เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ไม่ได้ตื่นตัวระแวดระวังเหมือนเมื่อก่อนหรือ?
เหนียนยวี่จำต้องยอมรับว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่ชิง ความระมัดระวังของนางลดลงอย่างแท้จริง
เป็เพราะครานั้น หลังจากที่เขารับดาบแทนนางที่สวนร้อยสัตว์ นางจึงยิ่งรู้สึกถึงความไม่มีพิษมีภัยของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นนางจึงลดการป้องกันโดยไม่รู้ตัวงั้นหรือ?
เหนียนยวี่เหลือบมองบุรุษด้านข้าง เขากำลังขำข้าหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วมุ่น มุมปากยกยิ้มอย่างชั่วร้าย “เคยได้ยินมาตลอดว่า ท่านแม่ทัพหลวงเป็คนสูงส่งและสง่างาม มิใกล้ชิดสตรี ท่านมาโอบกอดสตรีกลางดึกเยี่ยงนี้ มิกลัวผู้คนจะเห็นเข้าแล้วไปคาดเดาส่งเดชหรือ”
“คาดเดาอย่างไร?”
“คาดเดาว่าท่านแม่ทัพหลวงผู้มียศสูงศักดิ์มีสตรีผู้เป็ที่รัก...” เหนียนยวี่กล่าว ทว่าครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ นางพลันตระหนักได้ถึงความผิดปกติ จึงหันไปสบตากับั์ตาแฝงรอยยิ้มของฉู่ชิง
“สตรีผู้เป็ที่รักหรือ?” ดวงตาทั้งสองข้างของฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่ ท่าทางที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มฉายแววหยอกล้อเล็กน้อย มิรู้เพราะเหตุใด ยามที่ถ้อยคำเหล่านี้เข้ามาในหูเขา ในใจเขาจึงรู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง
เหนียนยวี่กลับรู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจยังรัวแรงยิ่งขึ้น ในที่สุด นางก็ไม่สามารถทนต่อบรรยากาศอันแปลกประหลาดและคลุมเครือเช่นนี้ได้ เหนียนยวี่กระแอมไอแ่เบา เปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ทัพหลวงมีจุดประสงค์ใดถึงมาหาเหนียนยวี่คืนนี้?”
มาหาถึงที่นี่ เขาน่าจะเปลืองสมองอยู่บ้าง
คิ้วภายใต้หน้ากากของฉู่ชิงขมวดมุ่นเล็กน้อย น้ำเสียงพลันแปรเปลี่ยนเป็จริงจัง “เื่การลอบสังหารฉางไทเฮา”
"การลอบสังหารฉางไทเฮา?" เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ การลอบสังหารที่เกิดขึ้นในเรือนพำนักเมื่อครู่ นางบังเอิญเป็ผู้เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
ผู้เห็นเหตุการณ์?
ดูเหมือนเหนียนยวี่จะััได้ถึงบางสิ่ง เป็เพราะสิ่งนี้ ฉางไทเฮาและจ้าวเยี่ยนจึงได้เชิญนางมา?
เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่ชิง พลางไตร่ตรองครู่หนึ่ง เปลี่ยนจากยืนเป็นั่งคุกเข่า สายลมเย็นๆ พัดผ่าน เสียงของเหนียนยวี่ลอยไปกับสายลมสายนั้น “งานเลี้ยงตอนกลางคืนวันนี้ ข้าติดตามท่านอ๋องมู่เข้ามาเรือนพำนัก...”
เหนียนยวี่ทยอยเล่าเื่การลอบสังหารกับฉู่ชิง จัดแจงเื่ราวใหม่อีกรอบในยามนี้ ทุกสิ่งมากมายพลันแจ่มชัดขึ้นในหัวอย่างไร้คำอธิบาย
“เหลียงฮว่าน?” ชื่อนี้ออกมาจากปากของฉู่ชิง เพียงฟังอย่างเดียวก็รู้สึกได้ถึงความเคร่งเครียด
“ท่านแม่ทัพหลวงรู้เื่คดีที่ผิดพลาดของตระกูลเหลียงในรัชสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือไม่?” เหนียนยวี่มองด้านข้างหน้ากากสีเงินของฉู่ชิง ทว่าความคิดทั้งหมดในหัว กลับเป็ใบหน้าหล่อเหลาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอันนั้น
“รู้” ฉู่ชิงดำรงตำแหน่งแม่ทัพหลวง โดยปกติแล้ว เขาจำเป็ต้องเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยเกิดขึ้น และยามที่เขาอ่านม้วนสำนวนคดีของสกุลเหลียง ก็เกิดคำถามขึ้นมากมาย
ดวงตาของเหนียนยวี่สว่างไสว เสียงของฉู่ชิงยังคงกล่าวต่อไป...
“นั่นเป็คดีเดียวที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนตัดสินผิดพลาด ผู้คนตระกูลเหลียงหลายสิบคนถูกตัดศีรษะที่ประตูอู่เหมิน เป็เื่น่าสลดใจยิ่งนัก ต่อมา คดีของสกุลเหลียงได้รับการกลับคำพิพากษา ดูเหมือนฮ่องเต้พระองค์ก่อน จะไม่้าเอ่ยถึงคดีของสกุลเหลียงอีก” ขณะฉู่ชิงกล่าว เหนียนยวี่ฟังอย่างเงียบๆ คิ้วงามขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม
ฮ่องเต้ไม่้าเอ่ยถึงมันอีกงั้นหรือ?
“ดูเหมือน้าจะปกปิดเื่นี้ไว้อย่างนั้น” เหนียนยวี่พึมพำ ครั้นเอ่ยจบ ฉู่ชิงแย้มยิ้มเบาบาง สายตาที่มองไป ไม่ปกปิดแววชื่นชมเลยแม้แต่น้อย “เ้าช่างฉลาดนัก”
เหนียนยวี่รู้สึกประหลาดใจ ฉู่ชิงคิดเหมือนกับนางหรือ?
เหนียนยวี่เหลือบมองฉู่ชิง เหตุที่นางตัดสินเช่นนี้ก็เพราะชาติก่อน นางรู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของฉางไทเฮา และครานี้ฉางไทเฮากับจ้าวเยี่ยน เชิญนางกับมู่อ๋องไปงานเลี้ยงด้วยกันอย่างเจาะจงเป็พิเศษ เพียงเพื่อให้การลอบสังหารครั้งนี้ มีพยานที่น่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีกสองคน!
ฉางไทเฮาวางแผนมาอย่างดีั้แ่แรก นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
การลอบสังหารเมื่อวานนี้จะเป็สิ่งที่ฉางไทเฮาคาดการณ์ไว้ หรือไม่ก็...เป็แผนการของสตรีผู้นั้นอย่างชัดเจน?
หากเป็เช่นนั้นจริง ฉางไทเฮาผู้มีความคิดรอบคอบล้ำลึกผู้นั้น ก็ได้เปิดโปงหลายสิ่งหลายอย่าง นางทุ่มเททำทุกอย่างเท่าที่คิดได้เช่นนี้เพียงเพื่อเผยตัว ‘ฆาตกรตัวจริง’ ให้ทุกคนเห็น ทำให้เื่นี้จบลง และคดีที่ตัดสินสกุลเหลียงผิดพลาด ซึ่งเป็สิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่้าเอ่ยถึง เช่นนั้นฮ่องเต้รัชสมัยปัจจุบันจะเผยต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้งหรือไม่?
ฮ่องเต้หยวนเต๋อกับฮ่องเต้พระองค์ก่อนเป็พี่น้องที่สนิทสนมกลมเกลียวยิ่ง เพื่อปกป้องชื่อเสียงของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เกรงว่าคงจะไม่มีทางเอ่ยถึงเื่เก่าก่อน
และผลสุดท้าย...เื่นี้คงจะจบแบบค้างคา!
แล้วมาตรฐานการตัดสินของฉู่ชิงเล่า?
เหนียนยวี่จ้องมองฉู่ชิง กลัวว่าในมือของแม่ทัพหลวงผู้นี้อาจจะมีสิ่งที่เป็ประโยชน์แล้ว
“ยวี่เอ๋อร์...”
เสียงของบุรุษด้านข้างดังขึ้น เสียงเรียกนั้น ทำให้หัวใจของเหนียนยวี่คับแน่น
ยวี่เอ๋อร์...
ในความทรงจำ แม่ทัพหลวงผู้นี้เรียกนางอย่างห่างเหินราบเรียบมาโดยตลอด ไม่ก็เรียกคุณหนูรอง หรือคุณหนูยวี่ ทว่าถ้อยคำที่เรียกว่า ‘ยวี่เอ๋อร์’ ความสนิทสนมเช่นนี้ ทำให้การเต้นของหัวใจของเหนียนยวี่ที่เพิ่งสงบลงเมื่อครู่ พลันเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว เหตุใดการเผชิญหน้ากับฉู่ชิง ทำให้นางรู้สึกสับสนวุ่นวายยิ่งนัก?
ครั้นคิดถึงความไม่เป็ธรรมชาติของอวี่เหวินหรูเยียน ยามที่อยู่ต่อหน้าจ้าวอี้ คิ้วของเหนียนยวี่จึงยิ่งขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
บางสิ่งวนเวียนอยู่ในความรู้สึก ดูเหมือนอยากจะเข้าใจอะไร ทว่าในจิตใต้สำนึก นางกลับไม่้าจะเข้าไปัั
“ท่านแม่ทัพหลวงมีคำสั่งอันใดหรือ?” เหนียนยวี่เรียกอย่างเคารพ ท่าทีรักษาระยะห่างเช่นนั้น ราวกับแผ่ซ่านออกมาจากไขกระดูก สะท้อนกลับท่าทีสนิทสนมของฝ่ายตรงข้าม ประหนึ่งมีบางอย่างถูกบดขยี้แหลกละเอียด จนเกิดเสียงดังฟู่ ท่ามกลางแสงยามราตรี
คิ้วใต้หน้ากากของฉู่ชิงย่นเล็กน้อย จ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มบนใบหน้าของเหนียนยวี่ พลางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงเบนสายตาออกไป “ไม่มีอะไร ข้าเข้าใจทุกอย่าง ตอนนี้ค่ำแล้ว ข้าจะไปส่งเ้ากลับจวนองค์หญิงใหญ่”
“ไม่...” เหนียนยวี่กล่าว หวนคิดถึงจ้าวอี้ที่ยังคงแช่อยู่ในน้ำ ถึงอย่างไรก็ยังไม่ค่อยวางใจ “เหนียนยวี่ไม่กล้ารบกวนท่านแม่ทัพหลวงหรอกเ้าค่ะ”
ยามที่กล่าว เหนียนยวี่ลุกขึ้น หันไปย่อกายโค้งคำนับฉู่ชิงหันอย่างงดงาม หันหลังะโลงไป ท่ามกลางแสงราตรี ร่างอรชรวงโค้งงดงาม ร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และก้าวเท้าจากไปอย่างเร่งรีบ
ยามที่ท้องฟ้าเพิ่งสว่างไสว เหนียนยวี่เปลี่ยนยาในน้ำเป็ครั้งสุดท้าย และยืนยันให้แน่ใจว่าจ้าวอี้สบายดี จากนั้นจึงกลับไปยังจวนองค์หญิงใหญ่เพียงลำพัง
อวี่เหวินหรูเยียนยังคงเฝ้าอยู่ข้างถังอาบน้ำ เฝ้ามองบุรุษในน้ำอย่างเหม่อลอย ยามที่เหนียนยวี่กำลังจากไป ครั้นเห็นท่าทีของอวี่เหวินหรูเยียน นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “หากท่านอ๋องมู่ตื่นขึ้นมา คงจะไม่อยากเห็นผู้อื่นอยู่ข้างๆ”
บุรุษผู้นี้จิตใจบริสุทธิ์ อิสรเสรี นิสัยเรียบง่าย ทว่าอย่างไรเสีย เขาก็เป็องค์ชาย ความทระนงและหยิ่งยโสในไขกระดูก คงมิอาจทนรับความอับอายเช่นนี้ของตนได้
ดังนั้น ไม่ว่าผู้ใดที่อยู่ที่นี่จะต้องทำให้เขาอับอายเป็แน่ และผลที่ตามมา เกรงแต่ว่าอวี่เหวินหรูเยียนคงไม่อยากเห็นเป็แน่
อวี่เหวินหรูเยียนเข้าใจความหมายของนาง จึงรู้สึกชื่นชมในความฉลาดและมีน้ำใจของเหนียนยวี่
“ขอบคุณคุณหนูยวี่ยิ่งนักที่กล่าวเตือน” ผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ อวี่เหวินหรูเยียนได้เข้าใจเกี่ยวกับเหนียนยวี่เพิ่มขึ้นอีกนิด แม้แต่ตัวนางยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชอบสตรีผู้นี้
นางดูอ่อนแอ ทว่ากลับจัดการเื่เมื่อคืนนี้ได้อย่างสุขุมใจเย็น มีความกล้าหาญของบุรุษอยู่ในไขกระดูก ซึ่งสตรีมากมายมิได้มีสิ่งนั้น ท่านอ๋องมู่...ชมชอบเหนียนยวี่แบบนี้หรือ?
จนกระทั่งเหนียนยวี่จากไป อวี่เหวินหรูเยียนยังคงมีคำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัว