ตอนที่ท่านฉางไท่ยังเด็ก เขาใช้เวลาฝึกฝน 10 เดือนเต็มๆ ถึงสามารถผ่าได้สูงสุด 3 มีด แต่หลังจากนั้นแล้วไม่ว่าเขาจะพยายามฝึกฝนสักเท่าไร เขาก็ไม่สามารถเอาชนะสถิตินี้ของตัวเองได้ ดังนั้น สุดท้ายเขาจึงถูกบังคับกลายๆ ให้ล้มเลิกการฝึกนี้ไป แต่การลงมีดของหลินเยว่ในครั้งนี้กลับ “รวดเร็ว แม่นยำ รุนแรง” มากกว่าประสบการณ์ที่เขาเคยพบเห็นมาเสียอีก
นี่ต้องเป็การลงมีดที่ไร้เทียมทานจริงๆ
ดูเหมือนว่าหลินเยว่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของคนรอบๆ ตัวเลย หรือบางทีเขาอาจจะรับรู้ได้ แต่ทว่าไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด จิตใจของเขา ดวงตาของเขาล้วนจดจ่ออยู่ที่มีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บและธูป 9 ดอกที่ยังหลงเหลืออยู่
หลินเยว่หมุนตัวเดินก้าวไปยังด้านข้างหนึ่งก้าว และเบื้องหน้าของเขาก็มีเก้าอี้ที่ใช้สำหรับปักธูปให้อยู่กับที่ตัวหนึ่งตั้งอยู่ ขณะที่ทุกคนต่างเข้าใจว่าเขาจะเดินชนเก้าอี้ตัวนั้น แต่หลินเยว่กลับหมุนตัวเดินไปด้านข้าง แล้วเดินอ้อมเก้าอี้ตัวนั้นไป
การกระทำของหลินเยว่ทำให้ท่านเฮ่อฉางเหอ เฮ่อหลันเยว่ และหลี่ชิงเมิ่งมองไปทางท่านฉางไท่อย่างข้องใจ พวกเขาสงสัยว่าผ้าสีดำที่ใช้ปิดตาของหลินเยว่นั้นเป็เพียงผ้าโปร่งใสหรือเปล่า ท่านฉางไท่ได้แต่ยิ้มอย่างลำบากใจเป็การตอบกลับสายตาของทั้งสามคนนี้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวหลินเยว่ไม่ได้เป็ความแปลกประหลาด แต่การกระทำของหลินเยว่นั้นเหนือความคาดหมายของทุกคนเท่านั้นเอง
หลินเยว่เดินไปยังเบื้องหน้าของธูปดอกที่ 2 จังหวะที่เขาหยุดนิ่งนั้น เขาพลันลงมีดอย่างทันที ใบมีดแหลมคมเป็ประกายหนาวเย็นตัดผ่านจุดสว่างสีแดงลงไป แสงสีแดงพลันหายวับไปกับตา ให้ความรู้สึกราวกับว่าประกายความหนาวเย็นเป็ตัวนำพาแสงสว่างสีแดงจากไปเลยทีเดียว
ธูปดอกที่ 2 ผ่าถูกตรงกลางแล้ว!
เมื่อผ่าธูปดอกที่ 2 แล้วหลินเยว่กลับไม่ได้หยุดชะงัก ประกายความเย็นเฉียบเกิดขึ้นอีกเป็ครั้งที่ 3 และก็ถูกผ่าลงมา
จุดสีแดงพลันหายไป!
ธูปดอกที่ 3 ผ่าถูกตรงกลาง!
ความรู้สึกของท่านฉางไท่ในตอนนี้เริ่มเกิดการคาดหวัง การลงมีดครั้งที่ 4 ยังจะผ่าถูกอีกหรือไม่? เขาและอาจารย์ของเขาล้วนหยุดอยู่ที่การลงมีดครั้งที่ 3 และพวกเขาก็ไม่สามารถพัฒนาต่อได้มากกว่านี้อีกเลย และเขาก็ได้ยินจากอาจารย์ของเขาอีกทีว่าอาจารย์ของอาจารย์ก็หยุดอยู่ตรงมีดที่ 3 เช่นกัน
หลินเยว่จะผ่าถูกในครั้งที่ 4 ได้หรือไม่?
ท่านฉางไท่รู้สึกว่ามือของตนเองกำลังสั่นเพราะความตื่นเต้น ความจริงเขาอยากให้ตนเองใจเย็นๆ แต่ยิ่งคิดเช่นนี้ มือของเขากลับสั่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เขาจึงเลิกสนใจมือของตนเอง แล้วเพิ่มความสนใจไปกับการจับจ้องที่หลินเยว่
แต่ทว่าท่านเฮ่อฉางเหอ เฮ่อหลันเยว่ และหลี่ชิงเมิ่งกลับไม่ได้มีอารมณ์ร่วมในจุดนี้มากนัก พวกเขาคิดเพียงว่ามีดในมือของหลินเยว่ช่างมหัศจรรย์จริงๆ เพียงวาดมือลงก็สามารถผ่าธูปขนาดเล็กมากให้ดับไป
หลินเยว่ขยับตัวเดินไปยังเบื้องหน้าของธูปดอกที่ 4
เขาไม่มีการหยุดชะงัก การเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความลื่นไหล การลงมีดครั้งที่ 4 ผ่าลงมา!
ธูปดอกที่ 4 ดับไป!
ผ่าถูกอีกครั้ง!!!
ท่านฉางไท่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตนเองในขณะนี้ได้เลย สถิติที่คนหลายยุคหลายสมัยไม่สามารถทำลายได้ แต่กลับถูกเด็กหนุ่มเบื้องหน้าทำได้สำเร็จ การผ่าได้ 3 ครั้งที่เป็ฝันร้ายที่กดทับอยู่บนตัวของเหล่าปรมาจารย์แห่งการแกะสลักมาหลายชั่วอายุคนก็สามารถผ่านพ้นไปได้ในวันนี้ และก็เป็ผลงานของเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้นี่เอง
ท่านฉางไท่มองหลินเยว่ด้วยดวงตาเป็ประกาย ในใจของท่านมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือ เขาต้องรับหลินเยว่ไว้เป็ลูกศิษย์
ผมต้องรับเขาไว้เป็ลูกศิษย์!
ต้องรับอย่างแน่นอน!!!
หลินเยว่เดินไปทางธูปดอกที่ 5 เขาไม่มีการหยุดชะงักเหมือนเช่นเคย และผ่ามีดลงมา
ธูปดอกที่ 5 ดับลง!
5 ดอกแล้ว!
เด็กหนุ่มผู้นี้จะสามารถผ่าได้กี่ดอกกันนะ?
ท่านฉางไท่เกิดความคาดหวังอย่างไม่เคยเป็มาก่อน จิตใจอันสงบนิ่งหนักแน่นที่เกิดมาจากการใช้เวลาแกะสลักมาอย่างยาวนาน บัดนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้เขาถูกหลินเยว่ดึงดูดความสนใจไปจนหมดสิ้น
ณ เวลานี้ ตัวหลินเยว่เองสามารถดึงดูดความสนใจจากท่านฉางไท่ได้มากกว่ามีดในมือของเขาเสียอีก
ท่านเฮ่อฉางเหอเริ่มสังเกตเห็นทีท่าของท่านฉางไท่ ในใจของเขาเริ่มเกิดอาการไม่ไว้ใจ ยิ่งหลินเยว่ทำได้ดีมากเท่าไร อีกฝ่ายก็ยิ่งมองด้วยดวงตาเป็ประกายมากเท่านั้น เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่มองหลินเยว่ในตอนนี้ มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายต้องรับหลินเยว่ไว้เป็ลูกศิษย์อย่างแน่นอน แย่แล้วสิ! ท่านเฮ่อฉางเหอมองหลินเยว่ที่มีแต่ความเคร่งขรึมจริงจัง ในใจของเขาอดบ่นออกมาไม่ได้ “ทำไมหลินเยว่ต้องทำผลงานเป็ที่เตะตาขนาดนี้ด้วยล่ะ? ดูสิ เลยได้อาจารย์ฟรีๆ เพิ่มมาอีกหนึ่งคน! ถึงเวลานั้นคุณต้องเหนื่อยแย่แน่ๆ!”
ถึงแม้ว่าท่านฉางไท่จะคิดเช่นนี้ แต่ในใจลึกๆ ของเขายังคงรู้สึกดีใจมากอยู่ดี เพราะการมีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้สักคน คนที่เป็อาจารย์จะไม่รู้สึกดีใจได้อย่างไรล่ะ!
นับั้แ่การลงมีดครั้งที่ 3 เป็ต้นมา ในใจของเฮ่อหลันเยว่ก็จะคอยะโอยู่ในใจตามการลงมีดของหลินเยว่ ครั้งที่ 3! ครั้งที่ 4! ...... สายตาของเธอที่มองหลินเยว่ก็เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
หลังจากผ่าเป็ครั้งที่ 5 กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลินเยว่ก็ขยับเล็กน้อย แต่เดิมบนใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มฝืนๆ ออกมาเล็กน้อย
เขาไม่มีความลังเลใดๆ ขยับตัวอย่างรวดเร็วไปยังเบื้องหน้าของธูปดอกที่ 6 และก็ลงมีดอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ครั้งนี้ ทุกคนต่างอึ้งไปตามๆ กัน ประกายแห่งความหนาวเย็นผ่านไป แต่ไฟที่กำลังเผาไหม้กลับไม่ได้ดับลง!
หรือว่าการสร้างปาฏิหาริย์ของหลินเยว่จะถูกหยุดลงที่การลงมีดครั้งที่ 5 และนี่ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่ท่านฉางไท่ตั้งไว้
จุดแดงๆ ของธูปดอกที่ 6 ยังคงสว่างอยู่ทำให้ท่านฉางไท่ถอนหายใจเล็กน้อย ธูป 10 ดอกต้องผ่าถูก 6 ดอกเป็เพียงเป้าหมายที่เขาพูดออกมาเฉยๆ เจตนาของเขาก็เพื่อสร้างความกดดันให้กับหลินเยว่เท่านั้น เพื่อให้หลินเยว่พยายามเอาชนะตนเอง ตอนนี้เขาสามารถผ่าได้ 5 ดอกก็เกินเป้าหมายที่ท่านฉางไท่คาดหวังไว้ก่อนหน้านี้มาเยอะมากแล้ว เป็การสร้างความสำเร็จในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาไม่ควรที่จะคาดหวังไปมากกว่านี้
ธูปดอกที่ 6 ไม่ได้ดับลง ทำให้ท่านเฮ่อฉางเหอ เฮ่อหลันเยว่ และหลี่ชิงเมิ่งรู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที หากไม่ได้กลัวว่าจะเป็การรบกวนหลินเยว่ พวกเขาคงจะถอนหายใจดังๆ ออกมาแล้วล่ะ
สีหน้าท่าทางของหลินเยว่เริ่มผ่อนคลายลง เขารู้ดีว่าสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กของเขาเริ่มจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว เขาจึงรีบเคลื่อนตัวไปอยู่ตรงหน้าธูปดอกที่ 7 ดอกที่ 8 และดอกที่ 9 หลังจากนั้นจึงผ่าออกมา 3 ครั้งอย่างต่อเนื่องทันที
ธูปทั้ง 3 ดอกสลัวลงเล็กน้อย แต่จุดแดงๆ ยังคงสว่างอยู่
ยังคงผ่าไม่ถูกเหมือนเดิม!
หลังจากผ่าสามมีดนี้แล้ว ร่างกายของหลินเยว่พลันกระตุกขึ้นชั่วขณะ สภาวะจิตสงบนิ่งพลันหายไปทันที และความรู้สึกหมดเรี่ยวแรงพลันถาโถมเข้าสู่ร่างกายของเขา
ดูจากสถานการณ์ มันคงถึงขีดสูงสุดแล้วจริงๆ แต่ทว่าการที่สามารถยืนหยัดได้ถึง 9 ครั้งก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกพอใจเป็อย่างมาก แล้วที่เหลือต่อจากนี้คงต้องให้์เป็ผู้ลิขิตแล้วล่ะ
เนื่องจากไม่ได้อยู่ในสภาวะจิตสงบนิ่ง การรับรู้สภาพรอบๆ ตัวของหลินเยว่ได้หมดไป เขาจึงได้แต่เดินไปยังเบื้องหน้าของธูปดอกที่ 10 อย่างระมัดระวัง ผลปรากฏว่าเขากลับเดินชนเก้าอี้ตัวหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ หากเขาไม่ได้จับผนังเอาไว้ได้ทัน เขาคงล้มลงไปกับพื้นเป็แน่ เขาก็เดินชนเก้าอี้ตัวนี้จนเดินมาถึงเบื้องหน้าของธูปดอกที่ 10 หลินเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มีสภาวะสงบนิ่งเหมือนปกติ แต่เขายังคงพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
และแล้วเขาก็ผ่าลงไปสุดความสามารถ
ผลปรากฏว่าเขาผ่าคลาดเคลื่อนไปไม่ถึง 1 มิลลิเมตร!
หลินเยว่รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่นี่เป็สิ่งที่เขาสามารถทำได้ดีที่สุดแล้ว เขายกมือขึ้นดึงผ้าที่ปิดตาของเขาไว้ออก หลังจากนั้นจึงส่งยิ้มที่แฝงไปด้วยความเสียใจให้กับทุกๆ คน “นี่เป็สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้แล้วครับ”
พูดจบ สีเืบนใบหน้าของเขาพลันหลายไป เหลือเพียงความซีดขาวเท่านั้น เขายกมือขึ้นลากเก้าอี้อย่างลำบาก หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงไป
แต่สิ่งที่ตอบรับคำพูดของหลินเยว่ไม่ใช่การถอนหายใจของทุกๆ คน แต่เป็เสียงปรบมืออย่างกึกก้อง
เสียงปรบมือนี้เป็การยอมรับการกระทำของหลินเยว่ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ได้ดีที่สุด
หลินเยว่ส่งยิ้มอย่างดีใจให้กับพวกเขาทั้ง 4 คน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ หอบอย่างช้าๆ และเริ่มพักผ่อนทันที
ท่านฉางไท่และท่านเฮ่อฉางเหอเดินมายังด้านข้างของหลินเยว่ พวกเขาสังเกตเห็นว่าท่าทางของหลินเยว่ดูไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็ห่วง “หลินเยว่ คุณไม่ได้เป็อะไรนะ?”
ท่านฉางไท่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หากลูกศิษย์แสนรักที่เขาเพิ่งหาเจอเป็อะไรไป แล้วเขาจะสามารถหาลูกศิษย์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้จากที่ไหนอีกล่ะ?
และเวลานี้เอง เฮ่อหลันเยว่ถอดแว่นดำออกแล้วจูงมือของหลี่ชิงเมิ่งพาไปกันไปตรวจสอบว่าธูปทั้ง 10 ดอกเป็อย่างไรบ้าง