บทที่ 6 การประลองความสามารถแพทย์
กาลเวลาหมุนผันผ่านไปเรื่อยๆ เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมแสงอรุณที่สาดส่องลงมายังหมู่บ้านสกุลหลี่ แสงทองทอประกายจับต้องยอดไม้และหลังคามุงจาก บรรยากาศยามเช้าควรจะเต็มไปด้วยความสงบ ทว่าวันนี้กลับมิได้เป็เช่นนั้น เสียงจอแจอื้ออึงดังมาจากทางปากทางเข้าหมู่บ้าน ผู้คนต่างจับกลุ่มพูดคุยกันด้วยใบหน้าตื่นเต้นระคนฉงนงุนงง
"ได้ยินมาว่าบ้าน สกุลหลี่รับคนป่วยมารักษาที่บ้าน เห็นว่าชื่อหลงอี้เขาาเ็สาหัสปางตายเมื่อหลายวันก่อน... บัดนี้กลับฟื้นคืนสติแล้ว!" เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นปนกับเสียงทึ่งระคนไม่เชื่อ "จริงหรือ! ข้าได้ยินว่าแม่เลี้ยงเหยาเหนียงผู้นั้นเป็ผู้ช่วยชีวิตเขาไว้ด้วยวิชาแพทย์อันล้ำเลิศ" อีกเสียงเสริมขึ้นมาอย่างรู้จริง "แม่เลี้ยงเหยาเหนียง... สตรีที่ชาวบ้านต่างเย้ยหยันว่าเป็คนไม่เอาไหนผู้นั้นน่ะหรือ? ไฉนนางถึงมีวิชาแพทย์ได้เล่า"
ข่าวลือเื่เฉินอิงช่วยเหลือหลงอี้ที่าเ็สาหัสให้ฟื้นคืนสติได้นั้น แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านราวกับไฟลามทุ่ง จากปากหนึ่งไปอีกปากหนึ่ง เื่ราวถูกแต่งเติมเสริมแต่งจนเกินจริง บางคนกล่าวว่านางใช้เข็มเงินวิเศษแทงจุดชีพจรพลิกฟื้นคนตาย บางคนเล่าว่านางปรุงยาวิเศษจากสมุนไพรหายาก จนทำให้คุณชายหลงอี้ฟื้นคืนสติในพริบตา ความสามารถของนางถูกกล่าวขานไปในทางที่เกินจริง ทว่าความจริงที่ว่าหลงอี้ฟื้นคืนสติได้แล้วนั้น คือสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เฉินอิงกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกายหลงอี้ในเรือนพัก ตระกูลหลี่ จู่ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือน "ท่านแม่ๆมีแขกมาขอพบขอรับ เ้าแฝดชายตัวน้อยวิ่งมาบอก เห็นท่านบอกว่าเป็ชื่อหมอเทียนขอรับ”
เฉินอิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางเคยได้ยินมาว่าหมอเทียนผู้นี้เป็ที่รู้จักกันดีว่าเป็แพทย์ฝีมือดีที่สุดในอำเภอหลงเยว่ มีความรู้กว้างขวางและมีชื่อเสียงเลื่องลือด้านการแพทย์มานานปี ยากนักที่จะมีใครเทียบเทียมได้ "เชิญท่านหมอเทียนเข้ามา" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ทว่าแววตาของนางกลับฉายประกายบางอย่าง
หมอเทียนในชุดคลุมผ้าไหมสีเข้มปักลายเมฆมงคล ก้าวเข้ามาในเรือนอย่างสง่างาม ใบหน้าของเขามีเคราแพะสีขาวบ่งบอกถึงวัยและประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน ดวงตาคมกริบแต่แฝงแววปราชญ์กวาดมองสำรวจเฉินอิงั้แ่ศีรษะจรดเท้า ก่อนจะประสานมือโค้งคำนับเล็กน้อยตามธรรมเนียม "คารวะนายหญิงเหยาเหนียง ข้าหมอเทียน ได้ยินกิตติศัพท์ความสามารถทางการแพทย์ของนายหญิงที่ช่วยชีวิตคุณชายหลงอี้ไว้ได้ จึงใคร่มาขอความรู้และแลกเปลี่ยนวิชาการแพทย์ด้วย"
เฉินอิงยิ้มรับด้วยท่าทีสงบ "ท่านหมอเทียนกล่าวเกินไปแล้วเ้าคะ ข้าเป็เพียงสตรีที่พอจะมีความรู้ด้านการแพทย์ติดตัวมาบ้าง ไม่ได้มีฝีมือล้ำเลิศอย่างที่ท่านกล่าวอ้างดอก" นางกล่าวด้วยความถ่อมตน ทว่าภายในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย การมาเยือนของหมอเทียนย่อมมิใช่เื่ธรรมดา
"นายหญิงถ่อมตนเกินไปแล้ว" หมอเทียนกล่าวพลางจ้องมองเฉินอิงอย่างพินิจพิเคราะห์ "แต่ไหนแต่ไรมา ข้าไม่เคยเชื่อเื่ปาฏิหาริย์ หากนายหญิงสามารถช่วยชีวิตคุณชายหลงอี้ที่อาการสาหัสเช่นนั้นได้ ย่อมต้องมีวิชาการแพทย์ที่เหนือกว่าผู้อื่นเป็แน่" จากนั้น เขาก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็จริงจังขึ้น "ข้าจึงขอทดลองความสามารถทางการแพทย์กับนายหญิง เพื่อพิสูจน์ว่าข่าวลือที่ร่ำลือกันเป็เื่จริงแท้หรือไม่ และหากจริง ข้าก็ใคร่ขอเป็ศิษย์เพื่อเรียนรู้วิชาจากท่านขอรับ"
เฉินอิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย นางไม่เคยปฏิเสธการประลองความสามารถมาก่อน อีกทั้งยังเป็โอกาสอันดีที่จะได้แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางการแพทย์ที่ติดตัวมาจากโลกปัจจุบัน "ตกลง ท่านหมอเทียนแล้วท่าน้าประลองด้านใดเล่าเ้าค่ะ" นางตอบรับด้วยความมั่นใจ แววตาที่เคยสงบเยือกเย็นกลับฉายแววท้าทาย
หมอเทียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย "เช่นนั้น ข้าขอทายโรคจากชีพจรขอรับ" เขาผายมือไปยังหญิงชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่มุมห้อง ซึ่งเป็คนไข้ที่เขาเตรียมมา ใบหน้าของหญิงชราซีดเซียว ร่างกายซูบผอมและไอแห้งๆ อยู่เป็ระยะ "หากนายหญิงสามารถบอกอาการและสาเหตุของโรคได้อย่างถูกต้อง ข้าก็จะยอมรับในความสามารถของนายหญิงแต่โดยดีขอรับ"
เฉินอิงเดินเข้าไปหาหญิงชรา ใบหน้าของนางสงบเยือกเย็น มือเรียวยื่นออกไปจับข้อมือของหญิงชราอย่างแ่เบา ััชีพจรที่เต้นอยู่ใต้ปลายนิ้ว นางหลับตาลง เพื่อรวบรวมสมาธิและใช้ทักษะการวินิจฉัยโรคตามหลักการแพทย์แผนปัจจุบันที่เหนือกว่าการแพทย์แผนโบราณ "ชีพจรเต้นเร็วและอ่อนแรง แต่บาง่กลับแ่เบาจนแทบจับไม่ได้ ลิ้นซีด มีรอยแตกที่ลิ้นและริมฝีปาก เปลือกตาด้านในซีดเซียว มีอาการไอแห้งและแน่นหน้าอกเป็ระยะๆ" นางรำพึงเบาๆ "น่าจะเป็อาการของภาวะโลหิตจางอย่างรุนแรง ร่วมกับอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของปอดและระบบย่อยอาหารที่ผิดปกตินะเ้าคะ"
ท่านหมอเทียนยืนฟังอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏแววใเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ "แล้วสาเหตุเล่า นายหญิงคิดว่าเกิดจากสิ่งใดขอรับ"
เฉินอิงถอนหายใจเล็กน้อย "น่าจะเกิดจากการขาดสารอาหารมาเป็เวลานาน ประกอบกับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำงานหนักเกินกำลัง และอาจมีภาวะเืออกภายในที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะม้ามและกระเพาะอาหาร ทำให้การสร้างเืบกพร่อง และอาการไออาจเกิดจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรืออาจเป็อาการแทรกซ้อนจากภาวะโลหิตจางรุนแรงก็เป็ได้" นางกล่าวจบก็หันไปมองหมอเทียนด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หมอเทียนรู้สึกราวกับถูกอ่านความคิด
ท่านหมอเทียนยืนนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เขามิอาจปฏิเสธได้ว่าคำวินิจฉัยของเฉินอิงนั้นถูกต้องทุกประการ ไม่ว่าจะเป็อาการที่ปรากฏ หรือสาเหตุที่แท้จริง เขาย่อมรู้ดีกว่าใคร เพราะหญิงชราผู้นี้เป็คนไข้ของเขาเอง และเขาก็ได้ทำการรักษามาแล้วหลายครั้ง แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงของการไอแห้งๆ ของหญิงชราได้อย่างชัดเจน
"นายหญิงเหยาเหนียงขอรับ..." หมอเทียนเอ่ยเสียงแ่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างแท้จริง "ข้าหมอเทียน ขอยอมรับผลการตรวจในครั้งนี้ นายหญิงมีความสามารถทางการแพทย์ที่เหนือกว่าที่ข้าคาดคิดนักขอรับ" เขาโค้งคำนับอย่างนอบน้อมยิ่งกว่าครั้งแรก "ข้าหมอเทียน ขอคารวะนายหญิงเหยาเหนียงในฐานะศิษย์ผู้หนึ่ง หากนายหญิงไม่รังเกียจ ข้าใคร่ขอเรียนรู้วิชาจากนายหญิง เพื่อประโยชน์แก่ราษฎรโดยรวมขอรับ"
เฉินอิงยิ้มบางๆ "ท่านหมอเทียนกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเองก็มิได้มีความรู้ลึกซึ้งถึงขั้นเป็อาจารย์ได้ เพียงแต่ข้ามีวิธีการรักษาที่แตกต่างออกไปจากแพทย์แผนโบราณบ้างเท่านั้นเ้าค่ะ " นางหยุดเล็กน้อย "แต่หากหมอเทียนสนใจ ข้าก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน และเราสามารถร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือผู้คนได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น"
ข่าวการประลองความสามารถทางการแพทย์ระหว่างเฉินอิงกับหมอเทียนแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านสกุลหลี่และอำเภอหลงเยว่อย่างรวดเร็ว และรับรู้ว่าหมอเทียนผู้มีชื่อเสียงเื่การรักษายังให้เกียรติและแลกเปลี่ยนความรู้กัน ผู้คนต่างพูดถึงความสามารถอันน่าทึ่งของเฉินอิง บ้างก็เรียกนางว่า "หมอเทวดา" บ้างก็เรียก "เทพธิดาแห่งการรักษา" ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งของเฉินอิงในหมู่บ้านจึงมั่นคงยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่ได้รับความเคารพจากคนในบ้านเท่านั้น แม้แต่ชาวอำเภอหลงเยว่ต่างก็เริ่มให้ความนับถือต่อนางในฐานะแพทย์หญิงผู้มีฝีมือ และต่างก็หมายมั่นปั้นมือว่าหากเจ็บป่วยใดๆ จะต้องมาให้นางรักษาให้ได้
หลังจากนั้นไม่นาน หมอเทียนก็เริ่มมาเยี่ยมเยียนเฉินอิงบ่อยขึ้น เพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์ เฉินอิงก็มิได้ปิดบังสิ่งใด นางสอนวิชาการแพทย์แผนปัจจุบันให้หมอเทียน ทั้งเื่สุขอนามัย การวินิจฉัยโรค การรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน และเทคนิคการผ่าตัดเล็กๆ น้อยๆ ที่หมอเทียนเองก็ตะลึงในความละเอียดลึกซึ้ง หมอเทียนเองก็ถ่ายทอดความรู้ด้านสมุนไพรและวิธีการรักษาตามแพทย์แผนโบราณให้เฉินอิงเช่นกัน ทำให้เฉินอิงมีความรู้ที่รอบด้านมากยิ่งขึ้น
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฉินอิงปรับตัวเข้ากับชีวิตในยุคโบราณได้ดีขึ้นเรื่อยๆ นางใช้ความรู้ทางการแพทย์ช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านต่างก็รักใคร่และให้ความเคารพนับถือ นางมิได้เป็เพียงแม่เลี้ยงของเด็กทั้งสองคน แต่ยังเป็ที่พึ่งของคนในหมู่บ้านอีกด้วย ชีวิตของเฉินอิงในยุคโบราณกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ ที่รออยู่เบื้องหน้า... ไม่ว่าจะเป็เื่ของหลงอี้ ปริศนาที่เขายังคงปิดบัง หรือหนทางในการพลิกฟื้นครอบครัวสกุลหลี่ให้พ้นจากความยากจนข้นแค้นอย่างถาวร นางเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ความสามารถที่เธอมี จะสามารถนำพาชีวิตนี้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน.
****////***