ควันสีดำหนาทึบฟุ้งกระจายปกคลุมทั่วสนามประลองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะจากการที่สายฟ้าสีทองนั้นพุ่งเข้าใส่เล่ยเฉิน ม่านหมอกแห่งความมืดบดบังทุกสายตา กลืนกินแสงสว่างจนแทบมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น กระทั่งควันค่อยๆ จางลง เผยให้เห็นร่างของมู่หนานซือที่ยืนอยู่กลางลานประลอง
นางยกแขนทั้งสองข้างขึ้น รับสายฟ้าสีทองที่ฟาดลงมาอย่างฉับพลันนั้นได้ทันเวลา แรงปะทะรุนแรงจนพื้นใต้เท้าแตกออกรวมถึงรูปแบบป้องกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะด้วย มู่หนานซือทรุดตัวลงนิดหนึ่งก่อนจะกระอักเืออกมาจากมุมปาก แต่ดวงตาของนางกลับยังคงแน่วแน่ นางเงยหน้ามองขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบคม
“ท่านอยากทำากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะอย่างงั้นเหรอ?”
ยังไม่ทันที่เสียงของนางจะจางหายไป ท้องฟ้าเหนือศีรษะของนางก็เกิดรอยฉีกยาวสุดสายตา ความมืดมิดที่ไม่ใช่เพียงความมืดธรรมดา แต่เป็ออร่าแห่งความตายแผ่ขยายออกไปอย่างไร้ขอบเขต โลกทั้งใบสั่นะเืด้วยความหวาดกลัว เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่าสยดสยองนี้ ไม่ว่าผู้ใดจะอยู่ซอกหลืบไหนของโลกต่างก็ััได้ถึงพลังนี้อย่างแน่นอน
บางคนเพียงแค่รู้สึกถึงแรงกดดันร่างกายก็ไม่อาจทนได้จนตัวะเิกลายเป็หมอกเืไป บางคนถึงขั้นพลังการบ่มเพาะที่สะสมมาทั้งชีวิตแตกสลายทันที
ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราเื ชายผู้หนึ่งเงยหน้ามองฟ้า สายตาเคร่งเครียดก่อนจะพึมพำกับตนเอง
“พลังที่เหนือกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่…”
อีกมุมหนึ่ง ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งความรกร้าง ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มชายามบ่าย เงยหน้ามองฟ้าเช่นกัน ชายคนนั้นขมวดคิ้วก่อนจะพูดด้วยเสียงแ่เบา
“คนจากโลกเบื้องบนงั้นเหรอ...แถมดูท่าว่าจะไม่ใช่คนธรรมดาด้วย”
ในโลกใบเล็กของตระกูลอู๋ ชายชราที่ใกล้สิ้นใจนอนแน่นิ่งอยู่ลืมตาขึ้นช้าๆ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“นี่มัน…พลังของนายหญิง…”
บนฟากฟ้าเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะ รอยแยกสีดำขยายออกอย่างช้าๆ คล้ายถูกผ่าด้วยคมดาบ์
ตูมมม!
เสียงะเิดังสนั่นขึ้น ร่างของัดำขนาดมหึมาโผล่ออกมาจากรอยแยก หัวของมันใหญ่โตจนบดบังท้องฟ้า บนหัวของมันมีหญิงสาวผมสีดำสนิทยืนอยู่ ในมือของนางถือหัวของใครบางคนไว้ราวกับสิ่งของไร้ค่า ด้านหลังนาง มีหญิงสาวเจ็ดนางยืนเรียงรายอย่างสง่างาม ทุกนางมีใบหน้าและเรือนร่างที่งดงามจนยากจะหาคำใดมาเปรียบเทียบได้
หญิงสาวผมดำคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าแต่ทรงอำนาจ
“ข้าต้องกลัวดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะด้วยงั้นเหรอ? หึ อย่าทำให้ข้าขำเลย แม่สาวน้อย”
มู่หนานซือยิ้ม ก่อนจะมองไปที่หัวในมือของหญิงสาวคนนั้นมันคือผู้พิทักษ์ของนางเอง
“ถึงพวกเราจะต่อสู้กันเองตลอดเวลา แต่เมื่อถึงคราวต้องรวมพลังต่อกรกับคนนอก เราก็พร้อมจะสามัคคีกันนะ…คุณป้า”
หญิงสาวผมดำหัวเราะเบาๆ
“หึ...ปากเสียั้แ่เด็กจนโตเลยจริงๆ เอาเถอะ เื่นั้นช่างมันก่อน ลูกชายของข้าอยู่ที่ไหน?”
มู่หนานซือไม่ตอบในทันที นางเช็ดเืที่มุมปาก ก่อนเดินไปช่วยรักษาเล่ยเฉินที่าเ็อยู่ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ท่านจะปกป้องเขาไหวเหรอ?? จากคนเ่าั้ที่หิวกระหายความยุติธรรมจอมปลอมนั้นด้วยกระดูกแก่ๆ ของท่านน่ะนะ?”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับอย่างไม่แยแส
“ไม่ต้องให้เ้ามาสั่งสอนข้าหรอก ทั้งๆ ที่เื่ของตัวเ้าเองก็ยังเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ”
พูดจบ นางโบกมือลงเบาๆ จากนั้นร่างไร้ิญญาของอู๋จ้าว รวมถึงผู้คนจากตระกูลอู๋และกองกำลังทั้งหมด ก็ถูกวาร์ป ไม่ว่าจะเป็ร่างที่ไร้ิญญาของจางฟู่หรือร่างที่าเ็สาหัสของแม่เล่ยเฉินก็มาปรากฏอยู่บนหลังของัดำทันที
หญิงสาวผมดำกล่าวด้วยเสียงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยการบังคับ
“ข้าหวังว่านี่เื่ต่อจากนี้จะเป็เื่ของเด็กๆ โดยที่คนแก่ทั้งหลายจะไม่เข้ามายุ่งนะ”
มู่หนานซือยิ้ม ดวงตาของนางเยือกเย็น และเต็มไปด้วยความโกรธ
“บอกตัวเองเถอะ”
ัดำกระพือปีกจนแผ่นฟ้าะเื ก่อนจะทะยานกลับไปยังตระกูลอู๋ ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สายน้ำะไม่ได้สูญเสียใครแม้แต่คนเดียว บางคนอาจาเ็หนัก บางคนอาจจะาเ็เพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีใครตาย เพราะพวกเขาเตรียมตัวมาเป็อย่างดี
แต่สำหรับมู่หนานซือแล้วมันมีบางอย่างผิดปกติ เพราะซุยจื่อเมิ่ง แม่ของอู๋จ้าวไม่ควรที่จะเข้ามาในโลกนี้ได้เลยแท้ๆ เนื่องจากว่าปู่ของมู่หนานซือได้ทำการเคลื่อนย้ายและซ่อนโลกใบนี้เอาไว้ ทุกๆ 1 ปีมันจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ ทำให้ถ้าไม่มีพิกัดลับและรหัสลับสำหรับค่ายกลก็จะไม่มีทางหาทางเข้ามาในโลกนี้ได้อย่างแน่นอน และต่อให้เศษเสี้ยวจิติญญาของซุยจื่อเมิ่งจะเปิดใช้งานแต่นางก็ควรจะรู้แค่ว่ามันถูกเปิดใช้งานและไม่มีทางรู้สถานที่เด็ดขาด ถ้าเกิดว่าไม่มีใครบอกนาง
ทว่าในขณะนั้นเอง มู่หนานซือกระอักเืออกมาอีกครั้ง คราวนี้มันมากกว่าครั้งก่อนเป็อย่างมากจนนางทรุดตัวลงไปคุกเข่ากับพื้นทันที
“ท่านเ้านิกาย!!”
เสียงะโของเหล่าผู้าุโและบรรพบุรุษดังขึ้นพร้อมกัน พวกเขาพุ่งเข้ามาหานางด้วยความเร็วเต็มกำลัง ก่อนจะเร่งส่งพลังรักษาให้นางด้วยทุกอย่างที่มีทันที
มู่หนานซือหอบหายใจเป็พักๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะกัดฟันแน่นแล้วพูดด้วยเสียงเคียดแค้น
“ยัยป้านั่น…ข้าจะจำความแค้นครั้งนี้ไว้ให้ลึกสุดหัวใจเลยล่ะ…”
ในเวลาเดียวกัน ความว่างเปล่าถูกแหวกออก เผยให้เห็นร่างของหานิ หลัวหยุนไห่ จ้าวหงหลง และไป๋จิงเซิน ที่ค่อยๆ เดินออกมาจากอีกมิติ...
พันธมิตรที่ร่วมรบกับตระกูลอู๋ที่ไม่ได้ถูกพาตัวไปโดยซุยจื่อเมิ่ง เมื่อเห็นคนของตระกูลอู๋ถอนตัวไปแล้ว พวกเขาก็เริ่มลังเล จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งนิกายเหอฮวนเป็คนแรกที่เอ่ยปาก
“พวกเรา...ถอยกันเถอะ…”
เสียงนั้นเป็จุดเริ่มให้แต่ละคนขยับตัวถอนกำลังออกไป ทว่ามันเป็ได้เพียงแค่ความฝันก็เท่านั้น เพราะว่าทันใดนั้น...
หานิปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ตามหลังมาด้วยหลัวหยุนไห่ จ้าวหงหลง และไป๋จิงเซิน ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว ออร่าของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ปะทุออกมาพร้อมกันจนท้องฟ้าแปรปรวนทั้งหมด
หานิไม่เสียเวลาพูดแม้แต่คำเดียว เขาพุ่งเข้าไปหาบรรพบุรุษของนิกายเหอฮวนด้วยความเร็วที่ไม่มีใครตามทัน ฝ่าเท้าของหานิฟาดเข้าที่ลำคอของชายชราคนนั้นอย่างรุนแรง
เพียงชั่วครู่ หัวของบรรพบุรุษนิกายเหอฮวนก็หลุดออกจากบ่าโดยที่เ้าตัวยังไม่ทันได้รู้ตัว
จากนั้นดาบแห่งแสงก็ถูกสร้างขึ้นกลางอากาศ ฟาดลงฉับเดียว ิญญาของบรรพบุรุษผู้นั้นถูกฟันจนสลาย ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวใดๆ ให้ได้มีโอกาสในการเกิดใหม่
ไป๋จิงเซินไม่รอช้า วาดมือสร้างรูปแบบขนาดมหึมากักขังจักรพรรดิของพันธมิตรตระกูลอู๋ทั้งหมดเอาไว้
ในขณะที่จ้าวหงหลงกับหลัวหยุนไห่ปลดปล่อยพลังเต็มกำลัง ะเิอาวุธและเพลิง์สาดกระหน่ำลงมาไม่หยุด พลังทำลายล้างกวาดล้างทุกสิ่งมีชีวิตให้หายไปในพริบตา
หานิพุ่งเข้ากลางสมรภูมิราวกับคนที่ไม่มีตัวตน ร่างกายของเขาไร้รอยาแ ไม่ว่าจะเป็การะเิหรือเปลวเพลิงก็ไร้ผลใดๆ เพราะร่างกายของเขาคือร่างแห่งความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดจับต้องเขาได้
เขาสังหารจักรพรรดิไปมากมายภายในเวลาอันสั้น ใบมีดแห่งแสงตัดิญญาของเป้าหมายทิ้งอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราเื หรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขนนกะ ล้วนไม่มีข้อยกเว้น
จักรพรรดิหลายคนพยายามตั้งท่าสู้แล้วแต่ทว่า…
นิ้วแห่งแสงของหานิพุ่งตรง เจาะทะลุกลางหน้าผากของเป้าหมายอย่างแม่นยำ เืพุ่งกระจายราวกับฝนสีแดงสด เสียงกรีดร้องหรือขอความเมตตาไม่มีโอกาสได้ดังออกมา พวกเขาตายก่อนจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
ทั้งหมดจบลงภายในสิบลมหายใจ
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่อ่อนแรงและใกล้ตาย ถูกสังหารลงหมดสิ้น และิญญาของพวกเขาไม่แม้แต่จะได้โอกาสให้หลบหนี เพราะมันแตกสลายหายไปในพริบตา
บนพื้นสนามประลอง กลายเป็สุสานที่ไร้เสียง
มู่หนานซือเงยหน้ามองฟ้า ตอนแรกนางเห็นว่าพวกนั้นกำลังจะถอยจึงคิดจะสั่งให้คนไปล่าคนเ่าั้ แต่พอกะพริบตาเพียงครั้งเดียว พวกนั้นก็กลายเป็เศษเนื้อและหมอกิญญาไปหมดแล้ว
นางใเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เพราะการสังหารที่รวดเร็ว แต่เพราะออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวหานินั้นมันแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ธรรมดาไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า มันแตกต่างกันมากถึงขนาดที่นางสามารถแยกมันออกได้ด้วยตาเปล่าเลย
นางลองจินตนาการว่าถ้าต้องต่อสู้กับหานิตัวต่อตัว...นางไม่สามารถมองเห็นภาพชัยชนะได้เลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น ไป๋จิงเซินสะบัดแขน เบิกช่องมิติพิเศษ เก็บเศษเืเนื้อและพลังตกค้างทั้งหมดเข้าไปอย่างเงียบงัน ไม่ให้หลงเหลือสิ่งใดไว้
หานิหายตัวไปจากที่เดิม ปรากฏตัวอีกทีข้างร่างกายของเล่ยเฉินที่ยืนาเ็หนักอยู่ เขาโยนขวดยาสีทองให้โดยไม่พูดมาก
“กินซะ”
เล่ยเฉินรับมาด้วยความเคารพ ก่อนจะเก็บดาบกลับเข้าไปในร่างก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนแรง
“ขอบคุณ...ท่านอาจารย์”
มู่หนานซือที่ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว หันมองไปรอบสนาม จากนั้นจึงออกคำสั่งเสียงเฉียบ
“ทำความสะอาดสนามรบ”
สิ้นคำสั่ง ทุกคนในนิกายต่างเร่งมือทันที พวกเขาเริ่มเก็บกวาดซากปรักหักพัง ฟื้นฟูทุกอย่างที่เสียหายอย่างรวดเร็วและซ่อมแซมรูปแบบการป้องกันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์