“ข้าให้เงินเดือนพวกเขาสูงกว่าการทำงานรับจ้างชั่วคราวแน่นอนเ้าค่ะ ส่วนจำนวนเงินนั้น ข้าต้องปรึกษากับสามีให้เรียบร้อยก่อนถึงจะบอกกับทุกคนได้เ้าค่ะ” แรงงานที่จิ่นเซวียน้าคือคนที่ทำงานได้ มิใช่คนที่ชักช้าอืดอาด
“ท่านปู่หัวหน้าตระกูล ท่านกลับไปรวบรวมจำนวนแรงงานที่เหลืออยู่ในหมู่บ้านสกุลซย่าก่อน ว่ามีคนเต็มใจทำงานกับพวกเรากี่คนขอรับ” ซ่งจื่อเฉินอยากหารือเื่ธุรกิจกับพวกซย่าชุนอวิ๋นตามลำพัง เขาจึงหาเหตุผลไล่ซย่าหลี่เจิ้งให้กลับไป
“จื่อเฉินเอ๋ย เมื่อใดที่กำหนดแน่ชัดแล้ว เ้าต้องจ้างพวกเขา มิเช่นนั้นพวกเขาจะหาว่าข้าหลอกลวงพวกเขา” ซย่าหลี่เจิ้งกลัวว่าเมื่อเขาคัดเลือกคนเรียบร้อยแล้ว ซ่งจื่อเฉินกับจิ่นเซวียนจะเปลี่ยนใจกะทันหัน
“ท่านปู่หัวหน้าตระกูลโปรดวางใจ พวกเรามิมีทางหลอกลวงทุกคนแน่นอน ข้ากับเซวียนเซวียนปรึกษาเื่ซื้อที่ดินกันนานแล้ว เหตุผลที่พวกเราเลือกซื้อที่ดินในหมู่บ้านตระกูลซย่า เป็เพราะที่นี่เป็บ้านเกิดของเซวียนเซวียนขอรับ”
“เช่นนั้นข้าจะไปช่วยพวกเ้ารวบรวมคนก่อน” ซ่งจื่อเฉินพูดถึงขั้นนี้ ซย่าหลี่เจิ้งจึงมิอยากซักไซ้ว่าเขาไว้ใจได้หรือไม่
“ท่านอาเขยเล็ก เื่โต๊ะพับได้ต้องฝากท่านแล้วเ้าค่ะ ท่านลองไปพูดคุยกับสหายของท่าน ดูว่าพวกเขาสามารถใช้ฝีมือวิชาช่างร่วมมือกับพวกเราได้หรือไม่ ในมือข้ายังมีแบบภาพอีกมากมาย ขอเพียงอีกฝ่ายยอมร่วมมือด้วย ข้ายินดีเพิ่มแผนส่งเสริมการขายให้เ้าค่ะ”
แผนส่งเสริมการขาย สิ่งใดคือแผนส่งเสริมการขาย?
ซ่งจื่อเฉินรวมถึงคนอื่นๆ เต็มไปด้วยความสงสัย
“เซวียนเซวียน แผนส่งเสริมการขายที่เ้าพูดคือสิ่งใดหรือ?” นายอำเภอสวี่ตั้งคำถามเป็คนแรก
“แผนส่งเสริมการขายก็คือขั้นตอนในการเพิ่มกำไรทางการค้าวิธีหนึ่งเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนอธิบายความหมายโดยใช้ภาษาของตนเอง นางยังวางแผนจะช่วยทำแผนการขายให้ฉิวจั่งกุ้ย เพื่อช่วยเขาโฆษณาสินค้าใหม่ด้วย
“เซวียนเซวียน โต๊ะพับได้ของเ้าเป็โต๊ะเช่นไร ข้ามิเคยเห็นมาก่อน” ซย่าเม่าหลินสนใจโต๊ะพับได้ของจิ่นเซวียนยิ่งนัก เขาเองก็เป็อาจารย์ช่างไม้คนหนึ่ง ทำเครื่องเรือนมามากมาย แต่ยังมิเคยเห็นโต๊ะพับได้มาก่อน
“เป็โต๊ะที่พับเก็บได้ประเภทหนึ่ง ใช้งานสะดวกมากเ้าค่ะ”
“เซวียนเซวียนเอ๋ย ปู่เม่าของเ้าทำโต๊ะเป็ เหตุใดต้องรบกวนผู้อื่นเล่า” ซย่าหลี่เจ๋อรู้สึกว่าการขายแบบภาพนั้นได้เงินไม่เท่าใด เปิดร้านเครื่องเรือนเองดีกว่า
“ในมือของพวกเรามิได้ขาดเงินเปิดร้าน แต่พวกเราขาดอาจารย์ช่างไม้ขอรับ”
ซ่งจื่อเฉินบอกความลำบากของพวกเขากับซย่าหลี่เจ๋อ ซย่าหลี่เจ๋อยิ้มตาหยี “ท่านพ่อของข้าคืออาจารย์ช่างไม้ที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ เขามีลูกศิษย์ใต้อาณัติหลายสิบคน หากพวกเ้าจะเปิดร้านเครื่องเรือน เขาย่อมช่วยพวกเ้าได้”
เหตุใดนางจึงมินึกถึงท่านปู่เล็ก!
“ท่านปู่เม่า ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าจะสามารถซื้อไม้ได้ที่ใดเ้าคะ?” จิ่นเซวียนถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม้แบ่งออกได้หลายชนิด ทั้งถูกและแพง ข้าทำเครื่องเรือนมามาก จึงเคยเห็นมาหมดแล้ว หากเ้า้าเปิดร้าน ข้าจะลาออกจากงานเดิม และมาช่วยพวกเ้า” ซย่าเม่าหลินทำงานอยู่ในอำเภอเมือง ได้กำไรเดือนละสองสามตำลึง ถือว่ามิเลว เวลานี้จิ่นเซวียน้าจะเปิดร้าน เขาย่อมช่วยนางอยู่แล้ว ส่วนเงินเดือนที่จิ่นเซวียนจะให้เขานั้น ได้เท่าใดก็เท่านั้น
“ท่านปู่เม่า ท่านยินดีช่วยพวกเรา พวกเราดีใจยิ่งนัก แต่พวกเรามิอาจปล่อยให้ท่านทำงานเสียเปล่าได้เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิอยากเอาเปรียบบ้านของสวี่ติ้งหรง ยิ่งเป็ครอบครัวเดียวกันก็ยิ่งต้องคิดให้ถี่ถ้วน[1]
“ภรรยา ข้าวางแผนจะแบ่งส่วนแบ่งของร้านเครื่องเรือนออกเป็ห้าส่วน พวกเราออกเงินเปิดร้านได้ค่าตอบแทนสี่ส่วนจากสิบส่วน ท่านปู่ท่านย่าสองส่วน ท่านอาเขยเล็กสองส่วน อาฝูกับท่านอาเขยเล็กได้หนึ่งส่วน และพี่สองหนึ่งส่วน เช่นนี้ดีหรือไม่”
ซ่งจื่อเฉินวางแผนจะจัดให้ซ่งเหลียงกับซ่งฝูมาทำงานที่ร้านเครื่องเรือน พวกเขาสองคนค่อนข้างสนใจในงานช่างไม้ การใช้ความสามารถให้เหมาะสมนั้น จะช่วยประหยัดต้นทุน และพวกเขาจะได้มิเสียเปรียบ
“ได้อย่างไร พวกเราใช้เพียงแค่แรงงานก็ได้ตั้งสองส่วนแล้วหรือ มันมิสมเหตุสมผล”ครอบครัวของซย่าเม่าหลิน หูเหยียนซูและซย่าชุนอวิ๋นประทับใจกับการจัดสรรของซ่งจื่อเฉินยิ่งนัก แต่พวกเขามิเคยคิดจะเอาเปรียบจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินเลย
“ท่านปู่เม่า ท่านอายุมากแล้ว มิอาจทำงานหนักได้ จากนี้ท่านรับหน้าที่จัดการธุรกิจของร้านเครื่องเรือน หากท่านดูแลมิเป็ พวกเราจะส่งคนมาช่วยท่านเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินอยากนั่งเฉยๆ รับส่วนแบ่งอย่างเดียว
ธุรกิจที่พวกเขาอยากทำมิใช่ธุรกิจเครื่องเรือน ธุรกิจเครื่องเรือนเป็เพียงอาชีพเสริมเท่านั้น
“เซวียนเซวียน ในมือของข้ายังมีเงินอยู่บ้าง หากเ้ามิรังเกียจ ข้าจะร่วมด้วย” หูเหยียนซูตั้งใจจะเอาเงินเก็บทั้งหมดออกมาใช้
“ท่านอาเขยเล็ก ตำลึงของท่าน ท่านเก็บเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินเถิดเ้าค่ะ พวกเราพอมีเงินอยู่ ท่านมิต้องกังวลว่าพวกเราจะหมุนเงินมิทันนะเ้าคะ” จิ่นเซวียนวางแผนจะฝึกฝนท่านอาเขยเล็กของนาง ซึ่งเขามีความสามารถมากกว่าพวกซ่งเฉวียน
“ได้อย่างไร กว่าพวกเ้าจะหาเงินมาได้” หูเหยียนซูยืนกรานมิตกลง จิ่นเซวียนพูดคุยอยู่นาน เขาถึงยอมตอบรับด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“เซวียนเซวียน ก่อนหน้านี้เ้าบอกว่าข้าควรจะตั้งหน่วยงานก่อสร้าง ข้าวางแผนจะเอามันรวมกับร้านเครื่องเรือน เ้าคิดว่าอย่างไร”
เดิมทีการก่อสร้างกับการตกแต่งก็ต้องร่วมมือกันอยู่แล้ว ความคิดนี้ของท่านอาเขยเล็กดียิ่งนัก
“ได้เ้าค่ะ พวกเราเปิดร้านเครื่องเรือนก่อน เมื่อร้านเครื่องเรือนเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเราค่อยก่อตั้งกลุ่มก่อสร้างอย่างเป็ทางการ” จิ่นเซวียนยกสองมือเห็นด้วยกับความคิดนี้
นางควักเงินสี่พันตำลึงให้หูเหยียนซู หูเหยียนซูกับซย่าเม่าหลินจะได้เอาไปเตรียมเปิดร้าน ส่วนแบบภาพใหม่นั้น นางจะส่งให้ภายหลัง
“เซวียนเซวียน พวกเราเพียงเช่าร้านมิต้องใช้เงินมากเช่นนี้” หูเหยียนซูคุ้นเคยกับงานก่อสร้างดี ถ้าแค่เช่าร้าน ปีละห้าร้อยตำลึงก็เช่าที่ดีๆ ได้แล้ว
ส่วนไม้นั้น พวกเราสามารถซื้อไม้ราคาถูกได้ เมื่อทำเงินได้แล้วจึงลงทุนผลิตในปริมาณที่มากขึ้น
“ท่านอาเขยเล็ก เวลานี้พวกเรายังมีเงินอยู่ เงินสี่พันตำลึงนี้ท่านเก็บเอาไว้เป็เงินทุนก่อตั้งกิจการ ข้าเชื่อว่าท่านจะมิทำให้ข้าขาดทุนเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิได้ขอเงินส่วนที่เหลือคืน นางเชื่อในความสามารถของหูเหยียนซู
“ท่านอาห้า เช่นนั้นพวกเราจะมิซื้อที่ดินแล้วหรือขอรับ?” ซ่งเฉวียนตั้งคำถาม ก่อนหน้านี้จิ่นเซวียนหารือเื่ซื้อที่ดินกับซย่าหลี่เจิ้งเรียบร้อยแล้ว หากบอกว่าซื้อมิได้แล้ว ซย่าหลี่เจิ้งต้องมิเชื่อจิ่นเซวียนแน่
“นาดอนหลายร้อยหมู่ราคามิเท่าใดนัก พวกเรายังมีเงินอยู่” ซ่งจื่อเฉินมิกังวลว่าจะมิมีเงินทำธุรกิจ
นายอำเภอสวี่ที่เงียบมาตลอดเอ่ยขึ้น “หากพวกเ้า้านาดอนของหมู่บ้านสกุลซย่าจริง ข้าสามารถเก็บเงินน้อยลงตามที่ราชสำนักกำหนดได้”
ซ่งจื่อเฉินถามสวี่ติ้งผินว่านาดอนหนึ่งหมู่ราคาเท่าใด นายอำเภอสวี่ยิ้มตอบ “ราคาต่ำสุดที่ราชสำนักกำหนดคือหนึ่งหมู่ห้าตำลึง ยังมีนาดอนกว่าห้าร้อยหมู่ในหมู่บ้านสกุลซย่า หากพวกเ้าจะเอาทั้งหมดก็จ่ายในราคาที่ต่ำที่สุดได้”
นายอำเภอสวี่บอกว่าราคาที่ต่ำที่สุด ซ่งเฉวียนจึงคิดคำนวณเงินเงียบๆ ในใจ โสมคนของท่านอาห้าได้มาหกพันกว่าตำลึง ใช้เป็ค่าเปิดร้านเครื่องเรือนสี่พันตำลึง ให้พวกคนน่ารังเกียจหนึ่งพันตำลึง ก็เหลือเพียงหนึ่งพันตำลึง มันมิพอซื้อที่ดิน!
“ท่านปู่น้อย พวกเราสามารถชำระเป็งวดได้หรือไม่ พวกเราจ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง และจะจ่ายส่วนที่เหลือให้ครบในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนกังวลว่าหากพวกนางนำเงินออกมาใช้มากเกินไป จะดึงดูดความสงสัยของคนในบ้านซ่ง นางจึงขอชำระเป็งวดแทน
เชิงอรรถ
[1] คิดให้ถี่ถ้วน หมายถึง เื่เงินทองเป็เื่ที่ต้องระวัง แม้ทรัพย์สมบัติจะเป็สิ่งของนอกกาย แต่ก็เป็สิ่งที่สามารถทำลายมิตรภาพระหว่างเพื่อนได้เช่นกัน