“หาทางเอง? ” ซูฉางอันชะงักไปเขาคิดว่านี่เป็อะไรที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
แต่ความว่างเปล่ากลับพยักหน้า แล้วกล่าวขึ้น “คนที่เข้ามาในโลกใบนี้ล้วนมีเป้าหมายคือฝึกจิตใจของตัวเอง และข้ามีหน้าที่ช่วยให้พวกเขาทำลายจิตมารของตัวเองลงเท่านั้นแต่เ้าไม่มีมารในใจ ข้าจึงช่วยอะไรไม่ได้”
“หากอยากผ่านการฝึกฝนนี้ เช่นนั้นขั้นแรกเ้าต้องมีจิตมารเป็ของตัวเองก่อน”
“เ้ากำลังบอกว่า ข้าต้องสร้างจิตมารขึ้นอย่างนั้นรึ? ” ซูฉางอันถาม
“มารเกิดขึ้นเพราะจิตใจ ทุกคนที่เข้ามาที่แห่งนี้ล้วน้าทำลายมารใจจิตลงด้วยกันทั้งสิ้น มีที่ไหนให้ผู้ฝึกตนสร้างมารในใจขึ้นเองเช่นนี้นี่มันตรงข้ามกับจุดประสงค์ของที่นี่เลยไม่ใช่รึ? ” ความว่างเปล่าพูดระคนหัวเราะอย่างจนปัญญา
“แล้วเ้าหมายความว่าอะไรละ? ” ซูฉางอันรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม
“มนุษย์ทุกคนล้วนมีตัณหาติดตัว”
“ตัณหาเ่าั้ได้แก่ความรัก โลภ โกรธ และหลง ไม่ว่ามากหรือน้อยเป็อารมณ์ในด้านดีหรือด้านร้าย ล้วนเป็มารในใจด้วยกันทั้งสิ้น”
“ดังนั้น หากเป็มนุษย์ ไม่ว่าอย่างไรย่อมมีมารในใจอยู่แล้ว!”
“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่มีละ” ซูฉางอันถามอย่างสงสัย
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” ความว่างเปล่ายักไหล่พลางกล่าว“บางทีมารในใจของเ้าอาจถูกเ้าเก็บซ่อนเอาไว้ หรือไม่ มารในใจของเ้าอาจแข็งแกร่งมากเกินไปมากจนข้าไม่อาจสลายมันได้”
เสียงของความว่างเปล่าไม่ได้ดังกังวานอะไรมากมาย แต่มันกลับสะท้อนอยู่ในโสตประสาทของซูฉางอันราวเป็เสียงจากสายฟ้าเช่นนั้น
วินาทีนั้น ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าจิตมารของตนคือสิ่งใดกันแน่
ความหนาวเย็นเริ่มเคลื่อนขึ้นจาก่เท้า กระจายไปทั่วร่างทำให้เขาสั่นเทาขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น พื้นที่เขายืนอยู่ก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นสิ่งมีชีวิตสีดำลักษณะคล้ายปีศาจร้ายพากันคลานออกมาจากความว่างเปล่าอย่างต่อเนื่องทั้งหมดส่งเสียงคำราม และพุ่งเข้าหาซูฉางอันอย่างดุร้าย
ซูฉางอันสะดุ้งใ สีหน้าของเขาหนักอึ้งขึ้นทันที และเป็อีกครั้งที่เขาดึงดาบออกจากฝักและขับเคลื่อนปราณดาราภายในร่างกายอย่างเร่งด่วนทันใดนั้น สายฟ้า เพลิงศักดิ์สิทธิ์ และพลังดาบปะทุออกจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งภายใต้อำนาจของพลังเหล่านี้ ปีศาจร้ายที่รูปลักษณ์ของเงาสีดำทั้งหลายต่างก็ถูกทำลายจนกลายเป็ผุยผงไปตามตามกัน
“พวกมันเป็ตัวอะไร? ” ซูฉางอันหันไปถามความว่างเปล่า
“พวกมันเป็ความกลัวของเ้า” ร่างของความว่างเปล่าค่อยๆหายไปจากสายตาอย่างช้าๆ ทว่าเสียงของเขายังคงดังขึ้นจากทุกสารทิศ “ในโลกใบนี้ทุกความรู้สึกของเ้าจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็ปีศาจ เป็สิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนและพวกมันก็จะพุ่งโจมตีเ้า ก่อนจะหาจิตมารจนเจอข้าขอเตือนให้เ้าเลิกคิดฟุ้งซ่านดีกว่า”
ซูฉางอันพยักหน้าเป็เชิงเข้าใจ
เขาเริ่มสงบจิตใจลง และนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นดิน รวบรวมสติแล้วเริ่มคิดหาจิตมารที่แท้จริงของตน
ความว่างเปล่าบอกว่า จิตมารของซูฉางอันอาจถูกซ่อนเอาไว้ หรืออาจแข็งแกร่งเกินไปเกินกว่าที่จะกลายเป็รูปร่างในโลกใบนี้ได้
ทว่าเขาคิดว่านับแต่เข้ามาในโลกแห่งนี้ คนยังไม่เคยคิด หรือเก็บกลั้นสิ่งใดเอาไว้ในใจเื่ที่จิตมารถูกเก็บซ่อนอยู่จึงเป็เื่เหลวไหลทั้งเพ
เช่นนั้น จิตมารของข้าเป็โลหิตเทพในร่างรึ?
เมื่อความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นในสมอง ความหวาดกลัวก็เริ่มปรากฏขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัวอีกครั้ง
ปีศาจร้ายนับไม่ถ้วนพุ่งจากทั่วทุกสารทิศ เข้าโจมตีเขาอีกรอบ ซูฉางอันจำต้องลุกขึ้นแล้วหยิบดาบขึ้นมาสู้กับปีศาจร้ายอีกครั้ง
แต่เมื่อเขากลับไปนั่ง และนึกถึงเื่ที่เกี่ยวข้องกับโลหิตเทพความหวาดกลัวมักก่อตัวขึ้นเองเสมอ และนั่นทำให้เขาถูกกองทัพปีศาจร้ายโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เขาก็หยิบดาบขึ้นมาสังหารปีศาจร้ายเ่าั้จนสิ้นซากครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน
และต่อจากนั้น เื่ราวก็วนเวียนไปเช่นนี้ราวไม่รู้จบ
โลหิตเทพเป็ประเด็นสำคัญที่จะกำจัดจิตมารออกไปจากตัวเขาเพราะทุกครั้งที่คิดถึงเื่ของโลหิตเทพ ความกลัวจะก่อตัวขึ้น และปีศาจเ่าั้จะพุ่งเข้าโจมตีเขาทุกครั้ง
สิ่งนั้นทำให้เขาหงุดหงิดอย่างอดไม่ได้ และความหงุดหงิดก็เปลี่ยนให้โลกทั้งใบกลายเป็ทะเลเพลิงในพริบตาโดยร่างของเขาเป็ใจกลางทะเลเพลิงนั่นเอง เขาตระหนักได้ว่านั่นไม่ถูกต้องแต่ไม่ว่าจะพยายามมากขนาดไหน ก็ไม่อาจขจัดความหงุดหงิดนั้นออกไปได้ เหตุนี้ทะเลเพลิงจึงร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหงื่อมากมายผุดออกจากหน้าผากของเขาไม่หยุดเช่นกัน
แต่จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังหาทางแก้ไขไม่ได้เลย
สถานการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องมาราวครึ่งชั่วยามแล้ว บัดนี้เสื้อผ้าบนร่างของเขาต่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
ทะเลเพลิงยังคงทวีร้อนแรงขึ้นไม่หยุดหย่อน เขารู้ดีว่ามันเกิดขึ้นเพราะความหงุดหงิดในใจของเขาและเขาตระหนักถึงกฎข้อนี้ดี แต่ทุกครั้งที่พยายามจะข่มความหงุดหงิดลง มันกลับยิ่งโหมรุนแรงมากขึ้นเสียอย่างนั้น
พลังิญญาในร่างของเขาเริ่มแปรปรวนเพราะความร้อนรุ่มมันเอาแต่พุ่งไปทั่ว จนแทบรักษาความสมดุลเอาไว้ไม่ได้
ข้าต้องตายที่นี่จริงๆ หรือนี่? วินาทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในสมองปีศาจร้ายนับร้อยปรากฏขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า แล้วพุ่งเข้าหาพร้อมกับเสียงคำรามดังสนั่น
ครั้งนี้ จำนวนของปีศาจร้ายที่ถูกสร้างขึ้นมีมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อตระหนักได้ว่าเพราะตนในตอนนี้รู้สึกหวาดกลัวมากกว่าครั้งก่อนๆ ปีศาจร้ายจึงเพิ่มจำนวนขึ้นไปด้วยซูฉางอันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จากนั้นยกดาบขึ้นมากันเอาไว้ในระดับอกพลางขับเคลื่อนพลังิญญาในตัว เตรียมจะลงมือสังหารปีศาจทั้งหลายอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนเขาจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงชะงักลงอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เ้าเคยบอกว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีมารอยู่ในใจใช่ไหม? ” เขากล่าวเสียงดังกับอากาศเบื้องหน้า
“ถูกต้อง” เสียงของความว่างเปล่าดังขึ้นจากทุกสารทิศ
“แล้วคนที่ทำลายจิตมารได้สำเร็จละ? พวกเขาจะมีมารในใจอีกหรือเปล่า? ”
ครั้งนี้ ความว่างเปล่านิ่งเงียบไปนาน กว่าจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอน ที่ใดมีมนุษย์ ที่นั่นย่อมมีมาร”
“แบบนี้ก็หมายความว่า จิตมารไม่มีวันถูกทำลายลงอย่างแท้จริงใช่ไหม? ” ซูฉางอันตาเป็ประกายขึ้นในพริบตา
“ถูกต้อง”
ระหว่างการสนทนา บัดนี้ฝูงปีศาจวิ่งมาประชิดตัวซูฉางอันแล้ว แต่เขากลับทำราวกับมองไม่เห็นพวกมัน
กระทั่งได้รับคำตอบที่้า ซูฉางอันจึงวาดประกายรอยยิ้มขึ้นที่มุมปาก
เขาเก็บดาบกลับเข้าไปในฝัก เพลิงศักดิ์สิทธิ์ พลังดาบรวมไปถึงสายฟ้าที่เคยกระจายอยู่รอบกายต่างถูกเก็บกลับไปในเสี้ยววินาที ซูฉางอันปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ท่ามกลางฝูงปีศาจที่แสนชั่วร้ายโดยไร้การป้องกันใดๆ
สองแขนถูกกางออกไปช้าๆราวผู้เป็เ้าของ้าจะโอบกอดบางอย่างเช่นนั้น
ฝูงปีศาจร้ายพุ่งเข้ามาแล้ว
พวกมันคำรามอย่างเหี้ยมโหด พุ่งเข้าไปในร่างของซูฉางอันอย่างต่อเนื่องราวเป็แม่น้ำสีดำพุ่งเข้าไปในเขื่อนเช่นนั้น
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ทะเลเพลิงรอบตัวกลับกลายเป็ลำแสง และถูกดูดเข้าไปในร่างของซูฉางอันในที่สุด
โลกทั้งใบกลับเข้าสู่ความสงบในไม่กี่อึดใจต่อมา
ซูฉางอันเบิกตาขึ้น เขากลับมายืนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าอีกครั้ง
ความว่างเปล่าก็กลับมายืนอยู่เบื้องหน้าเขาอีกครั้งเช่นกัน
“เ้าทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน? ” แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าทีแท้จริงของเขาแต่ซูฉางอันรับรู้ได้ชัดเจนว่าเสียงของคนตรงหน้ากำลังสั่นเทา
“ง่ายมาก” ซูฉางอันหัวเราะออกมาทันที“ในเมื่อทำลายจิตมารอย่างถาวรไม่ได้ แล้วทำไมยังต้องหาทางกำจัดมันด้วยละ”
“มนุษย์ทุกคนมีความรัก โลภ โกรธ หลง รวมไปถึงความหวาดกลัวอยู่ในใจตราบใดที่ยังเป็มนุษย์ อารมณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างไม่จบไม่สิ้น เราไม่อาจทำลายหรือกำจัดมันออกไปได้หมดอยู่แล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ สู้ลองเรียนรู้จะเผชิญหน้ากับมันไม่ดีกว่าหรือ”
ซูฉางอันบอกแบบนั้น
คำตอบของซูฉางอันทำให้ความว่างเปล่าอึ้งไปอีกครั้ง แต่เพียงไม่นานเขาก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เ้าช่างเป็คนที่น่าสนใจจริงๆ ข้าอยู่ที่นี่มาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีและที่ผ่านมา ข้าเคยเห็นทายาทของสำนักเทียนหลานมามากจนนับไม่ถ้วนแล้วด้วย”
“พวกเขาต่างมีมารในใจไม่ต่างไปจากเ้า แต่คนเ่าั้กลับเอาแต่คิดจะทำลายมันลงและทำเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า บางคนทำสำเร็จ แต่บางคนก็ถูกปีศาจร้ายที่มากจนไร้ที่สิ้นสุดในหัวใจสังหารจนจบชีวิตลง”
“แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าอย่างไรหัวใจของพวกเขาก็จะสร้างมารร้ายตัวใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่ดี”
“มีแต่เ้าที่เข้าใจ เรียนรู้ และบรรลุได้อย่างแท้จริง” สำหรับเขานี่ช่างเป็อะไรที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ดังนั้น เมื่อพูดจบเขาก็ะเิเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ทันที
ประมาณสิบอึดใจต่อมา ในที่สุดเขาก็เงียบเสียงหัวเราะลง
“แต่น่าเสียดายที่เ้ารู้แค่วิธีกำจัดมารในใจแต่กลับไม่รู้ว่ามารในใจเป็สิ่งใดกันแน่ เพราะฉะนั้นสุดท้ายเ้าก็ออกไปจากที่นี่ไม่ได้อยู่ดี”คำพูดของความว่างเปล่าคล้ายจะแฝงไปด้วยความเสียดายทว่าน้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความกลั่นแกล้งที่ไม่คิดปิดบังเลยแม้แต่น้อย
“ไม่” ซูฉางอันส่ายหน้า
“ข้าหาจิตมารของตัวเองเจอแล้ว”
“แม้จะไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใด แต่ข้ามั่นใจมาก”
“ว่าเ้าเป็จิตมารของข้า”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้