เจี้ยชือทอดมองชิงอี และคนอื่นๆ ในกรงอย่างเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะหันไปหาพระอาจารย์อ้วนข้างๆ และกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า
“ศิษย์น้อง เ้าดูออกหรือไม่ว่าปีศาจร้ายในพระวรกายองค์หญิงคืออะไร?”
ตาตี่ๆ ของเหลี่ยวทิงมองร่างของชิงอีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ทว่า เขาซ่อนมันไว้เป็อย่างดี ทันทีที่เจี้ยชือหันมา เขาก็รีบกลับไปมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มอีกครั้ง
“ในพระวรกายขององค์หญิงใหญ่คือิญญาแมวที่อยู่มาร้อยปี อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เพราะมีจิตชั่วร้ายเป็ทุนเดิมสิ่งสกปรกเ่าั้ก็ไม่กล้ำกรายเช่นนี้ จากรูปการณ์แล้ว เกรงว่าคงทรงสมัครใจเชื่อมโยงกับิญญาร้ายเอง”
“ิญญาแมว? หรือว่าจะเป็เ้าตัวนั้น?” เจี้ยชือชี้ไปที่เ้าแมวอ้วน
เจี้ยชือพยักหน้า พอมองเ้าแมวอ้วน ความกลัวก็พาดผ่านดวงตาของเขา
ภิกษุหลายรูปที่อยู่ใกล้ๆ อุทานว่า “ก่อนหน้านี้เรามัดเ้าแมวอ้วนไว้แล้ว เหตุใดเชือกบนตัวมันถึงหลุดออกมาได้ล่ะ!”
“ไม่ใช่แค่มัน เ้าดูองครักษ์พวกนั้นสิ...”
เหล่าภิกษุกระซิบกระซาบ แววตาหวาดหวั่นและตื่นตระหนก
ชิงอีกระตุกยิ้ม พลางกลอกตามองบน
สมองนั่นมีไว้แค่ให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างไร? ไม่เห็นหรือไรว่านางกับเซียวเจวี๋ยต่างก็มีมือมีเท้า? จะแก้เชือกที่พวกเขามัดไว้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายตาของเ้าแมวอ้วนที่มองไปเลย ฮึ เ้าพวกโง่เขลา
“เ้าดูสายตาเ้าแมวตัวนั้นสิ คงร้ายกาจอยู่ไม่น้อย!”
“เ้าอาวาส! รีบกำจัดปีศาจตัวนั้นเถอะขอรับ อย่าปล่อยให้มันทำอันตรายต่อโลกมนุษย์ได้!”
เจี้ยชือพยักหน้า และสั่งให้คนไปเปิดประตูคุก จากนั้นก็จับเ้าแมวอ้วนออกมา
ชิงอีเฝ้าดูภิกษุสองรูปที่ย่างกรายเข้ามา โดยนางยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเหมือนเดิม
“ไม่ได้!” ทันใดนั้น เหลี่ยวทิงก็มาหยุดไว้ “แมวตัวนี้มีวิชาขั้นสูง ส่วนเซ่อเจิ้งอ๋องก็มีฝีมือด้านวิทยายุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ฉะนั้น การบุ่มบ่ามเปิดประตูคุกเช่นนี้ คงไม่ใช่การณ์ดีสำหรับพวกเราเป็แน่”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ภิกษุทั้งสองก็หยุดทันใด
ชิงอีร้องชิ อีกนิดก็เกือบจะได้ออกไปได้แล้ว เ้าอ้วนนี่ รู้ตัวไวเสียจริง
“เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี?” เจี๋ยชือขมวดคิ้ว “หากไม่เข้าไปจับแมวตัวนี้ เช่นนั้นเราจะจัดการกับสิ่งชั่วร้ายได้อย่างไร!”
“ง่ายมาก ศิษย์น้องจะอัญเชิญพญามัจจุราชน้องสาวให้มาปกปักรักษา แล้วิญญาแมวนี่จะต้องจนมุมอย่างแน่นอน!”
สิ้นคำพูดของเหลี่ยวทิง ภิกษุรูปอื่นๆ ก็มองเขาด้วยความเลื่อมใส
เขายังไม่ทันจะได้ลงมือ เสียงหวานก็ดังขึ้นอย่างเหลืออด
“เ้าพวกโง่สมองลีบแบน สิ่งชั่วร้ายที่แท้จริงก็อยู่ข้างกายแท้ๆ ยังจะบูชาเขาดั่งเทพเ้าอีก สมองของพวกเ้าถูกโกนทิ้งไปพร้อมผมหรือไง?”
เหล่าภิกษุต่างมีสีหน้าบิดเบี้ยว องค์หญิงที่ทรงข้องแวะกับปีศาจร้ายเช่นนี้ ยังมีหน้ามาตำหนิพวกเขาอีกหรือ?
“องค์หญิง อาตมาอยากจะแนะนำให้ท่านทำไปตามขั้นตอนกฎระเบียบไปก่อน นอกจากปีศาจร้ายตัวนี้แล้ว อาตมาจะรายงานเื่นี้ต่อราชสำนักอย่างแน่นอน จนกว่าจะถึงเวลานั้น ท่านอย่าสร้างเื่จะดีกว่า มิฉะนั้น ท่านก็อย่ามาโทษที่อาตมาหยาบคายกับท่านก็แล้วกัน!” เจี้ยชือพูดด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด
ชิงอีเหยียดยิ้มดูแคลน “เช่นนี้ ข้าต้องขอบคุณพวกเ้าที่ยั้งมือตอนอยู่หลังูเาหรือไม่? เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านคิดว่าอย่างไร?”
เซียวเจวี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ชิงอีมองเจี้ยชือและคนอื่นๆ อย่างไม่แยแส
“เ้าอาวาสวัดที่โง่เง่าเช่นนี้ ช่างน่าขันเสียจริง”
แววตาของเจี๋ยชือล้ำลึก “ดูเหมือนเซ่อเจิ้งอ๋องทรงถูกครอบงำด้วยปีศาจร้ายโดยสมบูรณ์ ฮึ อาตมาไม่ต่อล้อต่อเถียงกับพวกท่านหรอก นอกจากปีศาจร้ายแล้ว เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านควรจะขอบคุณอาตมาที่ช่วยชีวิตท่านไว้นะ”
เฮอะ เ้าโง่นี่!
ชิงอีเกียจคร้านเกินกว่าจะโต้เถียงกับเขาด้วยเื่ไร้สาระ นางเบือนหน้าไปอีกทาง “เ้าเณรน้อย เ้าจะแกล้งตายไปถึงเมื่อไรกัน?”
ในห้องขังอีกห้อง หยวนเป่าเงยหน้าอย่างงกๆ เงิ่นๆ ทั้งยังสั่นไปทั้งตัว
หางตาของเหลี่ยวทิงกระตุกขึ้นทันใด
“เ้า เ้าอาวาส...” หยวนเป่าพูดเสียงเครือ พลางเหลือบมองเหลี่ยวทิงอย่างหวาดกลัวเป็ครั้งคราว
“หยวนเป่า อาการป่วยของเ้าหายแล้วหรือ?” เจี้ยชือประหลาดใจเป็อย่างมาก
หยวนเป่าะโตอบทันที “เ้าอาวาส เหลี่ยวทิงที่อยู่ข้างๆ ท่านคือปีศาจ! เขากับวั่งจีเป็ตัวปลอม ท่านรีบออกห่างจากเขาเถอะขอรับ!”
สีหน้าของเจี้ยชือเปลี่ยนไป และหันไปมองวั่งจีกับเหลี่ยวทิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยความตกตะลึง
“หยวนเป่า เ้าพูดอะไรไร้สาระ!”
“นั่นสิ เ้าคงไม่ได้ถูกิญญาแมวเหมือนกันใช่หรือไม่ ปรมาจารย์เหลี่ยวทิงจะไปเป็ปีศาจได้อย่างไรกัน!”
“ศิษย์พี่ หยวนเป่าสูญเสียจิติญญาไป ตอนนี้คงถูกมนต์ดำเป็แน่ ถึงได้พูดเื่ไร้สาระเช่นนี้ออกมา!” เหลี่ยวทิงแก้ตัวอย่างร้อนรน
“ข้าไม่ได้เป็อะไรทั้งนั้น!” หยวนเป่าโต้เถียงทันที ด้วยหน้าที่แดงแจ๋ “ก็เห็นๆ อยู่ วันนั้นข้าบังเอิญไปเห็นท่านสั่งให้หนูปีศาจไปกินคน ท่าน้าฆ่าปิดปากข้า! ถ้าไม่ใช่เพราะศิษย์พี่บังเอิญผ่านมา ข้าคงโดนท่านฆ่าตายไปนานแล้ว! แล้วคนอื่นๆ ในคุกนี่ พวกเขาก็ไม่เคยป่วยแต่เป็เพราะท่านเอาิญญาของพวกเขาไป ถึงกลายเป็แบบนี้ไงล่ะ!”
แววตาของเหลี่ยวทิงที่มองมายังหยวนเป่านั้นชั่วร้ายระคนสนเท่ห์ เห็นได้ชัดว่าิญญาของเด็กนี่ถูกเขา่ชิงไปแล้ว เหตุใดิญญาถึงกลับเข้าร่างได้?
“ศิษย์พี่เหลี่ยวทิงไม่ต้องไปฟังเื่ไร้สาระนั่นนะขอรับ เห็นได้ชัดว่าหยวนเป่าผู้นี้ที่ดูฉลาดหลักแหลมยังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับพวกเขา สิ่งที่พูดมานั้นไม่อาจเชื่อถือได้” วั่งจีตัวปลอมโพล่งออกมา “หลายปีมานี้ ศิษย์พี่เหลี่ยวทิงทำหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อวัดตงหวาและชาวบ้านด้วยความเมตตา บนโลกนี้จะมีปีศาจที่ไหนทำความดีเช่นนี้กัน?”
“ศิษย์น้องวั่งจีกล่าวได้ถูกต้อง ศิษย์พี่ ท่านก็อย่าถูกหลอกด้วยคำพูดของปีศาจนะขอรับ”
“ศิษย์น้องทั้งสองไม่ต้องกังวล ข้าจะไปเชื่อเื่ไร้สาระเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” เจี้ยชือส่ายหน้า โดยยังเชื่อคนทั้งคู่
ชิงอีส่ายหัว ไม่มีวิธีแก้ความโง่เขลาจริงๆ สินะ
สีหน้าของหยวนเป่าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาพุ่งไปข้างหน้า พร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้ชิงอี ทว่า เมื่อเห็นท่าทางของนางที่โบกมือปฏิเสธ จึงกลับไปนั่งลงที่เดิม
นางกวักมือเรียกเ้าแมวอ้วนให้มาหา ก่อนจะอุ้มมันไว้ในอ้อมแขน
“เ้าจะอัญเชิญสิ่งที่เรียกว่าผู้พิทักษ์แห่งปรโลกนั่นมาใช่ไหม? เช่นนั้นข้าก็อยากดูเสียหน่อย ว่าผีแบบไหนที่เ้าจะเชิญออกมา”
แววตาของเหลี่ยวทิงซ่อนความโเี้เอาไว้ แล้วเขาก็หยิบรูปปั้นหินของพญามัจจุราชน้องสาวออกจากแขนเสื้อ พนมมือพลางบริกรรมคาถา
“ขออัญเชิญผู้พิทักษ์ชิงอีแห่งมันดาลาเปลวเพลิงปกคลุมนภาลงมาปกปักรักษาโลกมนุษย์!”
อุณหภูมิภายในคุกใต้ดินลดลงฉับพลัน ทุกคนมองเห็นด้วยตาเปล่าเต็มสองตาว่ามีกลุ่มเงาสีดำผุดออกมาจากพื้นมารวมตัวกันเป็ร่างมนุษย์
คนผู้นี้แต่งกายด้วยเครื่องแบบผู้พิพากษาสีแดง ร่างผอมบางราวกับแผ่นไม้ โดยมีใบหน้าแหลมคล้ายหนู แถมหน้ายังขาวซีดราวกับกระดาษ รวมๆ แล้วดูคล้ายกับหนูตัวใหญ่ที่มีใบหน้าเป็มนุษย์
“คารวะท่านผู้พิพากษา!” เหลี่ยวทิงทำความเคารพอย่างนอบน้อม
เจี้ยชือและคนอื่นๆ ต่างมีท่าทีเคารพศรัทธา
“ใจกล้านักเ้ามนุษย์ มีเื่อันใดถึงได้อัญเชิญข้ามายังโลกมนุษย์?” เพียงแค่เอ่ยบอกก็สังเกตได้ว่าการขยับปากของผู้พิพากษานั้นดูแปลกยิ่งนัก แต่เหล่าภิกษุไม่กล้ามองหน้าเขา เพราะเกรงว่าจะทำให้เขาขุ่นเคือง จึงไม่รับรู้ถึงความผิดปกตินี้
หากมองดูดีๆ แล้วจะรู้ว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากปากของเขา แต่มาจากเหลี่ยวทิงที่อยู่ข้างๆ ต่างหาก
พากย์เสียงชัดๆ!
เมื่อน้ำเสียงคลุมเครืออย่างคาดเดาไม่ได้ดังขึ้นในคุกใต้ดิน ทุกคนต่างกลั้นหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมา
เถาเซียงและคนอื่นๆ มองผู้พิพากษาด้วยความใจนพูดไม่ออก นี่ นี่คือผู้พิพากษาในปรโลกจริงๆ หรือ?!
ราชินีชิงอีตัวจริงนั่งมองอย่างประจักษ์แก่ใจ โอ้โห ช่างเป็หนูอวบอ้วนในชุดมนุษย์เสียจริง!
เ้าแมวอ้วนกางอุ้งเท้า จนเล็บโผล่ออกมา
เหมียว! กล้าดีอย่างไร ถึงเอาสิ่งน่าเกลียดเช่นนี้ มาปลอมเป็ผู้พิพากษาชุดแดงกัน?!