คืนเดียวกันนั้น หวังไห่รีบกลับมาจากอำเภอฉางผิง เมื่อพบผู้าุโในตระกูลก็กล่าวด้วยใบหน้าดำคล้ำว่า “ที่เมืองเยี่ยน มีหลายตระกูลเริ่มทำกิจการก่อเตียงเตาแล้ว กิจการก่อเตียงเตาของพวกเราคงทำได้อีกไม่นาน ข้าคิดว่าหมด่ฤดูหนาวนี้ไปคงถูกแย่งชิงเป็แน่”
ผู้าุโในตระกูลถามว่า “เหตุใดคนเมืองเยี่ยนจึงก่อเตียงเตาเป็เล่า?”
“อย่ากล่าวถึงเลย คราวนี้ตระกูลหวังของพวกเราผิดต่อบ้านหลี่แล้วจริงๆ” น้ำเสียงของหวังไห่เต็มไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด “หวังฝูจื้อทำวิธีก่อเตียงเตาหลุดไปถึงผู้ดูแลเจิ้ง ผู้ดูแลเจิ้งก็นำวิธีก่อเตียงเตาไปขายในเมืองทางเหนือ ได้เงินไปมากมายทีเดียว”
ที่แท้เจิ้งโหย่วเลี่ยงผู้นั้นเป็พ่อค้าเร่ รู้จักขุนนางเล็กๆ หลายคน ทั้งยังมีความกล้ามากทีเดียว ไม่ว่าเื่อะไรหากอยู่ในเขตเหนือล้วนกล้าทำทั้งสิ้น คราวนี้ใช้แผนชั่วหลอกเอาวิธีก่อเตียงเตาไป จากนั้นก็นำไปขายให้หลายตระกูลในเมืองเยี่ยน สุดท้ายยังเอาวิธีก่อเตียงเตาไปขายต่อที่เมืองอื่นอีก
เดินทางไปพลางขายวิธีก่อเตียงเตาไปพลาง หนึ่งครอบครัวมอบเงินให้เขายี่สิบตำลึง เมืองหนึ่งขายได้ห้าตระกูล ก็ได้เงินหนึ่งร้อยตำลึง ภาคเหนือมีสิบกว่าเมือง อย่างน้อยก็ทำเงินได้พันตำลึง
วิธีก่อเตียงเตาเป็ของตระกูลหลี่ ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเจิ้งโหย่วเลี่ยงแม้แต่น้อย เป็เพราะหวังฝูจื้อที่ทำให้วิธีก่อเตียงเตาหลุดลอดไปถึงมือของเจิ้งโหย่วเลี่ยงจนกลายเป็ของอีกฝ่ายไป แต่เงินพันตำลึงกลับไม่ไปถึงมือตระกูลหลี่แม้แต่ตำลึงเดียว
พ่อค้าบางคนในอำเภอฉางผิงเป็ญาติกับคนในเมืองเยี่ยน เขาจ่ายเงินยี่สิบตำลึง เพื่อซื้อวิธีการก่อเตียงเตาไปจากเจิ้งโหย่วเลี่ยงพอดี
คนตระกูลหวังไปก่อเตียงเตาให้บ้านของพ่อค้าท่านนี้ พ่อค้าท่านนี้จึงบอกเื่นี้กับคนตระกูลหวัง
คนตระกูลหวังโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก ้าฟ้องร้องเจิ้งโหย่วเลี่ยง ทว่าพ่อค้าคนนั้นกล่าวว่า หาก้าฟ้องร้องก็ต้องเป็ตระกูลหลี่ที่ฟ้องร้องเจิ้งโหย่วเลี่ยงและตระกูลหวังไปพร้อมกัน เนื่องจากคนตระกูลหวังเป็ผู้ทำวิธีก่อเตียงเตาหลุดออกไป นอกจากนี้เจิ้งโหย่วเลี่ยงยังกระทำการได้อย่างดีไม่มีจุดอ่อน ใดๆ พอออกจากเมืองเยี่ยนก็พเนจรไปทุกที่ ต่อให้ฟ้องร้องกว่าจะจับตัวได้ก็ต้องใช้เวลานาน อีกทั้งเขายังมีเื้ัที่แข็งแกร่ง หากขึ้นศาลก็ไม่แน่ว่าจะตัดสินให้เขาผิดได้
ผู้าุโตระกูลหวังทั้งหลายแทบอยากจะตีอกชกหัวตนเอง “ผู้ดูแลเจิ้งชั่วช้าไร้ยางอายจริงๆ แย่งชิงเงินของบ้านหลี่และตระกูลพวกเราไปจนหมดแล้ว”
หวังไห่ยกมือขึ้นกุมหน้าผาก กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ข้ายังจะมีหน้าไปพบคนบ้านหลี่ได้อีกหรือ”
“หากเ้าไม่มีหน้าไปพบ พวกเราก็ยิ่งไม่มีหน้าไปพบแล้ว”
“หลานชาย ตระกูลของพวกเรามีเพียงครอบครัวเ้าที่จะไปพูดคุยกับตระกูลหลี่ได้ เ้าต้องไป”
“กิจการขายเต้าหู้ทำเงินได้มากมายจริงๆ ลองดูเด็กน้อยทั้งสองของบ้านสวี่เถิด เพิ่งจะอายุเท่าไรก็อาศัยการขายเต้าหู้หาเงินได้มากจนซื้อล่อได้แล้ว”
“พวกเราเคยไปถามบ้านหลี่มาแล้ว พวกเขาบอกว่า การขายเต้าหู้จะขายดีที่สุดใน่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาว หากถึงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ที่ดินของแต่ละคนก็จะปลูกพวกผักต่างๆ ทำให้ขายเต้าหู้ได้ไม่ดีเพียงนั้น”
ผู้าุโตระกูลหวังหลายคนผลัดกันพูดโน้มน้าวหวังไห่
“ก่อนหน้านี้พวกเราชดใช้ให้ตระกูลหลี่ด้วยูเาลูกหนึ่งแล้ว แต่ข้าคิดว่าน้อยเกินไป จึงจะมอบที่ดินหนึ่งหมู่ของหวังฝูจื้อและที่ดินสามหมู่ของตระกูลให้แก่บ้านหลี่เพิ่มอีกเพื่อเป็การขอโทษ”
หวังไห่ใคร่ครวญมาระหว่างทางกลับหมู่บ้านแล้ว หากจะทำให้ตระกูลหวังมั่งคั่งร่ำรวยจะต้องพึ่งตระกูลหลี่ หากอยากให้ตระกูลหลี่ปฏิบัติต่อตระกูลหวังเช่นเมื่อก่อน ก็ต้องชดเชยให้อีกฝ่ายจนกว่าจะพอใจ หลี่ซานผู้เป็หัวหน้าตระกูลชอบที่ดินเป็ที่สุด ดังนั้นหากรวบรวมที่ดินแล้วนำไปมอบให้เขาย่อมดีที่สุด
ผู้าุโตระกูลหวังหลายคนคิดว่ามีเหตุผลจึงเห็นด้วย
หากหวังไห่จะใช้ที่ดินของตระกูล ย่อมต้องทำการเปิดประชุมในตระกูลเพื่อแจ้งให้ทุกคนทราบเสียก่อน คืนเดียวกันนั้นทุกครอบครัวในตระกูลหวังจึงส่งคนไปยังบ้านของหวังไห่ครอบครัวละหนึ่งคน
“ผู้ดูแลเจิ้งใช้วิธีชั่วช้าหลอกเอาวิธีการก่อเตียงเตาไปขายที่เมืองแต่ละเมืองในภาคเหนือ ขัดกิจการก่อเตียงเตาของตระกูลเรา ทั้งยังตัดขาดหนทางร่ำรวยของพวกเราและบ้านหลี่อีกด้วย ความแค้นนี้ข้าจดจำไว้ในใจแล้ว วันหน้าหากมีคนในตระกูลเป็ขุนนางและมีอำนาจอิทธิพลเมื่อใด ข้าจะไปคิดบัญชีแค้นนี้กับเขาแน่นอน!”
“ตระกูลเราผิดต่อบ้านหลี่แล้ว ข้าและผู้าุโทั้งหลายปรึกษากันแล้วเห็นตรงกันว่า จะชดใช้ให้บ้านหลี่ด้วยที่ดินสี่หมู่ โดยสามหมู่เป็ที่ดินธรรมดาไม่ต้องใช้เงิน อีกหนึ่งหมู่เป็ที่ดินดีที่หวังฝูจื้อนำมาชดใช้ให้ตระกูล”
ยิ่งหวังไห่พูดมากเท่าใด จิตใจของคนในตระกูลก็ยิ่งดำดิ่งเท่านั้น เดิมทีคนในตระกูลไม่รู้ว่าวิธีการก่อเตียงเตาสามารถนำไปขายเพื่อหาเงินได้เป็พันตำลึง ตอนนี้เมื่อรู้แล้วกลับไม่เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลของตนอีก
บ้านหลี่มอบวิธีก่อเตียงเตาที่มีมูลค่าพันตำลึงให้แก่ตระกูลหวัง เมื่อได้รับมาแล้วคนในตระกูลกลับทรยศ มิน่าเล่าบ้านหลี่จึงไม่ยอมขายเต้าหู้ให้คนตระกูลหวัง แต่ขายให้กับคนตระกูลสวี่แทน ใช้ใจแลกใจ ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดก็คงไม่เชื่อใจตระกูลหวังอีก
หากคนตระกูลหวังอยากซื้อเต้าหู้จากมือของคนบ้านหลี่ ก็ต้องชดเชยจนกว่าบ้านหลี่จะพอใจ
ที่ดินสี่หมู่รวมกันแล้วยังมีมูลค่าไม่ถึงสิบกว่าตำลึงเลย กระทั่งเติมศูนย์เข้าไปก็ยังไม่ถึงพันตำลึงด้วยซ้ำ คนตระกูลหวังในที่นี้ล้วนพยักหน้าเห็นด้วยกับเื่ที่จะมอบที่ดินสี่หมู่เป็ของชดเชยให้กับบ้านหลี่
“ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ข้าค่อยไปที่บ้านหลี่” หวังไห่บอกเลิกประชุม จากนั้นจึงไปพักผ่อนด้วยสีหน้าอ่อนล้า
เฟิงซื่ออดถามไม่ได้ว่า “วิธีการก่อเตียงเตามีค่าพันตำลึงเชียวหรือ”
“ใช่แล้ว พันตำลึงเป็ขั้นต่ำ ผู้ดูแลเจิ้งนำไปขายในเมืองเยี่ยน เพียงขายให้เจ็ดตระกูลก็ได้เงินร้อยสี่สิบตำลึงแล้ว เ้าคิดดูเถิดว่าเมืองในภาคเหนือมีสิบกว่าเมืองเลยทีเดียว” กล่าวจบหวังไห่พลันรู้สึกอยากกระทืบหวังฝูจื้อและหวังลี่ตงให้ตายไปเสียจริงๆ
เฟิงซื่อยกมือกุมอก รับรู้ได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัว กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “หากตอนนั้นพวกเราเอาวิธีการก่อเตียงเตาไปขายเองก็คงดี เงินมากมายเพียงนี้ก็จะเป็ของพวกเราและบ้านหลี่”
“พวกเราไม่มีหนทาง ออกไปจากอำเภอฉางผิงแล้วก็ไม่รู้จักผู้ใด จะนำวิธีไปขายให้ใครเล่า?” น้ำเสียงของหวังไห่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
เฟิงซื่อนอนไม่หลับทั้งคืน หวังไห่ก็มีเื่ในใจจนนอนหลับไม่สนิทเช่นกัน
เช้าวันต่อมา เมื่อคนของครอบครัวหวังฝูจื้อตื่นขึ้น ก็พบว่าบริเวณประตูบ้าน ประตูรั้ว และลานบ้านเต็มไปด้วยอึหลายกอง น่าขยะแขยงอย่างมาก
เมื่อจางซื่อเดินออกจากประตูมาก็เหยียบอึไปกองหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็ผู้ใดหากเจอเช่นนี้ก็ต้องโกรธเป็ธรรมดา นางมิได้เสแสร้งแกล้งทำเป็คนดีอ่อนโยนอีกต่อไป ถึงกับยืนด่าอยู่ที่หน้าประตูว่า “ไอ้ลูกเต่าไร้ยางอาย ไม่ยอมไปขี้ที่ส้วม แต่กลับมาปล่อยที่บ้านข้า คราวหน้าหากข้าเห็นจะถือมีดไปตอนพวกมันเสียให้หมด!”
“หึ... ผู้ใดกันแน่ที่ไร้ยางอาย ทุกคนออกมาดูเร็วเข้า พวกเ้าว่าทั่วทั้งหมู่บ้านหลี่นี้ผู้ใดกันแน่ที่ไร้ยางอาย”
“ทรยศตระกูล ทำวิธีการก่อเตียงเตาหลุดออกไป ทำให้ตระกูลเราและบ้านหลี่ได้เงินน้อยลงพันตำลึง ใครกันแน่ทำเื่ไร้ยางอายเพียงนี้แต่ยังหน้าด้านอยู่ในหมู่บ้านไม่ยอมออกไปเสียที หากเป็ข้าคงออกจากหมู่บ้านไปแล้ว”
“จางซื่อ ครอบครัวเ้ายังมีหน้าอยู่ในหมู่บ้านอีกหรือ เหตุใดยังไม่ไสหัวออกไปอีก?”
“หวังฝูจื้อ จางซื่อ พวกเ้ารีบไสหัวออกไปเสีย อย่าอยู่ขัดตาพวกเราอีก!”
คนตระกูลหวังเจ็ดแปดคนยืนอยู่ตรงประตู พากันชี้หน้าด่าจางซื่อทำให้จางซื่อโกรธเกรี้ยวลึกถึงจิติญญาเลยทีเดียว
ครอบครัวของหวังฝูจื้อไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมของตระกูล จึงยังไม่ทราบว่า ผู้ดูแลเจิ้งนำวิธีก่อเตียงเตาไปขายจนได้เงินมาพันตำลึง ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของคนในตระกูลถึงกับใจนตาค้าง
หมี่ซื่อตื่นตระหนกจนร้องไห้ “ชีวิตข้าช่างขมขื่นจริงๆ ถึงกับแต่งให้ครอบครัวเช่นนี้เชียวหรือ พ่อสามีก็เป็คนโง่งม ฟังแต่คำพูดของแม่สามีโดยไม่คิดอันใด สามีก็เป็พวกโง่งมรู้จักแต่กตัญญู พ่อสามีกล่าวอะไรก็ทำตามนั้น คราวนี้ก่อเื่ใหญ่เพียงนี้แล้ว ต่อให้ขายคนทั้งครอบครัวออกไปก็ยังได้เงินไม่ถึงพันตำลึงเลย”
หวังฝูจื้อแค้นจนปวดไปถึงลำไส้ เขาไม่ควรฟังคำพูดของจางซื่อเลย เขาควรฟังคำเตือนของหวังไห่
หวังไห่เดินอยู่บนถนนในหมู่บ้าน โบกมือให้คนในตระกูลหลีกทางให้ตน ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ฟังคนในตระกูลเล่าเื่บ้านหวังฝูจื้อถูกปาขี้ใส่จริงๆ ตอนนี้ต้องคิดว่าจะไปคุยกับบ้านหลี่อย่างไร
เพียงพริบตาเขาก็มายืนอยู่นอกรั้วของบ้านหลี่แล้ว เขาะโเสียงดังว่า “น้องหลี่ พี่ชายคนนี้แบกหน้าหนาๆ มาหาเ้าแล้ว”
หลี่หรูอี้เดินออกมาจากห้องครัว กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ท่านลุงหวัง ท่านพ่อข้าออกไปขายเต้าหู้ที่ตำบลจินจีแต่เช้าแล้วเ้าค่ะ”
หวังไห่ตบหัวตนเองครั้งหนึ่ง โกรธตัวเองจนแทบสลบ ถึงกับลืมไปว่าหลี่ซานจะออกไปขายของทุกวันใน่เช้าและ่เย็น มีเพียง่กลางวันจึงจะอยู่บ้าน “เช่นนั้นตอนเที่ยงข้าจะมาบ้านเ้าใหม่” หากให้เลือกระหว่างหลี่หรูอี้และหลี่ซาน คุยกับหลี่ซานย่อมง่ายกว่า เช่นนั้นรอเขากลับมาก่อนเถิด
หลี่หรูอี้มองไปยังแผ่นหลังของหวังไห่ แววตาเต็มไปด้วยความเ้าเล่ห์
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้