นางพูดไปแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเรียกหลิงชวนให้เอาพู่กันกับกระดาษมา จากนั้นก็เขียนอยู่ครู่หนึ่ง
ทุกคนต่างจ้องการกระทำของนางอย่างอยากรู้อยากเห็น ซูิเยว่เขียนอยู่หลายตำแหน่ง จากนั้นก็หยุดมือที่เขียนพู่กันลงก่อนจะส่งไปให้หลิงชวนแล้วกล่าว “นี่คือสถานที่ฝึกฝนทหารพลีชีพลับขององค์ชายห้า หวังว่าคงจะช่วยพวกท่านได้”
ดวงตาหลิงชวนวาวขึ้น เขารับกระดาษแผ่นนั้นมาดูอย่างละเอียด สำหรับพวกเขาแล้วสิ่งนี้มีประโยชน์เป็อย่างมาก
เชียนซวินจือได้ยินเช่นนั้นก็อยากรู้ขึ้นมา เขาหยิบกระดาษในมือของหลิงชวนมาดูครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองซูิเยว่แล้วพูดอย่างสงสัย “เหตุใดเ้าถึงรู้สถานที่พวกนี้? ทั้งที่ข้ายังตรวจสอบไม่ได้เลย”
“บอกไม่ได้ เอาเป็ว่าเื่นี้เป็ความจริงก็พอ”
ซูิเยว่พูดในใจ เวลาองค์ชายห้าทำอะไรก็จะระมัดระวังอยู่แล้ว ดังนั้นเื่สถานที่พวกนี้ก็เช่นกัน ที่นางรู้ก็เพราะชาติที่แล้วได้คบกับองค์ชายห้ามาจึงได้ยินเขาพูดโดยบังเอิญ ต่อมานางก็แอบไปตรวจสอบ แล้วก็พบว่าเป็ที่นั่นจริงๆ
ซูิเยว่หันกลับไปกุมมือของจี๋โม่หานแล้วกล่าว “มีบางเื่ที่หม่อมฉันจะบอกท่านในภายหลังแน่นอน ขอแค่ท่านเชื่อหม่อมฉันก็พอ”
“แน่นอน” จี๋โม่หานกุมมือซูิเยว่กลับ เขารู้ว่ายังมีความลับเกี่ยวกับซูิเยว่ที่เขาไม่รู้ อย่างเช่นวิชาแพทย์ของนาง แต่ว่าความลับพวกนี้ไม่มีทางมาขวางกั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาได้
“จริงสิ” ซูิเยว่ประมาณเวลาอยู่ครู่หนึ่ง นางเองก็ออกมาได้สักพักแล้ว “หม่อมฉันจะต้องกลับแล้ว ไม่เช่นนั้นท่านพ่อจะสงสัยเอา”
จี๋โม่หานจับมือของซูิเยว่เอาไว้ ดูท่าว่ายังไม่ยอมปล่อย เมื่อฟังจบแล้วก็ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้ “ก็ได้ เช่นนั้น่นี้เ้าก็ดูแลตัวเองดีๆ มีเื่อะไรก็มาหาข้าที่หอจิ่นชางเก๋อก็พอ”
“เพคะ” ซูิเยว่พยักหน้า นางดึงมือกลับแล้วก็ลุกขึ้น “เช่นนั้นหม่อมฉันไปแล้ว”
จี๋โม่หานเงยหน้าขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากเองก็ยกขึ้นเล็กน้อย “รอเดี๋ยว ยังมีอีกเื่หนึ่ง”
“อืม?”
ฝีเท้าที่จะก้าวออกไปของซูิเยว่ก็หยุดชะงัก นางมองจี๋โม่หานแล้วรอเขาพูดออกมา
วินาทีต่อมามือของจี๋โม่หานกลับยกขึ้นมาโอบเอวนางไว้ ตอนที่นางยังไม่ทันได้ตั้งสติ เขาก็ดึงนางมานั่งที่ตักก่อนจะรวบทั้งตัวเข้าสู่อ้อมกอด
“ข้า...”
ซูิเยว่ตาโต หน้าแดงแปร๊ดขึ้นมา
เชียนซวินจือไอออกมาหนึ่งทีแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น พวกหลิงชวนและหนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่ต่างก็พากันย้ายสายตาออกไปเมื่อเห็นเ้านายหวานใส่กันต่อหน้า
มือข้างหนึ่งของจี๋โม่หานกอดเอวซูิเยว่เอาไว้ อีกมือหนึ่งก็ลูบใบหน้านางไปด้วย นิ้วโป้งลูบที่มุมปากของนางเบาๆ จากนั้นก็โน้มตัวลงไปจูบ
ไม่มีการเกี่ยวพัน มีเพียงแค่ทาบทับลงไปเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ยากจะบรรยาย
ในใจของซูิเยว่สงบลงอย่างน่าประหลาด
เพียงครู่เดียวจี๋โม่หานก็ปล่อยซูิเยว่ออก ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก จนนางได้ยินเสียงลมหายใจของจี๋โม่หานที่เปลี่ยนมาเร็วขึ้นเล็กน้อย
“เด็กดี ไปเถิด ่นี้ก็ระวังตัวด้วยนะ”
“เพคะ” ซูิเยว่รับคำเสียงเบาก่อนจะลงจากหน้าตักของจี๋โม่หาน “เช่นนั้นหม่อมฉันไปแล้วนะ ท่านมีเื่อะไรก็อย่าปิดบังล่ะ”
“อืม” จี๋โม่หานยกยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่าห่วงเลย”
พอซูิเยว่ออกไป สีหน้าของจี๋โม่หานก็พลันทะมึนขึ้นมา บรรยากาศรอบตัวปล่อยไอเย็นออกมา ไม่เหมือนคนอ่อนโยนที่อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบเมื่อครู่เลยสักนิด เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม “หลิงชวน อ่านตำแหน่งที่อยู่ในกระดาษให้ข้าฟัง”
“ขอรับ” บนกระดาษมีทั้งหมดสี่ตำแหน่ง หลิงชวนอ่านให้จี๋โม่หานฟังทีละแห่ง ตำแหน่งพวกนี้แต่ก่อนพวกเขาไม่เคยสงสัยมาก่อน เพราะดูจากเบื้องหน้าแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องใดใดกับองค์ชายห้า
เมื่อจี๋โม่หานฟังจบแล้วก็เงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็นออกมา “เชียนซวินจือ”
“หา?”
“เปิ่นหวังรบกวนเ้าไปตรวจสอบสถานการณ์สี่ที่นี้ว่าเป็จริงหรือไม่ ถ้าหากเป็จริงก็อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ให้นำข่าวมาส่งที่จิ่นชางเก๋อ”
“ไม่มีปัญหา” เชียนซวินจือรับปาก “ข้าจะรีบไปหาคำตอบให้เ้าให้ไวที่สุด”
ถึงแม้ตอนแรกเชียนซวินจือจะถูกบีบให้ทำงานให้จี๋โม่หาน แต่จี๋โม่หานก็ไม่เคยทำเื่ที่เกินไปกับเขาเลยจริงๆ ทั้งสองก็รู้จักกันมานานแล้ว พอเกิดเื่ขึ้นกับจี๋โม่หาน ถึงแม้ใบหน้าของเชียนซวินจือจะไม่แสดงอะไรออกมา แต่หากจี๋โม่หาน้าให้เขาช่วยอะไร เขาจะไม่มีทางลังเลแน่นอน
หลังจากเชียนซวินจือออกไปแล้ว ภายในห้องก็เงียบสงบลง
“องค์ชายสาม เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอะไรต่อไปดีพ่ะย่ะค่ะ?”
มุมปากของจี๋โม่หานยกยิ้มเย็น “เ้าแอบส่งคนไปปล่อยข่าวเื่ที่เปิ่นหวังป่วยหนักใกล้ตาย ยิ่งให้คนรู้เยอะมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี“
“พ่ะย่ะค่ะ”
มือของเขาวางอยู่บนที่วางมือ ปลายนิ้วเคาะลงเบาๆ โชคดีที่ครั้งนี้ซูิเยว่ช่วยเขาออกความคิด ทำให้เขาลดปัญหาที่ไม่จำเป็ไปได้เยอะ ต่อไปแค่ทำตามแผนทีละขั้นตอนก็พอ ขอแค่หาหลักฐานที่องค์ชายห้าโยนความผิดให้เขามาได้ ถึงตอนนั้นแม้ฮ่องเต้อยากจะลงโทษที่เขาแกล้งป่วย แต่ก็พูดออกมาไม่ได้หรอก
องค์ชายห้าน่ะหรือ ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย
หลังจากซูิเยว่พาหนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่ออกไปแล้ว นางก็ซื้อของในจิ่นชางเก๋อเล็กน้อยก่อนจะกลับ อย่างไรตอนที่ออกมาก็บอกหลินโม่ไว้ว่าจะมาซื้อของทำของขวัญวันเกิด หากกลับไปมือเปล่าก็จะถูกสงสัยได้
หนิงหยวนกับเสี่ยวอวี่ตลอดทางก็อยู่ในสภาวะผิดปกติไม่พูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งใกล้ถึงจวนสกุลซู ซูิเยว่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากออกมาก่อน “พวกเ้ามีปัญหาอะไรก็ถามมา?”
ซูิเยว่เองก็รู้ว่าเื่ที่จู่ๆ นางคบกับจี๋โม่หานนั้นจะต้องทำให้สองคนนี้ใแน่นอน
หนิงหยวนก้มหน้ากอดของในอ้อมกอดเงียบ เสี่ยวอวี่ลังเลว่าจะเอ่ยถามออกมาอย่างไรดี อย่างไรนี่ก็เป็เื่ของเ้านาย พอได้ยินซูิเยว่พูดเช่นนี้ เสี่ยวอวี่ถึงได้มีความกล้าขึ้นมาหน่อย “คุณหนูเ้าคะ ท่านคบกับองค์ชายสามเมื่อไหร่หรือ?”
“คบกันไม่นานนะ” ซูิเยว่ตอบกลับไปแบบไม่ชัดเจน
เสี่ยวอวี่ก็พลันคิดถึงเื่เมื่อวานที่ซูิเยว่ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตลอดทั้งบ่ายขึ้นมาได้ นางจึงไม่รู้ว่าเ้านายกำลังทำอะไร ต่อมายังถามนางด้วยเื่แปลกๆ อีกด้วย เสี่ยวอวี่ถึงได้เข้าใจขึ้นมา
“ดีจังเลยนะเ้าคะ” เสี่ยวอวี่เงยหน้ายิ้ม “ดีจริงๆ เลยเ้าค่ะ คุณหนู”
เมื่อครู่นางแค่ใมากเกินไป ตอนนี้พอเริ่มเข้าใจแล้วก็อวยพรให้คุณหนูของตัวเองจากใจ ความเข้าใจของนางเกี่ยวกับองค์ชายสามเป็เพียงเื่ที่มาจากปากคนเล่าเท่านั้น
องค์ชายสามจี๋โม่หานนอกจากเป็คนพิการแล้ว ความจริงในด้านอื่นๆ จากที่คนเล่าต่อกันมาก็ถือว่าไม่เลว ตอนอายุสิบกว่าปีก็เก่งเื่การวางแผน สามารถพาทหารออกรบได้ จี๋โม่หานในตอนนั้นถูกเรียกว่าอัจฉริยะหนุ่ม เป็คนในฝันของสตรีมากมาย มีแม่นางมากมายเบียดกันเพื่อที่จะแต่งงานกับเขา
ซูิเยว่ชะงักแล้วหันกลับไปมองเสี่ยวอวี่ รู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของนาง
“คุณหนู ข้าอวยพรให้ท่านกับองค์ชายสามจากใจจริง พอเห็นท่านมีความสุข หนูปีก็มีความสุขเ้าค่ะ” เสี่ยวอวี่หัวเราะแหะๆ ออกมาสองที