“ฮัดชิ่ว...”
“ฮัดเช้ย...!!”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังกินอาหารเที่ยงอยู่ก็จามออกมาพร้อมกัน ทั้งสองมองหน้ากัน ดวงตาต่างเบิกกว้าง น่าเสียดายที่ไม่อาจอธิบายเหตุผลของการเกิดเื่แปลกประหลาดลึกลับนี้ให้กระจ่างได้
“ข้าว่า...” เยวี่ยเจาหรานเอ่ยขึ้นมาก่อน แต่กลับเอ่ยออกมาได้เพียงสองพยางค์ ก็ได้ยินเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ‘ฮัดเช้ย’ ขึ้นมาอีกครั้ง เอามือปิดปากนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงบอย่างบอกไม่ถูกหลังจากที่จามติดต่อกันสามครั้ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจับตะเกียบในมือเอาไว้มั่นโดยไม่เอ่ยอะไรเลย นางคงจะยังไม่ได้สติจากเื่ประหลาดเมื่อครู่ ถึงอย่างไรเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เป็ผู้มีวรยุทธ์ ั้แ่เล็กจนโตก็ร่างกายแข็งแรง กินอะไรก็อร่อยไปหมด แต่เหตุใดั้แ่เยวี่ยเจาหรานมาที่จวนเยี่ยน ก็มักจะป่วยไข้ไม่สบายอย่างน่าฉงนอยู่เรื่อยเลย?
เริ่มแรกก็ถูกฮูหยินเยี่ยนทำโทษคุกเข่าที่ศาลบรรพชน เหมือนว่าจะทนหนาวอยู่ทั้งคืนจนล้มหมอนนอนเสื่อไปสองวันครึ่ง สุดท้ายยังไม่ทันหายดีก็ต้องถูกบังคับให้แยกจากความอบอุ่นแสนสบาย เพราะเยวี่ยเจาหรานดันทะเล่อทะล่าเข้ามาในจวน แล้วจากนั้นก็ไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชนอีกหนึ่งชั่วยาม แต่นั่นก็เตรียมอุปกรณ์ไปพร้อมแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงจามขึ้นมาอีกแล้วล่ะ?!
“คนหนึ่งคิด อีกคนด่า จะต้องมีคนนินทาลับหลังเ้าแน่ๆ ...” เยวี่ยเจาหรานหยิบหมั่นโถวแป้งสาลีที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกินเหลือไว้ครึ่งหนึ่งมาโดยไม่คิดมาก ยิ้มร่าดวงตาหยีโค้งให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว แล้วเอ่ยขึ้นเช่นนั้น
ทว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วของพวกเราน่ะหรือ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเชื่อคำพูดเหลวไหลเื่เหนือธรรมชาติอยู่แล้ว นางใช้ตะเกียบในมือของตนแย่งหมั่นโถวในมือของเยวี่ยเจาหรานกลับมาอย่างไร้ความปรานี “เชอะ มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้น มีคนนินทาข้าพร้อมกับคิดถึงเ้าด้วยเช่นนั้นหรือ? เ้าเองก็ช่างพูดจายกยอตนเองเกินไปหรือไม่?”
น่าแปลก หมั่นโถวครึ่งลูกนั้นเป็ของที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วบอกว่าไม่กินแล้วแท้ๆ ถึงได้ให้เยวี่ยเจาหรานเก็บกวาดส่วนที่เหลือ แล้วเหตุใดพอจามออกมาสองครั้งนางก็ลืมเื่เมื่อครู่นี้ไปแล้วล่ะ?
ช่างเถอะ อย่างไรเสียก็เป็หมั่นโถวแค่ครึ่งลูก ไม่กินของเหลือ เช่นนั้นก็กินของใหม่ก็ได้
เยวี่ยเจาหรานหยิบหมั่นโถวลูกใหม่ขึ้นมาอย่างไม่ยี่หระ แค่นหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “ข้าเห็นว่า เพราะเมื่อคืนวานเ้าพูดจาไม่น่าฟัง ก็เลยกรรมตามสนอง จะต้องเป็เปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยที่สวนตะวันตกผู้นั้นพูดถึงเ้าแน่” เยวี่ยเจาหรานยิ้มพลางยักไหล่ แล้วเอ่ยเสริมอย่างช้าๆ ชัดๆ “รัก มาก เกลียด มาก!”
“ฮิ ข้าว่าเ้าต้องซวยแน่” หมั่นโถวคำหนึ่งลงท้อง เยวี่ยเจาหรานสบายอกสบายใจ อย่างไรเสียคราวนี้ต่อให้สวี่ชิวเยวี่ยแต่งออกไป คนที่นางจะเกลียดก็คงเป็เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตนเลย
หมั่นโถวในมือของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหายไปอีกเกินครึ่ง นางถึงขมวดคิ้วมองไปทางเยวี่ยเจาหรานอย่างเคืองๆ “เ้าจะหมายความว่า เมื่อวานตอนที่คู่ปรับของเ้ากำลังด่าทอคนรักในฝันของพวกเ้า นางก็ชมเชยเ้าไปด้วยหรือไร? หืม? เ้าหมายความเช่นนั้นใช่ไหมพ่อยอดกวี เหตุใดดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลยเล่า!”
แน่นอนว่าคำพูดนั้นมีเหตุมีผล ต่อให้สวี่ชิวเยวี่ยรักมากเกลียดมากกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจริงๆ ก็คงไม่น่าเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อเยวี่ยเจาหรานพุ่งพรวดขึ้นมาได้เช่นกัน ไม่ใช่หรือ?!
ยามนี้เยวี่ยเจาหรานเริ่มคงสีหน้าระรื่นไว้ไม่อยู่ ได้แต่หลุบตาลงแล้วเอ่ยอย่างขุ่นเคือง “เช่นนั้นเ้าก็ไม่ต้องสนใจหรอก บางทีมันอาจเป็ความบังเอิญ มีสาวน้อยที่ชื่นชอบข้ากำลังคิดถึงข้าอยู่กระมัง ฮึ!”
“ถุย อย่างเ้านี่นะ ยังคิดจะมีคนชื่นชอบอีกหรือ? ถุยๆ !” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยัดหมั่นโถวคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นจึงลุกยืนขึ้น “เพื่อการสอบของอาจารย์อวี้เช้านี้ เมื่อคืนกลยุทธ์เปิดและปิดบทที่สองนั่นทำเอาข้าเหนื่อยแทบแย่ อย่าพูดอะไรมากนักเลย ข้าต้องไปนอนกลางวันชดเชยสักงีบ ตอนบ่ายยังมีคาบเรียนอีก!”
เมื่อคืนเพื่อที่จะรับมือกับการสอบของอาจารย์อวี้ เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงง่วนกันอยู่ค่อนคืน สุดท้ายเยวี่ยเจาหรานก็เอาเชือกมาผูกจุดอ่อนของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไว้มั่น ถึงให้นางท่องตำราได้อย่างยากลำบาก
ถึงอย่างไรใน่เวลาไม่กี่วันของวันหยุดนั้น เยวี่ยเจาหรานและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ววางแผนออกไปเที่ยวล้มเหลว ต้องรับมือกับเื่ราวอันสับสนวุ่นวายไม่น้อย กว่าเื่ทั้งหมดจัดการไปพอสมควร ก็เป็ค่ำคืนวานเสียแล้ว แน่นอนว่า มันเป็คืนวันสุดท้ายของวันหยุดแล้วด้วยเช่นกัน
ไม่มีทางเลือก หากไม่ลงแรงพยายาม จุดตะเกียงอดหลับอดนอน มีหรือจะรับมือกับอาจารย์อวี้ได้?
เยวี่ยเจาหรานมองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เดินเข้าไปในห้องทีละย่างก้าว ก็ยังไม่ลืมเอ่ยโจมตีไปอย่างร้ายกาจอีกครั้ง “เ้านอนเถอะ แต่ข้าจะบอกเ้าให้ ผู้หญิงที่รักมากเกลียดมากเช่นนี้น่ะ น่ากลัวที่สุดเลยล่ะ ไม่แน่ว่าต่อไปเ้าคงยากจะมีเวลาได้นอนกลางวันอย่างสบายกายสบายใจเช่นนี้แล้ว ข้าแนะนำว่า เ้ารีบให้เปี่ยวเม่ยตัวน้อยผู้นั้นของเ้าออกเรือนไปเสียเถอะ ไม่เช่นนั้นละก็~”
“ไสหัวไปเลย! ข้าคร้านจะสนใจเ้าแล้ว!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเลิกผ้าม่าน แล้วล้มตัวลงนอนทันที แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด
เยวี่ยเจาหรานที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ทำปากยื่น พึมพำเสียงเบา “ไม่เช่นนั้นเ้าคงต้องซวยหนักแน่!” พูดจบ จึงกวักมือเรียกหลิงหลงและชุ่ยเชี่ยวมาเก็บกวาดถ้วยชามตะเกียบไป
ทว่าเื่การจามในครั้งนี้ สวี่ชิวเยวี่ยก็เป็แพะรับบาปให้กับผู้อื่นจริงๆ ส่วนตัวการใหญ่ทั้งสองนั้นอยู่ที่ไหนกัน? เช่นนั้นพวกเราก็เบนสายตาไปที่โต๊ะอาหารอีกโต๊ะหนึ่งที่ไม่ได้สงบเรียบร้อยอะไรนักเมื่อครู่กันเถอะ…
เนื่องจากการทะเลาะเบาะแว้งของเหยียนเฟยและเยว่เยียนเยียนนั้นรุนแรงมาก บวกกับเหยียนเฟยที่เดิมทีก็ไม่อยากกินผักกาดขาวต้มน้ำเปล่าที่เยว่เยียนเยียนทำเข้าไปอีก ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงโมโหโกรธาจนไม่มีใจจะกินข้าวต่อ และทยอยออกจากโต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ไม่นับว่าครื้นเครงนักไป
และแล้วเฉินไฮว่ชิงผู้โชคร้ายจึงจำต้องแบกภาระหนักในการเก็บกวาดโต๊ะอาหารนี้ ทั้งยังถูกเยว่เยียนเยียนโยนหน้าที่รับผิดชอบอันหนักอึ้งให้อีก นั่นก็คือต้องกินอาหารที่นางทำลงไปให้หมด กินให้เกลี้ยง เพื่อพิสูจน์ให้เหยียนเฟยจอมน่ารำคาญผู้นั้นเห็นว่า อาหารที่ข้าเยว่เยียนเยียนทำนั้นอร่อยมาก
เฉินไฮว่ชิงที่ยัดผักกาดขาวต้มน้ำเปล่าไปเต็มท้อง มองความเกลื่อนกลาดบนโต๊ะอาหาร ในที่สุดเขาก็อดกลั้นไม่ไหว หลังจากที่ขัดล้างถ้วยชามตะเกียบเสร็จสิ้นอย่างยากลำบาก จึงลูบท้องน้อยๆ ที่รู้สึกไม่ค่อยสบายนักของตน เดินมาถึงห้องของเยว่เยียนเยียน
“เยียน...” ยังไม่ทันที่เฉินไฮว่ชิงจะเอ่ยออกจากปาก ก็เรอออกมาด้วยความอิ่ม ลำบากเฉินไฮว่ชิงต้องนึกย้อนไปถึงอาหารฝีมือเยว่เยียนเยียนแม่ครัวมรณะนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ต้องบอกว่าเหยียนเฟยช่างตั้งฉายาให้ผู้อื่นได้เก่งจริงๆ แม่ครัวมรณะ ฉายาที่ฟังดูทั้งสง่างามทั้งร้ายกาจเช่นนี้ ช่างเข้ากับภาพลักษณ์เยว่เยียนเยียนเหลือเกิน…
ระดับความเข้ากันสูงราวกับจันทรานิรันดร์กับหมี่เยวี่ยในเกียรติยศแห่งยาฆ่าหญ้าอะไรสักอย่างเลยทีเดียว [1]
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฉินไฮว่ชิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เขารู้สึกว่าระหว่างเหยียนเฟยกับเยว่เยียนเยียนแม่นางน้อยผู้นี้ ช่างเข้ากันยิ่งนัก!
และในเวลานั้นเอง เยว่เยียนเยียนกลับปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเฉินไฮว่ชิง “อาจารย์? ท่านมายืนยิ้มอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวเ้าคะ...?”
“เอ่อ... เยียนเยียน ข้า...” เฉินไฮว่ชิงแอบหัวเราะตัวโยนขนาดนั้นอยู่คนเดียว พริบตาก็ถูกเยว่เยียนเยียนมาพบเข้า มันดูน่ากลัวจริงๆ เขาได้แต่เกาหัวแล้วอธิบาย “ปัดโธ่ ไม่มีอะไรๆ เ้ามาได้ประจวบเหมาะนัก ข้ากำลังมีเื่อยากจะปรึกษากับเ้าอยู่พอดี...”
เอ่ยดังนั้น เฉินไฮว่ชิงก็ยกนิ้วชี้ไปยังทิศทางของห้อง เยว่เยียนเยียนพยักหน้าอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แล้วจึงเดินตามเฉินไฮว่ชิงเข้าไปในห้องด้วยกัน
เชิงอรรถ
[1] จันทรานิรันดร์ (永恒之月) คือสกินที่มีอยู่แต่เดิมของหมี่เยวี่ย (芈月) ในเกม Honor of Kings หรือ《王者荣耀》ซึ่งแปลได้ว่า เกียรติยศแห่งาา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้