เป็อย่างที่เขาคาดเอาไว้ ฮ่องเต้มาแล้ว องครักษ์กองทหารอวี๋หลินกับทหารคุ้มกันเมืองหลวงมาปิดล้อมเป็ชั้นๆ คนของจี๋โม่หานถูกบีบให้ออกไปเฝ้าอยู่ด้านนอกคุก
พวกหลิงชวนตอนที่เห็นร่างอาบเืในอ้อมกอดของจี๋โม่หาน ในใจก็ราวกับถูกบีบรัดอย่างรุนแรง
“องค์ชาย”
กลิ่นอายน่ากลัวที่ปล่อยออกมารอบตัวจี๋โม่หานทำให้คนที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “หลีก”
ฮ่องเต้นั่งอยู่บนเกี้ยว ด้านหน้ามีทหารอวี๋หลินเฝ้าอยู่ เขาหรี่ตาลงแฝงประกายครุ่นคิด สายตาเลื่อนจากขาของจี๋โม่หานขึ้นไป เมื่อครู่คนที่มารายงานบอกว่าจี๋โม่หานเดินได้แล้ว ทั้งยังพาคนมาบุกคุก ตอนแรกเขาก็ยังไม่เชื่อ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็เช่นนั้น
สีหน้าของฮ่องเต้เข้มขึ้นมาหลายส่วน น้ำเสียงไม่พอใจ “องค์ชายสามตั้งใจจะทำอะไร อยากจะก่อฏหรือ? บุกเข้าคุกมีความผิดเช่นไร เ้าไม่รู้หรือ?”
จี๋โม่หานไม่สนใจจะพูดจาไร้สาระ ในใจกังวลแต่าแบนตัวของซูิเยว่ เขาจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “หลีกไป”
สีหน้าของฮ่องเต้ย่ำแย่ขึ้นมา จี๋โม่หานคนนี้ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา ตอนที่กำลังจะพูด เจียงจ้าวก็เดินขึ้นมาหนึ่งก้าว “ฝ่าา เื่ไสยศาสตร์ที่งานวันเกิดของไทเฮานั้นไม่ใช่ฝีมือของคุณหนูซูพ่ะย่ะค่ะ มีคนใส่ร้ายคุณหนูซู”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วมองเจียงจ้าวที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา “แม้แต่เ้าก็คิดจะก่อฏ?”
“กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ” เจียงจ้าวพูดรั้นยืนยัน “แต่เื่นี้ไม่ใช่คุณหนูซูเป็คนทำพ่ะย่ะค่ะ”
“เหอะ” ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อหนักๆ ร้องเหอะเสียงเย็น “ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนักพรตคนนั้นพูดเองกับปาก จะเป็เื่เท็จได้อย่างไร?”
เจียงจ้าวมองจี๋โม่หาน ก่อนที่จี๋โม่หานจะพูดเสียงเย็นออกมา “พาตัวมา”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิงชวนรับคำแล้วไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะพานักพรตกับองค์ชายห้าที่ถูกมัดเอาไว้ออกมาตรงหน้า
นักพรตร้องไห้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ส่วนองค์ชายห้าเองก็ทำหน้าตาเศร้าสร้อย เมื่อฮ่องเต้มาถึงแล้วเขาก็ไม่ดิ้นรน หน้าเปื้อนดิน มุมปากยังมีรอยเื เป็การยอมรับผิดอย่างชัดเจน
เมื่อครู่พวกเขาถูกจับยืนอยู่ด้านหลังองครักษ์ ดังนั้นฮ่องเต้จึงไม่ทันได้สังเกต
ฮ่องเต้ชะงักไป พอเห็นนักพรตใบหน้าก็ฉายความประหลาดใจ แต่พอเห็นท่าทางหมดอาลัยตายอยากขององค์ชายห้า วินาทีต่อมาก็พูดอย่างโมโหทันที “จี๋โม่หาน เ้าจะทำอะไร นี่มันเื่อะไรกัน?”
จี๋โม่หานหัวเราะเสียงเย็น “เช่นนั้นก็ถามลูกชายของท่านดูว่าทำเื่งามหน้าอะไรลงไปแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง ลางสังหรณ์บอกว่าเื่ที่จี๋โม่หานพูดมานั้นไม่ใช่เื่ดี
หลิงชวนถีบขานักพรต “พูด”
นักพรตเดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วคุกเข่าลง เขาร้องไห้ก่อนจะพูด “ฮ่องเต้โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วย ทั้งหมดนี้องค์ชายห้าเป็คนสั่งให้กระหม่อมทำ กระหม่อมไม่ใช่นักพรตอะไรทั้งนั้น เป็องค์ชายห้าที่ให้กระหม่อมปลอมตัว ตุ๊กตาคนตัวเล็กที่วังไทเฮาก็ไม่ใช่คุณหนูซูเป็คนเอาไปวางไว้ แต่เป็องค์ชายห้าที่ให้คนไปวางไว้ คำพูดในงานเลี้ยงของไทเฮาเมื่อวานก็เป็องค์ชายห้าที่ให้กระหม่อมพูด กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจจะใส่ร้ายคุณหนูซู เป็องค์ชายห้าที่สั่งให้กระหม่อมทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
นักพรตเล่าเื่ทั้งหมดทั้งน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาราวกับเทเมล็ดถั่ว
ทั่วทั้งบริเวณนั้นเงียบกริบ ฮ่องเต้ตะลึงอยู่ตรงนั้น เขาอ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้า
องค์ชายห้าก้มหน้า แม้แต่คำพูดจะโต้แย้งก็พูดไม่ออก เขายอมแพ้แล้วที่จะดิ้นรน
“ตอนนี้ฝ่าายังสงสัยอะไรอีกหรือไม่?”
สีหน้าของฮ่องเต้ทะมึนจนเหมือนจะมีน้ำหมึกหยดลงมาได้ สายตาเฉียบคมมองไป นิ้วมือสั่นๆ ก็ชี้ไปทางองค์ชายห้า ก่อนจะพูดเสียงดุ “เื่พวกนี้เป็ความจริงหรือไม่?”
องค์ชายห้าไม่ได้พูด นี่เป็การยอมรับกลายๆ
หน้าอกของฮ่องเต้ขยับขึ้นลง สีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว “ลูก...ลูกทรพี”
จี๋โม่หานพูดอย่างไม่เกรงใจ “ฝ่าา องค์ชายห้าวางแผนร้ายกับไทเฮา โยนความผิดให้คนอื่น จากกฎหมายที่ข้ารู้ จะลงโทษอย่างไรนั้น ไม่ต้องให้ข้าพูดมากหรอกใช่หรือไม่”
สายตาฮ่องเต้จ้องจี๋โม่หานนิ่งแล้วกำหมัดแน่น แต่เขาเองก็รู้ว่าเื่นี้เป็เขาที่เสียเปรียบ “ใช่ เื่นี้เจิ้นไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจน เจิ้นจะคืนความบริสุทธิ์ยุติธรรมให้คุณหนูซู”
“เช่นนั้นก็ดี”
“ฝ่าา” ในตอนนี้เองเจียงจ้าวก็ออกมาพูดอีกรอบ “กระหม่อมยังมีอีกเื่ที่จะรายงานพ่ะย่ะค่ะ”
เขาพูดไปก็ล้วงกากยาที่ห่อผ้าเช็ดหน้าออกมาจากด้านในอกเสื้อแล้วแสดงให้คนดูแลข้างกายฮ่องเต้ดู
“นี่คืออะไร?” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“นี่คือสิ่งที่ลูกน้องขององค์ชายสามตรวจค้นเจอในจวนขององค์ชายห้าเมื่อครู่ สิ่งนี้วางอยู่กับตุ๊กตาตัวเล็กที่วางแผนทำร้ายไทเฮาเหนียงเหนียง กระหม่อมจึงเอามันกลับมาด้วย กระหม่อมคิดว่าเื่นี้จะต้องมีอะไรซ่อนเร้น ขอฝ่าาโปรดตรวจสอบให้ชัดเจนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พูดอย่างไม่พอใจ “แต่ว่าห่อกากยานี้มีอะไรให้น่าตรวจสอบ”
ตอนนี้เขาอยากให้ปัญหาน้อยลงสักเื่ ไม่อยากให้เกิดเื่อะไรต่อหน้าผู้คนมากมายอีกแล้ว
แต่เจียงจ้าวกลับหนักแน่น “ขอฝ่าาได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจน กระหม่อมรู้สึกว่ากากยานี้อาจจะเป็หลักฐานสำคัญพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้เองที่องค์ชายห้าเงยหน้ามองไปทางฮ่องเต้ เขามองกากยาห่อนั้นและโต้แย้งตามเหตุผล “เสด็จพ่อ ลูกไม่รู้จริงๆ ว่ากากยานั้นมาจากไหน อีกทั้งไม่รู้ว่ากากยานี้มีประโยชน์อะไร”
ลางสังหรณ์บอกเขาว่ากากยานั้นไม่ใช่เื่ดีอะไร
เมื่อครู่เขาไม่คิดจะแก้ตัว แต่ตอนนี้กลับมาแก้ตัวเพราะกากยา ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัย
“ฝ่าา” ตอนนี้เองที่เจียงจ้าวไม่สนใจอะไรมากและตอบตามความจริง “กากยานี้น่าสงสัยมากจริงๆ กระหม่อมสงสัยว่านี่อาจจะเป็หลักฐานเื่ที่ฝ่าาถูกวางยาพิษเมื่อหลายวันก่อน ถึงแม้ตอนนั้นจะสงสัยว่าฮองเฮาเป็คนทำ แต่หลายวันมานี้ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเื่นี้เป็ฝีมือของฮองเฮา”
พอเอ่ยประโยคนี้ออกมา องค์ชายห้าก็ตะลึงค้างไปทันที
ภายในเวลาครู่เดียวก็มองไปทางเจียงจ้าวตาแดงก่ำ “เ้าพูดไร้สาระอะไร”
ลอบทำร้ายฮ่องเต้ ความผิดนี้ไม่ว่าจะครอบครัวของราชวงศ์หรือไม่ก็ต้องโทษตัดหัว
ฮ่องเต้ชะงักไป พอรู้ตัวสีหน้าก็ทะมึนขึ้น เขาพูดอย่างไม่พอใจ “ใต้เท้าเจียงคำพูดนี้จะพูดมั่วซั่วไม่ได้”
แต่สายตาของเขากลับมองไปทางองค์ชายห้า แววตามีความสงสัยแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เจียงจ้าวเองก็รู้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นเป็เื่ใหญ่ แต่พูดออกไปแล้ว เขาทำได้แค่พุ่งชน “จะใช่หรือไม่ใช่นั้นหากฝ่าาตรวจสอบก็จะรู้ได้ จะได้ทวงความบริสุทธิ์ให้องค์ชายห้าด้วยไม่ใช่หรือ กระหม่อมเองก็จะยินยอมรับผิด”
องค์ชายห้ามองห่อกากยานั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เขาส่ายหน้าแรงๆ “นี่ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า จะต้องมีคนใส่ร้ายข้า เสด็จพ่ออย่าไปเชื่อคำพูดของพวกเขาง่ายๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”
ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่ากากยานี้ไม่มีทางเป็เื่ดี จะให้ตรวจสอบไม่ได้
ฮ่องเต้กลับเงียบไป เขามองห่อยานั้นแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วออกคำสั่ง “ไป เรียกหมอหลวงจ้าวมาให้เจิ้น”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
แววตาขององค์ชายห้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ฮ่องเต้กลับตกลงยอมให้ตรวจสอบ เช่นนั้นก็เหมือนเป็การบอกความจริงว่าฮ่องเต้เองก็สงสัยเขา
ขอบตาขององค์ชายห้าแดงก่ำ ใบหน้าดุดัน เขาพยายามดิ้นรนขัดขืน “เสด็จพ่อ ท่านจะต้องเชื่อลูกนะพ่ะย่ะค่ะ ของสิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกจริงๆ ลูกไม่รู้ว่ามันคืออะไร มีคนโยนความผิดมาให้ลูก”