“หากมีโอกาส ข้าจะไปเยี่ยมลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน”
เพียงได้ฟังน้ำเสียงเฉยชาของหลินเฟิง ก็ทำให้ผู้คนต่างแข็งทื่อ หากต้องเข้าร่วมลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ คนผู้นั้นต้องแข็งแกร่งมากกว่าเดิม อย่างแรกต้องอยู่เหนือกว่าคุณชายลั่วเสวี่ยและคุณชายต้าเผิง ซึ่งเป็แปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่ มิฉะนั้นเขาอาจถูกหลินเฟิงทำให้ขายหน้า
ไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับการตัดสินใจของหลินเฟิง ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยล่วงล้ำหลินเฟิงมาก่อน แต่การต่อสู้ครั้งนี้มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจหลินเฟิงได้ ด้วยนิสัยเด็ดเดี่ยว เหลาะแหละ บ้าระห่ำ ไม่หยิ่งผยอง แต่กลับหยิ่งในศักดิ์ศรี แม้เผชิญอันตรายที่อาจถึงชีวิตแต่เขายังคงต่อสู้ คำพูดของเขาย่อมไม่โกหกอย่างแน่นอน
หลินเฟิงเป็คนมีจิตใจเข้มแข็ง มีความพยายาม ในสายตาของเขาแม้จะเป็คุณชายต้าเผิง แต่ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องอยู่เหนือกว่าฉู่จ่านเผิงแน่นอน
ผู้คนจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ต่างจ้องมองหลินเฟิงด้วยสีหน้าซีดเซียว คนคนนี้เยาะเย้ยลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ต่อหน้าศิษย์ในสำนัก และยังหาว่าลานศักดิ์สิทธิ์นั้นไร้อัจฉริยะต่อหน้าฝูงชน
บ้า… เขามันบ้าระห่ำเกินไปแล้ว
มีคนจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่คนหนึ่งได้ปล่อยกลิ่นอายอันหนาวเหน็บออกมา ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น แล้วเก้าอี้หินที่เขานั่งอยู่ได้แตกออกฉับพลันทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน
“ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ ยินดีต้อนรับท่านเสมอ”
เสียงพูดดังกล่าวไม่ทันหายไป คนคนนี้ก็ะโลงมาจากอัฒจันทร์ แล้วเดินออกไปทันที
คนอื่นจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ต่างเหลือบมองหลินเฟิงด้วยแววตาเยือกเย็นและตามคนผู้นั้นไป จากนั้นผู้คนที่อยู่รอบๆ ลานประลองต่างทยอยเดินกันออกไป
เมื่อเสียงฝีเท้าของพวกเขาค่อยๆ จางไป กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ หลงติ่ง เมื่อครู่เก้าอี้หินตัวนี้ก็มีคนนั่งอยู่ดีๆ แต่ตอนนี้มันได้พังทลายลง คาดไม่ถึงว่าภายในเก้าอี้หินตัวนี้จะอัดแน่นไปด้วยหยวนชี่ของอีกฝ่ายอัดแน่นจนมันแตกละเอียด
หลังจากนั้นไม่นาน ลานประลองอันกว้างใหญ่ก็เหลือเพียงผู้คนจากสำนักเทียนอี้ ขณะนั้นหลงติ่งมองไปที่หลินเฟิง เขาไม่คิดเลยว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะทำให้เขาตกตะลึงได้เช่นนี้ หลินเฟิงได้สร้างความประหลาดใจให้กับเขาอย่างมาก
อย่างไรก็ตามหลงติ่งก็เข้าใจชัดเจนดีว่า หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้ เฮยม่อคงไม่กลับมาสำนักเทียนอี้อีกแล้ว
สายตาของฝูงชนยังคงจ้องมองไปที่หลินเฟิง หลังจากวันนี้จะมีชื่อหลินเฟิงอยู่ในสิบอันดับศิษย์ที่แข็งแกร่งของสำนักเทียนอี้
หลังจากวันนี้ในสำนักเทียนอี้จะไม่มีใครที่ไม่รู้จักชื่อของหลินเฟิงอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จบลงแค่นี้ แยกย้ายกันไปได้แล้ว” หลงติ่งลุกขึ้นยืน พลางกวาดสายตามองผู้คน จนสายตาไปหยุดที่หลินเฟิงและกล่าวว่า “หลินเฟิง เ้าก็กลับไปพักผ่อนและรักษาอาการาเ็ซะ”
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แล้วก้าวลงมาจากเวทีประลอง ทันใดนั้นเมิ่งฉิงก็เดินตามหลินเฟิงไปเงียบๆ
หลินเฟิงเพิ่งเดินไปได้สองก้าว ก็มีร่างเงาหลายร่างกรูกันเข้ามา พวกนั้นคือหลิ่วเฟย จิ้งหยุน ยังมีต้วนเฟิงและคนอื่นๆ อีก วันนี้เป็วันที่หลินเฟิงได้ท้าทายเฮยม่อ พวกเขาไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน
“เ้าไม่เป็อะไรใช่ไหม?” หลิ่วเฟยก้าวไปข้างหน้าด้วยแววตากังวล และจับมือของหลินเฟิงเอาไว้ เ้าหมอนี่บ้าระห่ำเกินไปแล้ว ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเสียจริง ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็ใคร อีกทั้งไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
เมื่อครู่นี้หลิ่วเฟยและคนอื่นๆ ถึงกับปาดเหงื่อหลังจากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของพวกเขายังเทียบไม่ได้กับหลินเฟิง จึงไม่มีอะไรที่สามารถช่วยได้ พวกเขาทำได้แค่มองสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น
หลินเฟิงยิ้มขณะมองหลิ่วเฟย ทำให้หลิ่วเฟยหลุบสายตาลง จากนั้นนางก็คลายมือออกและเหลือบมองหลินเฟิงนิ่ง ในใจนางคิดว่า ทุกวันเ้าหมอนี่คิดอะไรอยู่กันแน่? เขาไม่กังวลกับอาการาเ็ของตัวเองเลยหรือไงกัน
“เขาไม่ตายหรอก อีกอย่าง… ข้าก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” หลินเฟิงเกาหัวพลางตอบนางไปเช่นนั้น อาการาเ็ของเฮยม่อนับว่าไม่ร้ายแรงเกินไป แต่การโจมตีด้วยดาบก่อนหน้านี้ ได้แทงที่หน้าอกของเฮยม่อก็จริง แต่เขาก็คงไม่เป็อะไรมาก เพราะหลินเฟิงไม่ได้จงใจแทงหัวใจอีกฝ่าย เฮยม่อจึงแค่าเ็หนักจนสูญเสียเืออกมามากกว่าปกติเท่านั้น
“คนของตระกูลอวี่ช่างไร้ยางอายเสียจริง” หยวนซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า แต่แววตายังคงฉายประกายโทสะ
“พวกเขายิ่งกว่าไร้ยางอายเสียอีก” ต้วนเฟิงเองก็โกรธเกรี้ยวเช่นกัน แล้วกล่าวต่อว่า “หากวันนี้องค์ชายรองไม่ได้อยู่ที่นี่ เกรงว่าพวกเขาต้องลงมือโจมตีพี่หลินเฟิงอย่างแน่นอน”
ทุกคนต่างพยักหน้าเล็กน้อย วันนี้มันช่างอันตรายเกินไปแล้ว โชคดีที่องค์ชายรองอยู่ด้วย
“ไปกันเถอะ ห้องฝึกชั้นที่สามของหอฝึกฝน ข้าได้สลักชื่อของข้าไว้หมดแล้ว หากพวกเ้า้าบ่มเพาะก็ไปใช้ได้ตามสะดวกเลย”
หลินเฟิงกล่าวกับทุกคนทำให้พวกเขาต่างตกตะลึงและยิ้มอย่างขมขื่น สำหรับความแข็งแกร่งของหลินเฟิงแล้ว มันไม่ใช่เื่ยากเลยที่จะแย่งชิงห้องฝึกชั้นสามของหอฝึกฝนมาได้
เมื่อมาถึงหอฝึกฝนชั้นที่สามแล้ว ทุกคนต่างเข้าไปในห้องฝึก จากนั้นหลินเฟิงได้พาเมิ่งฉิงมายังห้องฝึกห้องหนึ่ง ก่อนใส่หินหยวนไปที่ช่องใส่หินหยวนแล้วกล่าวว่า “เมิ่งฉิง เ้าก็ฝึกฝนอยู่ที่นี่ไปสักพักเถอะ ข้าจะอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของเ้า”
“อืม” เมิ่งฉิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นร่างงามก็ก้าวเข้าไปในห้องฝึกและหันหลังกลับมามองหลินเฟิง ก่อนกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว แม้วันนี้องค์ชายรองจะไม่ได้อยู่ที่นี่ เ้าก็ไม่เป็อะไรหรอก เ้าไม่ต้องรู้สึกว่าเ้าติดหนี้บุญคุณเขามากเกินไปนัก”
เมื่อกล่าวจบประตูหินของห้องฝึกก็ค่อยๆ ปิดลง คำพูดทิ้งท้ายของนางทำให้หลินเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากตกตะลึงอยู่สักพัก หลินเฟิงก็ส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปเล็กน้อย หลินเฟิงไม่รู้เลยว่าความแข็งแกร่งของเมิ่งฉิงนั้นทรงพลังขนาดไหนกันแน่ เขารู้แค่ว่า ครั้งสุดท้ายที่ชายวัยกลางชุดฟ้าที่อยู่ขอบเขตลี้ลับที่มาจากตระกูลไป๋ ได้ถูกเมิ่งฉิงโจมตีจนได้รับาเ็สาหัสและหนีไป
ส่วนเื่ที่เมิ่งฉิงเคยสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับนั้น หลินเฟิงไม่รู้เื่เลยแม้แต่น้อย
“องค์ชายรองต้วนหวู่หยา”
หลินเฟิงงึมงำเสียงเบา องค์ชายที่ทั้งอ่อนโยนและลึกลับนั่น ทำให้หลินเฟิงไม่อาจคาดเดาได้ แต่วันนี้เขายืนยันได้แล้วว่าองค์ชายรองเป็ผู้ที่อยู่เื้ัสำนักเทียนอี้ รองเ้าสำนักหลงติ่งยังต้องฟังคำสั่งของเขา ถ้างั้นแล้วที่หลินเฟิงได้เข้าสู่สำนักเทียนอี้ และหลงติ่งได้ให้สิทธิพิเศษแก่เขา หรือว่านี่จะเกี่ยวข้องกับองค์ชายรองต้วนหวู่หยา?
หากเป็ไปตามที่เขาคาดเดาไว้ แล้วต้วนหวู่หยาทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร? แล้วเขามีแผนร้ายอะไรหรือไม่?
พร์ ศักยภาพ?
ตอนที่เข้าสู่เมืองหลวงและมายังสำนักเทียนอี้ เขายังไม่รู้จักเขาใครเลย แล้วใครจะรู้ถึงพร์และศักยภาพของเขา ถึงแม้จะรู้พร์ของเขา แต่จะเป็ไปได้อย่างไรที่ต้วนหวู่หยาซึ่งเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่จะมาสนใจ
ส่วนเื่พละกำลังนั้นยิ่งเป็ไปได้ หลินเฟิงไม่ใช่คนมีชื่อเสียงแต่อย่างใด และมาจากตระกูลหลินที่อยู่เมืองหยาวโจว นอกจากนี้ยังถูกตระกูลขับไล่และนิกายก็ยังถูกต้วนเทียนหลางทำลายอีก
หลินเฟิงส่ายหัวอีกครั้งเพื่อสลัดความคิดมากมายออกไป จากนั้นก็ใส่หินหยวนไปในช่องและเข้าไปในห้องฝึกทันที
เมื่อประตูหินปิดลง หลินเฟิงก็ได้และปิดตาลงเพื่อเริ่มต้นการฝึกฝนทันที จากนั้นก็ปลดปล่อยจิติญญาแห่ง์ออกมา
เพียงชั่วพริบตาโลกที่สว่างไสวได้กลายเป็มืดมิด ราวกับหลินเฟิงได้ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้วเข้าสู่โลกของตัวเอง
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่เพียงบรรลุขั้นที่ 1 ของจิติญญาแห่ง์เท่านั้น แต่ตอนนี้ได้บรรลุขั้นที่ 2 แล้ว ในหัวของหลินเฟิงในขณะนี้เปล่งประกายไปด้วยสีสันงามตา ปรากฏขึ้นพร้อมกับตำรา์
ตำรา์ที่ลอยในอากาศนั้น ได้เปิดไปหน้าที่สองราวกับว่ามันทำเช่นนี้เป็ประจำ
หลินเฟิงเพ่งไปที่ตำรา์ หรืออาจกล่าวได้ว่ามองไป้าของตำรา์
ตรงนั้นได้มีดาบเล่มหนึ่งที่ลอยนิ่งอยู่ในอากาศ
ดาบเล่มนั้นเป็สีดำ มันคือดาบมรณะ
หลินเฟิงในตอนนี้สามารถััได้ถึงเจตจำนงดาบของดาบเล่มนั้นได้ มันทั้งแหลมคมราวกับฟ้าดินต้องพินาศ
ดาบเล่มนี้มีเจตจำนงดาบและมีจิติญญาเป็ของตัวเอง มันส่งผลกระทบต่อหลินเฟิงได้ จึงทำให้หลินเฟิงพลันจมดิ่งเข้าไป ไม่รับรู้เื่ราวของโลกภายนอก ตอนนี้จิตใจล้วนติดอยู่ในเจตจำนงของดาบเล่มนั้น
เวลาค่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือน อย่างไรก็ตามหลินเฟิงยังคงเข้าฌานอยู่เช่นนั้น จิตสำนึกของเขาก็ยังคงจมอยู่ในตำรา์
ภายในห้องฝึกที่คับแคบ กลิ่นอายอันแหลมคมได้ถูกปลดปล่อยออกมา
เจตจำนงแห่งดาบนี้แน่นอนว่าไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากตำรา์ แต่มาจากร่างของหลินเฟิง ตอนนี้เจตจำนงดาบของหลินเฟิงแข็งแกร่งกว่าก่อนมาก และไม่มีใครสามารถขัดขวางเจตจำนงนี้ได้
ดาบที่พิเศษ ปรารถนาที่จะทะยานสู่จุดสูงสุด และแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้