ตอนที่ 5 เพลงพิณหงส์แสวงคู่ สะท้านปฐี
เยว์เอ๋อร์เดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลจินราวกับคนละเมอ ในอกเสื้อของนางมิใช่เพียงถุงเงินสองร้อยตำลึงที่หนักอึ้ง แต่คือชีวิตใหม่ของมารดา คืออนาคตของน้องชาย คือการหลุดพ้นจากขุมนรกแห่งความยากจนที่พันธนาการ ครอบครัวของนางมาตลอดชีวิต แสงแดดยามสายที่สาดส่องลงบนถนนหินอ่อนของ เมืองหลัวเฟิงในวันนี้ ดูอบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหวังอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
นางไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียว รีบหาที่ลับตาคนก่อนจะสื่อสารกับระบบในใจ "ระบบ! ข้ามีเงินพอแล้ว! ยาเม็ดชำระไขกระดูก! ข้าจะซื้อมันเดี๋ยวนี้!"
[ยืนยันการทำรายการ: ยาเม็ดชำระไขกระดูก ราคา 100 ตำลึง]
[ยอดเงินคงเหลือ: 100 ตำลึง]
[กำลังสร้างวัตถุ...เสร็จสิ้น! ยาเม็ดถูกเก็บไว้ในช่องเก็บของมิติของระบบ ท่านสามารถนำออกมาได้ทุกเมื่อ]
แสงสีทองวาบขึ้นในห้วงความคิดของนาง ปรากฎภาพของเม็ดยาสีขาวบริสุทธิ์ราวกับ ไข่มุกที่ลอยเด่นอยู่ มันส่งกลิ่นอายแห่งชีวิตอันบริสุทธิ์ออกมาจางๆ เพียงแค่เห็นภาพ หัวใจของเยว์เอ๋อร์ก็พองโตด้วยความยินดีจนน้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างไม่อาจกลั้น
"ท่านแม่... ท่านแม่... ในที่สุดลูกก็ทำได้แล้ว!" นางร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยความดีใจอยู่เงียบๆ ในมุมตึก
เมื่อกลับมาถึงศาลาเสียงกระซิบ ป้าเหมยก็รีบวิ่งออกมารับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย รอยยิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน "เยว์เอ๋อร์! เ้า... เ้าทำได้จริงๆ! ข่าวจากคฤหาสน์ตระกูลจินแพร่มาถึงแล้ว!พวกเขาบอกว่าเ้าคือหมอเทวดาจุติมาเกิด!"
นางจับมือเยว์เอ๋อร์ไว้แน่น แววตาที่มองมานั้นเปลี่ยนจากความสงสารเป็ความชื่นชม และขอบคุณอย่างสุดซึ้ง "ข้าไม่รู้จะขอบคุณเ้าอย่างไรดี! ศาลาแห่งนี้... ชีวิตของข้า... เ้าเป็คนช่วยมันเอาไว้! ั้แ่วันนี้ไป ที่นี่คือบ้านของเ้า! ห้องที่ดีที่สุดในศาลานี้จะเป็ของเ้า!"
เยว์เอ๋อร์ถูกพาไปยังห้องพักชั้นบนที่สามารถมองเห็นสวนและสระบัวได้อย่างชัดเจน มันงดงามและสะอาดสะอ้านราวกับความฝันเมื่อเทียบกับกระท่อมดินท้ายหมู่บ้านแล้ว ช่างแตกต่างกันราว์กับอเวจี นี่คือผลตอบแทนจากเสียงพิณของนาง... จากการเดิมพันด้วยชีวิตของนาง
ทว่า... ชื่อเสียงก็เปรียบเสมือนดาบสองคม มันสามารถมอบเกียรติยศให้ผู้คนได้ฉันใด มันก็สามารถสร้างศัตรูให้ได้ฉันนั้น
ข่าวของ "นักพิณเทวดาหลิวยเยว์เอ๋อร์" ผู้รักษาคุณชายตระกูลจินได้ด้วยเสียงดนตรี แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลัวเฟิงรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ชื่อของนางกลายเป็หัวข้อ สนทนาในทุกโรงเตี๊ยมและโรงน้ำชา แต่สำหรับใครบางคนแล้ว... ชื่อนี้มันบาดหูยิ่งกว่าเสียงกรงเล็บขูดเหล็ก
เพล้ง!
เสียงถ้วยชาราคาแพงถูกปาลงกับพื้นจนแตกกระจาย ในห้องพักส่วนตัวของสำนัก ดนตรีไป๋ฮวาโหรวหลันยืนตัวสั่นเทาด้วยความโกรธเกรี้ยวใบหน้าที่เคยแต่งแต้มจน งดงามบัดนี้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียดน่ากลัว
"นังขอทานนั่น! นังสารเลวนั่น! มันทำได้อย่างไร!" นางตวาดลั่นใส่บ่าวรับใช้ที่ก้มหน้าตัวสั่นงันงก "แค่เสียงพิณโสโครกกับเศษไม้ผุๆ นั่นน่ะรึ จะรักษาโรคประหลาดของคุณชายจินได้!นี่มันต้องเป็เื่ต้มตุ๋นหลอกลวงแน่นอน!"
"แต่... แต่คุณหนูเ้าขา" บ่าวหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ "ข่าวนี้ท่านนายใหญ่จินเป็ผู้ยืนยันด้วยตนเองนะเ้าคะ... แถมยังปูนบำเหน็จรางวัลให้นางถึงสองร้อยตำลึง... แล้วยังยกศาลาเสียงกระซิบให้นางเป็ที่พำนักอีกด้วย"
"ศาลาเสียงกระซิบ!" โหรวหลันกรีดร้องออกมา "สถานที่อันสูงส่งนั่นน่ะรึ! จะตกไปอยู่ในมือของนังชั้นต่ำนั่น! ไม่! ข้าไม่ยอม! ตำแหน่งนักดนตรีอันดับหนึ่งของเมืองหลัวเฟิงต้องเป็ของข้าแต่เพียงผู้เดียว!"
ความอิจฉาริษยาแผดเผาจิตใจของนางจนมอดไหม้ นางเคยพยายามจะเข้าไปแสดงฝีมือที่คฤหาสน์ตระกูลจินหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้งแต่เด็กสาวไร้หัวนอนปลายเท้าผู้นี้กลับทำได้ในครั้งเดียว! นี่คือการหยามเกียรติที่นางไม่อาจยอมรับได้!
"ไปเตรียมรถม้า! ข้าจะไปที่ศาลาเสียงกระซิบ!ข้าจะไปกระชากหน้ากากของ นังจิ้งจอกนั่นให้ทุกคนได้เห็น!"
...
บ่ายวันนั้น ขณะที่เยว์เอ๋อร์กำลังซึมซับความสุขจากการได้ลิ้มรสอาหารดีๆ และไออุ่นจากห้องพักที่สะอาดสะอ้านเป็ครั้งแรกในชีวิต ความสงบสุขของนางก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมจากเบื้องล่าง
ขบวนของโหรวหลันมาถึงหน้าศาลาเสียงกระซิบอย่างเอิกเกริก นางก้าวลงจากรถม้าในอาภรณ์ที่หรูหรายิ่งกว่าเดิม ตามมาด้วยบ่าวรับใช้และนักดนตรีาุโอีกสองสามคนจากสำนักไป๋ฮวาเพื่อเสริม บารมีของตน
มาถึงนางก็ใช้เสียงแหลมสูงของนางะโก้อง ให้ได้ยินกันทั่วทั้งถนน ราวกับกำลังประกาศให้โลกรู้
"นักต้มตุ๋นที่หลอกลวงตระกูลจินซ่อนหัวอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่! ไสหัวออกมาให้ข้าเห็นหน้าเดี๋ยวนี้!"
คำประกาศนั้นได้ผลชะงัด ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างพากันหยุดมุงดูทันที ทุกคนรู้ดีว่า "นักต้มตุ๋น" ที่นางพูดถึงนั้นหมายถึงใคร นี่คือการแสดงงิ้วฉากใหญ่ที่ไม่มีใครอยาก พลาดชม
ป้าเหมยมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัดแต่เยว์เอ๋อร์ซึ่งได้ยินทุกอย่างจากชั้นบนกลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด นางค่อยๆ วางตะเกียบลง เช็ดมุมปากอย่างแช่มช้อย ก่อนจะเดินลงไปเผชิญหน้ากับพายุอารมณ์ที่รออยู่เบื้องล่างอย่างไม่เกรงกลัว
นางก้าวออกไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูศาลา โค้งคำนับเล็กน้อยตามมารยาท ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"คุณหนูผู้สูงศักดิ์ ไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใดกับศาลาเสียงกระซิบหรือเ้าคะ?"
การตอบกลับอย่างใจเย็นและใช้ชื่อ "ศาลาเสียงกระซิบ" แทนตัวเองนั้น เป็การแสดงฐานะใหม่ของนางโดยนัย มันทำให้โหรวหลันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ความโกรธจะยิ่งปะทุขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าเรียบเฉยของคนที่นางเกลียดชัง
"ธุระรึ?" โหรวหลันแค่นเสียงหัวเราะ "ข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ความจริง! ข้าไม่เชื่อว่าเสียงดนตรีชั้นต่ำของเ้าจะมีความสามารถในการรักษาโรคได้! เ้าต้องใช้เล่ห์กลสกปรกบางอย่างหลอกลวงท่านนายใหญ่จินเป็แน่!"
"ข้าจะใช้เล่ห์กลหรือไม่นั้น ไม่ใช่เื่ที่คุณหนูต้องเดือดร้อน" เยว์เอ๋อร์ตอบกลับอย่างสุภาพแต่เชือดเฉือน "ผลลัพธ์คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด"
"ปากดี!" โหรวหลันชี้หน้า "เช่นนั้นเ้ากล้าพิสูจน์ฝีมือกับข้าหรือไม่เล่า! ที่นี่! เดี๋ยวนี้! ต่อหน้าประชาชีทุกคน! เรามาประลองเพลงพิณกัน! หากเ้าแพ้... เ้าต้องกราบขอขมาข้าและไสหัวออกจากเมืองหลัวเฟิงไปซะ! แต่หากข้าแพ้..." นางกัดฟันพูด "...ข้าจะยอมรับว่าเ้าคืออัจฉริยะตัวจริงและจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย!"
นี่คือการท้าทายที่ไม่อาจปฏิเสธได้!เป็การบีบบังคับให้นางต้องลงสู่สนามรบที่โหรวหลันเป็ผู้กำหนด
ป้าเหมยพยายามจะเข้ามาห้าม แต่เยว์เอ๋อร์ส่ายหน้าเป็เชิงบอกว่าไม่เป็ไร นางมองลึกเข้าไปในดวงตาที่ลุกเป็ไฟของโหรวหลันแล้วตอบกลับด้วยเสียงที่หนักแน่น
"ข้า... รับคำท้า!"
เสียงฮือฮาดังขึ้นจากฝูงชน!เวทีประลองถูกจัดตั้งขึ้นอย่างรวดเร็วหน้าศาลาเสียงกระซิบ โหรวหลันนั่งลงอย่างสง่างามพร้อมกับพิณผีผาหงส์เพลิงคู่ใจของนาง ส่วนเยว์เอ๋อร์ยังคงเป็พิณกู่ฉินเก่าคร่ำคร่าตัวเดิม
"เอาเถิด... เพื่อให้ผู้ชมไม่ครหาว่าข้ารังแกคนต่ำต้อย" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานแต่ เชือดเฉือน "ข้าจะให้เกียรติเ้า... เลือกบรรเลงก่อน"
นางหยุดเว้นจังหวะ กวาดตามองพิณกู่ฉินเก่าคร่ำคร่าของเยว์เอ๋อร์ด้วยแววตาสมเพช ระคนขบขัน
"เลือกเพลงที่เ้าคิดว่าดีที่สุดในชีวิตมาได้เลย... เพราะไม่ว่าเ้าจะเลือกเพลงใด ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว" โหรวหลันพูดด้วยท่าทีที่ยะโสในฝีมือ ของผู้มีชัยไปแล้วครึ่งหนึ่ง
แต่ก่อนที่เยว์เอ๋อร์จะได้ตอบ เสียงของระบบก็ดังขึ้นในหัว
[ตรวจพบการท้าประลอง! นี่คือโอกาสในการสร้างชื่อเสียงและค่าบารมี!]
[ภารกิจพิเศษปรากฏ: พิณสะท้านปฐี]
[รายละเอียด: จงเอาชนะโหรวหลันในการประลองเพลงพิณต่อหน้าสาธารณชน]
[รางวัล: ปลดล็อก "หอตำราดนตรี" ระดับเริ่มต้น แต้มบารมี +50]
[ระบบมอบตำราเพลงพิเศษสำหรับการประลอง: "เพลงพิณหงส์แสวงคู่"]
เยว์เอ๋อร์เบิกตากว้าง เพลงพิณหงส์แสวงคู่! นี่คือบทเพลงในตำนานที่กล่าวกันว่า สามารถสื่อสารความรักข้ามภพข้ามชาติได้ เป็บทเพลงที่ทดสอบทั้งเทคนิคและ อารมณ์ของผู้บรรลงอย่างถึงขีดสุด! แค่เพียงชื่อเพลงก็หนักอึ้งราวกับูเาไท่ซานแล้ว! นี่คือบทเพลงที่ระบบมอบให้... เพื่อให้นางใช้ต่อสู้ในศึกครั้งนี้โดยเฉพาะ!
ขณะที่เยว์เอ๋อร์กำลังตกตะลึงกับของขวัญจากระบบ บรรยากาศภายนอกก็ได้เปลี่ยน แปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ข่าวการประลองระหว่างนักพิณเทวดาผู้ลึกลับและคุณหนูโหรวหลันแห่งสำนักไป๋ฮวาได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลัวเฟิงราวกับเชื้อไฟบนทุ่งหญ้าแห้งในฤดูสารท! จากปากต่อปาก จากตรอกสู่ถนนใหญ่ จากโรงเตี๊ยมสู่จวนขุนนาง... ทุกคนต่างทิ้งสิ่งที่กำลังทำอยู่! พ่อค้าละเลยลูกค้าของตนเอง บัณฑิตวางตำราที่กำลังอ่านลง สาวใช้ลืมธุระที่นายหญิงสั่ง... ทุกคนต่างมุ่งหน้ามายังทิศทางเดียวกัน... "ศาลาเสียงกระซิบ"!
เพียงชั่วเวลาไม่ถึงครึ่งถ้วยชา ลานกว้างหน้าศาลาก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนนับร้อยนับ พัน! คลื่นมนุษย์เบียดเสียดกันจนแทบไม่มีที่ให้แทรกตัว เสียงจอแจดังกระหึ่มราวกับเสียงฟ้าร้อง!
ป้าเหมยที่ยืนอยู่ข้างประตูด้วยความกังวลในตอนแรก บัดนี้กลับยืนอ้าปากค้างด้วย ความตกตะลึง! นางเคยฝันอยากให้ศาลากลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมาในรูปแบบนี้!
"โต๊ะ! ขอโต๊ะที่ดีที่สุด!" คุณชายในชุดผ้าไหมผู้หนึ่งะโพร้อมกับโยนตำลึงเงินลง บนโต๊ะ
"ชาชั้นเลิศกับของว่างมาเดี๋ยวนี้! ข้าไม่อยากพลาดแม้แต่โน้ตเดียว!"
"ข้างในเต็มแล้วรึ? ไม่เป็ไร! ยกโต๊ะออกมาข้างนอกสิ! เร็วเข้า!"
ศาลาเสียงกระซิบที่เคยเงียบสงัดราวกับป่าช้าบัดนี้กลับโกลาหลวุ่นวายยิ่งกว่าตลาดสด! เสี่ยวเอ้อร์สองสามคนวิ่งวุ่นจนหัวหมุน ยกโต๊ะเก้าอี้ออกมาตั้งเพิ่มจนล้นออกไปบน ถนน ป้าเหมยได้แต่ยืนงงงัน ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ปล่อยให้สถานการณ์พาไป
โหรวหลันเห็นภาพนั้นนางไม่ได้ตื่นตระหนกแต่กลับแย้มยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่งยวด นาง้าเช่นนี้! นาง้าให้คนทั้งเมืองได้เห็น! ยิ่งมีพยานมากเท่าไหร่ ชัยชนะของนางก็จะยิ่งหอมหวาน และความพ่ายแพ้ของนังขอ ทานนั่นก็จะยิ่งอัปยศอดสูมากเท่านั้น!
เยว์เอ๋อร์มองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เวทีเล็กๆ ที่จัดขึ้นอย่างเร่งรีบ บัดนี้กลับกลายเป็ลานประลองที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีสายตานับพันคู่จับจ้องมาที่นาง ความกดดันมหาศาลถาโถมเข้าใส่จนแทบหายใจไม่ออก แต่นางรู้ดี... ว่านางไม่มีทางถอยอีกแล้ว!
โหรวหลันยืนขึ้นเต็มความสูงกวาดสายตามองฝูงชนที่เนืองแน่นด้วยรอยยิ้มของผู้กำชัย นาง้าสายตาของทุกคน นาง้าพยานในชัยชนะอันสมบูรณ์แบบของนาง
"ดูเหมือนว่าทุกท่านจะพร้อมแล้วสินะ" นางกล่าวเสียงดังฟังชัด กลบเสียงจอแจรอบข้าง "เช่นนั้นข้าจะไม่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน!"
นางหันกลับมาทางเยว์เอ๋อร์ สายตาคมกริบดุจน้ำแข็งเฉือนลึกเข้าไปในใจ "ข้าเปลี่ยนใจแล้ว" นางกล่าวอย่างเ็า "การให้เ้าเล่นก่อนก็เหมือนกับการปล่อยให้ลิงหัดเขียนพู่กันคงจะน่าสมเพชเกินกว่าจะทนดูได้ และยังเป็การเสียเวลาของแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่นี่"
คำพูดของนางแทงลึกราวกับเข็มนับพันเล่ม!
"ข้าจะแสดงให้เ้าดูเป็ขวัญตาเอง" โหรวหลันประกาศกร้าว "ข้าจะขอเป็ผู้บรรเลงก่อน เพื่อตั้งมาตรฐานที่เ้าจะไม่มีวันเอื้อมถึง! จงเงี่ยหูฟังให้ดี! นี่คือบทเพลง วสันต์บนสายน้ำ! เพลงนี้ต้องใช้เทคนิคการดีดที่ซับซ้อนและรวดเร็ว ปานสายฟ้าแลบ ข้าจะให้เ้าได้เห็น... ว่าฝีมือที่แท้จริง... กับการดีดไม้ส่งเดชของพวกขอทาน... มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวอย่างไร!"
นางเริ่มบรรเลง! ปลายนิ้วของนางรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน เสียงพิณผีผาดังขึ้นราวกับเสียงมุกนับพันเม็ดที่ร่วงหล่นลงบนถาดหยก มันใสกังวานและสลับซับซ้อนอย่างยิ่ง ทุกโน้ตถูกต้องตามตำราอย่างไม่มีที่ติ ฝูงชนต่างพากันปรบมือโห่ร้องด้วยความชื่นชมในเทคนิคอันแพรวพราวของนาง
[ระบบกำลังวิเคราะห์: เทคนิคการบรรเลง 9/10 พลังเสียง 8/10 การถ่ายทอดอารมณ์ 3/10... เป็การแสดงที่สมบูรณ์แบบทางเทคนิค แต่ไร้ซึ่งจิติญญา]
เมื่อเพลงจบลง โหรวหลันเชิดหน้าขึ้นอย่างผู้ชนะ "ถึงตาเ้าแล้ว! นังขอทาน! ทำให้ดีที่สุดเถิด ก่อนที่เ้าจะต้องคุกเข่าอ้อนวอนข้า!"
เยว์เอ๋อร์ไม่พูดอะไร นางเพียงวางนิ้วลงบนสายพิณ หลับตาลงชั่วครู่ เสียงเยาะเย้ยและเสียงดูแคลนรอบข้างพลันเงียบงันลงในโลกของนาง เหลือเพียงนาง... พิณ... และท่วงทำนองแห่งตำนานที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้น
นางลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของนางเปลี่ยนไป มันสงบนิ่งและลึกล้ำราวกับสระน้ำ โบราณ
ติ๊ง...
เสียงโน้ตตัวแรกดังขึ้น... มันไม่ได้ดัง ไม่ได้รวดเร็ว แต่มันกลับก้องกังวานและแทรก ซึม เข้าไปในหัวใจของผู้ฟังทุกคนได้อย่างน่าประหลาด!
ฝูงชนที่เคยจอแจพลันเงียบกริบ!
เยว์เอ๋อร์เริ่มบรรเลงเพลง "หงส์แสวงคู่" ท่วงทำนองใน่แรกนั้นเรียบง่ายและแฝงไว้ด้วยความโหยหา มันคือเสียงของพญาหงส์ตัวผู้ที่เฝ้ารอคอยคู่รักของตนเอง เสียงพิณของนางได้วาดภาพทิวทัศน์ของูเาสูงและสายน้ำที่ไหลเอื่อยขึ้นมาในใจ ของผู้ฟังทุกคน พวกเขามองเห็นพญาหงส์ที่สง่างามแต่โดดเดี่ยว...
จากนั้น... ท่วงทำนองก็เริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มมีความหวัง มีความตื่นเต้น ราวกับพญาหงส์ได้เห็นเงาของคู่รักอยู่ไกลๆ เสียงพิณเริ่มซับซ้อนและรวดเร็วขึ้น แต่ไม่ใช่ความรวดเร็วที่โอ้อวดแบบโหรวหลัน มันคือความรวดเร็วที่เปี่ยมไปด้วย อารมณ์แห่งความยินดี!
และแล้วบทเพลงก็เดินทางมาถึงจุดสูงสุด! ท่วงทำนองะเิออกมาราวกับความรักที่อัดอั้นมานานปี! เสียงพิณดังกระหึ่มก้องกังวานราวกับเสียงร้องประสานของพญาหงส์คู่รักที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง! มันคือเสียงแห่งความสุขสมบูรณ์ ความรักที่ไร้ซึ่งเงื่อนไข! ผู้ฟังบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกราวกับว่าจิติญญาของ ตนเองได้โบยบินไปพร้อมกับพญาหงส์คู่นั้น!
ใบหน้าของโหรวหลันซีดเผือดราวกับกระดาษ! นางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง! เป็ไปไม่ได้! เป็ไปได้อย่างไร! นี่ไม่ใช่แค่ดนตรี! แต่มันคือการร่ายมนตร์! มันคือการวาดภาพด้วยเสียง!มันคือการบอกเล่าเื่ราวที่สามารถััได้ด้วยหัวใจ! เมื่อเทียบกับเพลงของนางแล้ว... มันไม่ต่างอะไรกับเสียงเด็กหัดดีดพิณ!
เมื่อโน้ตตัวสุดท้ายจางหายไป... ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งลาน...
เงียบ... จนได้ยินเสียงลมหายใจ
วินาทีต่อมา... เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้นราวกับพายุถล่ม! มันดังกว่าเสียงปรบมือที่โหรวหลันเคยได้รับมาทั้งชีวิตรวมกันเสียอีก!
"์! นี่คือเสียงพิณที่แท้จริง!"
"ข้าไม่เคยได้ยินบทเพลงที่ไพเราะเช่นนี้มาก่อนในชีวิต!"
"แม่นางหลิว! ท่านคือเทพธิดาแห่งเสียงดนตรี!"
โหรวหลันทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน... ความอัปยศอดสู... มันถาโถมเข้าใส่จนนางแทบจะสิ้นสติ