เมื่อเห็นว่า่เช้าไม่มีคาบเรียนข้าจึงตรงไปยังธนาคารที่ถนนปู้สิงทันที
หลังจากที่ข้ายื่นบัตรไปพร้อมกับบอกรหัส พนักงานสาวคนนั้นก็ถามขึ้น“ไม่ทราบว่า้าถอนหรือโอนดีคะ?”
ข้าได้ยินแล้วจึงล้วงเอาบัตรของตัวเองออกมา “โอนเข้าบัตรใบนี้”
“กรุณารอสักครู่”
พักเดียวนางก็เงยหน้าขึ้นและถามพร้อมกับรอยยิ้ม“ไม่ทราบว่า้าโอนทั้งสามสิบล้านเหรียญหลงหลิงเลยหรือเปล่าคะ?”
“ใช่”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการตอนนี้ในบัตรมีอยู่สามสิบสองล้านสามแสนเก้าพันค่ะ”
“ขอบใจมาก”
...
พอออกมาจากธนาคารก็รู้สึกดีใจเป็อย่างมาก เพราะเงินที่มีอยู่ตอนนี้มันเท่ากับว่าข้าเป็เศรษฐีเลยทีเดียวน้ำพักน้ำแรงของทหารสามพี่น้องกลายเป็ของข้าทั้งหมดแล้ว!
พอคิดได้แบบนั้นจึงเลือกมุ่งตรงไปยังร้านหอเจ็ดดาวแทนการไปเรียนในคาบเช้าและตอนนี้ข้าก็มีเงินมากพอที่จะยืดอกเดินเข้าไปในร้านหอเจ็ดดาวได้อย่างเต็มตัวแล้วล่ะ!
ตอนนี้ยังเช้าอยู่จึงทำให้ลูกค้าของร้านหอเจ็ดดาวไม่เยอะเท่าไรและพอข้าเข้าไปคนคุ้นเคยอย่างหยางเซี้ยนที่เป็เ้าของร้านก็เดินออกมาต้อนรับพร้อมกับชุดที่สวยงาม
“เ้ามาแล้วเหรอ ปู้อี้เชวียน”
นางเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะโค้งคำนับตามมารยาทแล้วพูดต่อ“ครั้งนี้อยากจะมาซื้อ หรืออยากจะมาขายอะไรหรือเปล่า?”
“ข้าขอดูก่อนละกัน”
“ได้เลย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะเดินเป็เพื่อน”
อาวุธิญญาที่ชั้นหนึ่งไม่มีอะไรน่าดูข้าก็เลยเลือกที่จะขึ้นไปดูพวกสมุนไพรและหญ้าิญญาที่ชั้นสองดีกว่าเพราะอย่างไรพละกำลังของคนคนหนึ่งก็ถือว่าสำคัญกว่าอาวุธที่เป็เพียงตัวช่วยพวกนี้อยู่แล้ว
พอเดินขึ้นไปก็เจอกับจอมยุทธ์ยอดฝีมือสองคนกำลังยืนดูของบางอย่างในตู้กระจกที่ส่องแสงเรืองรองออกมาดูๆ แล้วจอมยุทธ์ทั้งสองคนน่าจะอยู่ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพส่วนโสมโลหิตที่วางอยู่ในตู้ก็ส่องแสงเรืองรองเหมือนกับที่ข้าเห็นของฉื่อเสี่ยนไม่มีผิด!
หยางเซี้ยนว่าพลางยิ้มออกมา “นี่คือโสมโลหิตอายุสามพันปีซึ่งนอกจากจะสามารถบำรุงลมปราณแล้วยังเป็สิ่งของจำเป็ในการบรรลุขั้น์ชั้นดีอีกด้วยร้านของข้าเพิ่งจะซื้อมาเมื่อวานในราคาสองร้อยล้านเหรียญหลงหลิงท่านพ่อก็เลยเชิญให้ท่านจอมยุทธ์ขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพทั้งสองท่านเข้ามาช่วยดูแลโสมโลหิตแท่งนี้ไว้”
“ซื้อมาจากเ้าสำนักฉื่อเสี่ยนใช้หรือเป่ลา?” ข้าถามขึ้น
นางดูแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น “เ้ารู้ได้ยังไง?”
“ข้าเคยเห็นมาก่อน”
ข้าว่าแล้วลูบจมูกตัวเองสองสามทีก่อนจะเดินไปยังอีกตู้หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆโสมโลหิตแท่งนั้นไม่ต้องนึกเลยเพราะนอกจากข้าจะไม่มีเงินซื้อแล้วมันยังใช้ไม่ได้กับขั้นการบำเพ็ญของข้าอีกต่างหากเพราะไอิญญาภายในโสมมีมากเกินไป ถ้าเกิดข้าซื้อมาใช้ก็เท่ากับเปล่าประโยชน์
ในตู้กระจกที่อยู่ข้างตัวข้าเป็กระถางต้นไม้ที่มีผ้าสีดำคลุมเอาไว้อีกทีหนึ่งแต่ยังสามารถรับรู้ได้ถึงพลังไฟที่อยู่ด้านในแถมราคามันยังสูงถึงสิบห้าล้านเหรียญหลงหลิง!
“นี่คืออะไร แล้วทำไมถึงได้เอาผ้าคลุมไว้แบบนี้ล่ะ?”
“นี่คือหญ้าพลังเพลิงที่เพิ่งจะส่งมาจากเมืองหลิงหยุนเมื่อวานนี้เองและถ้าไม่เอาผ้าคลุมเอาไว้สรรพคุณของมันก็จะระเหิดออกไปในอากาศแล้วล่ะ”
นางว่าแล้วยืนกอดอกทำให้ก้อนเนื้อด้านในถูกบีบจนเกือบล้นทะลักออกมาแต่นางกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย “เ้าเองก็ควรจะรู้ว่าสรรพคุณของหญ้าชนิดนี้มีมากขนาดไหนถ้าไม่ใช่เพราะพลังของมันเริ่มสลายแล้วละก็ขายในราคาสามสิบล้านยังไม่ถือว่าแพงด้วยซ้ำไป”
นางพูดแล้วเม้มปากเหมือนจะรู้สึกเสียดายจริงๆ“น่าเสียดายที่พวกลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ๆ ไม่มีทีท่าว่าอยากจะซื้อมันเลยสักนิด”
ข้าขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น“แล้วถ้าข้าจะซื้อล่ะ เ้าจะขายในราคาเท่าไร?”
ข้ารู้สรรพคุณของหญ้าชนิดนี้ดีที่สุดแล้วเพราะตอนนี้เพียงแค่หญ้าต้นเดียวก็ทำให้พลังของข้าเพิ่มขึ้นถึงห้าส่วนและถ้าข้านำต้นนี้ไปกินเพื่อสลายให้ร่างกายดูดซึมเข้าไปมันจะต้องเพิ่มพลังให้ข้าอีกไม่น้อยและหญ้าที่เพิ่มความอดทนให้ร่างกายเมื่อถูกทำร้ายแบบนี้ก็ไม่ใช่จะหากันได้ง่ายๆ!
หยางเซี้ยนดูในิดหน่อยก่อนจะถามขึ้น“เ้า...อยากจะซื้ออย่างนั้นเหรอ?”
“อืม!”
นางพยักหน้ารับอย่างครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าเ้าอยากจะซื้อจริงๆข้าจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง เหลือแค่เจ็ดล้านห้าแสนเหรียญเ้าว่าไง?”
“ข้าตกลงจะซื้อ!”
ข้าว่าแล้วล้วงเอาบัตรออกมายื่นให้กับพนักงาน “เอาไปจ่ายเงิน”
“ขอรับ คุณชาย!”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะเรียกคนมาจัดใส่กล่องให้ละกัน” นางว่าพลางยิ้ม
“ไม่ต้อง ข้าจะกินมันเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลังจากเด็ดหญ้านั้นขึ้นมาแล้วก็เอาผ้าคลุมออกก่อนจะสะบัดให้เศษดินหมดไปแล้วค่อยขย้ำเป็ก้อนกลมๆ ยัดเข้าปากเมื่อมันลงไปในท้องก็รู้สึกถึงไอร้อนที่เผาผลาญในร่างกาย ซึ่งจะต้องบำเพ็ญภายในสิบนาทีไม่อย่างนั้นจะเป็อันตรายแก่ร่างกายได้
ขณะนั้นเองข้าก็เหลือบไปเห็นอีกตู้หนึ่งที่มีพืชแปลกตาวางอยู่ซึ่งมันมีรูปร่างคล้ายโสมมนุษย์แต่กลับเป็สีดำ และรากยาวๆของมันยังมีเส้นสายฟ้าที่เกิดขึ้นมาเป็สายๆ อีกต่างหาก เมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้“นั่นมันอะไร?”
หยางเซี้ยนว่าพลางยิ้ม “มันคือโสมวิหคสายฟ้าเป็ตัวยาที่มาจากเมืองทางฝั่งตะวันออกได้ยินว่ามันจะเกิดบนหน้าผาที่สูงชันเท่านั้นและเกิดขึ้นจากการถูกลมฝนพายุและสายฟ้าฟาดลงมาจนเกิดเป็โสมชนิดนี้ ทำให้โสมวิหคสายฟ้าทุกอันจะแฝงไปด้วยพลังสายฟ้านับร้อยปีซึ่งถือเป็ของรักของผู้ฝึกฝนิญญาที่ฝึกฝนพลังสายฟ้าโดยเ้าโสมแท่งนี้มีชีวิตกว่าหกร้อยปี และเป็สินค้าขึ้นชื่อของทางร้าน ทำไมเ้าอยากได้เหรอ?”
“ไม่ล่ะ”
ข้าส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะพูดขึ้น“มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อข้าเลยสักนิด ข้าต้องกลับแล้วล่ะเพราะดูเหมือนว่าพลังของหญ้าิญญาเพลิงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว”
“อืม กลับดีๆ ล่ะ ข้าไม่ไปส่งละกัน”
“อืม!”
...
ข้ารีบกลับมายังโรงเกลากระบี่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะล็อกประตูใหญ่แล้วเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาาเพื่อให้พลังอันแข็งแกร่งของมันสลายและกลั่นกรองพลังของหญ้าิญญาเพลิงต้นนี้เข้าสู่ร่างกาย
หลังจากบรรลุขั้นวาตะสลาตันก็ทำให้ข้าเข้าสู่ระดับเซียนของขั้นที่ห้าและเข้าสู่ขั้นที่หกของเคล็ดวิชาัไปในตัวและในตำราวิชาปราบิญญาเขียนไว้ว่าขั้นที่หกนี้มีชื่อว่า ‘พลังสายฟ้าอรหันต์’ซึ่งดูเหมือนว่ายังไม่มีใครฝึกฝนจนสำเร็จมากว่าร้อยปีแล้ว!
ความรู้สึกร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเพราะพลังของหญ้าิญญาเพลิงเริ่มแทรกซึมเข้าไปและค่อยๆผสานเข้ากับร่างกายของข้าแล้วแม้ว่าพลังของมันจะแข็งแกร่งและมากเพียงใดก็ยากที่จะสู้กับพลังของเคล็ดวิชาาได้ทำให้ไม่ถึงสองชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกว่าพลังของมันเริ่มสลายไปแล้วกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงบ่ายสามโมงหญ้าิญญาเพลิงที่อยู่ในจุดประภพิญญาก็ถูกสลายจนหมดสิ้นขณะเดียวกันร่างกายของข้าก็มีพลังมากขึ้นรวมทั้งความแข็งแกร่งของร่างกายก็เพิ่มขึ้นเช่นกันและดูเหมือนว่าความทนมือทนเท้าของข้าจะเข้าสู่ระดับที่คนทั่วไปยากที่จะเทียบขั้นได้!
ทว่าข้าเคลื่อนพลังของเคล็ดวิชาาไปแล้วกว่าสิบรอบก็ยังคงรู้สึกแค่ร่างกายมีพลังเหมือนเดิมแต่ไม่ได้รับรู้ถึงพลังของสายฟ้าอรหันต์ขั้นต้นเลยแม้แต่นิดเดียวหรือว่า...ข้าจะเจอเข้ากับขีดจำกัดของตัวเองอีกแล้ว?
พอคิดได้แบบนี้ก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้เพราะนับวันวิชานี้ก็ยิ่งฝึกฝนยากเข้าไปทุกทีบรรลุได้ครั้งหนึ่งก็ต้องเจอกับขีดจำกัดของตัวเองครั้งหนึ่งแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า!
เมื่อลองนึกย้อนกลับไปในตำราของการจดบันทึกประวัติของตระกูลก็นึกได้ว่าเมื่อห้าร้อยปีก่อนมีบรรพบุรุษท่านหนึ่งเคยฝึกฝนพลังของสายฟ้าอรหันต์นี้จนสำเร็จแต่ก็ต้องใช้เวลาั้แ่เขาอายุสามสิบหกจนถึงสี่สิบเก้าปีนั่นเท่ากับว่าสิบสามปีที่เขาฝึกวิชาขั้นนี้สำเร็จอายุก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งชีวิตแล้วหรือว่าข้าจะต้องรอเวลาถึงสิบสามปีเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?
แต่พอนึกได้แบบนี้ภาพใบหน้าของหยางเซี้ยนก็ผุดขึ้นมา
มีโสมวิหคสายฟ้าราคาสองร้อยแปดสิบล้านเหรียญขายอยู่ที่ร้านของนางนี่น่า!
พอนึกได้ข้าก็รีบกลับไปยังร้านหอเจ็ดเทพแบบไม่คิดอะไรให้เสียเวลาเพื่อการฝึกฝนเคล็ดวิชาาแล้ว จะแพงแค่ไหนข้าก็ต้องซื้อเพราะเงินทองหาได้ใหม่อยู่แล้ว!
“ทำไมถึงได้กลับมาอีกล่ะ?” หยางเซี้ยนถามด้วยความสงสัย
“โสมวิหคสายฟ้า!”
ข้าพูดด้วยอาการหอบเพราะความเหนื่อยก่อนจะถามขึ้นอีกรอบ“โสมวิหคสายฟ้านั่นยังอยู่หรือเปล่า ข้าจะเอา!”
นางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ต้องรีบๆ มันยังอยู่ดีว่าแต่เ้าจะซื้อจริงๆ เหรอ? คือว่า...ข้าจะบอกตรงๆ ก็คือถึงแม้มันจะสามารถบำรุงลมปราณได้แต่สรรพคุณในเื่นี้ยังเทียบไม่ได้กับโสมโลหิตด้วยซ้ำดังนั้นถ้าเ้าไม่ได้ฝึกวิชาเกี่ยวกับสายฟ้าก็อย่าซื้อเลยเพราะมันไม่คุ้มกันสักนิด”
ข้าพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ข้า้าซื้อมันจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้ามา เดี๋ยวข้าจะพาเ้าไป”
พอขึ้นมาถึงชั้นสองนางก็หยิบโสมวิหคสายฟ้านั้นขึ้นมาก่อนจะพูดขึ้น“เห็นแก่ที่เ้าเป็ลูกค้าพิเศษข้าก็ยังจะลดให้ครึ่งหนึ่งเหลือเพียงหนึ่งร้อยสี่สิบล้านเหรียญ เ้าว่าไง?”
ข้าได้ยินแบบนี้จึงรู้สึกละอายเล็กน้อย“ขายถูกขนาดนี้เ้าไม่กลัวขาดทุนเหรอ?”
นางกะพริบตาถี่ก่อนจะเข้ามากระซิบข้างหู “จริงๆแล้วข้าซื้อมาในราคาแค่หนึ่งร้อยสามสิบห้าล้านเหรียญเองถึงจะขายให้เ้าแค่ครึ่งราคาข้าก็ยังได้กำไรอีกตั้งห้าสิบล้านเลยนะ”
ข้าได้ยินแล้วถึงกับพูดไม่ออก
ถ้าไม่เ้าเล่ห์จริงคงทำการค้าขายไม่ได้จริงๆ นับถือ นับถือ...
...
ข้ากลับมาที่โรงเกลากระบี่อีกครั้งก่อนจะกินโสมวิหคสายฟ้าเข้าไป เพียงพักเดียวร่างกายก็ชาและปากซีดเหมือนกับสูญเสียการรับรู้ไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่ถึงแม้จะมีความรู้สึกนี้ขึ้นพลังิญญาที่แข็งแกร่งและมหาศาลในร่างกายกลับเหมือนถูกปลุกให้ตื่นและเมื่อเริ่มใช้พลังของเคล็ดวิชาาอีกครั้งมันก็ให้ความรู้สึกใหม่ๆเกิดขึ้นมา
ถึงแม้จะเป็แบบนี้และเวลาล่วงเลยมาจนฟ้ามืดแต่ข้าก็ยังไม่รู้สึกถึงพลังของสายฟ้าอรหันต์จริงๆ สักทีเพราะถึงจะให้ความรู้สึกเหมือนพลังของมันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้วแต่ขั้นตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร
ข้าขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกินโสมโลหิตอายุสองร้อยยี่สิบปีเข้าไปเพื่อบำรุงและเสริมพลังของลมปราณและตอนนี้ความมืดได้เข้าปกคลุมแล้ว ทางสำนักจึงเปิดไฟเพื่อให้ความสว่างแทนแสงอาทิตย์
และในตอนนี้เองก็มีเสียง ‘ปั้ง!’ ดังขึ้นมาและเมื่อมองข้ามกำแพงของโรงเกลากระบี่ไปก็เห็นว่าต้นไม้หลังโรงล้างท่อล้มลงก่อนจะรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่ส่งผ่านพื้นดินเข้ามา
มีคนกำลังสู้กันอยู่!
เมื่อข้าออกจากประตูมาดูก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังลอยปลิวเข้ามา
นั่นมันจ้าวห้าว!
ข้ารีบยกมือขึ้นพยุงตัวของเขาก่อนจะรู้สึกถึงพลังความเย็นที่แผ่ซ่านออกมาช่างเป็พลังิญญาน้ำที่แข็งแกร่งจริงๆ! ข้าวางเท้าลงบนพื้นเป็วงกลมสองวงและให้พลังน้ำไหลผ่านร่างกายลงสู่ดินก่อนมันจะกลายเป็น้ำแข็งขึ้นมา
“จ้าวห้าว?”
ข้านำเขาไปนอนที่มุมกำแพงเขาขมวดคิ้วเข้มพลางจับมือข้าไว้แน่นแล้วพูดขึ้น “ปู้อี้เชวียนอย่า...อย่าสู้กับมัน เ้าสู้มันไม่ได้แน่...”
ไม่นานก็มีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากร่มไม้พร้อมกับกระบี่ในมือที่ไร้ซึ่งรูปร่างแต่คล้ายกับน้ำที่ไหลเชี่ยว แถมพลังในร่างกายของเขาที่ปรากฏออกมายังเป็พลังในระดับสมบูรณ์ของขั้นเทวิญญาอีกต่างหาก!!
“เ้าเป็ใคร หลีกไปให้พ้น!”
เขาตวาดเสียงดังอย่างเยือกเย็น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้