หุบเขาคนโฉด
ภายใต้การลงแส้ของชายชุดดำ ผู้ที่สวมหน้ากากสำริดทุกคนค่อยๆ ก้าวเข้าไปในสถานที่ซึ่งมีนามว่า ‘หุบเขาคนโฉด’ อย่างจำใจ!
เช่นเดียวกับเฉินเทียนซาน เกือบทุกคนต่างเคยได้ยินชื่ออันฉาวโฉ่ของหุบเขาคนโฉดมาก่อน
“สถานที่แห่งนี้ เป็ที่คุมขังอาชญากรชั่วร้ายจากทั่วทะเลพันเกาะ และในที่สุด คนเหล่านี้ก็ถูกส่งไปยังลานประลอง เพื่อต่อสู้เดิมพันชีวิตขอรับ” ใบหน้าของเฉินเทียนซานไม่น่าดูนัก
“ท่านหัวหน้าสังกัด... นายท่าน เราจะทำอย่างไรกันดี?” เฉินเทียนซานถาม สีหน้ากังวลยิ่ง
“ใจเย็นๆ! รักษาชีวิตไว้ก่อน ตอนนี้เราไม่มีสิทธิ์พูด หรือทำสิ่งใด ต้องประเมินสถานการณ์กันก่อน ”
“ขอรับ!” เฉินเทียนซานกล่าวเสียงขื่น
ตอนนี้ หากมิใช่เพราะมีกู่ไห่อยู่ เขาคงจะสูญสิ้นกำลังใจไปแล้ว เฉินเทียนซานรู้ชะตากรรมของผู้ที่สวมหน้ากากสำริดดี หากไม่ตายในลานประลอง ก็ต้องสู้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าชีวิตจะหาไม่
เมื่อก้าวเข้ามาในหุบเขา กู่ไห่ก็รู้สึกได้ทันที ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองพวกตนอยู่
เขามองเข้าไปด้านใน
หุบเขาค่อนข้างมืดและกว้างขวาง พื้นที่โดยรอบล้อมไปด้วยเนินดินขนาดเล็ก มีหลุมหลบภัยหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังเห็นชายสวมหน้ากากสำริดสองสามคน กำลังจ้องมองมาจากหลุมหลบภัย
แม้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก แต่จากที่สังเกตดูแววตา ก็สามารถเห็นได้ค่อนข้างชัด ว่าคนเ่าั้มองมาด้วยเจตนาร้าย
นี่คือกลุ่มนักโทษที่อาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน ใช่หรือไม่?
กู่ไห่และคนอื่นๆ เข้าไปในหุบเขา คนส่วนใหญ่มองไปรอบๆ ด้วยแววตาดุดัน เหมือนไม่ได้หวั่นเกรงอะไรนัก เห็นได้ชัด ว่าทุกคนล้วนเป็พวกนอกกฎหมายที่ร้ายกาจ
เพียะๆ!
สมาชิกพรรคต้าเฟิงในชุดคลุมสีดำเหวี่ยงแส้ พร้ะโกนสั่ง “ทุกคน! มารวมกันตรงนี้… เร็ว!”
ตุบๆๆ!
พวกคนที่อยู่ในหุบเขา มารวมตัวกันด้วยความรวดเร็วและเชื่อฟัง
กลุ่มชายชุดดำกวาดตามองไปรอบด้าน ด้วยสายตาเ็า
พริบตา อาชญากรทั้งสี่พันคนก็มารวมตัวกัน การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งรวดเร็ว และมีวินัย พอมาถึง ก็รีบยืนตั้งแถวอย่างเป็ระเบียบทันที
แต่กลับมีสิบคน ที่มาถึงค่อนข้างช้า
“เหตุใดถึงได้ชักช้าเช่นนี้... หา? พวกเ้าสิบคนไปที่ลานประลองเสีย!!” หัวหน้าชายชุดดำสั่งการ พร้อมจ้องมองพวกเขา
“ไม่! ผู้าุโ… ข้าปวดท้องยิ่ง!”
“ผู้าุโ ข้าเพิ่งถูกส่งไปที่ลานประลองเมื่อไม่นานนี้ โชคดีที่ยังมีชีวิตรอดกลับมา แต่ก็ได้รับาเ็สาหัส นั่นเป็เหตุผล ว่าเหตุใดถึงได้มาช้า”
“ผู้าุโ ข้าเองก็เช่นกัน ร่างกายข้าได้รับาเ็”
นักโทษทั้งสิบร้องขอความเมตตาทันที
“หึ!... ใส่ตรวน!” หัวหน้าคนชุดดำจับจ้องพวกเขา และสั่งการ โดยไม่ได้เห็นใจแม้แต่น้อย
เพียงอึดใจ ชายชุดดำคนอื่นๆ ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และใส่ตรวนข้อมือชายทั้งสิบ โดยที่พวกเขาไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย
“ปลดตรวนที่ข้อมือและข้อเท้า ของพวกที่มาใหม่ทั้งร้อยคนออก” หัวหน้าชายชุดดำสั่ง
“ขอรับ!” กลุ่มชายชุดดำรีบปลดตรวนให้กู่ไห่และคนอื่นๆ ทันที
ทุกคนพลันรู้สึกว่าร่างกายเบาลงมาก
ชายชุดดำผู้เป็หัวหน้า จ้องกู่ไห่และคนอื่นๆ ด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนกล่าว “ข้าไม่สนว่าพวกเ้าก่อเื่ใดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในพรรคต้าเฟิง ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเราเหมือนดั่งสุนัข มิฉะนั้น ข้าจะสังหารพวกเ้าทิ้งทันที!”
คำปรามาสของหัวหน้าชายชุดดำ นั่นทำให้ผู้มาใหม่ทั้งร้อยคนมีสีหน้ากรุ่นโกรธ
“เ้าเรียกผู้ใดว่าสุนัข?” หนึ่งในผู้มาใหม่ะโถามอย่างไม่พอใจ
รอยยิ้มเย็นปรากฏบนใบหน้าของอาชญากรที่อยู่มาก่อน
เพียะ!
ชายผู้นั้นถูกเฆี่ยนทันที อีกทั้งแส้ยังถูกเคลือบไว้ด้วยพลังชี่ มันตัดร่างชายผู้นั้นออกเป็สองท่อน...
... เืสาดกระเซ็นไปทั่ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น ใบหน้าของผู้มาใหม่ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็เปลี่ยนไปทันที พากันกำหมัดแน่น แต่ไม่กล้าขัดขืน หรือท้าทายชายชุดดำอีก
“ข้าบอกว่าพวกเ้าเป็สุนัข นั่นถือเป็การให้เกียรติแล้ว อย่าได้ทำสิ่งใดที่ไม่เข้าท่าอีก” ผู้นำกลุ่มคนชุดดำกล่าวเสียงเย็น
ไม่มีผู้ใดแสดงท่าทีต่อต้านเขาอีก
“ทุกคนจะได้รับหมายเลข จากนั้นให้รออยู่ที่นี่อย่างสงบ จนกว่าจะถูกเรียก เมื่อถึงตอนนั้นก็ให้มาหาข้า!” ผู้นำกลุ่มชายชุดดำกล่าว
ชายชุดดำผู้นั้น หันหน้าไปมองกลุ่มนักโทษที่อยู่มาก่อน และกล่าวเสียงเย็นเฉียบ “คนที่มาใหม่กลุ่มนี้ พวกเ้าสอนกฎให้มันเสีย”
ไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้ง
“พวกเราไป!” หัวหน้ากลุ่มคนชุดดำเอ่ย พลางนำกลุ่มชายชุดดำ และอาชญากรผู้โชคร้ายทั้งสิบ ออกไปจากหุบเขา
...
ผู้มาใหม่ทั้งร้อยคน มองดูนักโทษสี่พันคน โดยไม่กลัวเกรงแต่อย่างใด คิดว่าคงจะเกิดความขัดแย้งระหว่างคนใหม่ กับกลุ่มผู้ที่อยู่มาก่อน
ทว่า อาชญากรทั้งสี่พันคนที่ยืนอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อยเมื่อครู่ กลับค่อยๆ แยกย้ายกันไป แม้จะจ้องมองผู้ที่มาใหม่อย่างเป็อริ แต่ก็หาได้สนใจไม่
สอนกฎให้พวกนั้นหรือ? ไม่ว่าผู้ใดก็ี้เีเกินกว่าจะสอน
ผู้มาใหม่ทั้งร้อยคน ต่างหันไปมองหน้ากันเอง แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใด ก่อนจะแยกย้ายไปหาที่พัก
พวกกู่ไห่ย่อมต้องเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน พวกเขานั่งลงใต้ชะง่อนหินใหญ่อันเงียบสงบ
“คนที่อยู่มาก่อนพวกนั้น ไม่เข้ามาหาเื่เราหรือ?” เฉินเทียนซานสับสนเล็กน้อย
“เหตุใดพวกเขาต้องมาหาเื่เราด้วย?” กู่ไห่กล่าว พลางส่ายหน้า
“เอ๊ะ?”
“หากไม่ได้ขัดผลประโยชน์ ขอแค่พอมีมันสมองอยู่บ้าง ก็คงไม่มีผู้ใดก่อเื่ อีกทั้งระดับพลังของทุกคนยังถูกผนึกเอาไว้ด้วย ตอนนี้พวกเราก็เป็เพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น หากต่อสู้กันจนตายอยู่ที่นี่ มันคงไม่คุ้ม!” เกาเซียนจืออธิบาย
“โอ้!” เฉินเทียนซานพยักหน้า
กู่ไห่และพวกนั่งในสถานที่อันเงียบสงัด มองสำรวจนักโทษที่อยู่รอบๆ ในขณะที่อีกฝ่าย ก็มองมาที่พวกเขาเช่นกัน ในดวงตาของคนเ่าั้ หามีเจตนาดีไม่ ั์ตาแต่ละคน ล้วนส่อแววประสงค์ร้าย
“สมเป็หุบเขาคนโฉดจริงๆ” กู่ไห่กล่าว พลางหรี่ตาลง
“เกาเซียนจือ ป้ายของหัวหน้าสังกัดปฐียังอยู่หรือไม่?” กู่ไห่ถามเสียงเคร่ง
“ขอรับ! นายท่าน พวกเขาค้นตัวเราก็จริง แต่ไม่ได้ค้นรองเท้า ดังนั้นป้ายนั่นยังคงอยู่ที่เดิมขอรับ” เกาเซียนจืออธิบาย
กู่ไห่พยักหน้า “ซ่อนเอาไว้ก่อน ”
“ขอรับ!”
“นายท่าน ข้าได้ยินมาว่า ผู้ใดก็ตามที่เข้ามาในหุบเขาคนโฉดนั้น ให้ลืมเื่การหลบหนีไปได้เลย เพราะพลังของทุกคนต่างถูกผนึกเอาไว้ เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” เฉินเทียนซานถาม ท่าทางกังวลยิ่ง
“ให้ข้าตรวจดูผนึกก่อน” กู่ไห่กล่าว เสียงเคร่งเครียดจริงจัง
เมื่อหลับตาลง จิตของกู่ไห่ก็จมลงไปที่จุดตันเถียนของตนเองทันที
วูบ!
พลังสีเทาดูเหมือนจะตัดขาดการเชื่อมต่อ ระหว่างเขากับจุดตันเถียนของตัวเอง กู่ไห่จึงไม่อาจตรวจสอบสิ่งใดได้ ทั้งยังไม่สามารถรวบรวมพลังชี่ในตันเถียน และขับเคลื่อนมันได้
“ท่านหัวหน้า แม้แต่ข้าที่อยู่ในระดับแก่นทองคำ ก็ไม่สามารถทำลายผนึกนี่ได้เช่นกันขอรับ” เฉินเทียนซานรายงาน ด้วยสีหน้าไม่น่าดู
“ตอนนี้ เรากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่สองประการ หนึ่งคือตราผนึกพลัง สองคือหน้ากากสำริดบนใบหน้า” เกาเซียนจือกล่าว สีหน้ายับยุ่ง
“ดูนั่น!... มีคนคิดหนี?” เฉินเทียนซานร้องโพล่ง ดวงตาส่องประกายวาววับ
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นผู้มาใหม่คนหนึ่งอยู่ไกลๆ ซึ่งเวลานี้กำลังพยายามปีนก้อนหินอยู่ แม้ว่าพลังจะถูกผนึกไว้ แต่ก็ยังคล่องแคล่วมาก เขาค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนผาหิน ราวกับกำลังจะปีนขึ้นไปบนยอดเขา เพื่อหลบหนีออกจากหุบเขา
ชายคนนั้นกำลังหลบหนี แต่ไม่มีผู้ใดพยายามขัดขวางเลย
อาชญากรที่อยู่มาก่อนทั้งสี่พันคน มองดูด้วยสายตาเย็นะเื แต่บางคน ก็มีเศษเสี้ยวแห่งความเยาะหยัน วาบผ่านดวงตา
ไม่ช้า ชายผู้นั้นก็ปีนขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขากำลังปีนขึ้นไปอีกเล็กน้อยนั้น...
วูบ!
ทันใดนั้น ระลอกคลื่นสีฟ้าก็ปรากฏบนท้องฟ้า ราวกับกำแพงโปร่งใสที่ครอบคลุมทั่วทั้งหุบเขาเอาไว้ ม่านแสงสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นนั้น ขอเพียงมีคนไปััโดน...
ตูม!
ชายผู้นั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้อง หน้ากากสำริดบนใบหน้า พร้อมศีรษะของเขา ก็ะเิออกในพริบตา
ปัง!
ศพไร้ศีรษะ ร่วงลงมาบนพื้นทันที
เฮือก!
เห็นเช่นนั้น นักโทษผู้มาใหม่ทั้งหมด ต่างสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ
“หน้ากากสำริดนี่ สวมแล้วไม่อาจถอดได้ หากถอดออกโดยพลการ มันจะะเิทันที เมื่อคิดหลบหนี ก็จะไปแตะโดนข่ายอาคม และะเิเช่นกัน ไม่อาจหนี... เราหนีไม่พ้นแน่!” เฉินเทียนซานมีสีหน้าหวาดกลัวยิ่ง
“ใจเย็นๆ!” กู่ไห่ปลอบ
“นายท่าน?” เฉินเทียนซานมองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าขมขื่น
“หน้ากากนี่ ใส่ได้ก็ต้องถอดได้เช่นกัน ใจเย็นๆ... ไม่มีสิ่งใดเป็ไปไม่ได้ หากยังมีชีวิตอยู่ ย่อมมีโอกาส แต่ถ้าเ้าตาย ก็จะไม่มีโอกาสใดๆ อีก” กู่ไห่กล่าว เสียงหนักแน่น
“ขอรับ!” เฉินเทียนซานและเกาเซียนจือส่งเสียงตอบรับพร้อมกัน
...
ใน่กลางคืน กู่ไห่ เฉินเทียนซาน และเกาเซียนจือ ต่างหลบมุม พยายามเชื่อมต่อกับพลังชี่ อย่างไรก็ตาม ตราผนึกนั้นแปลกมาก ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่อาจส่งผลกระทบใดๆ ต่อมัน
ตอนกลางคืน เมื่อผู้คนพักผ่อนกันหมดแล้วนั้น กู่ไห่ได้หยิบเสบียงออกมาจากช่องว่างมิติในป้ายพก ทั้งสามต่างกินอาหารอย่างระมัดระวัง
ท้ายที่สุดแล้ว พลังของพวกเขาต่างก็ถูกผนึกเอาไว้ จึงไม่ต่างไปจากมนุษย์ธรรมดา แม้ว่าจะมีร่างกายแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่กินอาหาร กู่ไห่ไม่้าให้ตัวเองอ่อนกำลัง
รุ่งสางวันที่สอง
ปัง!
ทันใดนั้น หนูจำนวนมาก ตกลงมาจากเบื้องบน เห็นได้ชัด ว่าถูกโยนลงมาจากยอดเขา้า
จี๊ดๆๆๆ!
พวกมันส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชกลางเวหา ดวงตาของเหล่าอาชญากรที่อยู่มาก่อน พากันส่องประกาย
ตูม!
นักโทษที่อยู่มาก่อนทั้งหมด ต่างทะยานเข้าใส่หนูที่ถูกโยนลงมาอย่างรวดเร็ว
หมับ!
คนแรกที่จับหนูได้ อ้าปากออก ใส่มันเข้าไป แล้วเริ่มเคี้ยวทันที
ใบหน้าของเฉินเทียนซานเปลี่ยนไปทันที “นี่คืออาหารของพวกอาชญากรหรือ? หนู?”
“รีบไปจับมา!” กู่ไห่สั่ง
“เอ๊ะ! นายท่าน เราจะกินหนูหรือ?” สีหน้าของเฉินเทียนซานยับยุ่ง
“จะกินหรือไม่ เป็เื่หนึ่ง ส่วนการจับ ก็เป็อีกเื่หนึ่ง” กู่ไห่ตอบ
ตูม!
เกาเซียนจือรีบออกไปจับหนู ตามคำสั่งทันที
กู่ไห่ก็พุ่งเข้าไปใจกลางลาน และเริ่มจับหนูที่ตกลงมาเช่นกัน เฉินเทียนซานตามไปติดๆ แต่ใบหน้าของเขาช่างน่าเกลียดยิ่ง
หลังผ่านไปนานเข้า นักโทษเหล่านี้ก็ไม่ได้รังเกียจหนูดิบๆ อีก สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือรักษาความแข็งแกร่งของร่างกายเอาไว้ หากยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีโอกาสรอดออกจากที่นี่ แต่ถ้าตาย ก็ไม่เหลือสิ่งใดแล้ว
พริบตา เกาเซียนจือก็จับหนูได้
ตูม!
ทันใดนั้น ชายที่มีรอยแผลเป็บนใบหน้าผู้หนึ่ง ก็ปราดเข้าโจมตีเกาเซียนจือ
เขาถูกกระแทกจนล้มลง หนูที่ตายแล้วหลุดมือทันที อีกฝ่ายจึงรีบวิ่งไปจับหนูเอาไว้ ใบหน้าที่มีรอยบากนั้น ดุร้ายยิ่ง
“อยากตายหรือ?” กู่ไห่ปรากฏตัวขึ้น และต่อยชายหน้าบากผู้นั้นไปหนึ่งหมัด
“เอ๊ะ?” กลิ่นอายดุร้ายที่ปรากฏบนใบหน้าชายผู้นั้นพลันเปลี่ยนไป เขาสาวหมัด ปะทะกับชายหนุ่มทันที
ตูม!
หมัดของทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน จนเกิดเสียงดังสนั่น กู่ไห่กระแทกเท้าลงกับพื้นอย่างแรง เพื่อทำให้ตัวเองทรงตัวได้ แต่ชายหน้าบาก กลับถอยถลากลับไปเจ็ดถึงแปดก้าวทีเดียว
กู่ไห่มีกำลังภายในเป็พื้นฐาน ในด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายนั้น ยากนักที่จะหาคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียมได้
“ไอ้เด็กนี่... อยากตายหรือ?” ชายหน้าบากข่มขู่
“มันมิใช่ของเ้า อย่างไรก็ไม่มีทางเป็ของเ้าไปได้ เ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร?” กู่ไห่ถาม
เมื่อเห็นหมัดที่ชายหนุ่มปล่อยออกมาเมื่อครู่ อาชญากรทุกคนที่จับหนูอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ต่างหันไปจ้องกู่ไห่เขม็ง
รอยยิ้มเยียบเย็น ผุดขึ้นบนริมฝีปากของชายหน้าบาก “จำเอาไว้ ข้า ฮวางบู ไอ้เด็กน้อย... ข้าจะจำหน้าเ้าเอาไว้!”
กู่ไห่ยิ้มเย็น และไม่ได้สนใจอันใดอีก
เขากลับไปยังอีกด้าน พร้อมเฉินเทียนซาน เกาเซียนจือ และหนูตายสิบตัว แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเ้าหน้าบากนั่น กำลังมองตนตลอดเวลา สายตาคู่นั้น จับจ้องอย่างหมายมาดมาจากที่ไกลๆ
ทุกคนที่อยู่รายรอบ เมื่อจับหนูได้ ต่างก็อ้าปากและเริ่มกินทันที นักโทษทั้งหมดมีเพียงความคิดเดียวในใจ นั่นคือ... ต้องมีชีวิตรอด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้