“ฉันไปเอาแม่แกเรอะ! ทำไมต้องร้ายกับฉันขนาดนี้ด้วย!” ตาหกที่ถือมีดหั่นผักอยู่ในมือกล่าวอย่างดุเดือด
“แม่ฉันถูกฝังอยู่ใต้ดินมาสามปีแล้ว ถ้าแกอยากจะเอา ฉันก็คงต้องขอบใจบรรพบุรุษรุ่นที่ 18 ของแก เ้าทึ่มจอมกร่าง! พอเห็นแม่ฉันแกก็อย่าใจนอึราดกางเกงล่ะ!” ยายเจ็ดด่าได้ถึงพริกถึงขิง
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ล้วนเป็ชาวต่างชาติ ดูเหมือนว่าจะให้ความสนใจในภาษาถิ่นของพวกเขาเป็อย่างมาก
“รบกวนหลีกทางหน่อย” เสิ่นิพูดเปิดทางจากด้านหลังและให้เซี่ยวอี๋เข็นรถเข็นไปยังหน้าแผง
ลุงป้าที่สู้รบกันมาร่วมครึ่งชั่วโมงก็เหนื่อยอ่อนหมดแรง เมื่อตาหกเห็นัดำซึ่งเหมือนกับเ้าถิ่นผู้มาพิทักษ์สันติ เขาก็รีบวิ่งไปหาและกล่าวทักทายราวกับต้อนรับจักรพรรดิ เขาแทบจะคุกเข่าลงแทบเท้าหญิงสาว
“อาเจ มาแล้วเหรอ?” ในแก๊งไม่มีใครเรียกัดำว่าบอส ผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะอายุอ่อนกว่า หรือแก่กว่าล้วนเรียกเธอว่าอาเจ๊ ลุงเป้ารายงานการทะเลาะเบาะแว้งกันตามกฎโดยที่ไม่คิดว่าัดำจะให้ความสนใจ
“ให้ลูกน้องลุงช่วยขยายวงฝูงชนออกไปหน่อย” ัดำสั่งลุงเป้า ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเซี่ยวอี๋ให้เธอเข็นรถเข็นของเธอไปที่ข้างหน้าแผงของป้าเจ็ด “ป้าเจ็ด จำฉันได้ไหม? ไม่ได้เจอกันซะนานเลย อาการข้อเข่าเสื่อมดีขึ้นหรือยัง?”
“อ้า! อาเจ๊มาแล้วเหรอ รีบมายืนตรงนี้เร็วเข้า อย่าไปโดนแดด” ป้าเจ็ดซึ่งมีสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวพอได้เห็นัดำก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที เหมือนกับได้พบลูกสาว ความกระตือรือร้นนั้นหาใช่ความกลัวหรือความสอพลอไม่ แต่เป็ความจริงใจ “ป้าอายุมากแล้ว ขอบใจอาเจ๊ที่นึกถึงเื่ข้อเข่าเสื่อมของป้านะ ยาที่อาเจ๊ฝากลุงเป้ามาให้เมื่อ 3 เดือนก่อนออกฤทธิ์ดีมากเลย! ป้านะเอามาทานวดอยู่หลายหน ตอนนี้แม้จะฝนตกลมแรง ป้าก็ไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว!”
“ลุงหกคะ เห็นลุงทะเลาะกับป้าเจ็ด ทำไมถึงต้องโกรธจนหน้าดำหน้าแดงด้วย? ลุงเป็โรคหัวใจอยู่ ถ้าอาการกำเริบขึ้นมา จะเป็อย่างไร” ัดำไม่ยืดเยื้อกับป้าเจ็ด เธอหันไปมองที่ลุงหกซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
“อาเจ๊ล่ะก็ อาเจ๊ไม่รู้ล่ะสิ นางแม่มดคนนี้ช่างเอาแต่ใจ! ต้องหันแผงผลไม้ของตัวเองมาทางแผงของลุงให้ได้ อาเจ๊เห็นไหมว่ามันล้ำเส้นมาแล้วน่ะ ลุงวางผักไม่ได้ พอลุงคุยกับเธอด้วยเหตุผล เธอก็เอาแต่แช่งด่า ไร้เหตุผลสิ้นดี!” ลุงหกกล้ำกลืนจนสุดจะบรรยาย
“แกว่าใครไร้เหตุผล หา? แกรู้ไหมว่าฉันเป็ใคร สามเดือนแล้วที่แกเอาหัวไชเท้าเข้ามาตั้งมากมาย ล้ำเส้นฉันมาก็นาน ฉันยังไม่หาว่าแกเอาเปรียบเลย แล้วตอนนี้แกมาหาว่าฉันไม่ยุติธรรม แกยังจะมีหน้าอีกนะ!” ป้าเจ็ดกลัวัดำจะเข้าใจผิดจึงรีบะโใส่ทันที
“ฉันตั้งใจทำแบบนั้นเพื่อให้หัวไชเท้าขายออกง่าย วางล้ำเส้นแกไปไม่กี่วันก็ขายออกหมดแล้ว แต่ของแกเป็ผลไม้ตลอดปี ฉันไม่ต้องให้แกล้ำเส้นตลอดปีเลยอย่างนั้นเหรอ?!” โรคหัวใจของลุงหกเห็นทีจะกำเริบขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“เอาล่ะ เอาล่ะ คุณลุงคุณป้าอยากฟังความเป็ธรรมจากฉันไหม?” ัดำยกมือขึ้นก่อนจะยิ้มและหมุนรถเข็นไปโดยรอบ “ว่ากันว่าญาติห่างๆ สู้เพื่อนบ้านที่ดีไม่ได้ ท่านทั้งสองก็อายุปาเข้าไปเท่าไรแล้ว ตั้งแผงบนถนนฮวาเหลียนมาไม่รู้นานแค่ไหนแล้ว มีความขัดแย้งอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้หรือ?
ทุกคนล้วนแต่เป็คนบ้านเดียวกัน มาตั้งรกรากทำมาหากินที่เมืองตะวันตกนี้ไม่ใช่เื่ง่าย ถอยกันคนละก้าว ฝรั่งเขาจะได้ไม่หัวเราะเยาะเอา”
ัดำยกเื่ความผูกพันทางเชื้อชาติขึ้นมาพูด และทันใดนั้น ความโกรธบนใบหน้าของลุงหกและป้าเจ็ดก็ได้คลี่คลายลง
“อย่างนั้นแหละ เว้นพื้นที่หนึ่งฟุตระหว่างคูหาให้เป็พื้นที่สาธารณะ คราวหน้าใครจะซื้อของอะไรมาเพิ่มเติม ก็วางมันตรงนั้นแหละ จะวางกี่วันก็คุยกันให้ดี วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ลุงเป็คนวาง วันอังคาร พฤหัส เสาร์ป้าเป็คนวาง” ัดำทำเครื่องหมายบนถนน
“แล้ววันอาทิตย์ล่ะ?” ลุงถามขึ้นมา
“ก็ต้องเป็ของเมียแกสิ สัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน สรรพสิ่งก็ต้องพักผ่อนนา!” ป้าเจ็ดเริ่มล้อเล่นเป็เชิงชื่นชมสุขภาพร่างกายของลุงหก ลุงหกยิ้มออกมาอย่างผ่าเผย
ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านคลี่คลายลงได้ด้วยเพียงไม่กี่คำของัดำ หน่วยเจรจาคิดว่าการทะเลาะเบาะแว้งในถนนคนเดินฮวาเหลียนสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย แค่ช่องที่ห่างนิดห่างหน่อยก็กระทบกันแล้ว แต่ในเมื่อตอนนี้มีช่องว่างระหว่างแผงมากขึ้น ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งก็เบาลงไปโดยปริยาย และปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับม่านไม้ไผ่ก็จะลดน้อยลง
เมื่อห่างจากบ้านเกิด สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามัคคี ัดำกล่าวว่าถนนฮวาเหลียนเป็รากฐานของม่านไม้ไผ่ เพราะที่นี่คือครอบครัวของเธอที่มาจากเกาะไต้หวัน ตอนม่านไม้ไผ่ก่อร่างสร้างตัวก็อาศัยค่าคุ้มครองที่พวกเขาจ่ายให้กับรัฐเพื่อใช้ลงหลักปักฐาน และขยายต่อไปยังเขตอื่น จนถึงได้เป็เหมือนทุกวันนี้
ความหมายของครอบครัวคือ ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร พวกเขาก็จะสนับสนุนคุณ ซึ่งเป็การสนับสนุนอันแข็งแกร่งที่สุด
ัดำออกหน้าแก้ไขความขัดแย้ง มันทำให้หัวใจของผู้ประกอบการััได้ถึงความอบอุ่น พวกเขารู้ว่ามีกลุ่มคนที่คอยคุ้มครองอยู่ มันยอดเยี่ยมมาก ค่าคุ้มครองเดือนละสองสามร้อยดอลลาร์ ถือว่าเพื่อความสบายใจ
ลุงหกมอบหัวไชเท้าขนาดใหญ่เท่าแขนให้ัดำ ยายเจ็ดก็ยัดสับปะรดสองลูกจากไต้หวันให้เธอ
“คาดไม่ถึงว่าบอสมาเฟียอย่างคุณ จะมาเป็กรรมการให้กับลูกบ้านที่ตีกัน?” ระหว่างทางที่เข็นัดำกลับรถ เซี่ยวอี๋เห็นพ่อค้าแม่ขายนับไม่ถ้วนเข้ามากล่าวทักทายเธอ พวกเขากระตือรือร้นเหมือนกับได้เข้าเฝ้าเฮียอิงจิ่ว (ประธานาธิบดีของไต้หวัน) ของกำนัลทุกประเภทขนกันมาไม่หวาดไม่ไหว
“ผู้ชนะใจมวลประชา นับเป็ผู้ครองโลก มาเฟียที่แท้แล้วคืองานบริการ รับแต่เงิน ไม่ทำอะไร วันวันเอาแต่กดขี่ผู้คน สุดท้ายก็จะถูกฟ้าดินลงโทษ” ัดำอุ้มสับปะรดและโบกมืออำลา
ส่วนเสิ่นิก็เฝ้ามองทุกสิ่งรอบตัวด้วยความระแวดระวัง จุดที่น่าสงสัยทั้งหมดถูกบันทึกเอาไว้ในใจของเขาแล้ว บริเวณที่น่าสงสัยที่สุดก็คือสี่แยก เด็กคนหนึ่งถือโทรศัพท์ iPhone 10 เดินตามพวกเขามา ที่น่าสงสัยไม่ใช่เพราะเด็กถ่ายรูป แต่เป็เพราะเสื้อผ้าบนร่างกายของเขามีมูลค่าแค่เพียง 10 ดอลลาร์ แต่ทำไมถึงใช้ไอโฟนรุ่น 10 ได้
หลังจากขึ้นรถมา รอยยิ้มอันเป็มิตรของัดำก็หุบลงโดยอัตโนมัติ ราวกับสับสวิตช์ปิด ผักและผลไม้ถูกเอาไปไว้ที่รถอีกคันหนึ่ง
“ฉันถึงต้องอาบน้ำตอนกลางวันไง!” ัดำหยิบทิชชูเปียกขึ้นมาเช็ดอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวถูไปตามคราบสกปรกบนแขน
ขบวนรถเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังสถานที่ประชุม แต่ขับไปได้แค่เพียงสอง่ตึก ในขณะที่เพิ่งจะเข้าอุโมงค์ เสิ่นิก็ะโร้อง “หยุดรถ!”
ในฐานะหัวหน้าผู้คุ้มกัน ทุกคนต้องฟังเขา ขบวนรถทั้งหมดหยุดอยู่ ณ พื้นที่ที่ซ่อมแซมภายในอุโมงค์
“คุณทำอะไรน่ะ? เร่งด่วนหรือเปล่า?” ัดำกล่าวด้วยความสงสัย
“ทุกคนลงไปที่รถคันอื่น 2 เข็นัดำไปที่รถคันสุดท้าย” เสิ่นิพูดพลางลงจากรถ เขาสลับตำแหน่งกับคนขับ
“นายจะทำอะไรน่ะ?” เซี่ยวอี๋เองก็ไม่เข้าใจ
“ฟังผมให้ดี เมื่อครู่ที่ตลาด คุณได้เปิดเผยตำแหน่งของตัวเองแล้ว เื่นี้อันตรายมาก” เสิ่นิคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะไม่เป็อันตรายใช่ไหม?” เซี่ยวอี๋ตื่นเต้นไปกับเขาด้วย
“รถคันนี้กันะุ ที่จริงผมแค่สงสัย หวังว่าผมคงจะคิดมากไป รีบเดินไปซะ เรามีเวลาไม่มาก” เสิ่นิหันกลับมายิ้มให้
คนในรถตู้คันนั้นถูกกระจัดกระจายไปยังรถคันอื่น กระทั่งคันอื่นๆ บรรทุกเกินน้ำหนัก ขบวนรถจึงขับเคลื่อนออกไปอีกครั้ง มีรถคุ้มกันสองคันหน้าหลังประกบรถตู้ไป
เมื่อขับไปได้ไม่ถึง 5 นาที ในขณะที่ขบวนรถแล่นผ่านทางสี่แยก หัวของรถบรรทุกสองคันต่างก็พุ่งมาจากสองฟากฝั่งซ้ายขวา เสียงดังปัง รถบรรทุกพุ่งชนรถตู้กันะุ แรงกระแทกมหาศาลทำเอาตัวรถสภาพยับเยิน กระจกกันะุแตกออกเป็ตะกรันชั้นดี
“เสิ่นิ!” เซี่ยวอี๋ะโมาจากทางด้านหลัง เธอไม่ได้เห็นอุบัติเหตุอย่างชัดเจน ้าของสี่แยก เสาป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ร้าวหักเป็สองท่อน รถแตกขบวนเป็หน้าหลัง เกิดเสียงดังสนั่น ป้ายตกลงมา มันแยกรถคุ้มกันด้านหน้าออกจากรถตู้ และรถคันที่สามซึ่งติดตามมาก็ต้องเบรกอย่างกะทันหันเพื่อไม่ให้โดนป้ายโฆษณา อีกส่วนหนึ่งก็ผ่ากลางรถ
เหล่านักเลงคว้าสารพัดอาวุธขึ้นมาและเปิดประตูพุ่งออกไปจากรถ แต่ก็ติดกับป้ายโฆษณาเหล็กหนา ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้แต่หยิบปืนไปที่ถนน เ้าพวกไร้สมองคิดจะเอา C4 ไปทั้งก้อนอย่างนั้นเหรอ? จึงได้แต่คิดหาวิธีอื่น
แต่เนื่องด้วยคนที่ติดอยู่กับศัตรูมีเพียงคนเดียว ซึ่งนั่นก็คือเสิ่นิ พวกมันจึงไม่ได้ใช้ความพยายามเท่าใดนัก เรียกได้ว่าด้อยประสิทธิภาพ
มีเพียงเซี่ยวอี๋เท่านั้นที่ลนลาน เธอกระหน่ำโทร.หาเสิ่นิ แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ
บริเวณสี่แยกซึ่งถูกตัดขาด คนขับรถในบริเวณนั้นต่างพากันแตกตื่นและทิ้งรถ ก่อนที่จะวิ่งเตลิดไป ชายกำยำ 10 คนซึ่งสวมหน้ากาก Donald Duck Mickey Mouse และ Goofy เดินลงมาจากส่วนของหัวรถบรรทุกสองคันนั้น ในมือของพวกเขามีปืน AK74 ปืนกล กระทั่งปืนลูกซองอยู่ด้วย
ทั้ง 10 คนไม่พูดไม่จาและส่งสายตาให้กันเป็นัยว่าโอบล้อมรถตู้เอาไว้ สภาพของหัวรถบรรทุกทั้งสองคันพังยับเยิน และเมื่อเคลื่อนมันออกไปด้านหลัง ก็เผยให้สภาพรถตู้ซึ่งไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลย
รถกันะุไม่ได้กันการถูกชน ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ประตูได้ถูกเปิดออก
มือสังหารทั้งสามคนขึ้นไปบนรถพร้อมกับ AK74 สองคนเดินไปที่ประตูข้าง อีกหนึ่งคนเดินไปที่ห้องโดยสารด้านหน้า วงกบประตูพังยับผิดรูป หนึ่งในนั้นใช้ปืนกระแทกกับประตูรถ ส่วนอีกคนก็เล็งคุ้มกัน
“Mickey Mouse” ที่ประตูหน้าจ้องไปยังเสิ่นิซึ่งนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับ เขาคาดเข็มขัดนิรภัย ศีรษะของเขาฟุบลงกับพวงมาลัย มีเืไหลออกมาจากปาก รูปลักษณ์เหมือนกับคนที่พึ่งตาย
Mickey Mouse ผ่อนคลาย เขาใช้ปากกระบอกปืน AK74 เขี่ยศีรษะของเสิ่นิ
เมื่อปากกระบอกปืนกระทบเข้าที่คาง ชายหนุ่มซึ่งตกอยู่ในอาการสลบไสลก็ฟื้นลืมตาตื่น มือข้างหนึ่งกุมตัวปืนไว้ ส่วนอีกข้างเหวี่ยงก็สับปะรดลูกโตเข้าไปที่ใบหน้าของ Mickey Mouse สับปะรดลูกนั้นแตก น้ำกระเซ็นไปทั่ว ใบหน้าของ Mickey Mouse พังยับเยิน และเมื่อมือปืนสี่คนเตรียมซุ่มยิง ปากกระบอกปืน Colt ก็ถูกชักออกมา
ความเร็วปืนของเสิ่นิทำให้เกิดเสียงปืนที่ดังซ้อนกันประหนึ่งกับปืนกล ะุสี่นัดยิงเข้าไปที่หัวไหล่ของมือปืนทั้งสี่ กระทั่งพวกเขาปลิวขึ้นจากพื้นในจังหวะเดียวกันและล้มไปทางด้านหลัง
ชายสองคนที่ประตูด้านข้างตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่เสิ่นิก็เดินถือปืนลงมาถึงพื้นแล้ว เพื่อนที่ยกปืนขึ้นกำลังจะหันกระบอกปืนไป เสิ่นิไม่แม้แต่จะชายตามอง เขาโบกทุเรียนลูกใหญ่ในมือ ฟาดเข้ากับศีรษะของชายที่อยู่ที่ประตูหลัง เปลือกของทุเรียนแตกออก ศีรษะนั้นจะยังโอเคอยู่ไหม?
มือปืนคนนั้นจ้องมองเสิ่นิด้วยดวงตาที่เหม่อลอย ขณะที่คิดจะยกมือยอมจำนน ปากกระบอกปืนก็เล็งไปที่หัวไหล่เขา เสียงปังดังขึ้น หมอนั่นทรุดตัวลงกับพื้นและร้องโอดโอย