“ข้าไม่คู่ควรกับเขาเลย เพราะฉะนั้นข้าต้องเปลี่ยนแปลงให้ดีกว่านี้...ดียิ่งกว่านี้!”
ความคิดนี้เหมือนไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในสมองของแองเจล่าอย่างบ้าคลั่ง
ในใจของสาวงามคนนี้มีแต่ซุนเฟยเพียงคนเดียว นางไม่ทันสังเกตเลยว่าตัวเองเริ่มกลายเป็แบบนี้ไปั้แ่เมื่อไรและคงไม่อยากรู้ด้วย...นางในตอนนี้ไม่คู่ควรกับเขาเลยจริงๆ ความคิดนี้เด่นชัดขึ้นทุกขณะ ในยามที่นางต้องเผชิญหน้ากับซุนเฟย มันทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
น่าเสียดาย แม้ว่าซุนเฟยจะประกาศว่าตัวเองเป็ ‘ผู้เชี่ยวชาญความรักครึ่งก้าว’ แต่ในความเป็จริงนั้น เขากลับไม่รู้ถึงความคิดที่อยู่ในใจของแองเจล่า
อาหารเย็นยังคงดำเนินต่อไป
“โอ้ จริงสิ อเล็กซานเดอร์ องค์หญิงก็สั่งจองชุดกระโปรงที่พระองค์ออกไปสองสามชุด...เอ่อ นางยังเลือก ‘ชุดมีมี่’ อีกหลายชุด...” แองเจล่าไม่รู้ว่า ‘มีมี่’ มีความหมายว่าอะไร แค่รู้สึกว่ามันน่ารักดี จึงกล่าวออกมาอย่างคล่องปาก ดูเป็ธรรมชาติมากๆ
ซุนเฟยพลันสำลักทันที
พระเ้า...จินตนาการได้ถึงสาวงามที่บริสุทธิ์ดุจเซียนดอกไม้ พูดคำว่า ‘มีมี่’ สองคำแบบหน้าไม่เปลี่ยนสีหรือใจเต้นโครมครามเพราะความอายสักนิด? บ้าไปแล้ว ตอนนี้ซุนเฟยอดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองร่างของแองเจล่า มองไปมองมาชักเพลินจนหัวใจเต้นสูบฉีด
“เอ่อ จริงหรือ แล้วองค์หญิงเลือกสีอะไรไปล่ะ?” ซุนเฟยจงใจถามด้วยสีหน้านิ่งๆ
“สีแดง...อ้อ แล้วยังมีสีชมพูกุหลาบด้วย” สาวน้อยเจ็มม่าที่นั่งอยู่อีกด้านเป็คนตอบหลังจากที่นางฟาดอาหารบนโต๊ะจนเรียบ เด็กสาวคนนี้ได้รับความรักจากซุนเฟยและแองเจล่าในฐานะน้องสาวของพวกเขา ซึ่งเจ็มม่าพยายามที่จะมีส่วนร่วมในหัวข้อที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก นางเอียงคอและแย่งตอบ “‘ชุดมีมี่’ ที่องค์หญิงเลือกส่วนใหญ่เป็สีแดง”
อีกครั้งแล้ว
เป็อีกครั้งที่เด็กสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องต้องมาพูดคำว่า ‘มีมี่’ สองคำนี้โดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด ซุนเฟยไอออกมา พยายามไม่ให้แอปเปิลที่ตัวเองเคี้ยวอยู่พ่นออกมา
“อเล็กซานเดอร์ ท่านไม่สบายหรือเ้าคะ?”
เห็นซุนเฟยสำลักจนหน้าคอแดงไปหมด แองเจล่าจึงถามอย่างเป็ห่วง
“เอ่อ...ไม่ ไม่เป็ไร แฮะๆๆ!” ซุนเฟยพยายามบ่ายเบี่ยงเป็เื่อื่นแทน “อากาศวันนี้ดีจริงๆ เลยนะ...”
ท่ามกลางบรรยากาศละมุนละไมที่ทำให้คนรู้สึกหน้าแดงใจสั่น ่อาหารเย็นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่า บรรยากาศนี้มีเพียงซุนเฟยฝ่ายเดียวที่เป็แบบนี้เท่านั้น
พวกข้ารับใช้พากันเก็บจานชาม ส่วนแองเจล่าและเจ็มม่าก็ตัดสินใจจูงมือกันไปเดินย่อยอาหารที่สวนดอกไม้หลังพระราชวัง ไปดูสุนัขสีดำขนาดใหญ่ที่ ‘จำศีลในฤดูใบไม้ร่วง’
สุนัขสีดำตัวนี้ เมื่อสามปีก่อนแองเจล่าเก็บมันได้จากหลังูเาด้านข้างนอก ตอนนั้นมันยังมีขนาดเท่าฝ่ามือน่ารักน่าชัง ใครจะรู้ว่าในเวลาแค่สามปีมันจะพัฒนาร่างกายของมันอย่างบ้าคลั่งจนมีขนาดเท่าลูกวัว ทั้งยังแข็งแกร่งไม่ธรรมดาอีกด้วย แม้ว่าจะดูจากภายนอก เ้าสุนัขดำอาจจะดูไม่ใช่สายพันธุ์ที่ล้ำค่าอะไร และไม่มีอะไรที่แตกต่างไปจากสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ แต่เ้าตัวนี้มีนิสัยแปลกๆ มันจงรักภักดีต่อแองเจล่าและเจ็มม่ามาก แต่ไม่รู้ทำไม สำหรับซุนเฟยที่เป็นายผู้ชายของมัน มันกลับไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไร เห็นหน้าทีไรเป็ต้องแยกเขี้ยวขู่และมีสายตาที่ไม่ใช่สายตาของสุนัข
แต่เมื่อสิบวันก่อน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเ้าสุนัขั์ตัวนี้ จู่ๆ มันก็เกิดอาการหลับลึกขึ้นมา ไม่ว่าจะเรียกอย่างไรหรือปลุกเท่าไรก็ตื่น ทั้งวันไม่กินไม่ดื่ม แองเจล่าเชิญสัตวแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองแซมบอร์ดมาดู แต่สัตวแพทย์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แองเจล่าจึงได้แต่กระวนกระวายใจมาก...
แน่นอนว่า มันมีสาเหตุ
ซุนเฟยไม่ได้บอกคู่หมั้นสาวสวยของตัวเองว่าความจริงแล้วที่เ้าสุนัขตัวนี้อยู่ในสภาพครึ่งเป็ครึ่งตายแบบนี้ เป็เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่เขาทดลอง ‘น้ำยาฮัลค์’ เขาใช้มันเป็หมาทดลอง อาศัยพลังที่แข็งแกร่งของตัวเองงัดปากสุนัขแล้วเทน้ำยาให้มันดื่มไปครึ่งขวด เ้าสุนัขที่หน้าสงสาร แม้ว่ามันจะไม่ได้ตายเพราะความเ็ป แต่คาดว่าด้วยฤทธิ์ของ ‘น้ำยาฮัลค์’ ที่มันดื่ม ทำให้สัญชาตญาณการป้องกันตัวของสัตว์เข้าสู่สภาะจำศีล
เห็นเงาของแองเจล่าและเจ็มม่าหายลับไปที่หน้าประตู ซุนเฟยก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้องโถง
ไม่รู้ว่าทำไม ซุนเฟยจึงนึกถึงองค์หญิงลึกลับของราชอาณาจักรเซนิทคนนั้นขึ้นมา องค์หญิงผู้นี้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ มาถึงเมืองแซมบอร์ดมาหลายสิบวันแล้วแต่กลับไม่คิดที่จะอยากพบซุนเฟยซึ่งาาของอาณาจักรบริวารคนนี้ นางไม่มาพบซุนเฟย ซุนเฟยก็ไม่ไปพบนาง ทั้งสองคนทำตัวเหมือนเด็กที่ดูว่าใครจะมีความอดทนได้มากกว่า ใครมีความอดทนได้นานกว่า
“ฮึๆ คิดไม่ถึงว่าจะเลือกชุดชั้นในสีแดง ดูเหมือนว่าองค์หญิงองค์นี้จะไม่ใช่คนน่าเบื่อเท่าไร ฮ่าๆๆๆ!”
ซุนเฟยหัวเราะอย่างไม่อาย
ในขณะที่องค์าาอยู่ในอาการเบิกบานเต็มที่จนไม่ทันสังเกตว่า พฤติกรรมที่ ‘น่ากลัว’ ของเขา กำลังทำให้ข้ารับใช้ที่กำลังทำความสะอาดห้องโถงพากันตื่นใและมีอาการขนลุก
“ฝ่าา นักบวชแมซโซลาและอัศวินลูเซียโนมาขอเข้าเฝ้าขอรับ”
ตอนนั้นเอง ทหารรักษาการณ์ก็วิ่งเข้ามารายงาน
ซุนเฟยจำได้ว่าทหารรักษาการณ์คนนี้เป็หนึ่งในนักรบผู้กล้าหาญทั้งยี่สิบสามคนบนสะพาน ชื่อว่ามิชาเอล บัลลัค ดูจากรูปลักษณ์ก็รู้เลยว่าชายคนนี้เป็คนที่ซื่อสัตย์และมีความยุติธรรม หน้าเหลี่ยม ผมหยิกสีดำ ตาโตดูมีชีวิตชีวา ทำให้คนน่าเชื่อถือมาก
ซุนเฟยมาถึงทางเข้าห้องโถงใหญ่ของราชวัง ก็เห็นนักบวชแมซโซลาและอัศวินลูเซียโนกำลังรออยู่ที่หน้าห้องโถงอย่างสุภาพ ด้านหลังทั้งสองคนยังมีอัศวินข้าราชบริพารตามมาอย่างเป็ระเบียบพร้อมทั้งกำลังยกหีบขนาดใหญ่
เมื่อเห็นซุนเฟยมาถึง ทั้งสองคนก็ยิ้มประจบ แต่ซุนเฟยกลับไม่ทักทายอะไร ซ้ำยังแค่นเสียงออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ทั้งสองคนหน้าชา สีหน้าดูเก้อเขินเท่านั้น แต่ไม่กล้าแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา พวกเขารออยู่ตรงหน้าประตูห้องโถงอย่างเรียบร้อย
สักพัก ยามรักษาการณ์จึงพูดออกมาว่า “องค์าาอเล็กซานเดอร์เชิญทั้งสองเข้าเฝ้า”
ทั้งสองคนมีสีหน้าดีอกดีใจรีบเดินเข้าไปด้านใน โดยบอกใบ้ให้อัศวินข้าราชบริพารด้านหลังยกหีบพวกนั้นเข้ามา เมื่อเข้าสู่ทางเดินห้องโถงพวกเขาก็กังวลเกี่ยวกับเท้าของพวกเขากลัวว่าจะสร้างเสียงดังรบกวนซุนเฟย พวกเขาพยายามสงบใจ ขณะที่เดินไปที่ใต้บัลลังก์ที่ล้อมรอบไปด้วยปีศาจสิงโต พวกเขาคำนับก่อนจะพูดว่า “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่...แมซโซลาและลูเซียโนขอพบนายท่าน”
“พวกเ้ามาหาข้าทำไม?”
ซุนเฟยนั่งอยู่บนบัลลังมองมาที่ทั้งสองคน ไม่มีท่าทีปฏิเสธหรือยอมรับสำหรับคำเรียกขานว่า ‘นายท่าน’ แต่แมซโซลาและลูเซียโนที่ได้ยินคำถามดังกล่าวกลับคิดว่าซุนเฟยยอมรับสถานะที่ปิดบังไว้ของตัวเอง ในใจก็ยิ่งมั่นใจกับการคาดการณ์ของตัวเอง จึงรีบตอบอย่างประจบว่า “พวกเราทั้งสองคนเพิ่งทราบสถานะที่แท้จริงของนายท่าน พวกเราต่างชื่นชมเอกลักษณ์และการกระทำของนายท่านมาก ดังนั้น เมื่อเราจัดการโบสถ์จนเป็ระเบียบแล้วจึงรีบมาพบนายท่านอย่างเป็ทางการเพื่อมาฟังการสั่งสอนของนายท่าน”
พูดจบแมซโซลาส่งสัญญาณให้พวกอัศวินข้าราชบริพารเปิดหีบเหล็กทั้งสองหีบ ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างสดใสถึงหกสีกระจายออกมาจากด้านใน ท่ามกลางแสงสว่างนี้ ยังแฝงไปด้วยคลื่นพลังเวทจางๆ ทำให้ซุนเฟยรู้สึกแปลกใจเหมือนเดจาวู
“นอกจากหินเวทมนตร์ทุกธาตุเหล่านี้แล้ว ยังมีม้วนคัมภีร์เวทมนตร์ไม่กี่ม้วนอยู่ด้วย เป็ตัวแทนจิตใจที่จะแสดงความเคารพของข้าและลูเซียโนที่มีต่อนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ หวังว่านายท่านจะชื่นชอบ” แมซโซลาบอกให้อัศวินข้าราชบริพารยกหีบเหล็กขั้นไปวางที่ขั้นบันไดใต้บัลลังก์พลางพูดประจบ
ซุนเฟยไม่พูดอะไร
เขาเดินไปที่หีบเหล็กกล่องแรก กวาดสายตามอง ด้านในบรรจุด้วยหินรูปร่างแปลกๆ ไม่ว่าจะ สีแดง สีเหลือง สีฟ้า สีขาว มีทุกสี ส่องแสงประกายนุ่มนวล ที่น่าแปลกใจก็คือหินแต่ละก้อนด้านในนั้นปลดปล่อยคลื่นเวทมนตร์จางๆ ออกมา บ้างก็นุ่มนวล บ้างก็เย็นะเื บ้างก็ร้อนระอุ บ้างก็หนักแน่น กลิ่นอายเวทมนตร์ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่เปล่งแสงหลากสีออกมาอย่างต่อเนื่องในกลางอากาศ
ซุนเฟยยื่นมือออกไปคว้าก้อนหินเวทมนตร์มาถือไว้ในมือพลางขมวดคิ้ว
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพราะแมซโซลาเรียกพวกมันว่าก้อนหินเวทมนตร์ ซุนเฟยเห็นว่ามันเหมือนกับ ‘เกล็ดอัญมณี’ ในโลก Diablo ไม่ใช่แค่รูปร่างเท่านั้น แม้กระทั้งกลิ่นอายเวทมนตร์จางๆ ที่ปกคลุมบนตัวหินก็ยังเหมือนกันอีก ซุนเฟยมั่นใจว่ามันเป็สิ่งเดียวกันแน่นอน
แต่สิ่งของในโลก Diablo ทำไมถึงได้มาปรากฏในโลกแห่งความจริงได้ล่ะ? และดูจากความหมายของแมซโซลาและลูเซียโน ก้อนหินเวทมนตร์นี้จะต้องเป็ของล้ำค่า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่หายากอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั่นสองคนนี้คงไม่ใส่มาเต็มหีบใหญ่ขนาดนี้หรอก
ในมือของซุนเฟยโยน ‘เกล็ดอัญมณีสีเขียว’ ใส่ในหีบเหล็ก ก่อนจะมองไปอีกหีบ
หีบที่สองไม่ได้มีเพียงเห็นหินเวทมนตร์ แต่ยังมีม้วนคัมภีร์ซึ่งมัดด้วยด้ายสีทองอยู่ประมานหลายสิบม้วน ทุกม้วนจะมีสีที่ไม่เหมือนกัน แม้จะไม่ได้รู้สึกถึงพลังเวทมนตร์ แต่สัญลักษณ์เวทมนตร์ที่แกะสลักอยู่ด้านในอย่างหนาแน่นเดี๋ยวกะพริบเดี๋ยววูบดับ แม้ว่าจำนวนของม้วนคัมภีร์จะมีไม่กี่สิบม้วน แต่แมซโซลาเ้างูหางกระดิ่งจอมเ้าเล่ห์กลับนำมาบรรจุใส่หีบเหล็กมาถวาย เห็นชัดได้ว่ามูลค่าของม้วนคัมภีร์สิบกว่าม้วนนี้อาจมีค่าเทียบเท่ากับก้อนหินเวทมนตร์ แต่ที่น่าเสียดายคือ แม้ว่าก่อนหน้านี้ซุนเฟยจะเคยอ่านผ่านๆ ในหอสมุดหลวงของเมืองแซมบอร์ด แต่สายอาชีพนักเวทของแผ่นดินอาเซรอท ซุนเฟยก็ไม่ได้มีความเข้าใจมากนัก ทำให้เขามองไม่เห็นถึงเวทมนตร์บนคัมภีร์ว่าเป็ระดับอะไร และก็ไม่รู้จักตัวอักษรเวทมนตร์พวกนั้นด้วย เขาหยิบม้วนคัมภีร์สิบกว่าม้วนนั้นขึ้นมาดูก็อ่านไม่ออก
“ของพวกนี้ ข้าจะรับไว้”
ซุนเฟยไม่มีความเกรงใจสักนิดสำหรับของขวัญล้ำค่าที่มาส่งมอบให้ถึงที่ ก็นะ มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธด้วยล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น ก็เป็แมซโซลาและลูเซียโนที่เป็คนของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ชั่วร้ายส่งของขวัญมาให้ ในเมื่อมีโอกาสรีดไถทั้งสองคน ซุนเฟยจึงไม่รู้สึกผิดสักนิด
“อ่า เยี่ยมมาก เพียงแค่นายท่านชื่นชอบย่อมเป็เื่ดี...เื่ดี!”
ได้ยินซุนเฟยยอมรับของขวัญก็ทำให้ทั้งสองคนพลันโล่งอก ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี นี่สามารถอธิบายได้ว่า ‘บุตรคนโปรดของพระเ้า’ ตรงหน้าคนนี้พอใจกับการแสดงความเคารพของตัวเองและเริ่มมีทัศนคติที่ดีขึ้น นี่เป็สัญญาณที่ดี หลังจากนี้ก็แค่พยายามอีกนิดหน่อยก็สามารถเอาชนะใจนายท่านคนนี้แล้วได้รับความโปรดปราน
“ยังมีอีกเื่ ข้าอยากรู้ว่าพวกเ้ารู้ได้อย่างไรว่าในการต่อสู้ของเมืองแซมบอร์ดปรากฏเวทมนตร์แห่งความตายที่ชั่วร้ายออกมา?” ซุนเฟยก็พลันถามออกมา “เป็คำสั่งของท่านบิชอปแห่งราชอาณาจักร หรือได้รับข่าวสารจากสำนักงานใหญ่?”
แมซโซล่าและลูเซียโนดูแปลกใจ ทั้งสองคนลอบสบตากัน สุดท้ายเป็แมซโซลาที่ตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “รายงานนายท่าน ความจริงเื่นี้ ข้อมูลไม่ได้มาจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ระหว่างทางที่พวกข้าได้มาถึงเมืองแซมบอร์ดก็บังเอิญพบชายชุดคลุมสีดำลึกลับแปลกๆ คนหนึ่งเป็คนบอกเื่นี้แก่พวกเรา”
------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้