กากน้ำมันจำนวน 300 ชั่ง ราคาเพียง 9 หยวนเท่านั้น
ธุรกิจที่ใช้ต้นทุนน้อยขนาดนี้ หากเซี่ยเสี่ยวหลานค้นพบได้ไวกว่านี้อีกสักหน่อยก็คงไม่เริ่มจากการค้าไข่เก็งกำไรแล้ว
แต่ถ้าเธอไม่ขายไข่ไก่ จะสามารถทำธุรกิจเป็ขั้นเป็ตอนั้แ่เขตอันชิ่งไปจนถึงเมืองซางตูได้อย่างไรจากนั้นจะได้ค้นพบธุรกิจที่มีกำไรดีแบบนี้ได้อย่างไร? ต้นทุนราว 10 หยวนสามารถทำกำไรได้ถึง 15 หยวน เพียงแต่การบรรทุกกากน้ำมัน 300 ชั่งแล้วขี่จักรยานกลับนั้นกินแรงทีเดียว โชคดีเหลือเกินที่จักรยาน 28 นิ้วในยุค 80 นั้นมีคุณภาพดีไม่เช่นนั้นจักรยานของหลิวหย่งคันนี้ได้ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานใช้จนพังแน่
หากไม่มีเงินทุนและจักรยานที่หลิวหย่งอำนวยให้คอยช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลานไร้ยานพาหนะ ให้อาศัยแค่แรงของเธอแบกไข่ไก่และปลาไหลมาขายถึงเมืองซางตู? นั่นคงเป็รูปแบบการหาเงินในความยากระดับนรกตามความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลาน ถ้าหยิบยกของอย่างกากน้ำมันมาลองคำนวณกันแล้วระดับความยากคงไม่ถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่้าอาศัยสิ่งนี้ทำเงินแค่พวกเขาอาจจะไม่มีรถไว้บรรทุก
หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานซื้อกากน้ำมันได้ก็ดีใจมากในที่สุดไม่ต้องรถเปล่ากลับไป ใช้ประโยชน์จากการเดินทางขาไปขากลับสองรอบ
เมื่อมีธุรกิจระหว่างทางอย่างกากน้ำมันนี้ ทุกรอบขน 300 ชั่ง หนึ่งครั้งได้เงินกำไร 15 หยวน เว้นวันมาเมืองซางตูหนึ่งรอบในหนึ่งเดือนเธอจะสามารถหาเงินเพิ่มได้สักสองสามร้อยหยวนธุรกิจปลาไหลขยับขยายจนได้ลูกค้าใหม่รายใหญ่เพิ่มอีก ต่อไปเวลาเธอเข้าเมืองก็ไม่ต้องนำไข่ไก่ไปด้วยอีกแล้วจดจ่อกับแค่สองสิ่งนี้เท่านั้น หนึ่งเดือนเธอสามารถหาเงินได้เกือบ 600 หยวน ทำธุรกิจจนถึงเดือนพฤศจิกายนเงินทุนสำหรับไปรับเสื้อผ้าขายส่งที่หยางเฉิงก็เพียงพอแล้ว
ขอแค่มีต้นทุน ธุรกิจที่ทำได้ในปี 83 มีอยู่ถมเถไป
เวลาว่างค่อยทบทวนบทเรียนปีหน้าเดือนกรกฎาคมก็ร่วมสอบเกาเข่าประจำปี 84 ได้พอดีนี่เป็เป้าหมายระยะสั้นซึ่งเซี่ยเสี่ยวหลานได้ตั้งไว้ให้กับตนเอง
“ความเร็วในการหาเงินยังช้าเกินไป ถ้าอยากตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อนปีหน้าในมือต้องมีเงินอยู่หนึ่งก้อน”
เซี่ยเสี่ยวหลานบรรทุกสินค้าหนักถึง 300 ชั่ง พักระหว่างทางอยู่หลายครั้ง อาศัยแรงปรารถนาอยากจะขจัดความยากจนและสร้างความร่ำรวยในการประคับประคองให้เธอถีบจักรยานไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติแม้ว่าชาติที่แล้วเธอก็เป็นักศึกษามหาวิทยาลัย แต่ไม่รู้ว่าข้อสอบเกาเข่าในปี 84 จะยากมากแค่ไหน ความรู้เ่าั้ที่เคยศึกษามาเธอยังจำได้เท่าไรเพื่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง จำเป็ต้องก้มหน้าก้มตาทบทวนหนังสืออย่างหนักหลายเดือนแน่นอนถึงตอนนั้นก็ต้องเอาธุรกิจในมือวางไว้ชั่วคราวก่อน จึงทำให้ไม่มีรายได้เธอต้องมีเงินสะสมสักก้อนไว้คอยยังชีพเป็เวลาครึ่งปี
ตอนนี้ยังมีอะไรที่ทำเงินได้อีกบ้าง?
ธุรกิจยาสูบเธอทำได้เพียงเฝ้ามองด้วยความห่อเหี่ยวเนื่องจากร่วมวงเข้าไปไม่ได้
ถ้าเธอเป็ผู้ชายจะต้องถวายชีวิตให้กับธุรกิจของเถื่อนที่ดุเดือดเป็แน่ความเสี่ยงสูง แต่ค่าตอบแทนกลับมากจนน่าใ ทำไม่กี่ครั้งก็สะสมทองคำถังแรกเอาไว้ได้แล้วอย่างไรเสียเธอมิใช่เพียงแค่เป็หญิงสาวอายุ 18 ปี ทว่ายังมีใบหน้าแบบจิ้งจอกสาวพราวเสน่ห์หากไปทำการค้าของเถื่อนเข้า อย่าว่าแต่ความเสี่ยงของสินค้าเลยตัวคนคงต้องเสียให้ผู้อื่นไปด้วย!
นึกถึงการค้าของเถื่อนแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานคิดถึงโจวเฉิงขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
คนคนนั้นจากไปได้หลายวันแล้ว บอกว่ายังจะมาเขตอันชิ่งอีกไม่รู้จริงหรือหลอก ต่อให้หลอกเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่โกรธอยู่ดีเดิมทีเป็เพียงการพานพบกันโดยวาสนา โจวเฉิงมิได้ติดค้างอะไรต่อเธอกลับเป็เธอด้วยซ้ำที่ต้องขอบคุณ ‘บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้’ ของโจวเฉิงและคังเหว่ย
ไม่มีแรงกายและต้นทุนไปขยายหนทางธุรกิจใหม่เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถทำได้แค่ดำเนินงานในขอบเขตของทรัพยากรที่มีอยู่ในตอนนี้
ไม่ต้องพูดถึงกากน้ำมันเลย 300 ชั่งทำเอาเธอเหนื่อยเกือบตายนอกเสียจากเธอจะกลายเป็สตรีเหล็กร่างกายกำยำได้ในเวลาสั้นๆมิเช่นนั้นไม่มีทางบรรทุกกากน้ำมันจำนวนมากกว่านี้ให้เขยื้อนได้
อย่างนั้นก็เหลือแต่ปลาไหลแล้ว
บ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองและภัตตาคารหวงเหอเป็เพียงการเปิดโอกาสอย่างหนึ่งเธอควรนำหนังหน้าหนาที่ถูกฝึกมาจากการเป็พนักงานขายในชาติก่อนออกมาเพื่อเสาะหาลูกค้ารายใหญ่ใหม่ๆ ต่อไป
ตอนนี้สองวันขายได้แค่ 50 ชั่ง ถ้าเพิ่มปริมาณของสองวันถึง 100 ชั่งล่ะ?
หนึ่งเดือนจะมีรายได้มากขึ้นอีก 300 หยวน
ภาพรวมรายรับงอกเงยขึ้น 1/3 เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่า แม้เป้าหมายน้อยๆ นี้มีความยากอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เป็จริงไม่ได้ เนื่องจากวันนี้ไม่เสียเวลาในเมืองซางตูนานเมื่อกลับถึงบ้านจึงเป็เวลาเพียงบ่ายสองโมง หลิวเฟินออกไปรับซื้อปลาไหลแล้วในบ้านจึงเหลืออยู่แค่หลี่เฟิ่งเหมย
เมื่อวานตอนเย็นทำอาหารเลี้ยงแขกจำนวนมากเหล่าแเื่แต่ละคนก็กินกันเก่ง จะไปเหลือได้ที่ไหนกัน?
หลี่เฟิ่งเหมยกำลังตุ๋นซุปปลาไนในโถดินบนเตารอให้ลูกชายเลิกเรียนตอนบ่ายกลับบ้านมารับประทาน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวพบว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาแล้ว
“วันนี้ทำไมกลับไวเช่นนี้?”
“โชคดีจ้ะ สินค้าถูกคนจัดซื้อประจำภัตตาคารรับซื้อไปหมดแล้ว”
หลี่เฟิ่งเหมยได้กลิ่นที่คุ้นเคย จึงเห็นว่าจักรยานเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้กลับมาแบบว่างเปล่าบรรทุกกากน้ำมันไว้เต็มตะกร้าทั้งสองใบ เธอทั้งตะลึงทั้งดีใจ “หลานไปเอามาจากไหน?”
เกรงว่ากากน้ำมันนี่จะมีมากถึงสามสี่ร้อยชั่งเลยทีเดียว
หมูสองตัวที่บ้านกินไม่หมดหรอกนะ!
หลี่เฟิ่งเหมยอยากบอกว่าสิ่งนี้ทิ้งไว้นานเกินไปจะไม่เหลือสารอาหารแต่เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานจะโง่แค่ไหนก็คงไม่ซื้อกากน้ำมันจำนวนเยอะขนาดนี้มาเก็บไว้เฉยๆต้องเป็เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานจะใช้พวกมันหาเงินเป็แน่
หลี่เฟิ่งเหมยรีบร้อนกลืนหัวข้อสนทนากลับลงไป เกือบกัดโดนลิ้นเข้าแล้ว
“นี่หลานจะขายกากน้ำมันหรือ?”
กากน้ำมันถูกบีบอัดจนเป็ทรงกลมแบน แต่ละอันมีน้ำหนักสักสองชั่งทำการหมักในโรงงานสกัดน้ำมันเรียบร้อยแล้ว
“หลานไม่อยากกลับมารถเปล่าจ้ะ เลยรับกากน้ำมันกลับมาลองขายดูเสียหน่อยไม่ใช่ป้าเคยบอกว่าหาซื้อกากน้ำมันไม่ได้หรือ? เอาถุงมาใส่ไว้หน่อยสิ ต่อไปบ้านเราก็ไม่ขาดของแบบนี้แล้ว”
หลี่เฟิ่งเหมยส่ายศีรษะพัลวัน
“ส่วนนี้หลานเอาไว้ทำเงิน ไม่ใช่เก็บมาแบบไร้ต้นทุนเสียหน่อยป้าไม่เอา”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดเป็จริงเป็จัง “ป้าอย่าบอกว่าจะให้เงินเด็ดขาดนะ สิ่งนี้ราคาถูกกว่ามันเทศเสียอีกราคาแค่ 3 เฟินต่อชั่ง รอให้ฉันคุ้นเคยกับโรงงานสกัดน้ำมันทางนั้นแล้วคาดว่าชั่งละ 2 เฟินก็ยังซื้อมาได้”
หลี่เฟิ่งเหมยคำนวณ นั่นมิใช่ว่าขายต่อแล้วก็จะได้กำไรถึง 5 เฟินหรือ?
เธอยังไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตัดสินใจจะเพิ่มปริมาณการขายของปลาไหลหากอ้างอิงแค่ขนาดธุรกิจเท่าที่เธอรู้ หนึ่งเดือนหลานคนนี้จะสามารถหาเงินได้มากถึงหลายร้อยหยวน
ไม่ต้องรอเวลาถึงหนึ่งปี เซี่ยเสี่ยวหลานก็คงสามารถสร้างบ้านอิฐที่ดูดีมีหน้าตาสักสองสามหลังในชนบทได้แล้ว
นี่เป็เด็กสาวไม่เอาถ่านตามปากคนตระกูลเซี่ยที่ไหนกัน! เห็นกันอยู่ว่าคือตุ๊กตาทองที่รู้จักหาเงินถ้าหลิวหย่งไม่เคยแพร่งพรายความนัยแก่หลี่เฟิ่งเหมยว่าเขายังมีเงินอีกก้อนหนึ่งรวมอยู่ในธุรกิจของคนอื่นป้าสะใภ้อย่างหลี่เฟิ่งเหมยอาจจะอิจฉาจนตาร้อนก็เป็ได้
ทว่าลองกลับความคิดอีกทีหนึ่งพอเดือนพฤศจิกายนก็ทำธุรกิจปลาไหลไม่ได้แล้วหลี่เฟิ่งเหมยจึงไม่ได้มีใจริษยาแต่อย่างใด
เธอได้ยินว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะนำกากน้ำมันส่งขายในหมู่บ้านข้างนอกเธอตบต้นขาไปฉาดหนึ่ง “นั่นไม่สู้ขายให้คนในหมู่บ้านเราก่อนของแบบนี้ก็เหมือนเกลือนั่นแหละ บ้านคนที่เลี้ยงหมูล้วน้ากันทั้งนั้น”
หลี่เฟิ่งเหมยวิ่งออกไปะโอยู่หนึ่งรอบก็มีคนไม่น้อยมาซื้อกากน้ำมันจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดราคาให้พวกเขา 7 เฟินต่อหนึ่งชั่ง ราคาถูกกว่าที่คนเหล่านี้เคยซื้อเมื่อก่อน พวกเขาจะไม่พึงพอใจได้อย่างไรเล่า?
กากน้ำมันจำนวน 300 ชั่ง เกือบขายในหมู่บ้านชีจิ่งไม่พอด้วยซ้ำยังมีอีกสองบ้านกำชับกับเซี่ยเสี่ยวหลานว่าถ้าเอาสินค้ามาอีกต้องเหลือไว้ให้พวกเขาด้วย
ขายให้คนในหมู่บ้าน กากน้ำมัน 300 ชั่งทำกำไรน้อยไป 3 หยวน แต่การได้การเสียบนโลกนี้มิใช่ยึดเงินมาคิดคำนวณเท่านั้นคนหมู่บ้านชีจิ่งพึงพอใจมาก เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็พึงพอใจไปด้วยไม่กระเทือนเงินต้นทุนแม้แต่น้อย ได้ทั้งเงินและมิตรภาพดีๆ ต่อกัน
“ตายแล้ว ลืมเหลือไว้ให้ที่บ้านนิดหน่อย”
เซี่ยเสี่ยวหลานยุ่งจนมึนงง หลี่เฟิ่งเหมยจึงไม่ปฏิเสธแล้วเมื่อสักครู่เธอช่วยชั่งกากน้ำมัน มือทั้งสองข้างมันแผลบไปหมดน้ำล้างมือก็ทำใจเททิ้งไม่ลง จึงยกไปสาดไว้ในรางอาหารของหมู
“อีกสองวันหลานก็เอากากน้ำมันกลับมาอีก ไม่ต้องรีบเร่งไป”
วุ่นวายกับธุรกิจจนเสร็จสิ้น เซี่ยเสี่ยวหลานตักน้ำมาหนึ่งอ่างเช็ดล้างจักรยานของตนให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ตะกร้าที่ใส่กากน้ำมันก็จับล้างผึ่งแดดไว้จากนั้นถึงจัดการทำความสะอาดตัวเธอเอง ตอนอาบน้ำขาทั้งสองข้างสั่นเทิ้มรู้ได้ว่าใช้แรงมากเกินไป หาเงินทองมันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน กากน้ำมันตั้ง 300 ชั่ง แถมยังขี่จากเมืองซางตูกลับหมู่บ้านชีจิ่งอีกต่างหาก
ชาติก่อนได้เป็ถึงผู้บริหาร เมื่ออายุมากขึ้นระบบเผาผลาญก็ช้าลงจึงไม่กล้ารับประทานอะไรหลายรอบ ทั้งยังต้องหาเวลาว่างออกกำลังกายรักษารูปร่างทว่าจำนวนกิจกรรมและอายุของเธอในตอนนี้ทำให้กินเท่าไรก็ไม่อ้วนจริงๆข้อดีของการกลับมาเป็วัยรุ่นอีกครั้งก็คือเต็มไปด้วยปณิธานแรงกล้าและกำลังวังชานั่นเอง!
หลิวเฟินออกไปจนหนึ่งทุ่มถึงได้กลับมา
เมื่อเจอเซี่ยเสี่ยวหลาน เธอยังดูประหม่าอยู่ทีเดียวไม่รู้ว่าเกิดอะไร คนขายปลาไหลถึงขายให้เธอเยอะเป็พิเศษ เธอรับซื้อปลาไหลได้ 80 กว่าชั่ง
“ธุรกิจของลูกนี่ถือว่ามีชื่อเสียงไปทั่วแล้วจะมีคนอยากขายปลาไหลตามบ้างหรือไม่?”
ความกังวลของหลิวเฟินไม่เกินความจำเป็
เซี่ยเสี่ยวหลานยินดีมากที่มารดาเข้าใจคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองแล้ว
“พวกเขาขายในเขตอันชิ่งไม่ออกหรอก มีแต่ต้องส่งเข้าเมืองซางตูตลาดในเมืองซางตูใหญ่โตออกขนาดนั้นคนตามกระแสสักหนึ่งสองคนทำอันตรายผลกำไรของฉันไม่ได้หรอก”
เซี่ยเสี่ยวหลานวางแผนไม่เดินเส้นทางค้าปลีกแล้วหลังจากจู่โจมคนจัดซื้อของบ้านพักรับรองคณะกรรมการประจำเมืองและภัตตาคารหวงเหอได้ ย่อมเท่ากับว่าหน่วยงานใหญ่คล้ายๆกันในเมืองซางตูก็กำลังโบกมือเรียกเธออยู่ลิบๆ นั่นเอง
“รับซื้อปลาไหลมากหน่อยก็ไม่ต้องกลัว ขอแค่ทุกวันไม่เกิน 100 ชั่ง ฉันมีความมั่นใจว่าขายได้แน่นอน”
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังโม้กับมารดาของตนพอดีกันที่เฉินชิ่งเรียกเธออยู่ด้านนอก
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเดินออกไป “พี่เฉินชิ่ง ทำไมวันนี้พี่ถึงกลับมาอีกแล้วเล่า?”