“หืม?” เย่ชิงหานถูจมูกไปมาอย่างช้าๆ อย่างเข้าใจและรู้สึกยินดีอยู่ภายในใจ ฉับพลันนั้นจึงเอ่ยถามขึ้น “เสี่ยวเฮย เ้าว่าพลังหลอนสั่นคลอนิญญาจะมีผลกับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ จักรพรรดิปีศาจ และจักรพรรดิคนเถื่อนบ้างไหม? ข้าจำได้ว่าเนตรสยบิญญาสามารถสังหารผู้ที่มีพลังฝีมือสูงกว่าหนึ่งระดับขอบเขตใหญ่ได้ในพริบตา!”
“ฮึ! ลูกพี่ ท่านจะจินตนาการไว้สวยงามจนเกินไปแล้ว” เสี่ยวเฮยมองกลอกตาขาวอย่างหมดคำจะพูด “เมื่อก่อนที่สามารถสังหารข้ามขั้นขอบเขตพลังได้ก็เนื่องจากว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำพลังิญญายังไม่แข็งแกร่งมาก อีกทั้งไม่สามารถฝึกฝนพลังิญญาได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตาาจักรพรรดินั้นเริ่มทำการศึกษากฎเกณฑ์พลังฟ้าดินบ้างแล้ว อีกทั้งพลังิญญาก็สามารถแยกฝึกฝนได้ อย่างนี้ท่านคิดว่ายังจะมีผลไหม? แต่คิดว่าสำหรับพวกที่เพิ่งบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิใหม่ๆ อาจจะยังพอมีผลอยู่บ้างเล็กน้อย...”
“แหะๆ!” เย่ชิงหานถูจมูกอีกครั้งพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ ออกมา รู้สึกว่าตนเองจะได้ใจจนคิดวาดฝันจนเกินไป!
.................................
หมันก้านอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าใดนัก สองวันมานี้เขาฉีกร่างหญิงสาวเผ่าคนเถื่อนของตนเองไปหลายคนแล้ว
ไม่ใช่ว่าพวกนางปรนนิบัติไม่ดี และไม่ใช่ว่าพวกนางทำอะไรผิด เพียงแต่ทุกครั้งหลังจากเสร็จกิจเมื่อมองเห็นนิ้วกลางที่หายไปของตนเอง เขาจะเริ่มรู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมา รู้สึกโกรธแค้นอย่างบอกไม่ถูก!
ตอนนี้เขาหลบอยู่ภายในค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของเผ่าคนเถื่อน นักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งหมดล้วนถูกเรียกกลับมาให้ตั้งค่ายล้อมค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวไว้เป็ชั้นๆ แม้กระทั่งนกสักตัวก็ยังไม่สามารถบินเข้าไปได้
เพียงแต่ทำเช่นนี้แล้วเขาก็ยังเป็กังวล ถึงแม้ว่าเย่ชิงหานจะเคยพูดออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายว่าขอเพียงพวกเขาตัดนิ้วที่มีแหวนสัญลักษณ์ทิ้งไว้ก็จะไม่ไล่ตามสังหารพวกเขา แต่เขาก็ยังเป็กังวล เป็กังวลว่าตกดึกเย่ชิงหานจะเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มของมารร้ายที่ดูไม่เป็พิษเป็ภัยนั้น จากนั้นกรีดลงไปบนลำคอของเขาเบาๆ พร้อมกับบอกกับเขาว่า ข้าเปลี่ยนใจแล้ว...
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเป็อย่างมาก ชีวิตของตนเองอยู่ในกำมือของคนอื่น เป็ความรู้สึกที่ไม่ดีเลยจริงๆ ความรู้สึกไม่ต่างจากเมื่อตอนที่อยู่ยอดเขาขาดถูกบังคับให้ตัดนิ้วตนเองทิ้งอย่างไรอย่างนั้น...
“มารดามันเถอะ! ไม่มีนิ้วกลางแล้วต่อไปข้าจะใช้นิ้วไหนด่าคนกันเล่าทีนี้?”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ในสมองของหมันก้านพลันบังเกิดอารมณ์เดือดดาลขึ้นมาอีก ใช้มือปัดแก้วน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะลอยปลิวกระจัดกระจายออกไปแล้วร้องะโออกมา “เรียกเด็กสาวเข้ามาให้ข้าอีกสองคน วันนี้ข้าจะร่วมรักหมู่!”
ลูกน้องที่ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านนอกอย่างระมัดระวังเห็นว่าหมันก้านเริ่มเป็บ้าขึ้นมาอีกแล้วจึงได้แต่ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจออกมา กำลังคิดที่จะเข้าไปส่องดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นอีก แต่ทันใดนั้นสายตากลับมองไปเห็นบริเวณตีนเขามีกลุ่มคนขนาดจำนวนมากปรากฏขึ้นมา แม้จะมองไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าใด แต่อย่างน้อยก็มีอยู่ราวๆ ห้าหกสิบคนเห็นจะได้
เมื่อเขามองไปยังกลุ่มคนเ่าั้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทันใดนั้นเขาก็พบกับเื่ที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้น เขาพบว่าใจกลางของกลุ่มคนเ่าั้มีเด็กหนุ่มเสื้อสีดำคนหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกำลังโบกมือมาทางนี้ราวกับว่าได้พบเจอเพื่อนเก่าอย่างไรอย่างนั้น พร้อมทั้งร้องทักทายออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ...
“์! มารร้ายมาอีกแล้ว”
“รีบแจ้งสัญญาณเตือนภัย มารร้ายมาอีกแล้ว!”
นักรบเผ่าคนเถื่อนทั้งหลายทั้งล้มลุกคลุกคลานวิ่งหนีกันเข้ามา ในเวลาเดียวกันบริเวณตีนเขาก็บังเกิดเสียงของความชุลมุนวุ่นวายขึ้นและเสียงสัญญาณแจ้งเตือนภัยที่ดังขึ้นจนแสบแก้วหู
โครม!
หมันก้านเมื่อได้ยินก็ใจนทรุดนั่งก้นจ้ำเบ้าลงไปที่เก้าอี้ในทันที แต่คงเป็เพราะทรุดนั่งลงไปอย่างรุนแรงมากจนเกินไปทำให้เก้าอี้ถูกแรงกระแทกจนพังละเอียดเป็ผุยผงในพริบตา
“อยู่ที่ไหน? มารร้ายอยู่ที่ไหน?”
หมันก้านคลานลุกขึ้นมาด้วยอาการลนลาน สีหน้าอาการอกสั่นขวัญหายเริ่มวิ่งวนไปมาอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้
“นายน้อยใหญ่ เ้า...เ้ามารร้ายเผ่ามนุษย์คนนั้นกำลังมุ่งหน้ามาทางค่ายใหญ่ของพวกเรา ตอนนี้หยุดยืนอยู่ด้านหน้าค่ายใหญนี่เอง!” องครักษ์คนเถื่อนในที่สุดก็ควบคุมสติได้รีบประคองหมันก้านให้ลุกขึ้น จากนั้นชี้นิ้วไปที่ประตูใหญ่แล้วพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ฮะ!” หมันก้านทำการสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างยากเย็น เดินไปที่ประตูแล้วมองลงไปยังตีนเขาเบื้องล่าง มองเห็นเย่ชิงหานยืนยิ้มพร้อมกับหันหน้ามาทางที่เขาอยู่ เขาสะดุ้งใขึ้นมาในทันทีรีบวิ่งกลับเข้ามาภายในที่พักอย่างลนลานอีกครั้ง แต่เมื่อวิ่งเข้ามาถึงห้องโถงใหญ่วิ่งวนอยู่หลายรอบก็พบว่าตนเองไม่มีที่ให้หลบหนีเสียแล้ว
“รายงาน!”
นักรบคนหนึ่งรีบเร่งเดินขึ้นมาจากตีนเขาแล้วร้องะโคำว่า “รายงาน” ดังออกมาจนแทบแผ่นดินะเื แม้ผู้ที่อยู่ห่างออกมาหลายกิโลเมตรก็ยังสามารถได้ยิน
“เรียนนายน้อยใหญ่! เ้ามารร้าย...เผ่ามนุษย์ บอกว่าอยากพบนายน้อยมีเื่อยากจะถาม ให้ท่านลงไปพบเดี๋ยวนี้ ยังพูดอีกว่า...หากไม่ลงไปเขาจะบุกขึ้นมาเอง!”
“บิดามันเถอะ! ข้าก็ไม่ได้ไปเล่นชู้กับเมียมันสักหน่อย แล้วมันจะอยากถามอะไรจากข้า...หมันหนิว เ้าคิดว่าเ้ามนุษย์คนนี้มันจะสังหารข้าหรือเปล่า?” หมันก้านฝืนบังคับตนเองให้สงบใจลง แต่ทว่าน้ำเสียงที่พูดออกมาแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงความหวาดกลัวและเป็กังวลที่มีต่อเย่ชิงหาน
“อืม...น่าจะไม่ ถ้าหากเขาคิดจะสังหารจริงๆ คงไม่ให้คนขึ้นมารายงานเช่นนี้ แค่บุกขึ้นมาสังหารโดยตรงก็สิ้นเื่ ทางฝ่ายพวกเราไม่มีใครที่สามารถรับมือกับเขาได้อยู่แล้ว!” หมันหนิวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นส่ายหัวพร้อมกับพูดตอบออกมาอย่างจริงจัง
“อืม! เผ่ามนุษย์ไม่ใช่เน้นหนักในเื่บุรุษรับปากแล้วไม่คืนคำมิใช่รึ? ตกลง รีบไปแจ้งผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนทุกคนให้ไปเป็เพื่อนข้าพูดคุยธุระกับเ้าเผ่ามนุษย์คนนั้น”
หมันก้านเอามือลูบหัวโล้นที่ใหญ่โตของตนเอง รู้สึกว่าสิ่งที่หมันหนิวพูดมีความเป็ไปได้สูงจึงได้วางใจลงได้ รีบยืดหลังยืนตรงขึ้นพร้อมกับพูดให้กำลังใจตนเองออกมา
.................................
“เ้าหนูหาน เ้าว่าหมันก้านจะลงมาอย่างว่าง่ายไหม?”
เย่ชิงอู่ยืนอยู่ด้านข้างของเย่ชิงหาน มองขึ้นไปยังค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวเผ่าคนเถื่อนด้วยสีหน้าคึกคัก
ที่แห่งนี้คือค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวของเผ่าคนเถื่อน เวลาปกติอย่าว่าแต่ยืนอยู่ที่ตรงนี้เลย แม้กระทั่งภายในอาณาเขตร้อยกิโลเมตรยังไม่กล้าที่จะเฉียดเข้ามาใกล้เลยด้วยซ้ำ ครั้งนี้พวกเขามากันไม่กี่สิบคน ภายในค่ายใหญ่มีนักรบคนเถื่อนอยู่เป็พันๆ คน แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนอยู่อย่างทระนงองอาจ มิหนำซ้ำยังยโสโอหังสั่งให้ว่าที่หัวหน้าเผ่าคนเถื่อนรุ่นต่อไปลงมาหาอีกด้วย
“ถ้ามันกล้าไม่ลงมาเดี๋ยวข้าจะเอาไม้กระบองเสียบก้นมันให้ดู!”
“ข้าจะจับมันแก้ผ้า เอาแส้โบยสักร้อยที จากนั้นจุดเทียนสักหลายสิบเล่มไว้บนตัวมัน!”
กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของเย่ชิงหานใบหน้าต่างเต็มไปด้วยความสุขหัวเราะเริงร่ากันออกมา หลายสิบคนเผชิญหน้ากับหลายพันคนไม่เพียงไม่เกรงกล้วแม้แต่น้อย แต่กลับพูดคุยหัวเราะกันขึ้นอย่างสบายอกสบายใจ บรรยากาศเช่นนี้คาดว่าในรอบหลายพันปีที่ผ่านมาของเขตปกครองเทพาน่าจะยังไม่เคยมีใครได้ััความสุขลักษณะเช่นนี้มาก่อน
ดังนั้น พวกเขาทั้งรู้สึกภาคภูมิใจ ทั้งรู้สึกบ้าคลั่ง และทั้งรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องราวกับจะโบยบินฉันนั้น เพียงแต่เมื่อเยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่ทั้งสองคนที่อยู่ด้านข้างเย่ชิงหานคิ้วขมวดขึ้นมา เย่ชิงหานหันหน้ากลับไปยิ้มให้พวกเขาด้านหลัง ทุกคนจึงพลันสงบปากลงในทันใด
พูดเป็เล่น!
พวกเขาสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์ของที่นี่ได้อย่างสบายอกสบายใจ สามารถพูดถึงว่าที่หัวหน้าเผ่าคนเถื่อนรุ่นต่อไปได้อย่างยโสโอหังเช่นนี้ได้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนอาศัยเด็กหนุ่มเสื้อดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ถ้าหากทำให้เย่ชิงหานไม่พอใจหนีไปคนเดียวแล้วทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ คิดว่าคงถูกพวกนักรบเผ่าคนเถื่อนที่โกรธแค้นรุมอัดถั่วดำเป็ร้อยๆ ครั้งอย่างแน่นอน...
“มาแล้ว! หยุดพูดคุยกันแล้วตั้งใจฟังให้ดี! วันหน้าจะได้ช่วยกันเป็พยานได้!”
มองเห็นประตูใหญ่ของค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวเขตปกครองเทพคนเถื่อนค่อยๆ ถูกเปิดออก หมันก้านที่เดินมาพร้อมกับนักรบคนเถื่อนระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนกลุ่มหนึ่ง หลงไซ้หนานจึงหันหน้าไปพูดอย่างเคร่งขรึมบอกกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง นางไม่ลืมว่าจุดประสงค์ที่เย่ชิงหานพาพวกนางมาในวันนี้ว่าเพื่ออะไร...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้