เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภัตตาคารหลงเถิงแพร่สะพัดไปทั่วเมืองโยวโจวอย่างรวดเร็วราวกับพายุหมุน
“เฮ้! พวกเ้าได้ยินกันหรือยัง ภัตตาคารหลงเถิงเกิดเื่ใหญ่แล้ว”
“เื่อะไร?”
“มีชายลึกลับมาเยือนเมืองโยวโจว มิหนำซ้ำยังไปมีเื่ทะเลาะกับหยางเย่าบุตรเ้าเมือง เพราะเหตุนี้หยางเย่าเลยใช้อำนาจนำผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองปิดล้อมภัตตาคารหลงเถิง แต่ชายผู้นั้นกลับแข็งแกร่ง เขาคนเดียวจัดการกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รวมถึงหยางเย่า กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์หลายสิบคนของไท่ฉื่อหลงบุตรผู้ว่าการไท่ฉื่อก็ถูกกำราบเช่นกัน แม้แต่เ้าเมืองหยางฉวนก็ถูกชายลึกลับผู้นั้นตบจนกระเด็น!”
“ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน ต่อจากนั้นผู้ว่าการไท่ฉื่อขี่อี้หลงเพลิงชาดมาเยือนเมืองโยวโจวเพื่อลงโทษชายลึกลับผู้นั้น แต่ชายลึกลับผู้นั้นส่งผ่านป้ายหนึ่งให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อ นั่นทำให้ผู้ว่าการไท่ฉื่อเปลี่ยนไปและเคารพนอบน้อมต่อชายลึกลับผู้นั้น กระทั่งหวั่นเกรงเขาทันที หยางฉวนพ่อลูกล้วนถูกผู้ว่าการไท่ฉื่อจับกุมตัวไปที่ไท่โจว ทำให้เมืองโยวโจวไร้เ้าเมือง”
หลาย ๆ สถานที่ในเมืองโยวโจวมักจะได้ยินบทสนทนาเช่นนี้ เพียงพริบตาภัตตาคารหลงเถิงก็กลายเป็ที่รู้จักไปทั่วเมืองโยวโจว
ตระกูลหนานกงคือหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองโยวโจว มีรากฐานลึกซึ้งและผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมาก
หนานกงเฉินผู้นำตระกูลหนานกง เขาอยู่ขั้นรวมชี่สูงสุด ซึ่งเป็ผู้แข็งแกร่งระดับสูงของเมืองโยวโจว แต่มีข่าวลือว่าตบะของปู่ใหญ่หนานกงบรรลุขั้นยุทธ์แท้แล้ว เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้หนึ่งในไม่กี่คนของเมืองโยวโจว จึงได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากผู้คนมากมาย
วันนี้เป็วันที่ศิษย์ในตระกูลหนานกงจะเปิดประตูิญญา บุคคลสำคัญในตระกูลหลาย ๆ คนจึงมารวมตัวกัน ณ ที่นี่
แท่นบูชาส่องประกายแสงจ้า คนรุ่นเยาว์ชายหญิงหลายสิบคนถูกแสงประหลาดห่อหุ้มร่าง พวกเขาต่างนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชา และกำลังตระหนักรู้พลังประหลาดนั้นอย่างสุดความสามารถ
แต่หญิงสาวหนึ่งในนั้นดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากเป็พิเศษ เพราะนางมีหน้าตาสะสวยและรูปร่างดี ตอนนี้ร่างนางถูกห่อหุ้มด้วยพลังประหลาด พร้อมกับมีแสงจาง ๆ แผ่ออกมาจากร่าง ทั้งยังมีเหงื่อหยดแล้วหยดเล่าไหลไปตามคออันขาวเนียน ทำให้เรือนร่างของนางดูน่าเย้ายวนเป็พิเศษ
หญิงผู้นี้มีอายุประมาณ 15 ปี แต่ร่างกายพัฒนาค่อนข้างเร็ว ดูอุดมสมบูรณ์กว่าปกติ เปี่ยมด้วยเสน่ห์อันร้อนแรง จึงดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มด้านล่างแท่นบูชาเป็พิเศษ
“คุณหนูหลิงยวี่นับวันยิ่งสวย ไม่ด้อยไปกว่าคุณหนูหลิงซวงแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเป็หญิงงามคู่เมืองโยวโจว!”
“ใช่ คุณหนูหลิงยวี่สวยมากจริง ๆ พร์ก็ยอดเยี่ยม หากข้าได้แต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณหนูหลิงยวี่ แค่นั้นข้าก็มีความสุขแล้ว!”
ชายหนุ่มทุกคนต่างมองหนานกงหลิงยวี่ด้วยสายตาเป็ประกายและเปี่ยมด้วยความรัก ซึ่งหนานกงหลิงยวี่เติบใหญ่เป็หญิงผู้งดงามและเลื่องชื่อไปทั่วโยวโจว กลายเป็เป้าหมายของชายหนุ่มทั่วเมืองโยวโจว
บนอัฒจันทร์ หนานกงเฉินตาเผยประกายเฉียบคม บุตรสาวทั้งสองของเขาล้วนโดดเด่นและมากความสามารถ บัดนี้พร์ของหนานกงหลิงยวี่ดูโดดเด่นยิ่งกว่าหนานกงหลิงซวงมาก ภายภาคหน้าสำนักใหญ่ ๆ จะต้องสนใจนางอย่างแน่นอน
“แต่น่าเสียดายที่หลิงซวงโชคไม่ดี!”
เมื่อฉุกนึกถึงบุตรสาวทั้งสองของเขา หนานกงเฉินก็อดถอนหายใจไม่ได้ พร้อมเผยสีหน้าเศร้าซึม
หลังจากเฉินอ้าวเทียนถูกเย่เฟิงทำลายตบะในงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ชะตาของหนานกงหลิงซวงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากหนานกงหลิงซวงมีสัญญาหมั้นหมายกับเฉินอ้าวเทียน หลังจากเฉินอ้าวเทียนกลายเป็คนไร้ตบะ หนานกงหลิงซวงก็ดูแลเฉินอ้าวเทียนอยู่ข้างกายไม่ห่างหาย ส่งผลให้ชีวิตของหนานกงหลิงซวงกลับเปลี่ยนไปจากเดิม นางถือเป็คนมีอุดมการณ์และความทะเยอทะยานคนหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อก่อนนางตกลงกับการสู่ขอของตระกูลเฉิน จึงได้ทอดทิ้งเย่เฟิง แล้วให้ความสำคัญกับกองกำลังใหญ่แห่งเมืองหลวงอย่างตระกูลเฉิน แม้เฉินอ้าวเทียนจะมากพร์ แต่ก็ยังคงถูกเย่เฟิงทำลายตบะ ทำให้หนานกงหลิงซวงต้องดูแลคนไร้ค่าตลอดทั้งวันจนกระทั่งนางคิดจะล้มเลิกการแต่งครั้งนี้ แต่ด้วยอิทธิพลของตระกูลเฉิน นางกลับไม่มีความกล้ามากพอ ดังนั้นจึงเลือกที่จะกล้ำกลืนฝืนทน
แต่หลังจากเฉินอ้าวเทียนถูกทำลายตบะ เขาก็อารมณ์แปรปรวนและมักจะระบายใส่หนานกงหลิงซวง ทำให้ใบหน้าของหนานกงหลิงซวงดูซีดเซียว ตัวผอมแห้ง วรยุทธ์เปลี่ยนไปธรรมดาไร้ซึ่งความเฉิดฉายเฉกเช่นอดีต
สองเดือนก่อน หนานกงหลิงซวงถูกเฉินอ้าวเทียนไล่ออกจากบ้าน นางจำต้องกลับบ้านที่เมืองโยวโจว จึงถูกผู้คนหัวเราะเยาะ
ตอนนี้หนานกงหลิงซวงนั่งอยู่ข้างกายหนานกงเฉิน ใบหน้าดูอ่อนล้าซีดเซียว คล้ายสูญเสียสง่าราศีของหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองโยวโจวไป ซึ่งนอกจากหนานกงเฉินพ่อลูกแล้ว ปู่ใหญ่หนานกง หนานกงเจียวผู้เป็อาหญิงของหนานกงหลิงซวงและสามีนามว่าเซียวจิ้นของนาง รวมถึงบุตรคนโตนามว่าเซียวเลี่ยง พวกเขาต่างก็มาถึงแล้ว นี่ก็เพื่อเป็แรงหนุนให้กับหนานกงหลิงยวี่ในการเปิดประตูิญญา
หนานกงเจียวคือมารดาของเซียวเจี๋ยที่ถูกเย่เฟิงฆ่าตายในตอนนั้น ผู้เป็น้องชายของเซียวเลี่ยง ซึ่งตระกูลเซียวเป็กองกำลังใหญ่ที่เลื่องชื่อของเมืองไท่โจว ไม่ใช่ตระกูลหนานกงจะทัดเทียมได้ ดังนั้นทุกครั้งที่คนตระกูลเซียวมาเยือนตระกูลหนานกงจึงได้รับการปฏิบัติเยี่ยงแขกผู้มีเกียรติ เช่นเดียวกับเซียวเจี๋ยในตอนนั้น แม้วางอำนาจบาตรใหญ่ในตระกูลหนานกง แต่ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเซียวเจี๋ย
“พี่รอง การปลุกิญญาาของหลิงยวี่ในครั้งนี้ไม่ด้อยไปกว่าหลิงซวงแน่ ถึงเวลานั้นข้าจะแนะนำเลี่ยงเอ๋อร์ให้หลิงยวี่รู้จัก หากนางได้ฝึกที่สำนักไท่อีคงต้องประสบความสำเร็จเป็แน่” หนานกงเจียวกล่าวกับหนานกงเฉิน ซึ่งนางนั้นมีอายุประมาณ 40 ปี แต่นางยังคงสวยงดงามเป็อย่างมาก
“หวังว่าจะเป็เช่นนั้น เลี่ยงเอ๋อร์โดดเด่น ได้รับความสนใจจากผู้าุโสำนักไท่อีเช่นนี้ พี่รองอย่างข้าก็อิจฉาแล้ว!” หนานกงเฉินกล่าวพร้อมกับเหลือบมองเซียวเลี่ยงด้วยสีหน้าอิจฉา
เซียวเลี่ยงคือศิษย์สายนอกของสำนักไท่อี อายุ 22 ปี แต่ก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 แล้ว พร์และศักยภาพก็โดดเด่นและอยู่ระดับแนวหน้าของคนรุ่นเยาว์แห่งเมืองไท่โจว
“หากเจี๋ยเอ๋อร์ยังอยู่ บางทีตอนนี้คงไม่ด้อยไปกว่าเลี่ยงเอ๋อร์...”
หนานกงเจียวได้ยินหนานกงเฉินพูดถึงเซียวเลี่ยง นางก็อดคิดถึงบุตรชายคนเล็กที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรไม่ได้ จู่ ๆ สีหน้าของนางก็ดูเศร้าสร้อย
“ท่านแม่วางใจเถิด ลูกจะตามหาเย่เฟิงและล้างแค้นให้กับน้องชาย!” เซียวเลี่ยงกล่าวเสียงเย็น พอเอ่ยถึงการตายของน้องชาย เซียวเลี่ยงก็ตาเผยประกายเย็นเยือก เขามีพร์โดดเด่น ถูกส่งไปฝึกที่สำนักไท่อีั้แ่เด็ก เวลาที่ได้กลับบ้านก็ถือว่าน้อยครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสแลกเปลี่ยนวิชากับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของอาณาจักรจ้าว เซียวเลี่ยงคิดว่าหากเขาเข้าสำนักยุทธ์ศึกษาสักแห่งในเมืองหลวง เขาคงเป็บุคคลอัจฉริยะของสำนักยุทธ์ศึกษา กระทั่งมีโอกาสชิงอันดับที่หนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่ง
“ใช่ เลี่ยงเอ๋อร์พูดถูก ด้วยพลังของเลี่ยงเอ๋อร์ในตอนนี้ เขาฆ่าเ้าเย่เฟิงนั่นได้ง่าย ๆ แน่ เ้าจะเป็กังวลไปไยเล่า? หากเย่เฟิงนั้นปรากฏตัว เลี่ยงเอ๋อร์จะแก้แค้นให้น้องชายเขาได้อย่างแน่นอน” เซียวจิ้นปลอบใจหนานกงเจียว ซึ่งเซียวเลี่ยงมีพลังแกร่งกล้า ทั้งยังได้รับอันดับที่หนึ่งในการทดสอบของศิษย์สายนอกสำนักไท่อี และกลายเป็ผู้นำศิษย์สายนอกสำนักไท่อี
เมื่อหนานกงเจียวได้ยินถ้อยคำของเซียวจิ้นพ่อลูกก็ระบายยิ้ม คิดว่าพวกเขาสองคนพูดถูก
เนื่องจากไท่โยวเก้าเขตอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง แม้เื่ที่เย่เฟิงคว้าตำแหน่งราชบุตรเขตและถูกแต่งตั้งเป็คังผิงโหวจะแพร่สะพัดมาถึงที่นี่ แต่ก็มีไม่กี่คนที่ทราบเื่นอกจากบุคคลระดับสูงอย่างผู้ว่าการไท่ฉื่อ
ส่วนภาพความประทับใจที่ตระกูลหนานกงและตระกูลเซียวมีต่อเย่เฟิงจึงยังหยุดอยู่ใน่ตอนคว้าอันดับที่หนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่ง ตอนนั้นเย่เฟิงอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 8 แม้ตอนนี้จะผ่านมาสองเดือนกว่า แต่อย่างเร็วตบะของเย่เฟิงก็อาจเพิ่งบรรลุขั้นยุทธ์แท้ ดังนั้นพวกเขาพ่อลูกจึงคิดว่าจะจัดการเย่เฟิงได้ง่าย ๆ
เซียวเลี่ยงคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 มีพลังแกร่งกล้ากว่าผู้าุโที่อยู่ข้างกายเขา กระทั่งโดดเด่นกว่าในบรรดาคนรุ่นเยาว์ที่อยู่ระดับเดียวกับเขา ทว่าบิดาเขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 เท่านั้น ซึ่งหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับนี้มาหลายปี จึงย่อมไม่ใช่คนอย่างเย่เฟิงที่เพิ่งบรรลุขั้นยุทธ์แท้จะเทียบเคียง
แต่ขณะเดียวกันมีสองเงาร่างปรากฏตัวที่นอกประตูใหญ่ของตระกูลหนานกง ซึ่งเป็ชายหญิงคู่หนึ่ง อายุไม่ถึง 17 ปี ชายหล่อเหลาหญิงสวยสง่า สองคนนี้ก็คือเย่เฟิงและจ้าวซินอี๋
“หยุด!”
ทว่าพวกเย่เฟิงกำลังจะเดินเข้าประตูบานนั้นก็ถูกทหารยามสองคนขวางทาง
“ข้ามาเพื่อตามหาข่าวคราวของบุตรปู่สามหนานกงอวี่ รบกวนทั้งสองไปแจ้งให้ทราบที” เย่เฟิงกล่าวกับทหารยามทั้งสองด้วยท่าทีสุภาพพร้อมโค้งคำนับเล็กน้อย ซึ่งเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือตามหาหนานกงอวี่ เขาไม่อยากทำให้ผู้อื่นลำบากใจ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็ตระกูลของปู่สาม เย่เฟิงอยากตอบแทนบุญคุณปู่สามที่เลี้ยงดูเย่เฟิงมาตลอด แทนที่จะกังวลเื่บาดหมางระหว่างตระกูลหนานกงในอดีต
“วันนี้คือวันเปิดประตูิญญาที่สำคัญของตระกูลหนานกง ไม่รับแขก เชิญออกไปเดี๋ยวนี้!” ทหารยามคนหนึ่งมองสำรวจพวกเย่เฟิง เมื่อเห็นว่าพวกเย่เฟิงมีลักษณะไม่ธรรมดาก็ชะงักไปเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกคุ้นหน้าเย่เฟิง แต่กลับนึกไม่ออก
“ข้าเดินทางหมื่นลี้เพื่อมาที่นี่ จึงล่าช้าไปบ้าง เราสองคนรอที่ลานบ้านก็ได้ หากพวกเขาทำธุระเสร็จแล้ว ก็ให้คนมาต้อนรับเราสองคนก็ได้” เย่เฟิงกล่าว เขาช่างคุ้นเคยกับการเปิดประตูิญญายิ่งนัก
เมื่อหนึ่งปีก่อน เขาอยู่ที่นี่และช่วยหนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียวจนสำเร็จ ทว่าสิ่งที่เย่เฟิงได้รับกลับมามันไม่ใช่คำขอบคุณ แต่เป็การทรยศและการสังหาร เื่นี้สลักลึกลงในใจของเย่เฟิง เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ก็ไม่มีทางลืมเลือน
“เ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง? วันนี้ตระกูลหนานกงไม่รับแขก กลับไปได้แล้ว!” ทหารยามคนนั้นเห็นเย่เฟิงไม่ออกไปไหน จึงกล่าวเสียงเย็นเช่นนั้น
ตระกูลหนานกงคือกองกำลังระดับสูงของเมืองโยวโจว ดังนั้นแม้แต่ทหารยามของตระกูลหนานกง พวกเขาก็มีสถานะสูงส่งเช่นกัน
“ไม่สิ ข้าว่าข้าเคยเห็นเ้ามาก่อน!” ทหารยามอีกคนกล่าว จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าใ “เ้าคือเย่เฟิง เย่เฟิงที่ทรยศตระกูลหนานกงแล้วหนีไป!”
ทหารยามคนนั้นนึกถึงตัวตนของเย่เฟิงก็อดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ พร้อมเผยสีหน้าตื่นใ
เขาไม่รู้ว่าเย่เฟิงมาที่ตระกูลหนานกงทำไม แต่เขารู้เพียงว่าเย่เฟิงในตอนนี้ต่างจากเดิมและแข็งแกร่งขึ้น หากเย่เฟิง้าจัดการเขาก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจำต้องป้องกันตัวไว้ก่อน
“ข้าเอง รบกวนทั้งสองด้วย!” เย่เฟิงเห็นอีกฝ่ายจำตัวเองได้ก็ไม่ปฏิเสธ จึงอดเหยียดยิ้มเ็าไม่ได้
ตอนนั้นตระกูลหนานกงหักหลังและ้าฆ่าปิดปากเขา กว่าเขาจะหนีออกมาได้นั้นไม่ใช่เื่ง่ายเลย แต่กลับได้ยินคำว่าทรยศออกจากปากของทหารยามสองคนนี้ หรือว่าเขาในตอนนั้นควรตายอย่างซื่อสัตย์อยู่ในคุกใต้ดิน ตระกูลหนานกงจึงจะพอใจ?
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น เย่เฟิงก็จูงมือจ้าวซินอี๋เดินเข้าไปในตระกูลหนานกง
เมื่อทหารยามสองคนนั้นเห็นฉากนี้ก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี แต่พอััได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกจากร่างเย่เฟิง พวกเขาสองคนก็ไม่กล้าขวางทางอีก
“เป็เ้า เย่เฟิง!”
ทว่าเดินมาได้ไม่ไกลก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวที่ด้านหน้า และขวางทางพวกเย่เฟิงไว้ คนนี้มีอายุประมาณ 20 ปี ชุดจีนโบราณที่เขาสวมใส่ก็แสดงถึงฐานะนายน้อยแห่งตระกูลหนานกง
“หนานกงิ!” เย่เฟิงจำผู้มาได้ในทันที
หนานกงิคือบุตรชายคนเดียวของปู่ใหญ่หนานกง ทั้งยังเป็หนึ่งในสองทายาทในคนรุ่นเยาว์ของตระกูลหนานกง ส่วนอีกคนคือหนานกงอวี่ที่เย่เฟิงตามหา
