หลินฟาไฉแทบอกแตกตายเพราะความโมโห หลินกุ้ยฮวานังโง่!
เหตุใดต้องบอกว่าตัวเองเป็โรคด้วย!
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านสวีฝูเอ่ยปาก หลินกุ้ยฮวากับหลินฉินรีบวิ่งหายไปเหมือนโดนผีหลอก
หลินซย่าจื้อวิ่งหายไปเช่นกัน
หลินฟาไฉกับสวี่ซื่อต้องเดินกลับบ้านอย่างไม่เต็มใจท่ามกลางเสียงหัวเราะของชาวบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน เห็นห้องครัวที่เตาไฟเย็นยะเยียบ หลินฟาไฉก็โมโหทันที หันไปตบสวี่ซื่อ
“ไม่ได้เื่ คิดได้อย่างไรว่าให้เอากะละมังไปใส่อาหาร ทีนี้ดีล่ะ ถูกไล่ตะเพิดออกมา พอใจแล้วใช่หรือไม่?”
ทั้งที่สามารถร่วมทานได้อย่างมีเกียรติ แต่สุดท้ายกลับถูกสตรีไร้หัวคิดพวกนี้ทำพัง
“ตาแก่ เ้าเองก็คิดเช่นนี้เช่นกันไม่ใช่หรือ? คนเป็พ่อเป็แม่มาเก็บกับข้าวมันผิดอย่างไร? มีกระไรไม่เหมาะสมเล่า? หากจะโทษก็ควรโทษเหล่าเอ้อร์ รู้จักแต่ใช้ปากพ่นมูล บอกว่าตัวเองเป็โรค หากนางไม่พูดเช่นนี้ นังลูกเวรหลินหวั่นชิวจะกล้าไล่พวกเราออกมาหรือ? ให้ตายก็ไม่กล้า!”
สวี่ซื่อกุมหน้าร้องสะอึกสะอื้น รู้สึกน้อยใจเป็อย่างยิ่ง
“หลินกุ้ยฮวา เ้าลูกเวร ไสหัวออกมาประเดี๋ยวนี้!” สวี่ซื่อด่าเสียงดัง “เ้าไสหัวออกจากบ้านไป ข้าไม่มีลูกสาวไร้ยางอายแบบเ้า!”
ทั้งถูกเจียงหงหย่วนถีบ ถูกเหล่าหลินตบ ในอกนางมีเพลิงโทสะพรั่งพรู
ย่อมไม่ปล่อยหลินกุ้ยฮวาที่เป็ตัวการไปอยู่แล้ว
สวี่ซื่อเดินเข้าไปกระชากผมหลินกุ้ยฮวาออกมา หลินฉินใขดตัวอยู่ที่มุมห้องด้วยตัวสั่นเทิ้ม หลินกุ้ยฮวาร้องว่า “ท่านแม่ หากท่านกล้าไล่ข้าไป ข้าจะประกาศเื่นั้นให้รู้กันทั้งหมู่บ้าน”
“พอแล้ว เลิกบ้าได้แล้ว ไปทำข้าวเที่ยง!” เสียงของหลินฟาไฉดังมาจากด้านนอก สวี่ซื่อต้องยอมปล่อยมือ มองหลินกุ้ยฮวาอย่างแค้นเคือง
ความสัมพันธ์แม่ลูกกระไรนั่นหมดไปตั้งนานแล้ว
“ยังจะกินกระไรอีก โมโหจากบ้านเจียงไม่อิ่มพอหรือ?” สวี่ซื่อผลักหลินฟาไฉแล้วเดินกลับห้อง
หลินฟาไฉยืนหน้าดำทะมึนอยู่กลางลานบ้านสักพักก่อนจะเดินออกไป เขาเดินไปดูที่บ้านเจียง พูดอย่างเคียดแค้นว่า “อวดดีไปก่อนเถิด อีกไม่นานจะถึงตาพวกเ้าร้องไห้บ้าง ถึงเวลานั้นอย่ามาขอร้องข้าแล้วกัน หลินหวั่นชิว!”
เขาพูดจบก็เดินออกนอกหมู่บ้านไป
“น้ารอง ท่าน…ใช้กระไรขู่ท่านย่าหรือ?” เมื่อในห้องไม่มีผู้อื่น หลินฉินถามหลินกุ้ยฮวาเสียงเบา นางกลัวโดนไล่ออกจากบ้านเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงอยากรู้ความลับมาก
“อยากรู้หรือ?” หลินกุ้ยฮวาเหลือบตามองนาง ยิ้มปากยกยิ้มน่าขนลุก
หลินฉินจับชายเสื้อ พยักหน้า
“เอาของมาแลกสิ” หลินกุ้ยฮวาจ้องหลินฉิน หลินฉินคิดไปคิดมาแล้วกัดฟันหยิบถุงผ้าใบหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นเปิดออกและหยิบปิ่นเงินอันหนึ่งให้หลินกุ้ยฮวา ทว่าถุงผ้ากลับถูกหลินกุ้ยฮวาคว้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว
“เอาคืนมานะ!” หลินฉินร้อนใจ กระโจนเข้าไปแย่ง นี่เป็สมบัติเพียงหนึ่งเดียวของนาง ที่ซ่อนไว้กับตัวเสมอเพราะกลัวถูกขโมย
เก็บรักษามาั้แ่เด็ก
หลินกุ้ยฮวาหันหลังให้นาง “ยังอยากรู้ความลับหรือไม่ หากไม่รู้ความลับของบ้านหลิน ระวังพวกเขาขายเ้าให้ซ่อง”
หลินฉินนิ่งไปทันที ผ่านไปเนิ่นนานถึงกัดฟันถามว่า “ความลับกระไร?”
หลินกุ้ยฮวาหันกลับมาอย่างสบายๆ นางค้นของของหลินฉิน ยิ้มว่า “นึกไม่ถึงว่าเ้าจะเก็บสะสมไว้เยอะขนาดนี้”
หลินฉินหลับตาสูดหายใจเข้าลึกๆ อดกลั้นต่อความโมโหและเสียดายภายในใจ “รีบพูดมา ความลับกระไร?”
หลินกุ้ยฮวาเก็บของในมือลงในอกเสื้อ พูดช้าๆ ว่า “หลินหวั่นชิวเป็บุตรสาวที่เกิดภรรยาเอกในจวนเจิ้นกั๋วกง[1] จวนเจิ้นกั๋วกงกระทำความผิด พรรคพวกถูกฮ่องเต้ปะาทั้งหมด ท่านพ่อนางเป็ข้าหลวงของที่ใดสักแห่ง ถูกฮ่องเต้เนรเทศ แต่ก่อนหน้านั้น ท่านพ่อนางแอบส่งนางไปอยู่ที่อื่น ให้ท่านพ่อท่านแม่ข้าช่วยดูแล ที่ส่งมาพร้อมกันตอนนั้นมีป้ายหยกชิ้นหนึ่งกับเงินหนึ่งพันตำลึง ป้ายหยกถูกแม่เ้าเอาไป เงินถูกท่านพ่อใช้หมด ที่นาและบ้านของบ้านหลินมาจากเงินพวกนั้นทั้งสิ้น เพราะก่อนหน้านั้นบ้านหลินมีแค่กระท่อมฟางสามหลังเท่านั้น ไม่มีที่นา…”
ที่แท้หลินหวั่นชิวก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ มิน่าเล่า ท่านปู่ท่านย่าถึงได้ปฏิบัติกับนางเหมือนไม่ใช่คน
“ท่านรู้ได้อย่างไร?” หลินฉินถาม
หลินกุ้ยฮวามองนางด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองคนโง่ “จะรู้ได้อย่างไรเล่า ก็ต้องแอบฟังอยู่แล้ว” ตอนนั้นนางยังเด็กก็จริง แต่เริ่มรู้ความแล้ว
หลินฉิน “…”
ก็ได้ นางโง่เอง
พูดถึงป้ายหยกแล้ว มันน่ามีราคาสูงมากสินะ เพราะเป็ถึงคนจากจวนกั๋วกง ของที่มีคงไม่มีทางราคาถูก
บังเอิญจริงๆ ที่นางรู้ว่าท่านแม่เก็บป้ายหยกชิ้นนั้นไว้ที่ใด
นางจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตัวเองเป็ไข้ ตอนนั้นท่านแม่ยังรักนางอยู่ พานางไปดูแลที่ห้องตัวเอง จากนั้นกลางดึก นางเห็นท่านแม่ขุดโพรงบนกำแพง ในห่อผ้าที่นำออกมาจากโพรงมีเงินและเหมือนจะมีหยกชิ้นหนึ่ง
“รีบไปหาของกินมา ยายแก่ไม่ให้กิน แต่พวกเราไม่จำเป็ต้องทนหิวตาม” หลินกุ้ยฮวาพูด
หลินฉินทำตาเขม็งใส่นางอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็เพราะท่านไม่ใช่หรือ หากไม่พูดว่าเป็โรค วันนี้คงได้กินของอร่อยแล้ว”
หลินกุ้ยฮวา “เ้ากล้าว่าข้าหรือ ต่อให้ข้าไม่พูดเช่นนั้น พวกเราก็เข้าไปนั่งไม่ได้อยู่ดี จะโทษก็โทษหลินหวั่นชิวที่เลวเกินไป ไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์พี่น้องสักนิด”
“เดิมทีพวกท่านก็ไม่ได้เป็พี่น้องกัน” หลินฉินเหน็บแนม
หลินกุ้ยฮวา “เื่นี้เ้าปิดปากไว้ให้ดี เป็ข้อมูลสำคัญไว้ขู่ท่านปู่ท่านย่าเ้า หากทุกคนรู้กันหมด พวกเราคงได้จบสิ้นแน่ ต้องถูกไล่ออกไปเป็แน่ อีกอย่าง หลินหวั่นชิวไม่รู้เื่นี้ อันที่จริงครอบครัวนั้นก็ล่มจมไปแล้ว ท่านปู่ท่านย่าเ้าไม่มีกระไรต้องกลัว แต่พวกเขาใช้เงินหนึ่งพันตำลึงที่ผู้อื่นให้มาจนหมด ทั้งยังปฏิบัติกับลูกสาวผู้อื่นไม่ดี หากผู้อื่นรู้เข้า แค่โดนนินทาลับหลังยังไม่ใช่เื่ใหญ่ ที่กลัวคือเจียงหงหย่วนจะพาหลินหวั่นชิวมาเอาเงิน พวกเขามีเงินให้ที่ใดเล่า? เ้าปิดปากให้สนิทเถิด”
หลินฉินพยักหน้าเป็การบอกว่าเข้าใจแล้ว
บ้านเจียง บรรดาแขกนั่งลงที่โต๊ะ ทุกคนจดจ่อกับการกิน เนื้อสัตว์เต็มโต๊ะ ปริมาณเพียงพอ น้ำมันชุ่มฉ่ำ รสชาติอร่อยมาก
ชีวิตนี้พวกเขาอาจไม่มีวันได้กินอาหารจากภัตตาคารจุ้ยเซียนแม้แต่มื้อเดียวด้วยซ้ำ วันนี้บ้านเจียงอุตส่าห์เชิญพ่อครัวจากที่นั่นมา…พวกเขาต้องกินให้เต็มที่ เพราะอาจไม่มีมื้อต่อไปอีก…
ถุยๆ…ไม่ใช่ไม่มีมื้อต่อไป แต่ไม่มีโอกาสได้กินของอร่อยเช่นนี้อีกต่างหาก
“ท่านพ่อ!” ขณะที่ทุกคนกำลังทานอย่างสนุกสนาน สวีเต๋อเซิ่งก็เดินนำบุรุษวัยกลางคนท่าทางร่ำรวยเข้ามา
เชิงอรรถ
[1] เจิ้นกั๋วกง(镇国公) เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ 5 คำว่า เจิ้น(镇) แปลว่า ผู้รักษาเมืองหลัก ตำแหน่งนี้เป็ตำแหน่งของกั๋วกงขั้นที่ 1 และถือว่ามีศักดิ์เป็ท่านชาย ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมักเป็พระนัดดาที่มีมารดาเป็ชายารอง จึงได้ตำแหน่งนี้ในตอนเริ่มเป็ผู้ใหญ่ และสามารถทำผลงานเพื่อเลื่อนขั้นต่อไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้