“ท่านถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ เหตุใดจึงพูดคำไม่น่าฟังเช่นนั้นออกมา” ซูเจินทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ถลาตัวลุกพรวดขึ้นมานั่ง ดวงตาหวานมองพี่เลี้ยงด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด นางอ่อนไหวกับคำพูดที่สื่อถึงลางร้ายนั้น ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมา กลายเป็รอยยิ้มแสนอบอุ่นจากพี่เลี้ยง
“บรรทมเถิดเพคะ อย่าได้สนใจสิ่งใด ในเวลานี้ข้ายังอยู่กับท่านตรงนี้มิได้หายไป” ลี่เซียนจับกายของราชธิดาเอนนอนลงช้าๆ แล้วจึงใช้เสียงอันแสนไพเราะขับกล่อมบรรเลงไปจนซูเจินหลับสนิท ภายในใจของหญิงรับใช้ผู้มากด้วยความซื่อสัตย์มองใบหน้านวลของผู้เป็นายด้วยความรู้สึกกังวลใจ เกี่ยวกับบันทึกฉบับนั้น ที่ราชธิดาได้เปิดอ่านแล้ว
“ข้ามิเสียแรงที่มีธิดาเช่นเ้าซูเจียว เวลาอีกสองร้อยปีข้างหน้า แคว้นทั้งสี่จะมีการส่งบรรณาการไปยังนครใหญ่ เ้าพร้อมเป็บรรณาการแล้วฤาไม่” พระาาซูเฟยเถาตั้งความหวังทั้งหมด ไว้ที่ราชธิดาซูเจียวเพียงองค์เดียวเท่านั้น เขาตั้งมั่นอบรมฝึกฝนความสามารถ ด้านการดนตรีเพื่อให้นางได้มีโอกาสเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในนครใหญ่ ดังที่เคยตั้งใจปรารถนาไว้
“นครใหญ่ที่ว่าท่านพ่อเคยไปแล้วฤาไม่” ชายชราพยักหน้าขึ้นลงพลางยกน้ำชาขึ้นดื่ม หวนนึกถึงอดีตที่ยาวไกลออกไป นครใหญ่ที่ว่านั้นเรียกว่า ‘นครกงเหว่ย’ กว้างขวางกว่าแคว้นจ้านหลิวเป็สิบเท่าตัว มีอาณาเขตและพลเมืองอาศัยอย่างเนืองแน่น ด้านการปกป้องเขตแดนยิ่งเข้มงวดเป็อย่างมาก พลเมืองจากเมืองอื่นไม่สามารถเข้าไปโดยพลการได้นอกจากเป็คำสั่งของมหาจักรพรรดิหรือเข้าไปโดยการเป็บรรณาการเท่านั้น
“ในเวลานี้พระมหาจักรพรรดิได้แต่งตั้งองค์รัชทายาทโจวอี้เฟย ขึ้นรับตำแหน่ง และหากเ้าได้เข้าไปอยู่ในนครกงเหว่ย ทำให้องค์รัชทายาทพอใจในตัวเ้า แคว้นจ้านหลิวของเราก็จะมีอำนาจต่อรองกับอีกสามแคว้นได้มากยิ่งขึ้น”
“ท่านพ่อ แล้วองค์รัชทายาทมีพระโฉมเช่นไร”
“เ้าไม่ต้องห่วง พระโฉมขององค์รัชทายาท ข้ายังไม่เคยเห็นผู้ใดงดงามเทียบเท่า” ซูเจียวได้ฟังจึงจำฝังใจ ปล่อยแก้มแดงระเรื่อออกมาให้มารดาจับสังเกตได้
“ยังมิทันเห็นพระพักตร์ ใจเ้าก็หาได้อยู่กับตัวแล้วฤา” พระราชมารดาเดินเข้ามา ยกมือลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู ใบหน้าแดงระเรื่อของซูเจียวบ่งบอกว่าตกหลุมรักองค์รัชทายาทแม้ยังไม่พบหน้า รอยยิ้มเหี่ยวย่นของราชบิดายิ้มย่องออกมาอย่างพอใจ
“เมื่อเ้าอิ่มแล้ว ข้าจะไปส่งที่ตำหนัก” พระาาจูงมือราชธิดาคนโปรดเดินกลับตำหนัก พร้อมด้วยทหารอีกสองสามนายติดตามด้วย ระหว่างทางนั้นประดับไปด้วยโคมไฟ นับร้อยเรียงรายอย่างสวยงาม ทุกจุดสำคัญจะมีทหารยามเฝ้าอารักขาคุ้มกันอย่างแ่า ไม่มีอันตรายใดกระทบกายราชธิดาองค์โตแห่งแคว้นจ้านหลิวได้
“นอนพักเสีย พรุ่งเช้าเ้าต้องหัดดนตรีต่อ” พระาาใช้พลังเวทย์ผลักประตูเปิดออก
“เดี๋ยวก่อนท่านพ่อ ข้ามีบางอย่างอัดอั้นมิรู้ว่าควรทำอย่างไร” ชายชราขมวดคิ้วแล้วหันพระพักตร์กลับมา
“ข้าเคยสอนเ้า ว่าห้ามปิดบัง” เสียงเข้มพูดเป็คำสั่ง
“ข้า...เอ่อ...ข้า” ท่าทางลังเลของราชธิดา ยิ่งทำให้พระาาส่งสายตาคาดคั้น
“ยามเย็นข้าออกไปเดินเล่นที่สวนเหมยเต็ง ข้าเห็นซูเจินถือบันทึกโบราณฉบับหนึ่งเล่าถึงเื่ราวของแม่นางเหมยเชิน เป็บันทึกต้องห้าม ข้าเห็นซูเจินอ่านจนจบแล้วส่งคืนให้กับลี่เซียนก่อนจะนำไปผลึกไว้ที่ผาหิน”
“เ้าว่าอย่างไร” ใบหน้าชายชราถอดสี แปรเปลี่ยนเป็พิโรธเดือดดาล ขึ้นมาอย่างไม่ต้องบังคับ สองเท้าหันกลับแล้วเรียกทหารหลายนายเพื่อมุ่งตรงไปยังตำหนักตำหนักขาว ซูเจียวเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งไปตามพระราชมารดาพากันไปยังตำหนักของซูเจินทันที พลังเวทมหาศาลพังประตูที่ลี่เซียนวางเวทไว้เพื่อคุ้มภัยให้กับซูเจินแตกกระจาย เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหวราวกับดาวตก ทำให้สตรีสองนางที่พากันหลับสนิทลืมตาตื่น
“พระาา” ลี่เซียนเบิกตากว้าง รีบคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ ในขณะที่ซูเจินงัวเงียขึ้นมองรอบๆ ห้องที่กระจายเป็เสี่ยงๆ ด้วยความสับสน
“ท่านพ่อ”
“ท่านพี่ นี่มันอะไรกัน” พระราชมารดาวิ่งมาถึงพอดีจึงกล่าวห้าม ทว่าดวงตาของพระาาพิโรธจนแทบลุกเป็เปลวเพลิง มองตรงมายังลี่เซียนไม่กะพริบสายตา
“ข้าขอถาม บันทึกนั้นมีใครได้อ่านฤาไม่” ลี่เซียนทำหน้าอึกอัก
“ไม่มีใครได้อ่านเพคะ ลูกเก็บมันขึ้นมาแล้วส่งคืนให้พี่ลี่เซียนผลึกไว้เท่านั้น” ซูเจินเมื่อปะติดปะต่อเื่ราวได้จึงรีบลงมาคุกเข่าด้านล่าง เคียงข้างพี่เลี้ยงในทันที หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำเพราะกลัวความลับที่ได้เปิดอ่านรั่วไหล นำพาให้ลี่เซียนถูกลงโทษ
“เ้าโกหก” เสียงแสบแก้วหูจากซูเจียวพูดแทรกขึ้น นางเดินฉับๆ มาหยุดมองทั้งสองแล้วเงยหน้ามองพระราชบิดา เป็การปูทางให้ทั้งสองได้รับบทลงโทษ
“เ้าอ่านบันทึกนั้นไปแล้ว โดยที่ลี่เซียนเป็คนให้เ้าอ่าน”
“ไม่จริง เหตุใดจึงปรักปรำกันเช่นนี้ พี่ลี่เซียนหาได้ยื่นบันทึกนั้นให้ข้า ความจริงแล้วมันหล่นอยู่ก่อน” พระาาได้ฟัง จึงใช้พลังเวทยกตัวลี่เซียนขึ้น แล้วเหวี่ยงกระแทกกำแพงอย่างแรงจนนางกระอักเื าเ็สาหัส ในเสี้ยววินาทีที่ซูเจินกำลังต่อว่าซูเจียวอยู่นั้น หันกลับไปพบว่าร่างของพี่เลี้ยงนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น หัวใจดวงน้อยแตกสลายย่อยยับในพริบตา
“พี่ลี่เซียน” ซูเจินเบิกตากว้างด้วยความใ พลันตะกายวิ่งเข้าไปหา แม้เพียงไม่กี่ก้าวยังรู้สึกว่านานเกินไป ก่อนประคองพี่เลี้ยงขึ้นมาอย่างเบามือ พลางมองแววตาของลี่เซียน ที่คล้ายมีบางอย่างอยากพูด นางอ้าปากทว่าไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจ ซูเจินอดทนดูความเ็ปของพี่เลี้ยง ด้วยน้ำตานองหน้าทำอะไรไม่ถูก มือบางสั่นระริกเช็ดคราบเืริมฝีปากให้นางช้าๆ น้ำตาทะลักไหลออกจากดวงตาเป็สายไม่หยุด
“เสด็จพ่อเพคะ ไว้ชีวิตพี่ลี่เซียนด้วย ทั้งหมดมันไม่ใช่ความผิดของนางเลย” ซูเจินใช้โอกาสน้อยนิด เพื่อร้องขอชีวิตให้กับลี่เซียน
“ฆ่านางเลยท่านพ่อ ที่ซูเจินนิสัยเสียอยู่ทุกวัน เป็เพราะมีพี่เลี้ยงตามใจเช่นนั้น หากปล่อยไว้ยิ่งทำให้ซูเจินเสียนิสัยไปใหญ่” ซูเจียวได้โอกาสจึงทำการเพิ่มเชื้อไฟ หากซูเจินขาดพี่เลี้ยงที่พักดีเช่นลี่เซียน ก็เท่ากับว่าไม่มีสิ่งใดที่น่าอิจฉาอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้