ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดนานเกินไปเมื่อเห็นฮองเฮาอวี่เหวิน ฉู่ชิงและคนอื่นๆ กำลังเดินมาเขาก็ก้าวเข้าไปข้างหน้าและโค้งคำนับให้ฮองเฮาอวี่เหวิน จากนั้นเดินตามฝูงชนไปที่ด้านนอกของสวนร้อยสัตว์
เหนียนยวี่มึนงงสติพร่าเลือน
จ้าวอี้ที่พานางออกจากสวนร้อยสัตว์แล้วดูเหมือนว่าจะมีคนมากมายกำลังรออยู่นอกสวนร้อยสัตว์ ในขณะที่สติเลือนรางนั้นนางได้ยินเสียงเรียกขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอได้ยินถึงความดีใจของเหล่าข้าหลวงคารวะฮองเฮาอวี่เหวินในตำหนักชีอู๋ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างตรงนี้ ก็ค่อยๆ พร่าเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เหนียนยวี่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว
นอกหน้าต่าง เสียงฝนซ่าๆ ที่ตกกระหน่ำลงมาดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นอกจากเสียงฝนก็มีเสียงบรรเลงฉินปะปนเข้ามาไม่ชัดเจนนัก
ทว่าเหนียนยวี่ยังคงฟังออก ว่านั่นคือบทเพลง"หงส์คู่โบยบิน"
และคนที่บรรเลงฉิน...
จ้าวเยี่ยน!
ครั้งสุดท้ายที่ได้ฟังเพลงนี้คือที่ตำหนักขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอเสียงฉินครานั้นสงบเงียบสบายใจ ทว่าเสียงฉินครานี้กลับมีอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะบรรยายออกมาเป็คำพูด
หัวใจของจ้าวเยี่ยนกำลังสูญเสียความสงบนิ่ง!
หึ เขา ‘จ้าวเยี่ยน’ ผู้มีจิตใจแอบซ่อนอยู่เบื้องลึกมาตลอดั้แ่ไหนแต่ไรสามารถอยู่ในความทะเยอทะยานของเขามาเนิ่นนานโดยไม่ถูกสังเกต ยามนี้จิตใจของเขากลับสูญเสียความสงบนิ่งไปแล้วหรือ?
เป็เพราะอะไร?
"ท่านแม่ทัพหลวงเ้าคะน้ำพร้อมแล้วเ้าค่ะ เชิญท่านเลยเ้าค่ะ"
นอกประตูเสียงนางกำนัลคนหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเหนียนยวี่ เหนียนยวี่เบิกตาโพลงตรงหน้ามีฉากกั้นสูงเท่าคนตัวสูงหนึ่งคนบดบังสายตานาง ในยามนี้ร่างกายของนางกำลังแช่อยู่ในถังไม้ น้ำสูงเท่าหน้าอกนางพอดี ร่างกายใต้น้ำเปลือยเปล่า...
เสียงเอี๊ยดของประตูที่ถูกผลักออกและเสียงนางกำนัลก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ั้แ่ที่ท่านอ๋องมู่ทรงสร้างตำหนักไว้นอกวังหลวงพระองค์ก็ไม่ค่อยได้ใช้ตำหนักฉิ่นในวังหลวงเลยเ้าค่ะบางจุดก็ดูแลแขกได้ไม่ทั่วถึง ห้องอาบน้ำหลักคุณหนูยวี่กำลังใช้งานอยู่เ้าค่ะขอเชิญท่านแม่ทัพหลวงมาทางนี้ก่อนนะเ้าค่ะ”
“อืม” เสียงของบุรุษผู้นั้นตอบกลับอย่างราบเรียบเสียงทุ้มต่ำมีพลัง ทำให้จิตใจผู้คนแน่นเกร็งอย่างบรรยายไม่ถูก
"สถานการณ์ของคุณหนูยวี่เป็อย่างไรบ้าง?"
ชั่วขณะหนึ่งเสียงฝีเท้าก้าวเดินตามด้วยเสียงของบุรุษราวกับกำลังใกล้เข้ามาเล็กน้อย
“เรียนท่านแม่ทัพหมอหลวงได้พันแผลให้คุณหนูยวี่เรียบร้อยแล้วเ้าค่ะ ไม่น่าจะเป็ปัญหาร้ายแรงหมอหลวงบอกว่าคุณหนูยวี่ใช้แรงมากเกินไป จึงหมดแรงเล็กน้อยเ้าค่ะทั้งยังตากฝนมาอีก หมอหลวงเขียนเทียบยาสมุนไพรให้แล้วเ้าค่ะให้คุณหนูยวี่แช่ตัวอยู่ในน้ำ ตอนนี้คุณหนูยวี่น่าจะยังคงหลับอยู่เ้าค่ะ”
ชายคนนั้นไม่ตอบรับอะไร ผ่านไปสักพักชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า "เ้าออกไป"
"บ่าว..."สาวใช้ที่กำลังจะถอดชุดให้ฉู่ชิงตกตะลึงไปเล็กน้อย นางมาเพื่อปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่ทัพหลวง...
"ออกไป" ฉู่ชิงพูดขึ้นอีกครั้งคราวนี้น้ำเสียงของเขาดุดันขึ้นเล็กน้อย
นางกำนัลไม่กล้ารีรอ ย่อเข่าโค้งคำนับให้ฉู่ชิงรีบรุดถอยออกไปและปิดประตู
สองห้องคั่นด้วยกำแพง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงน้ำข้างห้องก็ดังขึ้นในหัวของเหนียนยวี่ผุดภาพร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่าของบุรุษผู้นั้นตอนอยู่ในถ้ำเมื่อวานนี้...
"เ้าตื่นแล้ว"เสียงเย็นๆ ดังขึ้น ไม่ใช่แค่การคาดเดา แต่เป็ความมั่นใจ
เหนียนยวี่ใเล็กน้อยเสียงนั้นดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกลจากตัว
"คนผู้นั้นหนีไปแล้วองครักษ์ของข้าหายไปคนหนึ่ง..." ไม่รอให้เหนียนยวี่ตอบเสียงของฉู่ชิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เข้าใจความหมายของเขาเกรงว่าชายคนเมื่อคืนคงจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายสังหารองครักษ์ไปคนหนึ่ง
ในเมื่อชายคนนั้นหนีไปได้เช่นนั้นก็คงไม่มีเบาะแสของเื่นี้แล้ว ส่วนฮองเฮาอวี่เหวิน...
เมื่อนึกถึงท่าทีของฮองเฮาอวี่เหวินที่มีต่อเื่นี้เหนียนยวี่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเื่นี้มีลับลมคมใน นางรู้ชัดเจนว่าเป็ผู้ใดทว่าเหตุใดนางถึงต้องจงใจปกปิดเพื่อคนผู้นั้นด้วย?
"เื่นี้ควรปล่อยมันไปเถิด"
ในที่สุดเหนียนยวี่ก็เอ่ยปาก น้ำเสียงมั่นใจทำให้ฉู่ชิงรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ทว่าไม่นานในดวงตาสีดำขลับคู่นั้นก็ฉาบไปด้วยความเริงร่าชั้นหนึ่ง
สติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของนางเขาคาดไว้ั้แ่แรกแล้ว
“ไม่ผิด ฮองเฮาอวี่เหวินพูดเพียงว่านางเข้าไปในสวนร้อยสัตว์โดยไม่ได้ตั้งใจนางไม่ได้ตรัสถึงเสียงร้องของเด็กหรือเสือ หรือเื่การลอบสังหารอะไรเลยส่วนฮ่องเต้ก็แสดงออกกับข้าอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องสืบสาวเื่นี้” ในดวงตาดำขลับลุ่มลึกของฉู่ชิงประกายที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ยามนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเมื่อคืนดูเหมือนจะเป็เื่ที่ไม่อาจเอ่ยถึงได้ เหนียนยวี่...
“ราชวงศ์นี้แตกต่างจากราชวงศ์อื่นภายใต้อำนาจของฮ่องเต้ เื่อะไรควรพูด เื่อะไรไม่ควรพูด ย่อมช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไม่ระวังคราหนึ่งหรือก้าวพลาดคราหนึ่ง ก็ไม่มีทางได้หวนคืนอีกต่อไปคุณหนูเหนียนยวี่ เ้าเป็สตรีที่ฉลาดเฉลียว ควรจะรู้ว่าต้องจัดการกับเื่เมื่อคืนอย่างไร”น้ำเสียงของฉู่ชิงดูเหมือนธรรมดา ทว่าเหนียนยวี่ยังคงฟังออกถึงความกังวลที่แฝงมา
เหนียนยวี่อดคิดถึงยามที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกไม่ได้คืนนั้นฉู่ชิงตั้งใจขวางนางเพื่อเตือนสติรวมถึงเื่กริชเล่มนั้นที่เกือบจะคร่าชีวิตนางด้วยเมื่อนึกเื่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา "ท่านแม่ทัพช่างฉลาดพูดเสียจริงข้าจำได้ว่าสองเดือนที่แล้ว ท่านแม่ทัพหลวงน่าจะหวังให้ข้าตายสิถึงจะถูกเหตุใดยามนี้ถึงได้มาเป็กังวลกับชีวิตน้อยๆ ของข้าเสียได้"
เหนียนยวี่เข้าใจความหมายของฉู่ชิงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ผู้เป็เ้าของวังหลวงทั้งสองไม่มีผู้ใดอยากให้ใครรู้ แต่บังเอิญว่านางกลับไปทำลายทุกอย่างเข้า
นางเป็บุตรีอนุตัวเล็กจ้อยไร้ซึ่งอำนาจการเข้าไปรู้เื่ที่นางไม่ควรรู้ เกรงว่านี่จะกลับกลายเป็การสร้างปัญหาให้นาง
ทว่าแม้จะรู้เช่นนี้แล้วน้ำเสียงของเหนียนยวี่ยามนี้กลับผ่อนคลายอย่างสุดจะบรรยาย ท่าทางผ่อนคลายนั้น ยิ่งทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาไม่น้อย
แต่...เป็ห่วงหรือ?
ภายใต้หน้ากาก คิ้วของฉู่ชิงขมวดเป็ปมในดวงตาดำขลับลุ่มลึก ไม่เจืออารมณ์ใดๆ แม้แต่น้อย ครู่หนึ่ง คำพูดไม่กี่คำก็ค่อยๆคายออกจากปาก...
"ข้าเองก็จำได้ว่าชีวิตนี้ของคุณหนูยวี่เป็ของข้า"
น้ำเสียงวางท่าอวดโอ่ แสดงความเป็เ้าของ ทำให้เหนียนยวี่ตกตะลึงไปเล็กน้อยต้องมีเื่เข้าใจผิดอะไรแน่ ราวกับว่าตัวนางเป็สมบัติของเขา รู้สึกแปลกประหลาดเหลือจะพรรณนา
ทว่าเขาเป็แม่ทัพหลวงผู้สง่างาม มีอำนาจล้นเหลือจะมาสนใจนางที่เป็แค่บุตรีอนุตัวน้อยๆ ได้อย่างไร?
ความเป็ห่วงที่เขามีให้นาง น่าจะมาจากเื่ที่สู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันเมื่อวานแน่!
“ท่านแม่ทัพโปรดวางใจเถิดเ้าค่ะเหนียนยวี่เห็นคุณค่าชีวิตของตนมากนะเ้าคะ ไม่ยอมเสียไปง่ายๆ แน่ เพราะเช่นนั้นข้าย่อมรู้ว่าควรรับมืออย่างไร รู้ว่าเื่ใดควรเอ่ย เื่ใดไม่ควรเอ่ย"เหนียนยวี่แย้มยิ้ม ได้ยินบทเพลง "หงส์คู่โบยบิน"ที่ยังคงส่งเสียงบรรเลงมาจากทางหน้าต่างดวงตาฉายแววยิ้มแย้มคู่นั้นฉาบไปด้วยม่านหมอกน้ำค้างแข็ง
“มู่อ๋องจ้าวอี้...” เสียงที่ดังออกมาจากอีกฝั่งหยุดชะงัก“ในเมื่อเ้ารู้ถึงอันตรายในวังนี้แล้ว ยังมีบางสิ่งที่เ้าควรหนีไป ถึงแม้คุณหนูยวี่จะไม่สนใจทว่าก็ไม่สามารถไปบังคับขัดขวางความตั้งใจของผู้อื่นได้ ขุนนางเดิมทีไร้ความผิดทว่าเพราะหยกจึงมีความผิด[1]”
คนที่เฉลียวฉลาดเช่นเหนียนยวี่สามารถเข้าใจความหมายของเขาได้อย่างชัดเจน
การกระทำตามอำเภอใจของมู่อ๋องจ้าวอี้เมื่อครู่นี้เมื่ออยู่ในสายตาของผู้อื่น กลับไม่ใช่เื่ที่ดูบริสุทธิ์นัก
เหนียนยวี่พลันเลิกคิ้วขึ้น ยามนึกถึงท่าทีของฮองเฮาอวี่เหวินเกรงว่าผู้คนมากมายคงมองนางเป็มารหัวใจ!
เหนียนยวี่ลอบถอนหายใจเวลาเยื้องย่างผ่านไปได้ครู่หนึ่ง ระหว่างคนสองคนที่มีเพียงผนังขวางกั้นต่างมิมีผู้ใดเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ทว่าในความเงียบสงบนั้นราวกับทั้งสองสื่อถึงกันได้ ต่างคนก็ไม่้าให้สถานการณ์เช่นนี้จบลงเสียงระลอกน้ำในถังไม้ดังเป็ครั้งคราว ทำให้บรรยากาศในยามนี้ยิ่งเจือความงดงาม
[1]ขุนนางเดิมทีไร้ความผิดทว่าเพราะหยกจึงมีความผิด ใช้เปรียบเปรยผู้มีความสามารถ แต่ถูกทำร้ายหรือได้รับอันตราย