รัชทายาทอุ้มเสี่ยวเฉียวเยว่ขึ้นมา พอเห็นแม่หนูน้อยมองเขาตาค้าง น้ำลายไหลยืดแลดูโง่งม ก็ลอบนึกอยู่ในใจ บุตรสาวของอาจารย์ซูคงจะไม่ปัญญาอ่อนหรอกกระมัง?
แต่พอนึกถึงท่าส่ายก้นของนางเมื่อครู่ แสดงถึงความเฉลียวฉลาด เขาก็หัวเราะออกมา
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมตนเองได้แล้ว หนุ่มน้อยคนนี้ยิ้มไม่ได้จริงๆ เพียงเขายิ้ม ตะวันจันทราล้วนแต่ซีดจางไปหมด
พูดตามตรง ตอนที่มีคนบรรยายถึงลักษณะหน้าตาของคนผู้หนึ่งเช่นนี้ เฉียวเยว่ยังคิดอยู่เงียบๆ ในใจว่าเขาโง่หรือเปล่า คนๆ หนึ่งต่อให้มีความโดดเด่น แต่จะสามารถโดดเด่นไปถึงแค่ไหนกันเชียว ดารานักแสดงเ่าั้ไม่หน้าตาดีหรือ? ไม่ต้องถึงกับใช้ถ้อยคำเช่นนี้มาบรรยายก็ได้
แต่ความเป็จริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความรู้ของนางเองตื้นเขินเกินไป คนเช่นนี้มีอยู่จริงๆ
อย่างน้อยที่สุด รัชทายาทที่อยู่เบื้องหน้านางตอนนี้ แม้อายุเพียงเจ็ดแปดปีหน้าตายังดีถึงเพียงนี้ ภายภาคหน้ายังไม่แน่ว่าจะงามล่มเมืองถึงเพียงไหน
ใช่ งามล่มเมือง
คำบรรยายนี้ใช้ไม่ได้กับบุรุษ แต่เฉียวเยว่ก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปใช้คำบรรยายแบบไหนดี
นางมองรัชทายาทอย่างเคลิบเคลิ้มหลงใหล
ยามโตขึ้นหากมองด้วยสายตาแบบนี้ เป็ไปได้แปดส่วนว่าต้องถูกคนตราหน้าว่าบ้าผู้ชาย แต่คุณเห็นไหม นี่คือข้อดีของการเป็ทารก สามารถออดอ้อนให้พี่ชายสุดหล่ออุ้มได้ แถมยังเอาเปรียบเขาได้อีก คิกๆ ดีเลิศ!
เสี่ยวเฉียวเยว่แอบลูบมือของเขา พลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
ใบหน้าของซูซานหลางดำเป็ก้นหม้อไปแล้ว พูดตามตรง ไท่ไท่สามยังกลัวเลยว่าเขาจะสติแตก ไปคว้าเสี่ยวเฉียวเยว่มาลงมือฟาดแรงๆ จริงๆ
นางต้องปลอบแล้วปลอบอีก "ลูกยังเล็ก ลูกยังเล็ก"
เสี่ยวฉีอันกลหมากด้อยกว่า จึงทำได้เพียงให้มารดาอุ้ม แต่ถึงแม้ว่าศีรษะน้อยๆ ของเขาจะคอยยื่นคอยชะเง้อไม่หยุด แต่กลับไม่ร้องไห้แล้ว
รัชทายาทเงยหน้าทอยิ้ม "อาจารย์ซู ดูท่าเสี่ยวเฉียวเยว่จะชอบข้ามาก"
ซูซานหลางสีหน้าบึ้งตึง ผียังดูออกเลยว่านางชอบเ้า ไม่เพียงแค่นางเท่านั้น เ้าเด็กอ้วนอีกคนของพวกเขาก็ชอบเ้าเหมือนกัน
เดิมทีเขาก็มีแผนการเป็ของตนเอง เป็อาจารย์ให้รัชทายาท พารัชทายาทมาพบกับอิ้งเยว่และเฉียวเยว่ แม้ว่าจะไม่ได้คิดให้บุตรสาวแต่งเข้าราชวงศ์ แต่เขาคิดอย่างไรคนนอกไม่รู้ เป็ธรรมดาที่จะมีคนคาดเดาไปต่างๆ นานา
ด้วยวิธีเช่นนี้ จวนแม่ทัพิ่ก็คงไม่ง่ายที่จะเอ่ยปากขอหมั้นหมาย
หากไม่ทำเช่นนี้ ก็คงต้องลำบาก ถึงอย่างไรฮูหยินผู้เฒ่าิ่ก็เป็จ่างกงจู่ พระปิตุจฉาของฮ่องเต้ ปีนั้นเคยหลีกทางให้แล้ว หากนางเอ่ยปากครานี้ ก็คงยากจะขัดความประสงค์ของนาง
แต่ซูซานหลางหาใช่คนที่จะนำความสุขของบุตรสาวมาแลกกับความสุขของตนเอง
เขาต้องวางแผนแต่เนิ่นๆ
จับลูกสาวมาข้องเกี่ยวกับรัชทายาทไว้ก่อน เพื่อเป็หลักประกันให้กับครอบครัวของตนเอง เมื่อรัชทายาททรงเจริญวัยถึงเวลาที่ควรตั้งชายารัชทายาท บุตรสาวของตนเองควรแต่งก็แต่ง ไม่นับว่าล่าช้าแต่อย่างใด
แต่เกิดอะไรขึ้นกับซาลาเปาน้อยของเขาคนนี้
ถึงทำให้เขาอับอายขายหน้าจนไม่มีเหลือ!
สีหน้าของซูซานหลางแลดูย่ำแย่ยิ่งนัก แต่รัชทายาทแทบไม่อาจสะกดกลั้นรอยยิ้มของตนเองไว้ได้
เขามีสถานะเป็รัชทายาท ได้รับการอบรมสั่งสอนให้วางตัวสงบนิ่งมาั้แ่เล็ก แต่เมื่อเห็นซาลาเปาน้อยของสกุลซูแสดงท่าทีว่าชอบเขา เขากลับควบคุมความรู้สึกที่อยากยิ้มของตนเองไม่อยู่ มุมปากเริ่มโค้งขึ้นเองอย่างช้าๆ
เขาใช้ปลายนิ้วเขี่ยใบหน้าของเสี่ยวเฉียวเยว่เบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกังวาน "เกิดอะไรขึ้นกันนี่?"
"แง่มๆ" เสี่ยวเฉียวเยว่งับนิ้วมือของเขา
รัชทายาท "..."
ซาลาเปาน้อยไม่มีฟัน แต่นางก็งับไม่ยอมปล่อย
ซูซานหลางพลันรู้สึกจุกอกหายใจไม่ออก เขากำหมัดแน่น "ส่งยายหนูตัวแสบให้กระหม่อมเถิด กระหม่อมต้องตีนางให้ได้"
รัชทายาทเอ่ยทันควัน "เสี่ยวเฉียวเยว่ยังเด็ก นางไม่รู้ความ เด็กดี ปล่อยได้หรือไม่?"
เสี่ยวเฉียวเยว่ทำตาปริบๆ
"เด็กดี" เสียงของรัชทายาทไม่แหบห้าวเหมือนเสียงเป็ดเช่นเด็กผู้ชายทั่วไป กลับมีความนุ่มละมุน ตอนเขาเรียกว่าเด็กดี ให้ความรู้สึกเหมือนขนไก่ไล้ไปมาที่หัวใจเบาๆ
เสี่ยวเฉียวได้ยินแล้วก็ยอมปล่อยอย่างเชื่อฟัง
รัชทายาทยิ้มน้อยๆ "ว่านอนสอนง่ายจริงๆ"
เขาก้มลงจุมพิตพวงแก้มของเสี่ยวเฉียวเยว่ทีหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า "เสี่ยวเฉียวเยว่เฉลียวฉลาดที่สุด เป็เด็กน้อยน่ารัก"
เสี่ยวเฉียวเยว่... ตะลึงพรึงเพริด
ประหลาดใจจนแข็งค้างไปแล้ว
เขาอุ้มนางเขย่าเบาๆ "เฉียวเยว่จะหนาวหรือไม่ ไม่ต้องสวมผ้าคลุมที่หน้าท้องของนางหรือ?"
ครานี้เปลี่ยนเป็ไท่ไท่สามที่กระอักกระอ่วนบ้าง นางนวดจุดไท่หยาง [1] จริงด้วยสิ!
นางลืมไปได้อย่างไร ว่าบุตรสาวของตนเองสวมใส่กางเกงติดตัวเพียงชิ้นเดียว หน้าท้องน้อยๆ ยังโผล่อยู่ด้านนอก แม้ว่าจะเป็ทารกน้อย แต่ก็ดูไม่งามอย่างยิ่ง
นางรีบเอ่ยว่า "มา มา หม่อมฉันจะสวมเสื้อผ้าให้นาง ส่งนางมาเถิดเพคะ"
ไท่ไท่สามวางเสี่ยวฉีอันที่ผล็อยหลับไปแล้วลง เตรียมจะเข้ามารับเสี่ยวเฉียวเยว่ เพียงแต่ชั่วขณะที่กำลังจะรับมา ก็พบว่าไท่จื่อแข็งค้างไปทั้งตัว
"มีอันใดหรือเพคะ?"
นางยังงงอยู่
แต่ไม่ช้าก็แจ่มแจ้ง
นางอายแทบตายอยู่แล้ว
เสี่ยวเฉียวเยว่... ถ่ายเบาแล้ว
รัชทายาทไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ทั้งตัวของเขาแข็งทื่อราวกับคนเขลา สูญเสียความสุขุมเยือกเย็นเช่นยามปรกติ
และบัดนี้เสี่ยวเฉียวเยว่ก็รู้ตัวแล้วว่าตนเองเผลอถ่ายเบาใส่บุรุษ
หรือว่าจะดีใจเกินเหตุ ดังนั้นจึงเสียความควบคุมเื่ขับถ่ายหนักเบา?
พอเห็นสีหน้าของฝ่ายชาย นางก็รู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะมอดไหม้ด้วยความอับอาย
นางตะลึงงัน ไม่นึกว่าจะเป็เช่นนี้
จนไท่ไท่สามอุ้มนางไปอีกห้อง เปลี่ยนชุดใหม่แล้วจับใส่รถเข็นคันน้อย นางก็ยังอยู่ในท่าทางเหม่อลอย
ถูกจับเปลี่ยนห้องไปตอนไหน เปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อไร รัชทายาทจากไปเวลาใด กระทั่งตนเองหลับไปเมื่อใด... นางล้วนไม่รู้ทั้งสิ้น
ยามตื่นขึ้นมาตอนเย็น ดวงหน้าน้อยพลันอมทุกข์
ทำอย่างไร?
พี่ชายสุดหล่อไม่ชอบนางแล้ว ทำอย่างไรดี?
ฮือๆๆ
พอได้ยินว่าเสี่ยวเฉียวเยว่ชอบรัชทายาทเป็พิเศษ แต่พลั้ง... ใส่เขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนต่างก็แวะเวียนมาถามไถ่รายละเอียดกับซูซานหลาง
ซูซานหลางไม่วางท่าเยี่ยงคุณชายผู้สง่างามประดุจหยกอีกต่อไป ทั้งตัวแฝงไปด้วยความเฉยเมยเ็า ไม่ว่าใครจะมา ก็ถูกไล่กลับไปทันที
ไทไท่สามกลัวว่าเขาจะโกรธจนตีบุตร จึงเกลี้ยกล่อมว่า "ท่านมักกล่าวเสมอว่าเกลี้ยกล่อมให้คนยอมจำนนต้องใช้เหตุผลและคุณธรรม สัตบุรุษต้องปฏิบัติได้มิใช่เพียงลมปาก"
ซูซานหลางหน้าง้ำ "ข้าสามารถใช้เหตุผลได้ แต่เ้าคิดว่าเ้าตัวน้อยนี่จะฟังรู้เื่หรือไม่?"
ยายหนูน้อยยังคงทึ่มทื่ออยู่
ไท่ไท่สามเวลานี้ใจเย็นลงแล้ว "นางเป็แค่เด็ก ต่อให้ท่านตีนาง นางก็ไม่รู้เื่ ทางรัชทายาทไม่พูดอะไรบ้างเลยหรือ?"
ซูซานหลางส่งรัชทายาทกลับวังด้วยตนเอง ทั้งยังไปขอรับโทษจากฝ่าาด้วย
เื่ที่เขารู้สึกขายหน้าที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นวันนี้
"รัชทายาทกลับปลอบข้าด้วยซ้ำว่าไม่เป็อะไร"
ไท่ไท่สามพยักหน้า "รัชทายาทสมกับเป็สุภาพบุรุษโดยแท้ ฮองเฮาทรงปราดเปรื่องเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ย่อมอบรมสั่งสอนรัชทายาทมาอย่างดี วันนี้พอข้าเห็นพระองค์ก็รู้สึกว่าแม้จะยังทรงพระเยาว์ แต่ก็สุขุมหนักแน่น มีความสดใสเยือกเย็นและอ่อนโยน หาได้ยากแท้ๆ"
ซูซานหลางกล่าวว่า "แม้รัชทายาทอายุยังน้อย แต่ความคิดอ่านแยบยลไม่น้อย แม้แต่เ้ายังไม่แน่ว่าจะเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้"
หลายๆ เื่ซูซานหลางไม่อยากพูดมาก
"แล้วฝ่าาเล่า?" ไท่ไท่สามถามขึ้น
ซูซานหลางมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า "ฝ่าาจะทรงทำอันใดได้ นอกจากหัวเราะเยาะข้า"
นึกถึงเื่นี้แล้ว เขาก็นวดจุดไท่หยางเบาๆ
ไท่ไท่สามอมยิ้ม "ศิษย์พี่อุปนิสัยเป็เช่นนี้เอง แต่เขาไม่โทษท่านหรอก"
ซูซานหลางเลิกคิ้ว "ข้าย่อมรู้ว่าเขาไม่ตำหนิข้า แต่เื่ขายหน้าของข้าล่วงรู้ไปถึงในวัง เ้าว่าพรุ่งนี้คนทั่วเมืองหลวงจะรู้วีรกรรมที่เ้าตัวเล็กของเราก่อไว้หรือไม่"
ไท่ไท่สามกลับไม่เก็บมาใส่ใจเท่าใดนัก "ลูกยังเล็กอยู่ ยังไม่นับว่าเป็อันใด กว่านางจะเติบโต ผู้ใดยังจะจำได้อีก"
จากนั้นนางก็เกลี้ยกล่อม "ซานหลางอย่าได้วิตกเกินไปเลย นางยังเด็กมาก จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า"
ซูซานหลาง "ข้าเข้าใจ แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดใจไร้ทางระบายอยู่ดี"
ไท่ไท่สามอมยิ้ม "เอาล่ะ อย่าเสียใจไปเลย ตอนเย็นข้าช่วยนวดให้ท่าน ดีหรือไม่?"
ดวงตาดอกท้อของซูซานหลางเลิกขึ้น "นวดตรงไหน?"
ไท่ไท่สามขัดเขินจนหน้าแดง หยิกเอวของเขาไปทีหนึ่ง "ท่านคิดเหลวไหลอันใด ข้าย่อมจะหมายถึงนวดศีรษะอยู่แล้ว"
ซูซานหลางอมยิ้ม ตอบว่า "ข้าไม่ได้คิดเหลวไหลอันใดเสียหน่อย แค่ถามว่านวดส่วนไหน ศีรษะหรือบ่าไหล่เท่านั้นเอง เ้าคิดไปถึงไหนแล้วนี่!"
ไท่ไท่สามทุบเขาอย่างเก้อเขิน
การเกี้ยวพาราสีกันของทั้งสองทำให้เสี่ยวเฉียวเยว่หลุดจากภวังค์กลับมาสู่ความเป็จริง
จริงด้วยสิ ตอนนี้นางยังเล็ก กว่าจะเติบโต ประวัติด่างพร้อยเหล่านี้ก็หายไปหมดแล้ว
ใช่ ต้องเป็เช่นนี้แน่ นางไม่ต้องวิตกเกินไปก็ได้
นางดูดนิ้วมองสองสามีภรรยาที่รักใคร่กันลึกซึ้ง นึกอยู่เงียบๆ ในใจว่าพวกเขารักกันขนาดนี้ ตนเองจะมีน้องชายหรือน้องสาวอีกคนหรือเปล่า
ไท่ไท่สามเห็นเสี่ยวเฉียวเยว่มองนางอีกแล้ว ก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ นอนหลับเสียดีๆ"
"พวกเรากลับห้องกันเถอะ" ซูซานหลางเอ่ย ก่อนจะกลอกตาใส่ทารกน้อยที่ทำเสียบรรยากาศ
เสี่ยวเฉียวเยว่รู้สึกอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา นางไปทำอะไรตอนไหน!
นี่มันห้องของนาง ขนาดเสี่ยวฉีอันซึ่งครึ่งหนึ่งของห้องนี้ยังไม่มีทีท่าไม่พอใจเลย พวกเขายังไม่พอใจอีกหรือ
ฮึ!
ปากน้อยๆ ของนางยื่นออกมา
แต่สองสามีภรรยาก็มิได้นำพา เรียกหลันหมัวมัวเข้ามา หลังจากนั้นก็ออกไป
พิลึกคน!
เสี่ยวเฉียวเยว่ค่อนขอดอยู่ในใจ
เพียงแต่นางไม่รู้ว่า หลังจากทั้งคู่ออกพ้นประตูไปแล้ว ไท่ไท่สามกลับมีความหวั่นวิตก "ซานหลาง ท่านคิดว่าเฉียวเยว่ฉลาดเฉลียวเยี่ยงนี้ แท้จริงแล้วเป็เื่ดีหรือไม่?"
ฉลาดเกินไปมักย้อนมาทำร้ายตนเอง!
นางผู้เป็มารดาย่อมวิตกกังวลเป็ธรรมดา
ซูซานหลางตบบ่าของนางเบาๆ "บุตรสาวของข้าซูซานหลางฉลาดปราดเปรื่องเกินปรกติมีสิ่งใดไม่ถูกต้อง คุณสมบัติเยี่ยงข้าจะไม่ถ่ายทอดถึงบุตรสาวได้อย่างไร อิ้งเยว่เฉลียวฉลาดกว่าเด็กทั่วไป เฉียวเยว่ก็คงไม่น้อยหน้า ข้ากลับไม่เห็นว่าจะเป็อันใด มีข้าคุ้มครอง เ้ายังจะวิตกอันใดกันเล่า"
ไท่ไท่สามนึกดูแล้วก็พยักหน้า "ใช่ มีพวกเราเฝ้าดูอยู่ ต้องไม่เกิดเื่อยู่แล้ว"
...
[1] จุดไท่หยาง อยู่ที่บริเวณขมับทั้งสองด้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้