“ใต้เท้าหลี่ ตอนนี้สามีข้าตาย เขาเป็เพียงขุนนางระดับล่าง จวนที่พวกเราอยู่ก็แทบไม่ใช่จวน ทั้งผุพังและทรุดโทรม ข้าจำเป็ต้องขายจวนเพื่อนำเงินมาประทังชีวิต ระหว่างรอขายจวนนั้น ขอใต้เท้าเมตตาเราสองแม่ลูกได้หรือไม่” ก่อนร่างของฟางเหมยจะเดินเข้ามาแล้วน้อมกายลงอ้อนวอนขอร้องด้วยอีกแรง
“ใต้เท้าหลี่ ข้ากับท่านแม่ขออาศัยที่จวนของท่านไม่เกินห้าเดือน หากขายจวนได้แล้ว พวกเราสองแม่ลูกก็จะไปตามทาง อาศัยบารมีท่านคุ้มครองเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นเ้าค่ะ” ก่อนเสียงของซินหยางจะเอ่ยขึ้น
“ท่านพ่อ เมตตาพวกนางด้วยเถอะนะ” เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างเรียกร้องขอความเมตตา ใต้เท้าหลี่ก็เริ่มใจอ่อน ไม่อาจต้านทานต่อไปได้ จึงถอนหายใจแล้วเลื่อนสายตามองฮูหยินกับบุตรสาวเป็ครั้งสุดท้าย
“เช่นนั้นก็สุดแล้วแต่พวกเ้าจะตัดสินใจ” เขาพูดจบ ก็เบี่ยงตัวเดินจากไป ท่ามกลางความดีใจของทุกคน ที่ส่งยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย
นับจากนั้น ฟางเหมยได้เรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่างจากคุณหนูสกุลหลี่ แม้ฟางเหมยจะมีอายุมากกว่าหนึ่งปี แต่ด้วยฐานะที่ต่ำต้อยกว่า ทำให้นางต้องคอยตามใจซินหยางทุกอย่าง
หลายครั้งที่พวกนางออกไปเที่ยวเล่นนอกจวน แล้วมีผู้คนเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สังเกตได้ว่าคนเ่าั้ ล้วนให้ความเคารพซินหยางอย่างเป็อย่างมาก
“คุณหนูซินหยาง ท่านเลือกได้ตามสบายเลย” สิ้นเสียงของพ่อค้า นางก็ยิ้มรับ แล้วหันไปเลือกผลไม้อย่างใจเย็น ท่ามกลางสายตาสั่นไหวของฟางเหมย มองดูซินหยางที่เดินไปไหน ก็มีแต่คนต้อนรับ อีกทั้งผลไม้ที่เลือกมาก็ได้แต่ของดี ๆ ซ้ำยังราคาไม่แพงเพราะพ่อค้าเ่าั้ลดราคาให้ ด้วยเห็นว่านางเป็คนของสกุลหลี่
‘นางได้รับการยอมรับมากมายเช่นนี้ เป็เพราะสกุลหลี่ที่รั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมโยธาสินะ สำหรับข้าแล้ว ที่มีพ่อเป็เพียงขุนนางระดับล่าง ไม่ได้เป็ที่รู้จักของคนในเมืองเฉกเช่นใต้เท้าหลี่ จะเทียบเคียงนางได้อย่างไร’ สิ้นความคิด ฟางเหมย ก็ถูกเพื่อนรักดึงร่างตรงไปยังของกินอื่น ๆ ในเมือง
“เ้าอยากกินอะไร เลือกได้หมดเลยนะ ข้าจ่ายให้เอง” ฟางเหมยเลื่อนสายตามองเงิน ที่ซินหยางถืออยู่ด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนจะหันไปยังซาลาเปาไส้ผัก ที่บิดาของนางเคยซื้อให้กินบ่อย ๆ เมื่อในอดีต
“คุณหนู ข้าอยากกินซาลาเปาไส้ผักร้านนั้น” คำขอของฟางเหมย ทำให้ซินหยางเดินวกกลับมายังร้านซาลาเปา ไม่รอช้า ส่งยิ้มหวานให้กับพ่อค้า เตรียมล้วงเอาเงินในถุงผ้าที่ปักด้วยลวดลายงดงาม
“คุณหนูซินหยาง วันนี้จะรับกี่ลูกดี” คำทักทายของพ่อค้าทำให้ฟางเหมยหันมองไปซินหยาง ที่พูดคุยทักทายอย่างเป็กันเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่ว่าจะเป็เครื่องประดับมากมายบนตัวนาง หรือแม้แต่เสื้อผ้าสูงค่าเ่าั้ ฟางเหมยไม่สามารถเทียบเคียงนางได้ หญิงสาวก้มมองเสื้อผ้าของตัวเองแล้วนิ่งเงียบ ก่อนเสียงของซินหยางจะทำให้ฟางเหมยได้สติกลับมา
“เอาไปฝากท่านน้าด้วยดีหรือไม่ ท่านน้าน่าจะชอบ” ซินหยางถามฟางเหมย ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนอีกฝ่ายจะพยักหน้ายิ้มรับ
“แม่นางคนนี้ เป็ผู้ใดรึ” พ่อค้าหันมองมายังฟางเหมย ก่อนซินหยางจะยิ้มบางเบา แล้วดึงร่างของฟางเหมยเข้ามาใกล้ ๆ ไม่มีท่าทีรังเกียจแม้แต่น้อย
“เพื่อนสนิทของข้าเองแหละ นางพึ่งย้ายมาอยู่ที่จวนได้เดือนกว่า ๆ” ซินหยางแนะนำเพื่อนสนิทของนาง ให้ผู้อื่นรับรู้ด้วยความเต็มใจ ทว่าพ่อค้าขายซาลาเปา จับจ้องไปยังฟางเหมย แล้วขมวดคิ้วพลันเอ่ยขึ้น
“หน้าตาแม่นางคนนี้ คุ้น ๆ นะ” ก่อนซินหยางจะตอบกลับในทันที
“นางเป็ลูกสาวของใต้เท้าหวัง ทำหน้าที่เป็ผู้ช่วยนายอำเภอเจี้ยน ท่านเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาหรือไม่”
“อ่อ...ที่แท้ก็เป็ลูกสาวของผู้ช่วยนายอำเภอเจี้ยนหรอกเหรอ ข้าพึ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าคนที่ติดตามคอยรับใช้นายอำเภอเจี้ยนนั้น ก็คือใต้เท้าหวัง แต่ข้าไม่ค่อยรู้จักเท่าใดนักหรอก” พ่อค้าพูดด้วยใบหน้าราบเรียบก่อนจะยื่นซาลาเปาให้ แต่นั่นก็สะกิดใจฟางเหมยไม่น้อยทีเดียว นางเริ่มรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าอีกฝ่ายเสมอ เวลาเดินไปไหนต่อไหนกับซินหยาง ทุกคนทำราวกับนางเป็คนใช้ มองข้ามหัวผ่านไปมาเหมือนไม่มีตัวตน
“เ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ข้าจะเข้าไปเอาไปเสื้อที่ตัดไว้” คำพูดของซินหยางทำให้ฟางเหมยยืนรอตามคำสั่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปเห็นบุรุษคนหนึ่ง รูปร่างสูงสง่า ผิวพรรณผุดผ่อง ใบหน้างดงามราวกับหลุดมาจากภาพวาด เดินตรงมาแล้วหยุดที่หน้าร้านตัดผ้า พลันหันมายังนางด้วยสายตาราบเรียบ ก่อนหัวใจของฟางเหมยจะเต้นรัวถี่ไม่เป็จังหวะ นางไม่เคยพบชายใดกิริยางดงามและหล่อเหลาเช่นนี้มาก่อน หญิงสาวที่โตเต็มวัยเหมาะแก่การออกเรือน พยายามสงวนท่าทีไว้ ทว่าที่สุดแล้วไม่อาจห้ามความรู้สึกได้ จึงตัดสินใจจะเอ่ยถาม ก่อนชายหนุ่มจะเบี่ยงหน้าหันไปทักทายกับซินหยาง ที่กำลังเดินออกมาจากร้านผ้าพอดี รอยยิ้มอบอุ่นของเขาเผยออกมา เมื่อเห็นซินหยาง
“ซินหยาง” เขาเอ่ยทัก
“คุณชายหวง” น้ำเสียงอ่อนหวานของซินหยางเอ่ยขึ้น พลางเดินเข้ามาหาด้วยความดีใจไม่ต่างกัน ก่อนฟางเหมยจะชะงัก แล้วหยุดนิ่งกับที่ นางมองทั้งสองอย่างเงียบ ๆ พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้า แล้วยื่นให้กับซินหยาง
“ข้านำมาคืนเ้า แต่ที่จริงข้าไม่อยากคืน อยากเก็บไว้ดูนาน ๆ มากกว่า” เขาพูดแล้วก้มมองผ้าเช็ดหน้า ด้วยนึกเสียดาย ก่อนซินหยางจะยิ้มบางเบา แล้วพูดขึ้น