เมืองหลักเทียนอู่ ตระกูลชุย!
แม่ทัพแดนไกลชุยหงได้ถอยออกไปอยู่เื้ัแล้ว เพราะอายุที่มากขึ้นและความอ่อนแอ แต่ชื่อเสียงความเป็แม่ทัพใหญ่ยังคงเลื่องลือไปทั่วสารทิศ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือลูกหลานตระกูลชุยล้วนแต่ไม่ธรรมดา หนึ่งตระกูลสี่แม่ทัพ ลูกชายทั้งสามคนของเขาต่างเป็แม่ทัพของแคว้นอู่ทั้งสิ้น เป็ดั่งกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายไปอย่างแท้จริง ตำแหน่งของตระกูลชุยในแคว้นอู่ จึงไม่อาจสั่นคลอนได้ในเวลาอันสั้น
คนรุ่นใหม่ของตระกูลชุยยิ่งพิเศษกว่านั้น ในหมู่พวกเขามีชุยซั่วเป็ผู้นำ เมื่อเขาอายุได้สิบเก้าปี เขาก็เป็ยอดฝีมือขั้นปราณเสถียรแล้ว จนเป็ที่ยกย่องของสำนักเทียนหั่ว อนาคตในภายหน้าย่อมไม่มีขีดจำกัด
ในวันนี้ คนทั้งสามรุ่นของตระกูลชุยกำลังอยู่พร้อมหน้ากัน โดยมีแม่ทัพใหญ่ชุยหงนั่งอยู่ตรงกลางโถงประชุม กำลังกวาดสายตามองทุกคนอย่างอบอุ่น ท้ายที่สุดก็หยุดลงที่ร่างของชายชุดสีม่วงที่ดูมีชีวิตชีวาคนหนึ่ง เขายกถ้วยชาขึ้น และจิบไปคำหนึ่งอย่างชุ่มคอ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ตระกูลชุยประสบความสำเร็จในวันนี้ ตัวข้ามีความพอใจมาก งานชุมนุมใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้ทุกคนจงเตรียมตัวให้ดี”
“ครั้งนี้ เสี่ยวซั่วรีบกลับมาจากสำนักเทียนหั่ว ก็เพื่อทำให้คนของตระกูลชุยได้เข้าสู่สำนักเซียนให้ได้มากขึ้น ยิ่งอยู่สูงก็ยิ่งมองเห็นได้ไกล ดังเช่นที่เสี่ยวซั่วเคยพูดไว้ มุมมองของแคว้นอู่นั้นมีอยู่เพียงมุมเดียว” ชุยหงกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและความจริงจัง ด้วยความหวังว่าในอนาคตตระกูลชุยจะแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปเพื่อความก้าวหน้า ในใจของเขาก็รู้สึกภาคภูมิอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ใน่ชีวิตเขาได้ทำคุณประโยชน์มากมายให้กับแคว้นอู่ เขาทำเพื่ออะไรกัน? ไม่ใช่เพื่อการแผ่ขยายออกไปของตระกูลชุย เพื่อความก้าวหน้าไม่มีสิ้นสุดหรอกหรือ?
“เสี่ยวซั่ว เ้าช่วยเล่าเื่ราวเกี่ยวกับสำนักเซียนให้กับ ลุงๆ อาๆ พี่ๆ น้องๆ ได้ฟังหน่อยสิ ให้พวกเขาสามารถเข้าใจและััได้เสียเนิ่นๆ จะได้รู้ถึงความสำคัญของการฝึกฝนอย่างหนัก” ชุยหงมองดูชุยซั่วอย่างอ่อนโยนและค่อยๆ อธิบาย
ใบหน้าของชุยซั่วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองบรรดาพี่น้องทุกคนรอบกายราวกับกระเรียนในฝูงไก่ เขากระแอมขึ้น ก่อนจะพูดอย่างไม่เป็ทางการ “ก็ไม่มีอะไรจะพูดสักเท่าไร ในสำนักเทียนหั่ว ข้าชุยซั่วก็พอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง ขอเพียงไม่ก่อเื่ให้เกินไป ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี ส่วนเื่แคว้นอู่... ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แม้แต่จักรพรรดิแคว้นอู่อย่างหลงเอ้าก็ยังต้องยอมให้ข้า...”
ก่อนที่ชุยซั่วจะพูดจบ เสียงร้องเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยเสี่ยวหย่งด้วย...”
ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งพลางร้องไห้เข้ามาในโถงประชุม ตรงไปทางชุยหง กอดต้นขาของชุยหงไว้ และปล่อยโฮออกมา
เมื่อคนในคนตระกูลชุยที่อยู่ในโถงประชุมเห็นผู้หญิงคนนี้ทุกคนต่างค่อยๆ ยืนขึ้น ด้านชุยซั่วขมวดคิ้วแน่น คำพูดเมื่อครู่นี้กำลังจะบอกว่ามีคนรังแกคนตระกูลชุยหรือ? เขามองไปทางผู้หญิงคนนั้น และพูดอย่างไม่พอใจ “ท่านอา ดูจากท่าทางของท่าน เกิดอะไรขึ้น? มีเื่อะไรในแคว้นอู่ที่ตระกูลชุยไม่สามารถทำได้ด้วยหรือ?”
ในขณะนี้ ทหารผู้ฝึกตนหลายคนเดินแบกคานหามเข้ามาในโถงประชุม และผู้ที่อยู่บนคานหามหากไม่ใช่ฉินหย่งจะเป็ใครได้? โดยมีฉินเฟิงเดินตามมาด้านหลังด้วยใบหน้าซีดเซียว
“เสี่ยวซั่ว? เสี่ยวซั่ว? เ้ากลับมาแล้วหรือ? เ้าต้องช่วยจัดการแทนพี่ของเ้าด้วยนะ เขาถูกคนตัดแขนทั้งสองข้าง พี่ชายของเ้าดีต่อเ้ามากั้แ่เด็กจนโต เ้าต้องจัดการเื่นี้ให้พี่ของเ้านะ!” ผู้หญิงคนนั้นมองไปยังชุยซั่ว ราวกับกำลังมองเห็นฟางที่กำลังช่วยชีวิต จากนั้นก็โผลงไปกอดขาของชุยซั่ว พูดออกมาพลางร้องไห้โฮ
ชุยซั่วเหลือบมองไปยังฉินหย่งซึ่งถูกตัดแขนทั้งสองข้าง ที่กำลังนอนหน้าซีดเซียวอยู่บนคานหาม พร้อมขมวดคิ้วแน่นและพูดอย่างเ็า “ท่านอา นี่เป็ฝีมือใครกัน? ข้าอยากจะรู้นักว่าในแคว้นอู่ มีใครกล้าจะลงมือกับคนตระกูลชุยเช่นนี้”
“คนผู้นั้นแซ่เฉิน และดูเป็มิตรของร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง” ฉินเฟิงพูดอย่างยากลำบาก และพยายามออกเสียงของตนเองให้ถูกต้องมากที่สุด
“แค่ร้านขายยาเล็กๆ ยังกล้าตัดแขนของเสี่ยวหยงเช่นนี้ เป็ไปได้หรือไม่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเสี่ยวหย่งเป็หลานชายของท่านพ่อ?” แม่ทัพตระกูลชุยกล่าวอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวหลิว ความแข็งแกร่งของตระกูลฉินไม่สามารถจะจัดการกับร้านขายยาเพียงร้านเดียวได้หรือ? หลายปีมานี้ฉินจ้านไม่ทำหน้าที่ของตนเองบ้างเลยหรือ?” ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพูดอย่างเ็า
“เดี๋ยวนะ! เสี่ยวหลิว เ้าบอกว่าเป็ร้านขายยาหรือ?” ชุยหงที่นั่งอยู่จุดสูงสุดเอ่ยขึ้นมากะทันหัน การพูดขึ้นมาของเขาทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง
ร้านขายยา การจะเปิดร้านขายยาได้นั้นจะต้องมีสำนักโอสถสำนักหนึ่งอยู่เื้ั หากไม่มีละก็ ก็จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักเซียน
“ข้าอยากรู้นักว่าร้านขายยาอะไรกันที่กล้าทำร้ายคนตระกูลชุย!” ชุยซั่วพูดอย่างเยือกเย็น จากนั้นจึงหยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่งและพูดขึ้น “ท่านอา ท่านพี่ยังไม่เป็อะไรหรอก ตราบใดที่เส้นลมปราณยังใช้การได้ นี่คือยาสมานแผล ซึ่งสามารถฟื้นฟูแขนทั้งสองข้างของเขากลับคืนดั่งเก่าได้ ฉินเฟิง พาข้าไปร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง!”
“ได้” ฉินเฟิงดีใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ แววตาปนความเศร้าก็ปรากฏขึ้น เขา้าจะฉีกร่างของคนสกุลเฉินคนนั้นมานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้อยู่ในความดูแลของคนสกุลจื่อนั่น แต่เมื่อตอนนี้มีชุยซั่ว ฉินเฟิงจึงมีความกล้าหาญขึ้นมาก
“ไปกันเถอะ!” ชุยซั่วพูดอย่างเ็า พูดจบก็ก้าวออกจากห้องโถงทันที
ขณะที่ชุยซั่วและฉินเฟิงกำลังมุ่งหน้าไปร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง ฉินอวี่ก็ได้กลับถึงตระกูลฉินแล้ว เสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาก็ฟื้นขึ้นมาแล้วเช่นกัน แต่ยังคงถูกกักบริเวณไว้ภายในม่านพลังป้องกัน
เมื่อฉินอวี่เดินเข้าไปในห้อง เขาก็พบกับเสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาที่กำลังสนทนากันอย่างตื่นเต้น ดวงตาก็อ่อนโยน จากนั้นจึงเปิดม่านพลังป้องกันออก และพูดขึ้นโดยไม่ทันให้สองคนนั้นได้พูดอะไร “มีอะไรจะคุยค่อยคุยกันวันหลัง พวกเ้าไปรอข้าที่ห้องของเสวี่ยเอ๋อก่อนเถอะ จำไว้ต้องไปที่ห้องของเสวี่ยเอ๋อ!”
เสี่ยวเถาและเสี่ยวฮวาหันมองหน้ากัน ก่อนหน้านี้ตอนติดอยู่ในม่านพลังเวทป้องกัน ทั้งสองคนต่างตกตะลึงอยู่เป็เวลานาน ผนวกกับเตาปรุงยา ทั้งสองคนจึงรู้แล้วว่าคุณชายสามผู้อ่อนแอคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวฮวา ซึ่งมีคำพูดโกรธเคืองฉินอวี่อยู่บ้าง แต่นับั้แ่นี้ไป คงจะมีแต่คำชื่นชมเลื่อมใส
หลังจากทั้งสองคนจากออกไป ฉินอวี่ก็เทส่วนผสมยาทั้งหมดในเตาปรุงยาลงไปในลานเล็กๆ จากนั้นก็นำศิลาิญญาร้อยก้อนวางไว้บนลานและปิดประตู จากนั้นจึงเรียกค่ายกลเวทออกมาสองสาย เริ่มการต้มส่วนผสมยาอีกครั้ง
ศัตรูรออยู่เบื้องหน้า ฉินอวี่มีเวลาไม่มากนัก เขาจะต้องยกระดับการฝึกฝนของตนเองให้เร็วที่สุด เขาคาดการณ์ว่า ฉินหย่งจะต้องไปเข้าพบตระกูลชุยอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นตระกูลชุยจะต้องไปยังร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง แต่ด้วยสถานะของจื่อซวินเอ๋อ ตระกูลชุยจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ เมื่อถึงเวลานั้น... ตระกูลชุยจะต้องโกรธเคืองตนเองอย่างมาก ดังนั้น ฉินอวี่จึงจำเป็ต้องเข้าถึงขั้นยุทธ์ระดับหกให้ได้ และกระตุ้นพลังและเื ก่อนที่ตระกูลชุยจะมาถึงหน้าประตู
มีเพียงพลังปราณเท่านั้นที่จะช่วยฝึกฝนวิชาปีศาจคลั่งหกปริวรรตได้ จากนั้นจึงจะใช้พลังปราณที่แปรเปลี่ยนไปในวิชาปีศาจคลั่งปริวรรตที่หนึ่งได้
ครั้งนี้ ฉินอวี่ได้สิ่งของมาจากร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งมาเป็จำนวนไม่น้อย แม้ว่าจะรู้ว่าจื่อซวินเอ๋อจะต้องยุ่งยากมาก แต่ตอนนี้เขายังเข้าไปยุ่งกับเื่นี้ได้ไม่มากนัก
“ในเวลาอันสั้น หาก้าข้ามจากขั้นยุทธ์ระดับหนึ่งไปยังขั้นยุทธ์ระดับหก ข้าต้องยอมเสี่ยง”
“ด้วยพลังของวิชาปีศาจคลั่งปริวรรตที่หนึ่ง ผนวกกับกลเวท บางทีอาจจะสามารถต่อสู้กับชุยซั่วในขั้นปราณเสถียรได้! แล้วค่อยอาศัยยันต์กระบี่สังหารชุยซั่ว! แต่น่าเสียดาย ที่มียันต์กระบี่เพียงชุดเดียว” ฉินอวี่พึมพำกับตนเอง ร่างกายที่อยู่นี้อ่อนแอเกินไป แม้ว่าจะชุบหลอมกระดูกแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจแข็งแกร่งได้ทันเวลา จึงยังต้องเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่สิ่งนี้ก็เป็อันตรายกับร่างกายเอง และจะต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อเสริมทักษะพลังเข้าไปในภายหน้า
หลังจากตัดสินใจแน่วแน่ ฉินอวี่ก็กระตุ้นเตาปรุงยา ใส่วัตถุดิบยาเข้าไปในเตาปรุงยา จากนั้นจึงเริ่มต้มส่วนผสมยา
แม้ว่าฉินอวี่จะเคยดูิ่การใช้พลังจากภายนอกมาช่วยในการฝึกตนก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจำเป็จะต้องทำเช่นนี้
ขณะเดียวกัน ณ ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง
“รื้อร้านขายยานี่เสียเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นข้าชุยซั่วจะรับผิดชอบเอง! คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดรีบออกไป ไม่เช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นก็รับผิดชอบตัวเอง!” ชุยซั่วยืนอยู่หน้าร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง ชี้นิ้วมือข้างขวาออกไป ส่งเสียงดังกึกก้องราวกับระฆัง ทหารกว่าสามร้อยคนด้านหลังของเขาต่างเข้าล้อมร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งในทันที
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างจ้องมองชุยซั่วด้วยความประหลาดใจ และผู้ฝึกตนที่อยู่ในร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน และรีบวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นทหารกว่าสามร้อยนาย ทุกคนต่างก็หนีกันไปอย่างรวดเร็ว
“เ้าทำอะไรของเ้า ศิษย์พี่ใหญ่หวังผิงของเ้ารู้หรือไม่?” เสียงที่เ็าและชัดเจนดังออกมาจากภายในร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง
ภายใต้สายตาของทุกคน ร่างที่สง่างามเดินไปยังระเบียงของหอชั้นบน
เมื่อชุยซั่วมองไป ก็เริ่มรู้สึกท่าไม่ดี
ศิษย์พี่ใหญ่หวังผิง?
ก่อนหน้านี้เขากล้าพูดว่าแม้แต่จักรพรรดิแคว้นอู่ยังต้องไว้หน้าเขา นั่นเป็เพราะเขามีคนสนับสนุนอยู่ ซึ่งก็คือศิษย์พี่ใหญ่หวังผิง หวังผิงคือหลานของผู้าุโสามแห่งสำนักเทียนหั่ว และมีสถานะสูงส่งในสำนักเทียนหั่ว และตอนนี้ ร้านขายยาเล็กๆ แห่งนี้รู้จักกับศิษย์พี่หวังผิง จะไม่ให้เขาใได้อย่างไร?
ชุยซั่วมองไปยังหญิงสาวที่อยู่้าอย่างสงสัย และเมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่เปรียบของนาง ม่านตาของชุยซั่วก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ดวงตาของนางจะเป็ที่ดึงดูดใจ แต่ยังดูน่ากลัวอีกด้วย
“นัก... นักปรุงยาจื่อ?” ชุยซั่วพูดตะกุกตะกักราวกับเห็นผี จนไม่เหลือความโอหังก่อนหน้านี้เลย
“เ้าชื่อซั่วอะไรนั่นใช่หรือไม่? จะรื้อร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งใช่หรือไม่?” จื่อซวินเอ๋อที่เ็าและเย่อหยิ่ง มองลงไปด้านล่างและพูดอย่างรวดเร็ว
ชุยซั่วสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และยิ้มอย่างอึดอัด รีบยกมือขึ้นประสานกันทันที “เื่เข้าใจผิด ทั้งหมดนี้เป็เื่เข้าใจผิด นักปรุงยาจื่อ... ต่อให้ชุยซั่วกล้าหาญขึ้นสักหมื่นเท่าก็มิกล้ารื้อทำลายร้านยาของท่านหรอก นักปรุงยาจื่อ วันนี้ชุยซั่วมารบกวนท่าน คราวหลังจะมาขอโทษท่านถึงหน้าประตู ข้าขอตัวก่อน” พูดจบก็รีบออกไปทันที โดยไม่รอให้จื่อซวินเอ๋อได้พูดจา
ทหารทั้งสามร้อยนายและฉินเฟิงต่างหันมองหน้ากันและกัน และรู้ดีว่าหญิงสาวที่ไร้ที่เปรียบตรงหน้าคือคนที่ไม่อาจยั่วยุได้ และรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
จื่อซวินเอ๋อที่ยืนอยู่บนอาคาร มองลงไปด้านล่างอย่างไม่แยแสต่อสายตาที่บ้าคลั่งเ่าั้ จากนั้นก็ชำเลืองไปทางตระกูลฉินและพึมพำ “ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์เ้าให้ละเอียดแล้ว ว่าทำไมข้าจึงมองเ้าไม่ออก?”