ด้วยสายตาอย่างเดียวฟางจื้อิยืนยันไม่ได้ว่าใช่จักรยานของฉินเฟิงหรือไม่เขายื่นมือไปลูบแฮนด์จักรยาน เบาะ โครง และแม้แต่ล้อเขาดูเหมือนคนที่กำลังเฝ้ามองสมบัติอย่างรักใคร่
ความจริงเขาได้คำตอบอยู่แล้วทุกวันนี้โอกาสที่จะได้เห็นจักรยาน 28 นิ้วมันต่ำยิ่งกว่าเห็นรถชนกันเสียอีก ถ้าฉินเฟิงบอกว่าเขากำลังขี่จักรยานมาและจักรยาน 28 นิ้วคันนั้นก็ดันมาเหมือนกันเปี๊ยบกับคันที่จอดในบ้านพักตากอากาศคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามฟางจื้อิยังยอมรับความจริงไม่ได้ไอ้จักรยานโกโรโกโสที่มันขี่มากับไป๋ชิงจะมาถึงบ้านพักก่อนเขาได้อย่างไร? ฟางจื้อิสงสัยว่าฉินเฟิงคงจะสลับไปนั่งรถกลางทางและพ่วงจักรยานมาด้วย
“นายน้อยฟาง คุณทำอะไรอยู่น่ะ?” คนที่ยังอยู่เข้ามาล้อมรอบเขาเขาเห็นฟางจื้อิกำลังลูบคลำตรวจสอบจักรยานเก่าๆ อย่างรักใคร่ด้วยสีหน้าแปลกๆบนใบหน้า
“ฮะ? ปะ...เปล่าฉันแค่คิดว่าจักรยานคันนี้...มันเท่จริงๆ พวกนายไม่คิดงั้นเหรอ?” ฟางจื้อิเลิ่กลั่ก เขาหาข้ออ้างอื่นไม่เจอเขาเลยแค่โพล่งออกมาเหมือนกับที่ฉินเฟิงบอกโดยไม่คิด
อย่างไรก็ตามฟางจื้อิได้คำตอบจากใบหน้าของคนพวกนั้นที่เห็นได้ว่าอยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าทำเขารู้สึกเหมือนเป็ไอ้บ้าทันที
“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรหรอกก็แค่จักรยานเก่าคันนี้ทำให้ฉันระลึกถึงความหลังสมัยเรียนมันเลยอดที่จะดูไม่ได้น่ะ ไปกันเถอะ ที่นี่จองห้องยากมาก ฉันจองห้องล่วงหน้าตั้งครึ่งเดือนกว่าจะได้ยี่สิบห้องให้ทุกคนเข้าห้องไปพักเถอะ แล้วเราจะได้เอาสัมภาระไปเก็บเราจะไปเจอกันที่ห้องงานเลี้ยงบนชั้นแปดตอน 2 ทุ่ม”ฟางจื้อิตั้งสติไวมาก และเขาก็พาทุกคนเข้าไปในโรงแรม
ทุกคนเริ่มแบ่งห้องกันในแผนกต้อนรับของโรงแรม
นอกจากฉินเฟิงกับไป๋ชิงแล้วมีคนที่มางานเลี้ยงรุ่นทั้งหมด 23 คนดังนั้นห้องยี่สิบห้องจึงไม่เพียงพอทว่าความจริงนั้นหลังจากจัดการห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังเหลืออีก 6 ห้อง เนื่องจากเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้เจอกันมานานด้วยมิตรภาพที่ฝังลึกมาสามปีในสมัยมัธยมปลาย บวกกับการที่นั่งรถนานเป็ชั่วโมงทำให้หล่อเลี้ยงมิตรภาพให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คู่ชายหญิงแลกเปลี่ยนสายตากันและตรงไปที่ห้องเพื่อรำลึกถึงอดีตและตรวจเช็กร่างกายกันและกันในตอนกลางคืน
งานเลี้ยงรุ่นนี้จัดขึ้น1วัน 1 คืน
พวกเขามาถึงตอนบ่ายและต้องออกตอนบ่ายอีกวันสิ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่กำลังรอกันคือดินเนอร์ในยามค่ำตอน 2 ทุ่ม ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง 2 ทุ่ม คนเหล่านี้ไม่ค่อยจะมีโอกาสหยุดและสนุกกันที่ชายหาดดังนั้นหลังจากเก็บสัมภาระในห้องตามลำดับแล้ว พวกเขาทุกคนจึงวิ่งมาที่ชายหาด...
ตอนนี้ฉินเฟิงและไป๋ชิงอยู่ที่ระเบียงห้องพิเศษไป๋ชิงนั่งอยู่ใต้ร่มกันแดดขณะดื่มน้ำผลไม้และชื่นชมทัศนียภาพฉินเฟิงยืนพร้อมกับมีกล้องส่องทางไกลในมือ กำลังชื่นชมสาวสวยใส่ชุดบิกินีบนชายหาด
“ชิงชิง พวกเพื่อนกินของเธอมาถึงแล้ว ตอนนี้กำลังเล่นอยู่บนชายหาดกันแหนะ”ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ชิงเปลี่ยนชุดเป็บิกินีสีฟ้าและมีผ้าคลุมไหล่สีขาวรูปร่างสุดเซ็กซี่และเจริญเติบโตได้จางหายไป เปล่งเสน่ห์เย้ายวนออกมาแทน
เธอเดินมาข้างฉินเฟิงและหยิบกล้องส่องทางไกลเธอมองผ่านมันและเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นของเธอมาถึงแล้วจริงๆเธอมองฉินเฟิงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ‘เพื่อนกินของเธอ’
“ไปกันเถอะ พวกเราก็จะไปด้วยเหมือนกันพวกเขาคือเพื่อนร่วมชั้นที่ฉันไม่ได้เจอมา 5 ปีแล้วฉันก็ค่อนข้างคิดถึงพวกเขาอยู่เหมือนกัน”ไป๋ชิงคล้องแขนฉินเฟิงและมุ่งหน้าไปที่ชายหาดด้วยกัน
บ้านพักตากอากาศเป็พื้นที่สวยงามเกรดAAAAAของเมืองเว่ยเฉิง หวงเจียกรุ๊ปเปลี่ยนพื้นที่นี้เป็ชายหาดเพียงแวบเดียวทุกคนก็สามารถเห็นทะเลและท้องฟ้าสีครามได้ ชายหาดเต็มไปด้วยผู้คนมีบางคนฝังอยู่ในทรายและอาบแดดอย่างสบายและบ้างก็มีสาวสวยใส่บิกินีกำลังเล่นวอลเลย์บอลอยู่
ทักษะในการเล่นของสาวๆพวกนั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือตอนที่พวกเธอะโขึ้นลงการสั่นไหวอย่างแรงของหน้าอกเป็อาหารตาชั้นดีซึ่งดึงดูดสายตาของผู้ชายไม่รู้กี่คนต่อกี่คนในชายหาด
ฟางจื้อิและพวกที่เหลือมาถึงหาดแล้วแต่ละคนเลือกที่จะเล่นกิจกรรมแตกต่างกันไปแล้วแต่ชอบในทางกลับกันฟางจื้อินอนบนหาดทรายมีชายสองคนคือจ้าวปินและหลิวิกำลังนั่งอยู่ข้างๆและลูบน้ำมันมะกอกที่ใช้ทานักเพาะกายบนร่าง
“จ้าวปิน เป็ไงมั่ง? มันต้องใช้นานแค่ไหนกัน?”ฟางจื้อิถามด้วยความกังวล
“นายน้อยฟางครับ อย่ากังวลไปเลย อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้วน้ำมันนี้ใช้สำหรับการแข่งขันเพาะกายของชาวอเมริกันโดยเฉพาะ เมื่อทาบนตัวแล้วมันจะเคลือบผิวเป็สีแทนและส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์ทำให้กล้ามเนื้อดูคมและเด่นมากยิ่งขึ้น” ในฐานะครูสอนฟิตเนสจ้าวปินเป็ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้
“โอเค งั้นไม่ต้องรีบร้อน ทามันให้ดี ทาให้น้ำมันเคลือบทุกสัดส่วนสิ่งที่ดีที่สุดคือพยายามทำให้มันแสดงถึงร่างกายที่ฟิตของฉัน”หลังจากฟังที่จ้าวปินบอก ฟางจื้อิจึงไม่เร่งเร้าเขาอีก
ทั้งหมดที่เขาจัดงานเลี้ยงรุ่นก็เพื่อหลอกไป๋ชิงมาขึ้นเตียงดังนั้นมันจึงใช้ความพยายามของฟางจื้อิอย่างมากในการจัดการ
เขาตั้งใจจัดงานเลี้ยงรุ่นที่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้เพื่อจะได้มีโอกาสเห็นไป๋ชิงใส่ชุดบิกินีในขณะเดียวกันเขาก็อยากใส่กางเกงว่ายน้ำและโชว์ร่างท่อนบน หลายเดือนที่ผ่านมาเขาออกกำลังกายและเล่นกล้ามภายใต้คำแนะนำของจ้าวปินดังนั้นเขาจึงสามารถโชว์กล้ามให้ไป๋ชิงดูได้ เขาอยากจะให้เธอชื่นชมและมองเขาด้วยความเขินอายพร้อมกับหัวใจเต้นรัว
“หลิวิ นายเห็นไป๋ชิงบ้างหรือเปล่า?” ฟางจื้อิมองรอบๆชายหาด แต่ก็ยังไม่เห็นตัวไป๋ชิง
หลิวิก็มองดูรอบๆตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่เห็นเธอเหมือนกัน เขาส่ายหน้าและตอบ “ไม่ครับอย่าห่วงเลยครับนายน้อยฟาง ผมเห็นเธอเมื่อไรจะบอกคุณทันที”
“นายน้อยฟาง เสร็จแล้วครับ” จ้าวปินทาน้ำมันเสร็จแล้ว
ฟางจื้อิลุกนั่งขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและใช้แรงทั้งหมดเบ่งกล้ามอกและกล้ามท้องเขามองจ้าวปินและหลิวิพร้อมกับถาม “ดูซะก่อน เป็ไง?”
หลังเรียนจบจ้าวปินและหลิวิไปได้ไม่สวยนัก เมื่อพวกเขาพบว่าจะได้เจอฟางจื้อิในงานเลี้ยงรุ่นและเขาก็ได้เปิดบริษัทเป็ของตัวเองพวกเขาก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะให้ฟางจื้อิชื่นชอบพวกเขาคิดว่าไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร พวกเขาก็จะชมไว้ก่อน
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างของฟางจื้อิ พวกเขาก็ตะลึง ฟางจื้อิเล่นกล้ามในหลายเดือนที่ผ่านมากล้ามบนร่างของเขาจึงกำลังโต ตอนนี้บวกกับความเงาของน้ำมันกล้ามเนื้อจึงเห็นได้ชัดลายเส้นของกล้ามหน้าอกที่ใหญ่และมีซิกแพคที่สะดุดตาจนสามารถเทียบได้กับนักเพาะกายบนปกนิตยสาร