“แค่กๆ...” ถังเหล่ยสำลักฝุ่นควัน
อีกด้านหนึ่งตี้เชียนเสวี่ยกำลังเช็ดหน้าให้ตี้ชิง ฝุ่นและเศษดินเมื่อครู่กระเด็นไปโดนใบหน้าของตี้ชิงไม่น้อย
“อะ ให้เ้า เอาไปเช็ดหน้า!” ตี้เชียนเสวี่ยมองถังเหล่ยและโยนผ้าเช็ดหน้าใบหนึ่งให้เขา ถังเหล่ยคิดในใจและสงสัยว่าใบหน้าของเขาต้องมีสภาพทุลักทุเลมากเพียงใดหญิงสาวคนนี้จึงมอบผ้าเช็ดหน้าให้ด้วยความสมเพช
ข้าคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเชียวนะ!
หลังจากนั้นถังเหล่ยก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเอง ปรากฏว่าผ้าสีขาวกลายเป็สีดำทันที เขาจึงรีบเช็ดหน้าของตัวเองให้สะอาด ถังเหล่ยตระหนักได้ว่าใบหน้าของเขาดูเหมือนจะดำคล้ำมาโดยตลอด ทันทีที่เช็ดหน้าของตัวเองสะอาดเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะคืนผ้าเช็ดหน้าสีดำให้อีกฝ่ายดีหรือไม่
“เ้าเก็บไว้เถอะ ถ้าเ้ากล้าโยนทิ้ง ข้าจะฆ่าเ้า!” ตี้เชียนเสวี่ยมองถังเหล่ยอย่างดุร้าย
ผ้าเช็ดหน้ากลายเป็สีดำ ตี้เชียนเสวี่ยจึงไม่้ามันอีกต่อไป แต่สมบัติของนางทุกชิ้นล้วนมีค่า นางจึงออกคำสั่งไม่ให้อีกฝ่ายทิ้งสมบัติของนาง นางเดินมาด้านข้างตี้ชิง
“อีกนานหรือเปล่า กว่าเขาจะรู้สึกตัว?” ตี้เชียนเสวี่ยถามด้วยความกังวล ถึงแม้กลิ่นอายของตี้ชิงจะสงบลงแล้ว แต่เขายังสลบอยู่นางจึงรู้สึกกังวลใจเป็อย่างมาก
“เื่นี้ข้าก็ไม่รู้ ต้องดูว่าร่างกายของเขาจะปรับตัวได้เร็วหรือช้า” ถังเหล่ยยักไหล่กล่าว
“ในเมื่อพวกเ้าทั้งสองปลอดภัยแล้ว ข้าคิดว่าเราควรแยกทางกันตรงนี้จะดีกว่า และหวังว่าเราจะไม่เจอกันอีก!” ถังเหล่ยกล่าวและมีท่าทีจะจากไป
“ช้าก่อน บอกข้าได้หรือไม่ว่าเ้ามีนามว่าอะไร?” ด้านหลังมีเสียงะโของตี้เชียนเสวี่ยดังขึ้นมา
“ถังเหล่ย” ถังเหล่ยกล่าวและโบกมือขณะกำลังเดินห่างออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
“เ้าบอกว่าอย่าเจอกันอีกหรือถังเหล่ย เราได้เจอกันอีกแน่ ข้าจะหาตัวเ้าให้เจอ!” ตี้เชียนเสวี่ยพึมพำกับตัวเองขณะจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังเดินจากไป
จากนั้นตี้เชียนเสวี่ยก็เตรียมตัวจะพาตี้ชิงกลับไป แม้ว่าตี้ชิงจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ในขณะนี้เขายังสลบไสลไม่ได้สติ ยิ่งไปกว่านั้นในร่างกายของตี้ชิงตอนนี้ได้ผนึกิญญายุทธ์เอาไว้แล้ว หากสิ่งที่ถังเหล่ยกล่าวเป็ความจริงนี่ถือว่าเป็เื่ใหญ่ที่นางต้องบอกให้บิดารับรู้
อีกด้านหนึ่งถังเหล่ยก็ครุ่นคิดเื่ของตี้ชิงเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่าูเาแห่งนี้จะมีถ้ำลึกลับของจ้าวยุทธ์ซ่อนอยู่ และในขณะนี้ในร่างกายของตี้ชิงได้ผนึกิญญายุทธ์ระดับนภาเอาไว้แล้ว ในอนาคตชีวิตของตี้ชิงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ถังเหล่ยยังมีเื่สำคัญต้องทำในูเาซวงเฟิง เพราะเสียงเรียกที่เขาได้ยินยังคงดังก้องอย่างต่อเนื่อง หรือว่าเขาจะได้รับการสิบทอดิญญายุทธ์เช่นเดียวกันกับตี้ชิง?
ทันใดนั้นถังเหล่ยก็เกิดความคิดเช่นนี้ แต่ไม่นานเขาก็หยุดความคิดนั้นทันที เขาไม่ได้เกิดในตระกูลใหญ่ จะมีบรรพบุรุษสืบทอดให้เขาได้อย่างไร
…
การถล่มของถ้ำในครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตน ทำให้ในขณะนี้มีผู้ฝึกตนจำนวนมากกำลังให้ความสนใจอยู่ที่หลุมขนาดใหญ่ พวกเขาต่างพากันถกเถียงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อีกด้านหนึ่งถังเหล่ยกำลังมุ่งหน้าไปส่วนลึกของูเาซวงเฟิงอย่างต่อเนื่อง ระหว่างทางก็พบผู้ฝึกตนน้อยลงเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนที่เขาพบเห็นระหว่างทางต่างพากันจ้องมองมายังถังเหล่ยด้วยสายตาหวาดระแวงและมีท่าทีระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที
ความจริงแล้ว ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ที่เข้ามาูเาซวงเฟิงจะไม่เข้าไปยังส่วนลึกของูเา เพราะส่วนลึกของูเามีสัตว์อสูรระดับสูงอาศัยอยู่ พวกเขารู้ดีว่าหากเข้าไปยังส่วนลึกของูเาจะมีโอกาสรอดชีวิตออกมาน้อยมาก ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่จึงค้นหาสมบัติตามชายขอบของูเาเท่านั้น
หลังจากถังเหล่ยเข้ามาถึงส่วนลึกของูเา ในเวลาเดียวกันผู้ฝึกตนต่างก็รับรู้ว่าตรงทางเข้าที่พวกเขาเข้ามาถูกหมอกโลหิตปิดกั้นเอาไว้แล้ว! หมายความว่าผู้ฝึกตนที่อยู่บนูเาแห่งนี้ไม่มีสิทธิ์ได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน
เมื่อครบเจ็ดวันหมอกโลหิตจะปกคลุมไปทั่วูเาอีกครั้ง มันจะกลืนกินปราณโลหิตของพวกเขา และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะกลายเป็ศพที่แห้งเหี่ยว!
เมื่อความจริงเป็เช่นนี้ การต่อสู้ชิงสมบัติเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ พวกเขาเ่าั้เริ่มหันมาสามัคคีกันอย่างน่าทึ่ง เพราะเื่นี้ส่งผลกระทบกับทุกคน
ความจริงก็คือหากหมอกโลหิตที่ปิดกั้นทางออกไม่สลายหายไป เมื่อครบเจ็ดวัน พวกเขาล้วนต้องตายที่นี่ ต่อให้มีสมบัติมากมายจะมีประโยชน์อะไร?
หลังจากนั้นผู้ฝึกตนจำนวนมากจึงเริ่มกระจายกำลังออกไป พวกเขาแยกกันไปคนละทิศคนละทางเพื่อหาเส้นทางในการออกจากูเาแห่งนี้ให้ได้โดยเร็ว
แต่ในขณะนี้ถังเหล่ยเข้ามาถึงส่วนลึกของูเาซวงเฟิงแล้ว จึงทำให้เขาไม่รู้ถึงสถานการณ์ภายนอก ต้นไม้ที่อยู่ส่วนลึกของูเามีขนาดสูงใหญ่กว่าปกติ บางชนิดสูงกว่าห้าสิบวาและหมอกโลหิตที่นี่ค่อนข้างมีความหนาแน่นมากกว่าด้านนอก
ถังเหล่ยกวาดสายตามองต้นไม้มากมาย ต้นไม้ส่วนใหญ่เกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เมื่อแกะเปลือกไม้ออกจะมีของเหลวสีแดงไหลออกมาราวกับโลหิต
และในขณะนี้เสียงเรียกที่ถังเหล่ยได้ยินดังกว่าครั้งก่อนๆ เสียงนั้นทำให้เขารู้ว่าเขาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง เมื่อเป็เช่นนี้เขาจึงกัดฟันเดินหน้าต่อไป ในเวลาเดียวกันยิ่งเขาเข้าไปในป่าลึกมากเท่าใด ความมืดมิดก็เริ่มหนาแน่นมากยิ่งขึ้น
ถังเหล่ยพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วราวกับวานร เขาะโไปบนกิ่งไม้หลายต้นอย่างต่อเนื่องและพยายามเคลื่อนที่โดยไม่ให้มีเสียงดังออกมา เพราะส่วนลึกในป่ามีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังกึกก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงผู้ฝึกตนเท่านั้น ยังมีสัตว์อสูรระดับสูงอาศัยอยู่ที่นี่อีกด้วย!
ถังเหล่ยเดินทางมาเป็เวลาหนึ่งชั่วยามแล้ว สภาพแวดล้อมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเริ่มสับสนว่าตนเองอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่? เขาจึงะโขึ้นไปบนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งเพื่อยืนยันตำแหน่งของตัวเอง แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือต้นไม้ต้นนี้ตายไปแล้ว
ต่อให้เขาจะระมัดระวังเื่เสียงมากเพียงใดก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเสียงแตกหักของกิ่งไม้ได้ ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขาก็ะโไปยืนบนต้นไม้อื่นด้วยความเร็วสูงสุด
ในขณะนี้จุดที่ถังเหล่ยยืนอยู่สูงจากพื้นดินมากพอสมควร ภายใต้หมอกที่หนาแน่นทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นพื้นดินได้แม้แต่น้อย
ฟุ่บๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของถังเหล่ยก็เปลี่ยนไป มีเสียงทะลวงผ่านอากาศทำลายความเงียบ เขาตระหนักได้ว่าด้านข้างมีคนอยู่!
ถังเหล่ยรวบรวมพลังปราณไว้ที่เท้าและพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ลูกเกาทัณฑ์หลายดอกยิงตรงมายังจุดที่เขาอยู่เมื่อครู่ หลังจากนั้นลูกเกาทัณฑ์ดอกแล้วดอกเล่ายิงมาทางเขาอย่างต่อเนื่อง
ถังเหล่ยรวบรวมพลังปราณไว้ที่เท้าะโไปมาระหว่างกิ่งไม้ด้วยความเร็วราวกับวานร ในเวลาเดียวกันเขาก็อยากรู้ว่าผู้ใดกล้าลงมือโจมตี และทุกครั้งที่เท้าของเขาัักับกิ่งไม้จะมีลูกเกาทัณฑ์พุ่งมาทันที
หลังจากนั้นถังเหล่ยจึงพุ่งฝ่าหมอกมายังทิศทางของลูกเกาทัณฑ์ ในที่สุดเขาก็เห็นผู้ฝึกตนยืนถือหน้าไม้อยู่ด้านล่าง มีคนสี่คนถือหน้าไม้เล็งมายังร่างของเขาอย่างพร้อมเพียง
ทันทีที่ร่างของถังเหล่ยพุ่งฝ่าหมอกที่หนาแน่นลงมา ผู้ฝึกตนผู้หนึ่งเก็บหน้าไม้อย่างรวดเร็วและด้านหลังของเขาปรากฏดาบเล่มหนึ่ง หลังจากนั้นเขาะโเข้ามาโจมตีทันที
รังแกกันเกินไปแล้ว!
แววตาของถังเหล่ยฉายแววของความดุร้ายออกมา หากการต่อสู้ครั้งนี้คือการปล้นชิงสมบัติยังถือว่าเหตุผลมีน้ำหนักพอ อย่างไรก็ตามหากอีกฝ่ายให้เหตุผลว่าเขาเหยียบกิ่งไม้หักทำให้เกิดเสียงดังเื่นี้เขาไม่สามารถยอมรับได้
เช่นนั้นพวกเ้าก็ตายไปพร้อมกับกิ่งไม้เลยแล้วกัน!
ถังเหล่ยกระตุ้นพลังปราณภายในร่างอย่างรวดเร็ว เขาสามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากนั้นจึงใช้เท้าเตะไปที่บริเวณหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
ปัง!
ร่างของผู้ฝึกตนที่ถูกถังเหล่ยใช้เท้าเตะปลิวออกไปราวกับลูกดอก ร่างของเขากระแทกเข้ากับสหายอีกสามคนอย่างรุนแรง เืเนื้อของพวกเขาสาดกระจายไปทุกทิศทุกทาง เสียชีวิตก่อนที่จะมีโอกาสส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ
“พลังของข้า... เหตุใดจึงมีพลังมากมหาศาลเช่นนี้?” ถังเหล่ยพึมพำกับตัวเองสายตาอันโเี้ของเขาจ้องมองไปยังผู้ฝึกตนทั้งสี่ แต่ก็มีความรู้สึกสับสนอยู่ภายในใจ
……