“ท่านอาใหญ่ ท่านมาหาข้ามีสิ่งใดหรือเ้าคะ?” จิ่นเซวียนชะงักและหันไปทักทายสตรีที่อยู่นอกประตู สตรีออกเรือนนางนี้คือพี่สะใภ้ใหญ่ของหูเหยียนซู นามว่าอู่ข่งเซียน นางเป็คนช่างเจรจา หน้าตางดงาม เรือนร่างผอมเพรียว แม้จะทำนาเป็เวลานาน แต่ผิวพรรณของนางก็ได้รับการดูแลอย่างดี เทียบกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว นางดูอ่อนวัยกว่าหลายสิบปี
นางมีลูกสาวสามคนและลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวแต่ละคนของนางมีรูปโฉมงดงาม ผู้ที่งดงามที่สุดคือลูกสาวคนเล็ก นามว่าหูเฟย ปีนี้นางอายุสิบสองปี แต่น่าเสียดายที่ลูกสาวคนนี้มีเท้าบิดเบี้ยว เท้าขวาของนางผิดรูปมาั้แ่เกิด ต้องเดินตัวเอียงตลอดเวลา ลำบากยิ่งนัก
นางมาหาจิ่นเซวียน เพราะอยากให้จิ่นเซวียนช่วยตรวจเท้าให้ลูกสาวของนาง
“เซวียนเซวียน ข้าอยากขอให้เ้าช่วยตรวจขาของเฟยเอ๋อร์ให้หน่อยได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่ายังช่วยได้หรือไม่” อู่ข่งเซียนขอให้จิ่นเซวียนช่วยตรวจให้ลูกสาวของนางอย่างตรงไปตรงมา มิใช่จิ่นเซวียนมิอยากตรวจ แต่นางมิมั่นใจว่าจะรักษาหูเฟยได้ ขาของหูเฟยพิการั้แ่กำเนิด ฝ่าเท้าขวาของนางผิดรูป ต่อให้เป็หมอเทวดาก็อาจจะรักษามิได้!
“ฝ่าเท้าของเฟยเอ๋อร์ผิดรูปั้แ่กำเนิด รักษายากยิ่ง!” หากเกิดจากอุบัติเหตุ จิ่นเซวียนยังพอจะช่วยรักษาได้ แต่ฝ่าเท้าของนางผิดรูปมาั้แ่กำเนิด นอกเสียจากว่าจะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยในการผ่าตัดรักษา
“มีบางคนที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เป็ฝ่าเท้าที่ผิดรูปจากการได้รับาเ็ที่เท้า จึงสามารถใช้วิธีรักษาโดยการดัดฝ่าเท้าให้เข้ารูปได้” ซ่งจื่อเฉินเดินออกมาจากในห้อง และแสดงความคิดเห็นของเขา
“ฝ่าเท้าของเฟยเอ๋อร์ผิดรูปมาั้แ่กำเนิด เฮ้อ หรือนางจะเป็สตรีเท้าบิดไปตลอดชีวิตกัน?”ได้ยินจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินพูดเช่นนี้ อู่ข่งเซียนก็รู้สึกผิดหวังยิ่งนัก แม้ลูกสาวของนางจะเท้าบิด แต่ก็มิได้รังเกียจ นางยังหวังให้ลูกสาวแต่งงาน มีลูกได้เหมือนคนทั่วไป
“ขึ้นอยู่กับความผิดรูปของเท้าทั้งสองข้าง หากผิดรูปเพียงเล็กน้อย สามารถรักษาให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้ด้วยการผ่าตัด หากผิดรูปมาก คงจะหมดหนทางแล้วขอรับ” ซ่งจื่อเฉินสนใจคนไข้รายนี้มากนัก เขาอยากเห็นว่าเท้าของแม่นางผิดรูปมากน้อยเพียงใด
“สามี พวกเราไปดูนางกันเถิด” จิ่นเซวียนเห็นว่าซ่งจื่อเฉินสนใจโรคเท้าบิดของหูเฟย นางจึงแนะนำให้ไปตรวจดู บางทีพวกเขาอาจจะช่วยหูเฟยได้จริงๆ
“เท้าของเฟยเอ๋อร์เอียงเข้าด้านใน ยืดตรงมิได้” เมื่อจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินตามอู่ข่งเซียนมาถึงบ้านของนาง อู่ข่งเซวียนก็อธิบายอาการของลูกสาวให้พวกเขาฟัง
“หากเอียงเข้าด้านในคงมิร้ายแรงนัก น่าจะดัดให้เข้ารูปได้” คราแรกซ่งจื่อเฉินคิดว่าฝ่าเท้าคงผิดรูปมาก แต่ความจริงเพียงแค่เอียงเข้าด้านในเท่านั้น
“คุณชายซ่ง ท่านรักษาเฟยเอ๋อร์ของข้าได้จริงหรือ?” อู่ข่งเซียนได้ยินแล้วดวงตาก็เป็ประกายทันที นางเชิญหมอหลายคนมาดูอาการของลูกสาวคนเล็กของนาง แต่มิเคยได้ผล!
“ข้าเองก็มิแน่ใจนัก ต้องเห็นเท้าขวาของนางก่อนถึงจะตัดสินได้”
ซ่งจื่อเฉินมิกล้าสัญญาว่าจะรักษาหูเฟยให้หายได้ สิ่งนี้ต้องประเมินร่วมกับสถานการณ์ของผู้ป่วย จึงจะสามารถแน่ใจได้ว่ามีโอกาสหายหรือไม่
ครอบครัวของอู่ข่งเซียนมิได้อยู่ที่เรือนเก่าของตระกูลหู แต่อยู่บ้านมุงกระเบื้องห้าหกหลังที่พวกเขาสร้างเอง
ลูกสาวคนโตของนาง นามว่าหูจิ้งแต่งงานแล้ว เวลานี้ลูกสาวคนเล็กของนางจึงอาศัยอยู่ที่ห้องของลูกสาวคนโตแทน
คนในบ้านไปทำงานกันหมดแล้ว จึงเหลือเพียงลูกสาวคนเล็กที่ปักผ้าอยู่ที่บ้าน
“เฟยเอ๋อร์ พี่เซวียนเซวียนมาเยี่ยม เ้ารีบออกมาเร็ว” อู่ข่งเซียนยืนอยู่หน้าประตูห้องของลูกสาว และเอ่ยเรียกให้หูเฟยออกมาด้วยเสียงอ่อนโยน
“ท่านแม่ ท่านรอข้าประเดี๋ยว” หูเฟยเก็บด้ายเย็บผ้า และลุกขึ้นจากม้านั่งไปเปิดประตู
นางเดินกะโผลกกะเผลก ลำบากมากนัก
“สามี นางชื่อหูเฟย เป็หลานสาวของท่านอาเล็ก” จิ่นเซวียนที่อยู่ตรงลานบ้านเห็นหูเฟยเดินออกมา จึงบอกความสัมพันธ์ของนางและครอบครัวของหูเฟยให้ซ่งจื่อเฉินฟัง ซ่งจื่อเฉินจะได้รู้ตื้นลึกหนาบาง
“นางยังเดินเองได้ หมายความว่าผิดรูปมิมาก” ซ่งจื่อเฉินเงยหน้าสังเกตหูเฟย เขาพบว่าฝ่าเท้าขวาของนางบิดเข้าด้านใน นางจึงเดินเอียงเช่นนี้
“รักษาแบบมิผ่าตัดได้หรือไม่?” จิ่นเซวียนหวังจะใช้ขาขวาของหูเฟยสร้างชื่อเสียงให้สามี ถึงแม้สามีของนางจะมิได้เป็บัณทิตจอหงวน แต่เขาก็ยังมีความสามารถในการรวมอำนาจอยู่
“ข้าจะทำที่ดัดให้นาง เพื่อช่วยให้รูปเท้ากลับมาสภาพเดิม เพียงแต่กระบวนการนี้จะเ็ปทรมานมากยิ่งนัก” ซ่งจื่อเฉินมีวิธีรักษาหูเฟย ขึ้นอยู่กับว่าหูเฟยจะทนไหวหรือไม่
บุรุษยังทนต่อความเ็ปของการยืดกล้ามเนื้อและเอ็นฉีกขาดมิได้ นับประสาอะไรกับเด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองปีอย่างหูเฟย
“พี่เซวียนเซวียน ท่านนี้คือพี่เขยใช่หรือไม่เ้าคะ” หูเฟยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของจิ่นเซวียนอย่างสุภาพ โดยที่นางมิได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ บางทีอาจจะเป็เพราะสภาพจิตใจของนางค่อนข้างดี อาการที่ขาขวาของนางจึงมิแย่
หูเฟยมีชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ หากขาขวาของนางกลับมาเหมือนคนปกติ นางต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นแน่
เทียบกับพี่สาวสองคนแล้ว นางมิเพียงมีหน้าตางดงาม แต่ยังฉลาดปราดเปรื่องอีกด้วย แม่ของนางมิเคยทารุณนาง ทั้งด้านการใช้ชีวิตและจิตใจ พวกพี่สาวเองก็ช่วยดูแลนางอย่างดีเช่นกัน
“เฟยเอ๋อร์ ผู้นี้คือสามีของข้า นามว่าซ่งจื่อเฉิน” จิ่นเซวียนอมยิ้มและแนะนำซ่งจื่อเฉินให้รู้จักกับหูเฟย
“คุณหนูหู ข้ามีวิธีช่วยรักษาท่าน เพียงแต่ขั้นตอนนี้จะเ็ปทรมานยิ่งนัก ข้าเกรงว่าท่านจะรับมิไหว” ซ่งจื่อเฉินขอความเห็นจากคนไข้ หากนางยอมรับการรักษา เขาจะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ
“พี่เขย ข้ามิกลัวเจ็บเ้าค่ะ” หูเฟยใฝ่ฝันการเป็คนธรรมดา นางจึงกอดทางเลือกสุดท้ายเอาไว้และยอมรับข้อเสนอของซ่งจื่อเฉิน หากลองรักษาแล้ว อาการกลับแย่ลงนางก็ยอม
แม่นางกล้าหาญยิ่งนัก มิน่าเล่าอู่ข่งเซียนถึงรักนางเช่นนี้
“คุณชายซ่ง หากเฟยเอ๋อร์ได้รับการรักษาแล้ว ผลที่ตามมาจะเป็อย่างไรหรือ?”
อู่ข่งเซียนกลัวว่าลูกสาวจะอาการแย่ลง นางจึงถามให้แน่ชัด แล้วค่อยตกลงกันว่าจะรักษาหรือไม่
“ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดคือนางอาจจะเปลี่ยนเป็คนพิการตลอดชีวิต แม้กระทั่งเดินก็ยังทำมิได้ เื่นี้สำคัญมากสำหรับพวกท่าน พวกท่านปรึกษากันก่อนเถิดขอรับ จากนั้นค่อยมาเรียกข้า” ในฐานะหมอ ซ่งจื่อเฉินมิกล้ารับรองว่าจะรักษาหูเฟยได้
เขาต้องบอกผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากได้รับการรักษากับผู้ป่วยและครอบครัว
“ต้องจ่ายค่าตรวจเท่าใดหรือ พวกเราต้องเตรียมเงินเอาไว้ล่วงหน้า” อู่ข่งเซียนถาม
“คนกันเองทั้งนั้น มิต้องมีค่าตรวจหรอกเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิคิดจะรับค่าตรวจจากอู่ข่งเซียน พวกเขา้าให้คนไข้ช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้พวกเขา
“เซวียนเซวียนเอ๋ย เ้าดียิ่งนัก หากพวกเ้ารักษาเฟยเอ๋อร์ให้หายได้ ข้ายอมเป็วัวเป็ควายให้พวกเ้าเลย” อู่ข่งเซียนตื้นตันใจยิ่งนัก นางกังวลอยู่เลยว่าจิ่นเซวียนจะเอาค่าตรวจจากนาง
“ท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ท่านกับท่านอาเล็กคือพี่น้องสะใภ้กัน ตามลำดับาุโ พวกเราเองก็ควรเรียกท่านว่าท่านอาใหญ่เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนมิ้าให้อู่ข่งเซียนมาเป็วัวเป็ควายให้ หวังเพียงว่านางจะมิร่วมมือกับผู้อื่นรังแกท่านอาเล็ก
ซย่าชุนอวิ๋นนั้นโชคดีจริงๆ นางมิเพียงมีสามีที่หาเงินเป็ นางยังมีหลานสาวที่ดีอีกด้วย
“เซวียนเซวียน พวกเ้าไปทำธุระก่อนเถิด เมื่อพวกเราปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะไปหาพวกเ้า”
อู่ข่งเซียนพูดพลางเดินไปส่งจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินออกจากเรือนด้วยตนเอง
“ท่านแม่ ข้าอยากลองเ้าค่ะ” เมื่ออู่ข่งเซียนกลับเข้ามาในลานบ้าน หูเฟยก็บอกว่าอยากจะลองรักษาดู หลายปีมานี้นางฝืนตนเอง แสร้งทำเป็เข้มแข็ง เพื่อมิให้พ่อแม่เ็ป คนในหมู่บ้านต่างก็มิยอมเล่นกับนาง นางรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนัก
นางมิชอบที่ทุกคนเรียกนางว่าสตรีเท้าบิด
“คุณชายซ่งบอกแล้ว หากเ้ารับการรักษา อาจจะเดินมิได้อีก”
อู่ข่งเซียนกังวลกับผลที่ตามมา นางมิกล้าเอาชีวิตของลูกสาวมาล้อเล่น เืเนื้อที่นางคลอดออกมา นางมิอาจทำใจปล่อยให้ทุกข์ทรมานได้
เพื่อพาลูกสาวไปหาหมอ จะลำบากยากเย็นเพียงใดนางมิกลัว นางกลัวก็แต่ลูกสาวจะปลงมิตก
“ท่านแม่ ตราบใดที่มีโอกาส แม้จะเป็โอกาสเพียงน้อยนิด ข้าก็อยากลองเ้าค่ะ อย่างมากก็แค่เป็คนง่อยไปตลอดชีวิตเท่านั้น” หูเฟยรวบรวมความกล้าสบตากับอู่ข่งเซียน นางหวังว่าท่านแม่จะยอมให้นางเข้ารับการรักษา
