"ฝ่าา! เกิดอะไรขึ้นกับท่าน!?" ผู้บัญชาการต่างก็ประคองร่างของโม่หยุนเทียนไว้ไม่ให้ล้มลง
"ดูเหมือนว่าพิษในร่างกายข้าจะกำเริบ" โม่หยุนเทียนไอออกมาเป็เื
ผู้บัญชาการที่ดูเหมือนนักวิชาการก็ะโเสียงดัง "เรียกหมอหลวงมาที่นี่!"
แม้แต่หนานกงเสวี่ย ภรรยาของโม่หยุนเทียนก็เดินลงมาจากอัฒจันทร์ด้วยท่าทางที่ร้อนรน
แต่ในขณะนั้นโม่หยุนเทียนกลับกระพริบตาอย่างลับๆให้กับหนานกงเสวี่ย
"เอ๊ะ!" หนานกงเสวี่ยประหลาดใจในการกระทำของโม่หยุนเทียน แต่ไม่นานนางก็เริ่มจะเข้าใจวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเขา
นางเป็คนเฉลียวฉลาด ดังนั้นนางสามารถเข้าใจได้ว่าโม่หยุนเทียนแค่แกล้งทำเท่านั้น!
"อาการของฝ่าากำเริบ ขณะนี้เราไม่สามารถกล่าวลาทุกท่านได้ ขอให้ทุกท่านแยกย้ายกันไป" ผู้บัญชาการสาวที่ชื่อเสี่ยวเหมียวประกาศเสียงดัง
ทุกคนที่เหลืออยู่ในงานต่างแยกย้ายกันไปหลังจากสิ้นสุดคำพูดของเสี่ยวเหมียว พวกเขารู้ว่าตอนนี้ผู้บัญชาการเสี่ยวอารมณ์ไม่ดี เหลือเพียงแต่หัวหน้าตระกูลปิงและหัวหน้าตระกูลเจิ้งที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น
"นี่เป็ฝีมือของทูตจากราชวงศ์หยุนหรือไม่?" ผู้บัญชาการที่ถือดาบอยู่ในมือพูดขึ้นมา
"ข้าไม่แน่ใจ แต่ก็มีความเป็ไปได้" ผู้บัญชาการเสี่ยวเหมียวก็คิดเห็นเช่นนั้น
"ให้ฝ่าาไปพักผ่อน เราจะหารือเื่นี้กันทีหลัง" หลังจากที่หมอหลวงมาถึง พวกเขานำตัวโม่หยุนเทียนไปพักฟื้นทันที
.
.
.
ด้านในห้องคลังสมบัติขนาดใหญ่ หลี่ชิงหยุนกำลังเดินไปรอบๆที่แห่งนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยสมบัติมากมายมากกว่าคลังส่วนตัวของโม่หยุนเทียนด้วยซ้ำ
หลี่ชิงหยุนใช้เวลาของเขาเพื่อเดินดูให้ทั่วห้อง
ผู้บัญชาการหลงมู่แค่ยืนกอดอกอยู่ที่ทางเข้าและยืนรอหลี่ชิงหยุนอย่างใจเย็น
ผ่านไปครึ่งก้านธูปหลี่ชิงหยุนก็หยิบบางอย่างออกมา ในมือของเขาคือหยกอุ่นหมื่นปี ในตอนแรกเขา้าเหล็กอุกกาตเพื่อสร้างดาบเล่มใหม่ แต่ตอนนี้เขามีกระบี่กลืนิญญาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเลือกหยกอุ่นหมื่นปีแทน เพื่อมอบมันให้กับนาหลันเสี่ยวฉี เพราะสิ่งนี้สามารถช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของนางให้เพิ่มเร็วมากยิ่งขึ้น
"เ้าหนู เ้า้าสิ่งนี้จริงๆหรือ?" หลงมู่เหลือบมองไปที่สิ่งของในมือของหลี่ชิงหยุน ไม่ว่าจะมองอย่างไรสิ่งนี้ดูเหมือนเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงเท่านั้น
"แน่นอน" หลี่ชิงหยุนพยักหน้า เขาตัดสินใจแล้วแม้ว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาอยากได้ แต่สิ่งนี้จะช่วยสนับสนุนนาหลันเสี่ยวฉีได้ตลอดชีวิต
"งั้นก็ไปกันเถอะ" หลงมู่นำทางหลี่ชิงหยุนไปที่ห้องรับแขก
ทั้งสองเดินกันมาจนถึงห้องรับแขกของพระราชวัง บนเก้าอี้ขนาดใหญ่โม่หยุนซี นาหลันเสี่ยวฉี และเสิ่นชิงกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนกู่ซินเหลียนนางกำลังนั่งเงียบๆคนเดียวอยู่ห่างๆ ดูเหมือนว่านางจะไม่กล้าแสดงออกสักเท่าไหร่
ด้านหน้าเก้าอี้มีหญิงสาวผมสีขาวในชุดสีฟ้าอ่อน รูปร่างของนางดูมีเสน่ห์ราวกับสาวใหญ่ และด้านข้างของนางมีชายหนุ่มในชุดสีฟ้ายืนอยู่ นั่นคือปิงหยาและปิงเสวียนอย่างแม่นยำ พวกเขาทั้งคู่กำลังยืนคุยอยู่กับปิงเสวี่ยเอ๋อร์
"น้องเขย เ้ามาแล้ว" ปิงเสวียนมองไปที่ประตูขณะที่หลี่ชิงหยุนกำลังเดินเข้ามา เขาเดินไปตบไหล่หลี่ชิงหยุนอย่างแรง
"พี่ปิงเสวียน ท่านมาทำอะไรที่นี่?" หลี่ชิงหยุนประหลาดใจเล็กน้อย
"เฮ้อ~" ปิงเสวียนถอนหายใจ "ท่านแม่ของข้า้าให้เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปที่ตระกูล แต่ดูเหมือนว่านาง้าจะไปที่พำนักของเ้า"
"เอ๊ะ?" หลี่ชิงหยุนชำเลืองมองไปที่หญิงสาวผมสีขาว เขาเพิ่งสังเกตุเห็นว่าระหว่างปิงหยากับปิงเสวี่ยเอ๋อร์นั้นดูคล้ายคลึงกันมาก ราวกับทั้งสองคนเป็เหมือนพี่น้องกัน
เพียงแต่รูปร่างของปิงหยานั้นดูมีเสน่ห์กว่าเล็กน้อย
"หนุ่มน้อย ดูเหมือนว่าเ้าจะขโมยหัวใจลูกสาวตัวน้อยของข้าไปเสียแล้ว" ปิงหยาหันมามองที่หลี่ชิงหยุนและหัวเราะเบาๆอย่างมีเสน่ห์
"คารวะหัวหน้าตระกูลปิง" หลี่ชิงหยุนกำหมัดทักทายอย่างสุภาพ
"คิกคิก ไม่จำเป็ต้องสุภาพกับข้า แค่เรียกข้าว่าท่านป้า" ปิงหยาดูจะสนใจหลี่ชิงหยุนจริงๆ
"เข้าใจแล้ว ท่านป้า" หลี่ชิงหยุนเห็นว่าปิงหยาเป็ผู้หญิงที่มีอัธยาศัยดี เขาจึงทำตามที่นางบอกอย่างไม่ลังเล
"ปิงหยา ฝ่าาอยู่ที่ไหน?" หลงมู่เดินเข้ามาในวงสนทนา
"ฝ่าา...อาการาเ็ของฝ่าากำเริบเล็กน้อย" ปิงหยาเล่าให้หลงมู่ฟังถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
"หยุนเซิง! ต้องเป็ฝีมือไอ้สารเลวนั่นอย่างแน่นอน!" หลงมู่กัดฟันอย่างโกรธเคือง อาการของโม่หยุนเทียนไม่เคยปรากฏชัดต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าโม่หยุนเทียนได้รับาเ็ แต่นี่เป็ครั้งแรกที่โม่หยุนเทียนแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าประชาชนของเขา
"ข้าจะไปหาฝ่าา" หลงมู่เดินออกจากห้องรับรองแขกทันทีด้วยท่าทีที่ร้อนรน
หลี่ชิงหยุนที่ฟังเหตุการณ์อยู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเข้าไปดูอาการของโม่หยุนเทียนได้
"อาหยุน เ้านำสมบัติอะไรกลับมา" นาหลันเสี่ยวฉีเดินเข้ามาใกล้หลี่ชิงหยุนอย่างอยากรู้อยากเห็น
หลี่ชิงหยุนยิ้มจางๆ
"ฉีฉี แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเ้า" หลี่ชิงหยุนหยิบหยกอุ่นหมื่นปีขึ้นมา ขณะนี้บนตัวหยกมีเชือกผ้ากำลังคล้องหยกนี้อยู่ หลี่ชิงหยุนตั้งใจทำให้มันเป็สร้อยคอสำหรับนาหลันเสี่ยวฉีโดยเฉพาะ
"เอ่อ..." นาหลันเสี่ยวฉีดูมึนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นหยกสีฟ้าที่ดูสวยงาม แน่นอนว่าหญิงสาวทุกคนชอบเครื่องประดับ แต่นางไม่คาดคิดว่าสิ่งที่หลี่ชิงหยุนนำออกมานั้นเขาจะให้มันกับนางโดยเฉพาะ
นาหลันเสี่ยวฉีรู้สึกถึงความหวานในหัวใจของนางที่เพิ่มขึ้น
"ฉีฉี ให้ข้าสวมให้เ้า" หลี่ชิงหยุนเดินอ้อมไปด้านหลังของนาง เขาเปิดผมที่กำลังปิดต้นคอของนางออก ต้นคอเรียวยาวสีขาวหยกนี้กำลังทำให้จิตใจของหลี่ชิงหยุนปั่นป่วน
หลังจากสวมเรียบร้อย นาหลันเสี่ยวฉีก็เดินไปที่กระจกและส่องดูสร้อยคอที่หลี่ชิงหยุนมอบให้
"อาหยุน ข้าชอบมันมาก" นาหลันเสี่ยวฉีเดินไปหอมแก้มของหลี่ชิงหยุนอย่างเขินอาย การแสดงออกของนางนั้นไม่สนใจผู้คนที่อยู่รอบๆเลยแม้แต่น้อย
"อะแฮ่มๆ" หญิงสาวในห้องไอออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อเห็นทั้งคู่หวานใส่กันราวกับเป็โลกของทั้งสองคน
นาหลันเสี่ยวฉีที่เห็นดังนั้น นางหันหน้าหนีอย่างเขินอายและเดินไปทางปิงเสวี่ยเอ๋อร์
สายตาของหญิงสาวในห้องรับรองแขกดูอิจฉานาหลันเสี่ยวฉีอย่างมาก
"หากข้าพบเจอสิ่งใดที่เหมะสมกับเ้า ข้าจะมอบมันให้กับเ้าอย่างแน่นอน" เมื่อเห็นสายตาที่ร้อนผ่าวของเสิ่นชิงและปิงเสวี่ยเอ๋อร์ หลี่ชิงหยุนก็อดไม่ได้จะพูดออกมา
ทั้งสองดูมีความสุขทันทีกับคำพูดของหลี่ชิงหยุน
"เสิ่นชิง เ้า้ากลับไปที่ตระกูลเสิ่นหรือไม่?" หลี่ชิงหยุนหันไปถามเสิ่นชิง
"ไม่ ข้าจะไปที่พำนักของเ้า" เสิ่นชิงพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"เอ่อ..." หลี่ชิงหยุนพูดไม่ออก ก่อนที่จะหันไปหากู่ซินเหลียน "แล้วเ้าหละ?"
"ข้าสามารถนอนที่ที่พำนักของเ้าได้เช่นกัน" กู่ซินเหลียนเองก็พูดคำที่ทำให้หลี่ชิงหยุนพูดไม่ออกเช่นกัน
พรุ่งนี้กู่ซินเหลียนจะกลับไปพร้อมกับหลี่ชิงหยุน ดังนั้นการนอนพักในที่พำนักของเขาจึงไม่เสียหายอะไร
แต่หลี่ชิงหยุนไม่คาดคิดว่ากู่ซินเหลียนก็้าจะพักผ่อนที่เดียวกันกับเขาด้วย
"งั้นกลับกันเถอะ คืนนี้ข้ามีบางอย่างจะสอนพวกเ้า" หลี่ชิงหยุนมีแผนที่จะให้หญิงสาวทั้งหมดฝึกฝนร่วมกัน
"คืนนี้?" แต่เมื่อพวกนางได้ยินเช่นนั้นพวกนางกลับมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกและเปลี่ยนเป็สีแดงเล็กน้อย
"หืม? พวกเ้าคิดอะไรกัน? ข้าแค่จะสอนวิธีที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเ้าเท่านั้น" เมื่อมองดูสีหน้าเขินอายของหญิงสาว หลี่ชิงหยุนเข้าใจทันทีว่าพวกนางต้องจินตนาการถึงบางอย่างที่ไม่ดี
จู่ๆปิงเสวียนก็กระซิบข้างหูหลี่ชิงหยุนเบาๆ "น้องเขย เ้ามีภรรยาเยอะเช่นนี้ เ้าจะรับมือไหวหรือไม่?"
"อะแฮ่มๆ พี่ปิง ท่านพูดเื่ไร้สาระอะไรอยู่?" หลี่ชิงหยุนสำลักน้ำลาย เขาไม่คาดคิดว่าปิงเสวียนจะเป็คนขี้เล่น
"ฮิๆๆๆ" ปิงเสวียนยกนิ้วโป้งให้กับเขา
"ท่านแม่ ข้าก็จะไปที่พำนักของหยุนด้วย แล้วพรุ่งนี้ข้าจะกลับไปตระกูล" ปิงเสวี่ยเอ๋อร์พยายามเกลี้ยกล่อมปิงหยา เพราะบ้านพักของหลี่ชิงหยุนและตระกูลปิงนั้นอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนัก
"ตามใจเ้าเถิด" ปิงหยาถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าบุตรสาวของนางจะติดหนึบเข้ากับหลี่ชิงหยุนอย่างแท้จริง
หลังจากพูดคุยกันเล็กน้อยพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันกลับที่พักของหลี่ชิงหยุน
. . .
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป หลี่ชิงหยุนพร้อมกับโม่หยุนซี นาหลันเสี่ยวฉี เสิ่นชิง ปิงเสวี่ยเอ๋อร์และกู่ซินเหลียนก็มาถึงหน้าประตูรั้วของหลี่ชิงหยุนแล้ว
"องค์หญิง ท่าน้าเข้าร่วมการฝึกหรือไม่?" หลี่ชิงหยุนหันไปถามโม่หยุนซี หลี่ชิงหยุนมีแผนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับหญิงสาวรอบตัวของเขาทุกคน เพื่อให้พวกนางใช้ในการปกป้องตนเองในอนาคต
"การฝึก...การฝึกอะไร?" โม่หยุนซีดูสนใจเล็กน้อยกับสิ่งที่หลี่ชิงหยุนเสนอแนะ
"นั่นคือวิธีการสื่อสารกับเต๋าแห่งธรรมชาติ...การเข้าสู่สภาวะเต๋า!" หลี่ชิงหยุนยิ้มและพูดอย่างเชื่องช้า แต่คำพูดของเขานั้นทำให้โม่หยุนซีอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อ
"หลี่ชิงหยุน หลังจากฝึกแล้วข้าจะสามารถสื่อสารกับเต๋าได้หรือไม่?" โม่หยุนซีเคยได้ยินจากโม่หยุนเทียนว่าการเข้าสู่สภาวะเต๋ามีเงื่อนไขหลายประการ
ประการที่หนึ่งเกิดจากอารมณ์ที่หลากหลาย หากผู้ฝึกฝนมีอารมณ์สุดขั้วในขณะนั้นอย่างเช่น มีความสุข เสียใจ สิ้นหวังหรือเศร้าโศกจะทำให้ผู้ฝึกฝนสามารถสื่อสารกับเต๋าได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น เพราะอารมณ์จะดึงพลังแฝงที่ซ่อนเร้นออกมาเพื่อสร้างการเชื่อมต่อกับเต๋าได้เร็วขึ้น หรือผู้ที่อยู่ในสภาวะใกล้ตายหรือสถานการณ์ที่สิ้นหวังก็สามารถสื่อสารกับเต๋าได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ประการที่สองคือประสาทััทั้งห้า ที่จำเป็จะต้องอยู่ในสภาวะตื่นตัวสุดขีดพร้อมๆกัน หรืออยู่ในสภาวะปิดประสาทััทั้งหมดจึงจะสามารถสื่อสารกับธรรมชาติรอบกายได้
ประการที่สามเกิดจากการต่อสู้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่โชกโชนและการสังหารผู้คนไปมากมายจนเกิดความเคยชินกับสภาพแวดล้อมทุกๆครั้งที่เกิดการต่อสู้
และยังมีอีกหลายเงื่อนไขที่ยังไม่ปรากฏออกมาอย่างแน่ชัด...
โม่หยุนซีไม่เคยได้ยินว่าการเข้าสู่สภาวะเต๋านั้นสามารถฝึกฝนกันได้ โม่หยุนเทียนเคยบอกว่าเต๋าคือสภาวะของการตรัสรู้อย่างกะทันหันเท่านั้น
แม้แต่กู่ซินเหลียนที่เชี่ยวชาญด้านพลังิญญาก็สนใจหัวข้อนี้เช่นกัน
การเข้าสู่สภาวะเต๋าคือการยืมพลังจากธรรมชาติมาใช้งานในรูปแบบพลังงานพิเศษ ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้มากขึ้นหลายเท่าตัวหากต้องต่อสู้กับบุคคลที่มีระดับเดียวกัน
อีกทั้งสภาวะเต๋าไม่ได้กำหนดแค่อาวุธดาบอย่างเดียว สิ่งนี้สามารถใช้ได้กับทุกอาวุธ ขึ้นอยู่กับการแปรรูปพลังงานธรรมชาติขึ้นมาตามความ้าของผู้ใช้
"ไปที่ลานกว้างกันเถอะ" หลี่ชิงหยุนนำทางพวกนางเข้าไปในลานบ้าน
นาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงดูจะสนใจอย่างมาก พวกนางเป็ผู้ใช้ดาบทั้งคู่ หลี่ชิงหยุนอาจจะแนะนำแนวทางเต๋าแห่งดาบให้กับพวกนางได้ง่ายขึ้น
"สิ่งที่ข้า้าจากพวกเ้ามีเพียงไม่กี่อย่าง ห้ามบอกใครเกี่ยวกับการฝึกฝนครั้งนี้ นี่เป็สิ่งที่อันตรายมากหากมีกลุ่มคนใดรู้เข้า อีกอย่างห้ามบอกใครว่าข้าเป็คนสอนการฝึกนี้ให้กับพวกเ้า" ระหว่างเดินหลี่ชิงหยุนพูดถึงข้อห้ามทั้งหมด เพื่อป้องกันเหตุร้ายบางอย่างในอนาคต
"ข้าเข้าใจ" หญิงสาวทั้งหมดพยักหน้าพร้อมกัน
เมื่อถึงลานบ้านขนาดใหญ่ หลี่ชิงหยุนเริ่มอธิบายความหมายและสิ่งที่ต้องทำเพื่อสื่อสารกับเต๋า "ข้าจะอธิบายความหมายของคำว่าเต๋า (道) เต๋าเปรียบเสมือนเส้นทางหรือวิถีที่จะนำทางผู้ฝึกตนเข้าสู่เส้นทางแห่งธรรมชาติซึ่งเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง แต่เส้นทางของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน"
"ตัวอย่างเช่น ข้าเชี่ยวชาญในการใช้ดาบ ดังนั้นเส้นทางของข้าจึงถูกเรียกว่าเส้นทางเต๋าแห่งดาบ"
"การเข้าสู่สภาวะเต๋าในครั้งแรกของพวกเ้า สิ่งที่จำเป็ตลอดการฝึกคือพวกเ้าห้ามใช้พลังฉีเด็ดขาด และเ้าต้องปิดประสาทััทั้งห้าให้ใช้เพียงแค่ความคิดและความรู้สึกในการสื่อสารกับเต๋าแห่งธรรมชาติเท่านั้น" หลี่ชิงหยุนคอยแนะนำไปทีละขั้น
"ดูให้ดี" หลี่ชิงหยุนพลันหยิบดาบไม้ออกมา ทันใดนั้นรัศมีสีขาวบางๆปรากฏขึ้นล้อมรอบดาบไม้ไว้ แม้ว่าสิ่งนี้จะดูเหมือนง่ายแต่การทำจริงๆอย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายวัน แต่หากพวกนางมีตัวอย่างให้ดู บางทีพวกนางอาจจะเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าได้ง่ายยิ่งขึ้น
พวกนางเห็นว่าพลังธรรมชาติที่ลอยอยู่ในอากาศกำลังรวมตัวเป็คลื่นสีขาวบนดาบไม้!
ดาบไม้ในมือหลี่ชิงหยุนในขณะนี้เต็มไปด้วยพลังงานคลื่นสีขาวที่วุ่นวาย แต่มันกลับให้รัศมีที่เฉียบคมอย่างแปลกประหลาด ทันใดนั้นเขาหยิบแท่งเหล็กขนาดใหญ่ออกมา แท่งเหล็กนี้มีสีดำและความหนาประมาน 20 เิเ
"อย่าบอกนะว่า..." หญิงสาวทั้งหมดกำลังจินตนาการถึงบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ
หลี่ชิงหยุนฟาดดาบไม้ไปที่แท่งเหล็กหนาด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล
"ฉัวะ!"
ทันใดนั้นแท่งเหล็กที่หนาเตอะถูกฟันขาดเป็สองท่อนอย่างง่ายดาย! รอยแยกที่ขอบแท่งเหล็กไม่มีตำหนิใดๆเลย มีเพียงรอยฟันที่เรียบเนียนและปราณีต
"นี่คือข้อได้เปรียบของการเข้าสู่สภาวะเต๋า แม้ว่าพวกเ้าจะมีแค่เศษไม้ในมือ แต่พวกเ้าก็สามารถใช้มันเป็อาวุธเพื่อตัดเหล็กได้เช่นกัน" หลี่ชิงหยุนพูดทฤษฎีในขณะที่เหล่าหญิงสาวกำลังขมวดคิ้วและตั้งใจฟัง "ยิ่งพลังงานเต๋าบริสุทธิ์มากเท่าใด ความเฉียบคมและพลังทำลายล้างจะเพิ่มมากขึ้น!"
"สิ่งนี้ใช้ได้กับศาสตราวุธทุกชนิด แต่จำไว้ว่าห้ามนำพลังเต๋าแห่งธรรมชาติเข้าสู่ร่างกายหรือเข้าสู่เส้นลมปราณเด็ดขาด เพราะเต๋าแห่งธรรมชาติสามารถนำมาใช้ในรูปแบบของการโจมตีภายนอกเท่านั้น"
ทันใดนั้นหลี่ชิงหยุนหยิบพู่กันและม้วนกระดาษขนาดใหญ่ออกมา เขาจับพู่กันและปล่อยความตั้งใจของเต๋าแห่งดาบลงในพู่กัน เขาเขียนคำบางคำของไปในกระดาษม้วนนั้น
ข้อความที่หลี่ชิงหยุนเขียนนั้นคือคำว่า (劍) แม้ว่าคำนี้จะดูธรรมดาแต่มันกลับแฝงไปด้วยความตั้งใจของเต๋าแห่งดาบที่เหลือล้น! หญิงสาวที่ใช้ดาบเป็อาวุธสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อเป็สื่อในการเข้าถึงและอ้างอิงเกี่ยวกับเต๋าได้
หลังจากอธิบายหลี่ชิงหยุนใช้เวลาในการตอบคำถามของพวกนางอยู่พักใหญ่
"เอาล่ะ พวกเ้าฝึกฝนกันไปก่อน ข้าจะไปที่ไหนสักแห่ง" หลี่ชิงหยุนเก็บพู่กันไว้ เหลือเพียงแค่ม้วนกระดาษให้เหล่าหญิงสาวฝึกฝนเท่านั้น
"อาหยุน ระวังตัวด้วย" นาหลันเสี่ยวฉีและเสิ่นชิงรู้ว่าหลี่ชิงหยุน้าสะสางเื่บางอย่างที่ยังค้างคา
หลี่ชิงหยุนพยักหน้าเบาๆ
จากนั้นหญิงสาวทุกคนก็ทำตามคำแนะนำที่หลี่ชิงหยุนบอก แม้แต่ปิงเสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่มีข้อยกเว้น
พวกนางปิดประสาทััทั้งห้าตามคำสั่งและกำลังนั่งสมาธิหลับตาอย่างเงียบๆโดยใช้แค่ความคิดเพื่อสื่อสารกับพลังงานธรรมชาติ
หลี่ชิงหยุนที่เห็นดังนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่นานเขาก็หยิบหน้ากากหยกและเสื้อคลุมสีดำออกมา
"ได้เวลาแล้วที่จะต้องสะสางเื่ที่ยังค้างคา..." หลี่ชิงหยุนหายตัวไปจากลานบ้านของเขาทันที
.
.
.
(หมายเหตุ*) ประสาทััทั้งห้าได้แก่ การมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การรับรสและการัั