เมื่อเห็นว่าหนีจวิ้นหว่านร้องไห้ พลางวิ่งหนี สวีซื่อก็รีบติดตามไปอย่างร้อนใจ
ทุกคนส่ายหน้า ก่อนถอนหายใจด้วยความสมเพช
ทางด้านนายท่านสกุลหนี ตอนนี้รู้สึกขายหน้าจนแทบอยากจะแทรกดินหนี
ส่วนสวีเพ่ยหราน หลังจากถูกตำหนิว่าด้อยกว่าโจวชิงหวา ก็รู้สึกเสียใจระคนอับอาย เขากลับไปนั่งที่ของตน แล้วยกจอกสุราขึ้นดื่มอย่างต่อเนื่อง
หนีเจียเอ๋อร์เดินไปอยู่ข้างๆ โจวชิงหวา นางแสยะยิ้ม ก่อนเอ่ยถาม “อะไรกัน! ปกติเ้าไม่ทำแบบนี้กับสตรีนี่นา เหตุใดวันนี้ถึงกลั่นแกล้งพี่สาวข้า ด้วยวิธีที่น่ารังเกียจเช่นนั้น?”
โจวชิงหวาเหยียดยิ้มบางๆ “น่ารังเกียจอันใดกัน? นี่เรียกว่าโจมตีกลับด้วยกลยุทธ์เดียวกันต่างหาก”
หนีเจียเอ๋อร์จึงถามอีก “เพราะนางเล่นงานข้า เ้าจึงโจมตีกลับด้วยวิธีเดียวกันอย่างนั้นหรือ?”
โจวชิงหวาหันไปมอง “เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน ดื่มนมจากเต้าเดียวกัน อาบน้ำถังเดียวกัน เ้ากับข้าเสมือนดั่งคนคนเดียวกัน นางเล่นงานเ้าก็เหมือนลงมือกับข้า”
เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ความคลุมเครือในวาจาดังกล่าว ทำให้แก้มนวลของหญิงสาวร้อนผ่าวเล็กน้อย “ไม่คุยกับเ้าแล้ว ข้าจะไปเดินเล่น สูดอากาศสักหน่อย!”
ชายหนุ่มมองตามหลังนาง พลางยกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ
...
อีกด้านหนึ่ง
สวีเพ่ยหรานซึ่งกำลังเมาได้ที่ พอเห็นหนีเจียเอ๋อร์แยกตัวออกไปเพียงลำพัง ก็วางจอกสุราในมือลง แล้วรีบติดตามไป
ภายในสวน แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ขับผิวสตรีชุดแดงให้นวลผ่องยิ่งขึ้น หนีเจียเอ๋อร์ในยามนี้ ช่างดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลยิ่งกว่าหญิงใดในแคว้นฉีหลาน
สวีเพ่ยหรานเดินเข้าไปคว้ามืออีกฝ่าย “เสี่ยวเอ๋อร์... เสี่ยวเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเ้า! เรากลับมาคืนดีกันได้หรือไม่?”
“สวีเพ่ยหราน ปล่อยข้านะ!” หญิงสาวพยายามสะบัดมืออย่างสุดกำลัง แต่เรี่ยวแรงสตรีไหนเลยจะสู้บุรุษได้
“ไม่! ข้าจะไม่ปล่อยเ้าอีกแล้ว เสี่ยวเอ๋อร์ เ้าเป็ของข้า...”
ด้วยความมึนเมา ปราศจากสติยั้งคิด ทำให้ความละอายหายไปจนหมดสิ้น ชายหนุ่มจึงรั้งร่างบางเข้าหาตัวอย่างแรง
หนีเจียเอ๋อร์หน้าซีดเผือด พยายามร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง “ช่วยด้วย... ช่วยข้าด้วย!”
หนีเจียเฮ่อที่ออกมาสูดอากาศข้างนอกพอดี บังเอิญได้ยินเข้า จึงรีบทะยานตามเสียงมาทันที แล้วประเคนหมัดหนักๆ ใส่หน้าสวีเพ่ยหรานเต็มแรง
“เสี่ยวเอ๋อร์ ปลอดภัยดีหรือไม่?”
ไม่นานนัก บรรดาผู้คุ้มกันของจวนก็วิ่งกรูกันเข้ามา
“ท่านพี่ไม่ต้องห่วง ข้าปลอดภัยดี” หนีเจียเอ๋อร์หันไปจ้องสวีเพ่ยหรานเขม็ง “ส่งคุณชายสวีกลับจวนเสีย!”
เหล่าผู้คุ้มกันเข้ามาพยุงร่างของชายหนุ่มออกไป
จากนั้น หนีเจียเอ๋อร์และหนีเจียเฮ่อจึงเดินมาที่ห้องโถงอีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันถึงประตู จู่ๆ ก็มีบุคคลปริศนา ซึ่งแต่งกายเหมือนบ่าวในเรือนเข้ามาคว้าตัวหนีเจียเอ๋อร์ไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนหนีเจียเฮ่อตั้งรับไม่ทัน กว่าจะได้สติ น้องสาวก็ถูกลักพาตัวออกจากสวนไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มไม่รอช้า รีบวิ่งตามไปทันควัน พร้ะเบ็งเสียง “ชิงหวา หนีเจียเอ๋อร์โดนจับตัวไปแล้ว!”
ด้านโจวชิงหวา ทันทีที่ได้ยินเสียงของเจียเฮ่อ เขาก็ทะยานร่างฝ่าฝูงชน ไล่ตามผู้ที่ลักพาตัวหญิงสาวไปในทันใด
ส่วนหนีเจียเอ๋อร์ ตอนนี้กำลังถูกชายสองคนฉุดกระชากลากถู จนร่างบางครูดทั้งกำแพง หิน และกิ่งไม้ จนาเ็ไปทั้งตัว
ทันใดนั้น ก็มีร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาขวางหน้า แววตาอันเยือกเย็นของอีกฝ่าย เต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรงจนพวกโจรหวาดหวั่น
หนีเจียเอ๋อร์มองคนตรงหน้า พลางบอกเบาๆ “ข้าปลอดภัยดี”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงที่เอ่ย กลับเต็มไปด้วยความทรมานและทุกข์ทน จนโจวชิงหวารู้สึกปวดใจยิ่งนัก ชายหนุ่มจึงชักกระบี่ออกมา จ่อไปยังคนร้ายทั้งสอง “ปล่อยนางเสีย!”
พวกผู้ร้ายลอบมองหน้ากัน แล้วหนึ่งในนั้นก็พาตัวหนีเจียเอ๋อร์ไป โดยมีอีกคนยืนประจันหน้ากับโจวชิงหวา เพื่อยื้อเวลาให้
แต่หนีเจียเฮ่อที่วิ่งตามมา รีบพุ่งเข้าใส่ผู้ที่กำลังจะหลบหนี แต่อีกฝ่ายคล้ายจะรู้ตัว จึงใช้หนีเจียเอ๋อร์เป็โล่กำบัง
หนีเจียเฮ่อเบิกตากว้าง รีบหักข้อมือเบี่ยงปลายกระบี่ได้อย่างทันท่วงที
โจวชิงหวาะโมาอยู่ตรงหน้าเขา “ปล่อยให้เป็หน้าที่ข้าเถอะ”
หนีเจียเฮ่อผงกศีรษะ แล้วหันไปจัดการกับผู้ร้ายอีกคน
โจวชิงหวาขว้างมีดสั้นออกไป ก่อนอ้อมมาโจมตีที่ด้านหลัง ของผู้ซึ่งควบคุมตัวหนีเจียเอ๋อร์
พอภัยมาถึงตัว คนผู้นั้นก็ละมือจากร่างหญิงสาว ก่อนหันมาป้องกันและตอบโต้การโจมตี
หลังต่อสู้กันมาพักใหญ่ เ้าโจรชั่วทั้งสองก็ยอมล่าถอย และหนีเข้าไปในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งหนีเจียเฮ่อก็ตั้งท่าจะไล่ตามไป “ชิงหวา พาเสี่ยวเอ๋อร์กลับไปก่อน ข้าจะตามมันไปเอง”
“ระวังตัวด้วย!”
“โปรดระวังด้วยเ้าค่ะ!”
โจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์ร้องเตือนพร้อมๆ กัน
เพียงแผ่นหลังของบรรดาผู้คุ้มกันและหนีเจียเฮ่อลับหาย ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนั่ง พลางถกชายกระโปรงหญิงสาวขึ้นเล็กน้อย เพื่อตรวจดูาแตามเรียวขาของอีกฝ่าย
หนีเจียเอ๋อร์สะดุ้งเฮือก รีบถอยห่างทันที
โจวชิงหวาคว้าข้อเท้าเล็ก ก่อนปรามเสียงต่ำ “อย่าขยับ”
ว่าแล้ว ก็หยิบกระปุกสีทองออกมา โรยผงยาไปบนรอยขีดข่วน ที่ถูกกิ่งไม้ครูดบนขาของนาง
หลังจากตรวจสอบอย่างถ้วนถี่แล้ว ว่าหญิงสาวไม่เป็อะไร เขาก็รีบอุ้มนางขึ้นมา และพากลับไปยังจวนสกุลหนี
ทันทีที่มาถึงหน้าจวน ชายหนุ่มก็ปล่อยหนีเจียเอ๋อร์ลง เพื่อมิให้เป็ที่ครหา จากนั้น จึงเปลี่ยนเป็ช่วยพยุงอีกฝ่ายเข้าไปข้างในแทน
เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้บรรดาแเื่พากันตื่นตระหนก และตั้งตารอฟังข่าว ไม่ยอมจากไปไหน
ด้านมู่หรงจิ่งหลี ก็สั่งให้องครักษ์ส่วนตัวออกไปช่วยอีกแรง
ส่วนเว่ยอี๋เหนียง ก็เอาแต่นั่งร้องไห้จนแทบจะเป็ลมล้มพับ ด้วยความห่วงใยบุตรสาว
นายท่านสกุลหนีก็ร้อนใจไม่แพ้กัน หลังเดินวนเป็หนูติดจั่นอยู่พักใหญ่ จึงตัดสินใจเดินไปที่หน้าประตูห้องโถง
“นายท่าน คุณชายโจวช่วยคุณหนูรองกลับมาได้อย่างปลอดภัยแล้วขอรับ”
ตอนนั้นเอง บ่าวผู้หนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานให้ทุกคนทราบ
นายท่านสกุลหนีถอนหายใจอย่างโล่งอก
เว่ยอี๋เหนียงก็ยกยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ
แขกทุกคนต่างก็พลอยโล่งอกไปด้วย ที่คุณหนูรองของสกุลหนีปลอดภัย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงพากันขอตัวกลับ เพื่อให้คุณหนูรองและครอบครัวได้พักผ่อน หลังผ่านเื่เลวร้ายมา
มีเพียงมู่หรงจิ่งหลีเท่านั้น ที่ยังคงยืนกรานว่าจะอยู่ต่อเพื่อปลอบใจหนีเจียเอ๋อร์ แต่พอได้ยินเสียงปฏิเสธอย่างหนักแน่นของนายท่านสกุลหนี จึงจำใจต้องกลับพร้อมแขกคนอื่นๆ
ทางด้านโจวชิงหวา ก็พาหนีเจียเอ๋อร์ไปส่งจนถึงมือเสี่ยวเสวียน สาวใช้คนสนิทของนาง
ซึ่งเป็จังหวะเดียวกันกับที่เว่ยอี๋เหนียง และนายท่านสกุลหนีมาหาบุตรสาวพอดี หญิงสาวจึงรีบเข้าไปกอดปลอบมารดาที่กำลังตื่นใทันที
หลังจากทุกอย่างกลับมาสงบดังเดิม หนีเจียเอ๋อร์ก็หันไปขอร้องโจวชิงหวา ให้พาตนไปรอพี่ชายที่หน้าประตูจวน
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป หนีเจียเฮ่อและเหล่าผู้คุ้มกันก็กลับมา พร้อมร่างไร้ิญญาทั้งสอง
แล้วจึงเล่าเื่ราวทั้งหมด ให้คนทั้งสองทราบ “ขณะที่เรากำลังไล่ตามไป จู่ๆ ก็มีมือสังหารในเงามืด มาชิงปลิดชีพพวกมันเสียก่อน”
“ท่านจะบอกว่าพวกมันถูกฆ่าปิดปาก อย่างนั้นหรือ?” โจวชิงหวาเอ่ย พลางขมวดคิ้วแน่น
ตอนนั้นเอง หนีเจียเอ๋อร์ก็เดินดุ่มๆ เข้าไปตรวจสอบสภาพการตายของร่างไร้ิญญาทั้งสอง
ไม่เพียงโจวชิงหวา แม้แต่หนีเจียเฮ่อและเหล่าผู้คุ้มกัน ก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
ทุกคนมองหญิงสาวที่กำลังลงมือตรวจสอบศพของโจรชั่วทั้งสอง ด้วยความประหลาดใจ
หากเป็สตรีอื่น คงจะกรีดร้องด้วยความพรั่นพรึงไปแล้ว เมื่อเห็นร่างอันไร้ิญญาเช่นนี้...