่ช้าจะมีศึกระหว่างผู้แข็งแกร่งขั้นสุดยอดปะทุขึ้น หอลมฝนปรอยนั้นอยู่ศูนย์กลางของสมรภูมิ ขืนอยู่ต่อไปไม่เป็การดีแน่
กลุ่มคนหนีตายอย่างหวาดกลัวและรีบร้อนสุดขีด
...
...
เ่ิูเหาะออกมาจากหอลมฝนปรอยแล้วโรยตัวลงบนพสุธา
อาศัยกำแพงที่ร่วงหล่นและฝุ่นฟุ้งในอากาศเป็กำบัง เ่ิูเปลี่ยนตำแหน่งสังเกตการณ์การโรมรันไปมา แม่ทัพปีศาจแต่งตั้งยี่สิบสามสิบตนที่มาตอนแรกล้มตายไปกว่าครึ่ง ปีศาจที่ยังดันทุรังอยู่ได้มีเพียงแม่ทัพปีศาจแต่งตั้งรุ่นเก่าอันโด่งดังเท่านั้น พวกมันมีไพ่ในมือเยอะมาก ด้วยเหตุนั้นแม้ยอดฝีมือของทัพหน้าจะจู่โจม พวกมันก็ยังมีกำลังต่อต้าน
เสียงเตือนภัยแหลมบาดหูดังก้องไปทั่วด่านโยวเยี่ยน
แสงอักขระเจิดจรัสนับไม่ถ้วนระยิบระยับเหนืออากาศธาตุ ระบบต้องห้ามทุกส่วนในเมืองกำลังจุดประกาย
ขณะเดียวกัน เรือเหาะอักขระที่แล่นมาจากทั่วทุกสารทิศประหนึ่งฉลามทมิฬแหวกว่ายผ่าอากาศ แสงของปืนใหญ่อักขระหลั่งรวมกัน พลังปราณน้อยใหญ่จากต่างแหล่งกำเนิดแลบแล่นผ่านนภา ประหนึ่งดวงดาวกะพริบตอนกลางวันแสกๆ
การตอบสนองของกองทัพโยวเยี่ยนอาจเรียกได้ว่าเฉียบขาด
มองเห็นยอดฝีมือของเผ่าปีศาจรวมถึงเยี่ยนปู้หุย ถูกปิดล้อมจากทั้ง้า ด้านล่าง ซ้ายและขวา
การต่อสู้เริ่มหยุดลง
ผู้แข็งแกร่งของเผ่ามนุษย์ถอยทัพกันเป็ระบบระเบียบ
วินาทีที่เยี่ยนปู้หุยปรากฏกายนั้น การต่อสู้ชั้นนี้ก็ไม่จำเป็อีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่ตัดสินชะตาชีวิตของทั้งสองฟากที่แท้จริงนั้น คือการปะทะกันของผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดต่างหาก
บนพื้นดิน
เ่ิูเก็บกลิ่นอายตนเอง กดทับพลังปราณในกายเอาไว้ ใช้พลังกายเนื้อล้วนๆ เดินผ่านตรอกแล้วตรอกเล่าเข้าสู่ที่ที่เยี่ยนปู้หุยอยู่
มีเพียงทางนี้เท่านั้น ถึงจะหลบหลีกการตรวจจับของเยี่ยนปู้หุยได้
“เยี่ยนปู้หุยปรากฏตัวครั้งนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ?”
เขารู้สึกเคร่งเครียดในใจยิ่งนัก
สิ่งที่ทำให้เ่ิูทุกข์ใจหนักกว่าเก่า คือการคาดการณ์ที่น่ากลัวเป็ที่สุด
ว่าการปรากฏตัวของเยี่ยนปู้หุย จะมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับนครอันธการ
หากมีกำลังของนครอันธการมาร่วมศึกที่นี่ด้วย เช่นนั้นแม่ตัวน้อย่เี่ิจะออกมาหรือเปล่า? หวังเจี้ยนหรูเคยพูดไว้ว่าในกายของ่เี่ิมีชีพจรของนครอันธการไหลเวียนอยู่ในร่าง นางจะเข้าสู่นครอันธการนั้นไม่ช้าก็เร็ว และนครอันธการที่ห่างหายไปเนิ่นนานแต่กลับมาปรากฏตัววันนี้ ยากที่จะพูดได้ว่ามิใช่เื่ที่่เี่ิข้องเกี่ยวด้วย
ตอนนี้ เสี่ยวจวินคงสูญเสียความทรงจำหมดแล้วกระมัง?
ใจของเ่ิูเ็ป
หากจะได้พบกันอีกครั้งจริง แม่ตัวน้อยที่ชอบดึงชายผ้าของเขาแล้วเรียกเขาว่าพี่ชิงหยูคนนั้น ก็คงไม่รู้จักเขาอีกแล้ว?
หากนางยืนอยู่ข้างกองทัพปีศาจ ออกหน้าช่วยเยี่ยนปู้หุย...
เ่ิูไม่อาจจินตนาการเลยว่า หากเกิดเื่เช่นนั้นแล้วเขาควรทำเช่นไร?
ควรจะช่วยลู่เฉาเกอรับมือเยี่ยนปู้หุย หรือช่วยเด็กน้อยรับมือกองทัพโยวเยี่ยน?
ตอนที่เ่ิูรุดเข้ามาถึงใต้ที่เยี่ยนปู้หุย หลบอยู่ในห้องปรักหักพัง กวาดตามองสภาพการณ์รอบด้านนั่นเอง บนท้องนภา เยี่ยนปู้หุยผู้เงียบสงัดสั่งสมอำนาจมาโดยตลอด ก็เปิดปากพูดจนได้