คนระดับต่ำกว่าขั้นเทพ์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดว่ากำลังมุ่งเป้าไปยังฉินอวี่
อย่างไรก็ตาม หลี่โหย่วฉายอยู่เพียงขั้นกุมารทิพย์ระดับกลาง เป็ที่ทราบกันว่า แม้หลี่โหย่วฉายจะมีพละกำลังขัดต่อ์เพียงไร ก็ไม่มีทางจะข้ามเข้าสู่ขั้นเทพ์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน อีกทั้งมีผู้อยู่ขั้นกุมารทิพย์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าร่วมการท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณี ดังนั้น เพียงแค่อาศัยสองเื่นี้ ก็สามารถตามหาหลี่โหย่วฉายออกมาจากผู้คนนับหมื่นได้อย่าง่ายดาย
ต้องบอกเลยว่า เหลยจั๋วเยว่วางแผนไว้อย่างแม่นยำมาก หากทำเช่นนี้ก็จะไม่เป็การรบกวนคนอื่นๆ และมีโอกาสที่สามารถพบตัวหลี่โหย่วฉายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว!
ทุกคนต่างรู้เื่การเดิมพัน ดังนั้นจึงไม่มีข้อโต้แย้งอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม หากคิดจะต่อต้านขึ้นมาในตอนนี้ คงไม่ได้ล่วงเกินเพียงตระกูลเหลยเท่านั้น แต่คงจะเป็การไปยั่วยุศิษย์อัจฉริยะที่ร่วมเดิมพันด้วยอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นกุมารทิพย์ล้วนแต่ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่อฟัง พวกเขาต่างรู้ดีว่าเื่นี้มีความจริงจังเพียงใด จึงให้ความร่วมมืออย่างดี
ใน่เวลานี้ ภายใต้การห้อมล้อมของคนนับหมื่น ผู้ฝึกตนในขั้นกุมารทิพย์เกือบร้อยคนจึงยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทุกคน ฉินอวี่ก็อยู่ในกลุ่มนี้ ระดับฝึกฝนของเขายังอยู่ในขั้นกุมารทิพย์ระดับกลาง เปลี่ยนไปเพียงรูปลักษณ์และพลังปราณเท่านั้น
อินิ หลัวอวิ๋นทุน พร้อมด้วยชายหนุ่มหญิงสาวกว่าสิบคนกำลังยืนอยู่ด้วยกัน คนเป็ผู้นำคือชายหนุ่มผมม่วง สายตาของเขากวาดไปยังผู้ฝึกตนนับหมื่นที่อยู่โดยรอบ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ทุกท่าน หากยังมีระดับกุมารทิพย์อยู่อีก และยังไม่ได้เดินออกมา หากถูกจับได้ละก็ อย่าหาว่าข้าเหลยเฉียนหลงไม่เกรงใจ”
เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดออกมา ชายหนุ่มผมสีม่วงที่ชื่อเหลยเฉียนหลงก็ได้สั่งให้คนเข้าไปตรวจสอบดูทันที สายตามองไปยังพวกของฉินอวี่ และขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที เขานึกไม่ถึงว่าจะมีคนขั้นกุมารทิพย์มากมายเช่นนี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน จึงค่อยๆ พูดว่า “การท้าประลองครั้งนี้พวกเ้าไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว รอให้การประลองเสร็จสิ้น ทุกคนจะได้รับการชดเชยเป็อาวุธิญญาระดับสูงคนละหนึ่งชิ้น เป็อย่างไร?”
ผู้ฝึกตนในขั้นกุมารทิพย์นับร้อยต่างสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีคนสถานะธรรมดา ที่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้ ก็เพียงเพื่อความท้าทายในการประลองเท่านั้น ไม่ได้มีความคาดหวังอื่นใด อีกทั้ง เมื่อได้ยินว่ามีการชดเชยให้ด้วยอาวุธิญญาระดับสูง ทำให้เกิดการชั่งใจขึ้นในใจของพวกเขาทันที
ฉินอวี่ยืนมองเหลยเฉียนหลงอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในตอนนี้เื่ทั้งหมดยังเป็ไปตามการคาดการณ์ของเขา หากไม่เกิดอะไรเกิดขึ้น ต่อจากนี้ เหลยเฉียนหลงจะต้องสั่งให้ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพ์จำนวนมากคอยเฝ้าจับตามองผู้ฝึกตนขั้นกุมารทิพย์เหล่านี้แน่นอน เพื่อขัดขวางไม่ให้ตนเองเข้าร่วมการท้าประลอง
และเป้าหมายของเหลยจั๋วเยว่ก็มีเพียง้าขัดขวางเขาไว้เท่านั้น ไม่ได้้าถึงชีวิต
เพียงแต่ สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ประหลาดใจยิ่งนักคือ เหลยจั๋วเยว่จะจัดคนจำนวนมากมาคอยเฝ้าผู้ฝึกตนขั้นกุมารทิพย์เหล่านี้ได้จริงหรือ?
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังครุ่นคิดว่าจะออกไปจากวงล้อได้อย่างไรนั้น เสียงที่ดูไร้เดียงสาเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ข้าไม่้าอาวุธิญญาระดับสูง ข้า้าเข้าร่วมการท้าประลอง!”
ฉินอวี่หันศีรษะกลับไปทันทีด้วยความใ แต่กลับมองเห็นเด็กผู้ชายที่ดูใสซื่ออายุราวสิบห้าสิบหกปีที่มีผิวสีเข้ม รูปลักษณ์ดูไร้เล่ห์เหลี่ยม กำลังแหงนหน้ามองไปทางเหลยเฉียนหลงอย่างดื้อรั้น และด้วยผิวสีที่เข้มกว่าปกติ ทำให้ผู้คนต่างไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขามากนัก เพียงแต่ ดวงตาที่ดำสนิทของเขากลับเปล่งประกายให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน
เหลยเฉียนหลงหรี่ตาลงมองเด็กหนุ่มคนนั้น และพูดอย่างเฉยเมย “ใครก็ตามที่อยู่ในระดับต่ำกว่าขั้นเทพ์ จะไม่สามารถเข้าร่วมการท้าประลองในครั้งนี้ได้ทั้งสิ้น!”
“หลี่โหย่วฉายอยู่ในกุมารทิพย์ระดับกลาง แต่ข้าเพิ่งจะอยู่ขั้นกุมารทิพย์ระดับต้น มองแค่นี้ก็รู้แล้วว่าข้าไม่ใช่หลี่โหย่วฉาย ทำไมจึงไม่ให้ข้าเข้าร่วม?” เด็กชายที่ดูแสนธรรมดาคนนี้กลับมีจิตใจแน่วแน่ที่จะเข้าร่วมการท้าประลองนี้ให้ได้ จ้องมองเหลยเฉียนหลงอย่างมุ่งมั่น เพียงแต่ ร่างกายที่สั่นเทานั้นแสดงให้เห็นความหวาดกลัวที่มีอยู่ในจิตใจ
เหลยเฉียนหลงขมวดคิ้ว ย้อนกลับไปในตอนแรกพี่ใหญ่เหลยจั๋วเยว่กำชับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าห้ามปล่อยให้ใครก็ตามที่อยู่ในขั้นกุมารทิพย์เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม หากจะระงับระดับฝึกฝนไว้นั้นเป็เื่ง่าย แต่จะให้ระดับการฝึกฝนเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็เื่ยากยิ่ง ดังนั้น จึงต้องขัดขวางไม่ให้ผู้ฝึกตนขั้นกุมารทิพย์เข้าร่วมการท้าประลองอย่างเด็ดขาด
เหลยเฉียนหลงเข้าใจถึงความสำคัญข้อนี้ดี เขาจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมให้เด็กหนุ่มธรรมดาคนนี้เข้าร่วมการท้าประลอง
ในเวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมายังด้านข้างของเหลยเฉียนหลง และกระซิบอะไรบางอย่าง หลังจากเหลยเฉียนหลงได้ยินแล้ว เขาก็กวาดสายตามองไปยังผู้ฝึกตนนับหมื่นคนที่อยู่ตรงหน้า และพูดอย่างเฉยเมย “ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ ตระกูลเหลยต้องของขอบคุณมาก ตอนนี้ ทุกท่านสามารถเข้าร่วมการท้าประลองในด่านแรกได้แล้ว”
ทุกคนที่ต่างอดทนรอไม่ไหวอยู่ั้แ่แรก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ต่างก็พุ่งตัวเข้าไปในป่าด้านหลังทันที ในหมู่พวกเขา หยางเต้ากวาดสายตามองผู้ฝึกตนขั้นกุมารทิพย์ร่วมร้อยคนอย่างเฉยเมย ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ไม่เข้าร่วมการท้าประลองครั้งนี้หรือ?” หยางเต้าสงสัย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก และรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
ด่านที่หนึ่งของการทดสอบเจ็ดสิบสองอสูรธรณี ถูกเรียกว่าศึกแห่งป่า!
ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยที่อยู่ของอสูรร้ายที่แข็งแกร่งอยู่อย่างหนาแน่น และคนที่ผ่านด่านของป่าแห่งนี้ไปได้ในสามร้อยคนแรกเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์ได้ท้าประลองกับเจ็ดสิบสองอสูรธรณีที่มีอยู่!
อย่างไรก็ตามจากคนจำนวนนับหมื่นที่มาเข้าร่วมการทดสอบการท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณี จะมีเพียงสามร้อยคนเท่านั้นที่จะได้ท้าประลองกับเจ็ดสิบสองอสูรธรณี นั่นหมายความว่า ทุกคนไม่เพียงแต่จะต้องระวังตัวจากอสูรร้ายในป่าเท่านั้น แต่ยังต้องระมัดระวังคนข้างกายอีกด้วย ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้คือการทดสอบที่ยิ่งใหญ่
เป็เพราะมีการจำกัดจำนวนคน ทุกคนจึงถูกรีบออกเดินทางทันที ด้วยความหวังว่าจะได้ข้ามผ่านผืนป่าแห่งนี้ไปโดยเร็ว
ไม่ถึงสิบลมหายใจ ก็มีคนเหลืออยู่เพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น และในจำนวนนั้น ส่วนใหญ่คือคนที่ร่วมเดิมพันไว้ทั้งสิ้น
อินิมองไปยังทุกคนที่กำลังเดินทางออกไปด้วยสีหน้าที่เป็กังวล จากนั้นจึงกวาดสายตามองทางพวกฉินอวี่ และพูดอย่าง “หงุดหงิด” เหลยเฉียนหลง ข้าว่าหลี่โหย่วฉายคงไม่เข้าร่วมการประลองครั้งนี้เป็แน่ พวกเราคงถูกเขาหลอกเสียแล้ว”
“นั่นสิ ข้าก็ว่าอยู่ว่าหลี่โหย่วฉายที่อยู่เพียงขั้นกุมารทิพย์ระดับกลาง จะกล้ามาเข้าร่วมได้อย่างไรกัน ที่แท้ก็คงต้องรออีกหลายปี ข้าว่ารอให้เขาเข้าถึงขั้นเทพ์เสียก่อน จึงจะสามารถเข้าร่วมการท้าประลองเจ็ดสิบสองอสูรธรณีได้!” ศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างคาดเดา
เป็เพราะคำพูดนั้นของฉินอวี่ ทำให้พวกอินิและหลัวอวิ๋นทุนต่างลดความระแวดระวังลงไป หรืออาจพูดได้ว่า พวกเขาเชื่อในคำพูดนั้นเป็อย่างยิ่ง และต่างคิดกันว่าหลี่โหย่วฉายน่าจะเข้าร่วมการทดสอบในครั้งถัดไป และเขาจะไม่เข้าร่วมในครั้งนี้อย่างแน่นอน ท้ายที่สุด ด้วยการฝึกฝนขั้นกุมารทิพย์ระดับกลางของเขา อย่าว่าแต่ขุนพล์เลย แม้แต่ด่านแรกของเจ็ดสิบสองอสูรธรณีก็ยังเป็เื่ยากเลย
เหลยจั๋วเยว่เริ่มมีความลังเล อย่าว่าแต่พวกของอินิ แม้แต่เขาเองก็เชื่อไปมากแล้วเช่นกัน ผนวกกับเขาได้ตรวจสอบคนขั้นกุมารทิพย์ร่วมร้อยคนแล้ว แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่ เมื่อนึกถึงคำอธิบายซ้ำๆ ของเหลยจั๋วเยว่ เหลยเฉียนหลงก็มองไปยังชายหนุ่มจำนวนหนึ่ง และพูดอย่างเฉยเมย “เหลยอวิ๋นถิง เหลยอวิ๋นอวี่ เหลยอวิ๋นไห่ พวกเ้าสามคนรออยู่ที่นี่ ส่วนคนอื่นไปเข้าร่วมการท้าประลองในด่านแรกเถอะ”
“ข้าไม่ใช่หลี่โหย่วฉาย ข้า้าเข้าร่วมการท้าประลอง ครั้งนี้ ข้าจะต้องเป็เจ็ดสิบสองอสูรธรณีให้ได้ พี่ชาย ขอร้องล่ะให้ข้าได้เข้าร่วมการทดสอบเถอะ ท่านแม่ของข้ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนัก ความปรารถนาในใจของท่านแม่คือการให้ข้าได้เป็หนึ่งในเจ็ดสิบสองอสูรธรณี ดังนั้น ในครั้งนี้ข้าต้องเข้าร่วมด้วย...” ในขณะที่เหลยเฉียนหลงกำลังจะเดินไป ชายหนุ่มชุดธรรมดาก็รีบอ้อนวอนขึ้นมา พูดไปร้องไห้ไป
เหลยเฉียนหลงจ้องมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างเ็า และพูดอย่างเฉยเมย “ไว้ครั้งหน้าเถอะ!”
ชายหนุ่มชุดธรรมดาคนนั้นทรุดเข่าลงนั่งกับพื้นทันที และพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “พี่ใหญ่ ขอร้องล่ะ ให้ข้าได้เข้าร่วมการท้าประลองในครั้งนี้ด้วยเถอะ ข้าไม่ใช่หลี่โหย่วฉายจริงๆ ข้าชื่อโหมวชิงเฟิง เขามาจากเขตโหมวหยวน บรรพชนของเขาเป็ผู้อยู่ใต้ปกครองของจอมอสูรโหมวเซี่ยนโดยตรง เ้าลองไปสืบดูก็ได้ พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่หลี่โหย่วฉายจริงๆ...!”
“เ้าเด็กคนนี้ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เ้าคิดว่าเ้าบอกว่าไม่ใช่หลี่โหย่วฉายก็จะไม่ใช่อย่างนั้นหรือ? หากปล่อยให้หลี่โหย่วฉายเข้าร่วมการประลอง เ้ารับผิดชอบได้หรือไม่? หากเ้าพูดเซ้าซี้อีก ระวังชีวิตอันไร้ค่าของเ้าให้ดี!” มีศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่งเริ่มจะอดทนไม่ได้ จ้องตรงไปยังชายหนุ่มในชุดธรรมดาและพูดเยาะเย้ยออกไป
ชายหนุ่มชุดธรรมดาตัวสั่นขึ้นทันที น้ำตาไหลรินออกมาราวกับลูกปัดที่แตกสลาย
“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ!” เหลยเฉียนหลงมองไปยังชายหนุ่มชุดธรรมดา และพูดอย่างเ็า จากนั้นก็เหาะเข้าไปในป่าทันที
เมื่อได้รับคำสั่งของเหลยเฉียนหลง อินิและหลัวอวิ๋นทุนได้ออกไปเช่นกัน ตามมาด้วยคนอื่นๆ ที่เหลือ เหลยเฉียนหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตามออกไปเช่นกัน ท้ายที่สุด เหลืออยู่เพียงพวกเหลยอวิ๋นถิงทั้งสามคน และทั้งสามคนต่างอยู่ในระดับขั้นเทพ์
ฉินอวี่จ้องไปยังเหลยเฉียนหลงที่กำลังจากไป จากนั้นจึงหันกลับไปมองพวกเหลยอวิ๋นถิงทั้งสามคนที่อยู่ไม่ไกล หรี่สายตาลง รูม่านตาลดลงราวกับรูเข็ม และพึมพำขึ้นในใจ “ไปกันแล้วหรือ? หรือว่า... นี่คือแผนการ? รอให้ข้าติดกับ? เหลยจั๋วเยว่... เป้าหมายของเ้า... ้าชีวิตข้าใช่หรือไม่?”
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังครุ่นคิด เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังสังหารอันอำมหิตที่แข็งแกร่งกำลังแผ่ซ่านเข้ามา เขาหันศีรษะไปทันที แต่กลับมองเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด ร่างทั้งร่างสั่นเทา สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่ต้องใคือ พลังอันแข็งแกร่งนี้ก็แทรกซึมออกมาจากภายในร่างกายของเขา
ในเวลานี้ ชายหนุ่มคนนี้แทบจะเปลี่ยนเป็คนละคน
“เป็จิตเคียดแค้นที่แรงกล้า!” ฉินอวี่กะพริบตา ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นในทันที “จะบุ่มบ่ามไม่ได้ หากเ้ายังคิดจะเข้าร่วมการท้าประลอง!”
