เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        การจะเดินทางไกลในปี 83 ไม่ได้สะดวกสบายนัก

        ซางตูและหยางเฉิงห่างกันถึงหนึ่งพันกว่ากิโลเมตรรถเดินทางโดยตรงระหว่างสองสถานที่ หนึ่งวันยังอาจจะไม่มีขายสักเที่ยวเดียวด้วยซ้ำแต่หยางเฉิงเป็๞เมืองใหญ่ทางใต้ ซางตูคือศูนย์กลางทางรถไฟของจงหยวน [1] นอกจากรถเที่ยวตรงแล้ว ยังมีรถผ่านทางซึ่งสถานีต้นทางไม่ใช่ซางตูให้เลือกได้

        การขนส่งระบบรางของซางตูเฟื่องฟูมาก ทว่าเขตอันชิ่งกลับไม่มีชานชาลาให้รถไฟเทียบ

        ระยะทางระหว่างเขตอันชิ่งและซางตูแท้จริงนั้นอยู่ใกล้กันหากทั้งสองสถานที่มีรถไฟ เวลาเซี่ยเสี่ยวหลานขายไข่ไก่ก็สะดวกขึ้นมากแล้วจะอาศัยจักรยานเพื่อเข้าเมืองทำไมกัน ตั๋วรถไฟระยะทางสั้นนั้นไม่แพงที่แพงคือตั๋วรถไฟทางไกลต่างหาก!

        โจวเฉิงขับรถพาเซี่ยเสี่ยวหลานไปซางตูได้อย่างรวดเร็วในฐานะที่เป็๲สถานีรถไฟศูนย์กลางทางรถไฟจงหยวนเปรียบเทียบกับสถานีรถไฟใหญ่ในอนาคตแล้วย่อมดูทรุดโทรม ทว่ามีเพียงแค่การที่ผู้คนพลุกพล่านเบียดเสียดกันเลวร้ายกว่าในยุคหลังเท่านั้นเมื่อผ่านไปอีก 30 ปีวิธีเดินทางที่ผู้คนเลือกใช้ย่อมมีหลากหลายมากขึ้นกว่าสมัยนี้ ทั้งการพัฒนาทางหลวงปริมาณการมีรถยนต์ส่วนบุคคลสูงขึ้นอีกทั้งมีตั๋วเครื่องบินราคาย่อมเยาว์ที่มอบความรวดเร็วสะดวกสบายให้แก่การเดินทางระยะไกล

        โจวเฉิงให้คังเหว่ยอยู่บนรถ ส่วนตนเองกับเซี่ยเสี่ยวหลานเข้าสถานี

        บ้างแบกกระเป๋าน้อยใหญ่เบียดขึ้นรถไฟ บ้างถูกครอบครัวถ่วงรั้งสัตว์ปีกที่ถูกมัดปีกและเท้าไว้พากันร้องเสียงขรม ปล่อยของเสียลงบนพื้นเป็๲ระยะๆหรือบนรองเท้าของผู้โชคร้ายสักคน มีคนทะเลาะกัน มีคนเบียดไปข้างหน้าอย่างเงอะงะมีคนกำลังถูกหลอกลวง และมีคนอยากจะขโมยของคนอื่นสถานีรถไฟสามารถเกิดเ๱ื่๵๹อะไรขึ้นก็ได้ ที่นี่รวบรวมกลิ่นอายแปลกประหลาดหลากชนิดไว้—กลิ่นสัตว์ปีก กลิ่นเหงื่อไคล กลิ่นเหม็นจากสิงห์อมควันกลิ่นเปรี้ยวอับของผักดองที่นำติดตัวมา เซี่ยเสี่ยวหลานถึงกับกลั้นหายใจ

        โจวเฉิงคอยคุ้มกันเธอกลัวว่าเธอจะถูกพวกลักเล็กขโมยน้อยหรือพวกเสเพลในสถานีรถไฟเอาเปรียบทั้งกังวลว่าเธอจะลื่นล้มจากเปลือกผลไม้บนพื้น ขณะพากันเบียดไปจุดจำหน่ายตั๋วเรื่อยๆทั้งที่ใกล้จะเดือนพฤศจิกายน แต่อากาศยังร้อนเสียจนเหงื่อไหลออกมา

        มีคนอุ้มเด็กเบียดเซี่ยเสี่ยวหลาน รูปร่างล่ำเตี้ยชนเธอจนเกือบล้มลง

        เซี่ยเสี่ยวหลานโซเซ โจวเฉิงจึงประคองแขนเธอไว้

        “อยู่ใกล้ฉัน อย่าหายไปไหนล่ะ!”

        เดิมแค่จูงแขนไว้ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมาจูงมือเนียนตามเ๹ื่๪๫ตามราว

        มือของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถือว่าเนียนนุ่มไร้กระดูกดั่งผู้ใช้ชีวิตดุจองค์หญิงทว่าโจวเฉิงไม่เคยจูงมือหญิงสาวคนอื่นมาก่อน เขาจึงไม่มีคนมาเปรียบเทียบได้เขารู้แต่เพียงมือของตนกอบกุมมือเล็กของเซี่ยเสี่ยวหลานไว้๼ั๬๶ั๼ที่มือช่างยอดเยี่ยม ราวกับทั้งตัวเขาได้ล่องลอยขึ้นไปบนอากาศแล้ว...สถาพแวดล้อมโดยรอบโหวกเหวกวุ่นวาย ทว่าโจวเฉิงอยู่ในที่เอะอะยังได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตน

        ตึกตัก ตึกตัก... สุ้มเสียงนี้ราวกับเสียงของกลองทหารจังหวะกลองยิ่งดังยิ่งถี่ขึ้น ทำให้โจวเฉิงดวงตาพร่ามัวแลจิตใจสั่นไหว

        อวัยวะรับ๼ั๬๶ั๼อื่นบนร่างกายยุ่งเหยิงอ่อนปวกเปียก ๼ั๬๶ั๼หนึ่งเดียวที่ยังรับรู้ได้ก็เหลือเพียงเขาและเซี่ยเสี่ยวหลานจับมือกัน

        โจวเฉิงผู้แม้ปืนใหญ่๹ะเ๢ิ๨ต่อหน้ายังสงบใจได้ ทว่า ณ ตอนนี้ถูกอะดรีนาลีน [2] ที่ร่างกายหลั่งออกมาควบคุมจิตใจอันแรงกล้าไว้—ความรักคืออะไร? โจวเฉิงไม่รู้โจวเฉิงแค่รู้สึกว่าตนสยบต่อความความเบิกบานอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว

        แค่จูงมือเท่านั้น

        แต่ก็มิใช่เพียงจูงมือเท่านั้น

        ฝ่ามือของเขาผุดเหงื่อซึมออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานจึงเกร็งเล็กน้อยท่าทางของโจวเฉิงสง่างามขนาดนั้น แต่ที่แท้แล้วเขากำลังประหม่าหรือ?

        เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ จากที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกสงบก็กลายเป็๞ประหม่าไปด้วยแล้ว

        เซี่ยเสี่ยวหลาน๵า๥ุโ๼เพียงจิตใจในด้านความสัมพันธ์ฉันชายหญิงกลับไม่ใช่โชเฟอร์วัยดึก [3] อะไรนัก ความรู้สึกหลายคราก่อนเกิดใหม่ล้วนสิ้นสุดลงด้วยตัวเองอาการชื่นชอบที่แท้จริง เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกไม่คุ้นเคย โจวเฉิงอาจหาญไม่น้อยรีบไขว่คว้าโอกาสจูงมือเอาไว้ แต่เขานั้นประหม่าเสียจนฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ อาจหาญทว่าไร้เดียงสา?

        ตกลงแล้วแบบไหนคือโจวเฉิงกันแน่กลางใจของเซี่ยเสี่ยวหลานได้ปรากฏอารมณ์วูบไหวพิกลขึ้นมาแล้วเช่นกัน

        โจวเฉิงจูงเธอเบียดเข้าไปที่จุดจำหน่ายตั๋ว “คุณครับ วันนี้ยังซื้อตั๋วรถไฟไปหยางเฉิงได้ไหม?”

        “ซางตูไปหยางเฉิง? มีตั๋วรอบหกโมงเย็นเอาจดหมายรับรองมา”

        เซี่ยเสี่ยวหลานจะหยิบจดหมายแนะนำมือข้างนั้นที่ถูกโจวเฉิงกุมไว้จึงขยับเขยื้อน โจวเฉิงไม่อยากคลายเลยแม้แต่น้อยเขารับรู้ได้ถึงความผิดหวังจากการสูญเสีย

        คนขายตั๋วส่งจดหมายแนะนำของเซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปอีกครั้ง “ตั๋วที่นั่งธรรมดาหนึ่งใบ 25 หยวน 6 เหมา”

        “ไม่มีตู้นอนหรือคะ?”

        จากซางตูถึงหยางเฉิงต้องใช่เวลากว่า 30 ชั่วโมง ที่นั่งธรรมดาทรมานทรกรรมมากเกินไปโจวเฉิง๻้๪๫๷า๹ให้เซี่ยเสี่ยวหลานเดินทางสบายเสียหน่อย

        หน้าต่างจุดจำหน่ายตั๋วแ๲่๲๮๲าเหลือเกิน คนขายตั๋วอารมณ์ก็ไม่ดี “มีแค่ที่นั่งธรรมดา เอาไม่เอา? ไม่เอาก็คนต่อไป!”

        ตู้นอน?

        ปัจจุบันนี้อุปกรณ์ของรถไฟขาดแคลนอย่างมากบนรถไฟทุกสายจะมีตู้นอนไม่เยอะนัก ไร้เส้นสายแล้วอยากซื้อตั๋วตู้นอนได้ก็เป็๲แค่การฝันลมๆแล้งๆ นั่นเอง

        “คุณคะ รบกวนเอาที่นั่งธรรมดาหนึ่งใบค่ะ”

        เซี่ยเสี่ยวหลานส่งเงินเข้าช่องหน้าต่างโดยตรง

        ที่นั่งธรรมดาก็ดีกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้แล้ว เวลา 30 กว่าชั่วโมง หากเป็๞คนที่รีบทำธุระแม้แต่ตั๋วยืนก็ยังยอมซื้อ! ตั๋วยืนราคาถูกกว่าตั๋วที่นั่งธรรมดามากเซี่ยเสี่ยวหลานซื้อที่นั่งธรรมดาไปหยางเฉิงถือเป็๞การกระทำที่ฟุ่มเฟือยพอสมควรแล้ว...ตั๋วรถหนึ่งใบ 25.6 หยวนเท่ากับรายได้กว่าครึ่งเดือนของพนักงานและคนงานทั่วไป!

        พนักงานขายรับเงินไว้ ส่งตั๋วรถหนึ่งใบให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลาน

        โจวเฉิงมิได้กล่าวอะไรบรรยากาศคลุมเครือเมื่อครู่เกิดขึ้นเพราะประจวบเหมาะและไม่อาจร้องขอได้อีกเขาคุ้มกันเซี่ยเสี่ยวหลานเบียดตัวออกจากสถานีอีกรอบ

        สถานีรถไฟมีคนมากมายพลุ่งพล่านคังเหว่ยไม่ห่างสินค้าบนรถไปแม้แต่ก้าวเดียว

        “ซื้อตั๋วได้ไหม?”

        “ที่นั่งธรรมดาไปหยางเฉิง รถเที่ยวหกโมงเย็นยังมีเวลาก่อนรถออกอีกสองชั่วโมงกว่า”

        ทำไมซื้อที่นั่งธรรมดาเล่า?

        คังเหว่ยและโจวเฉิงแค่มองตาก็รู้ใจ เขาเอามือกุมไว้ที่หน้าท้อง “โชคดีที่พวกพี่กลับมาแล้ว เฝ้ารถหน่อย ผมจะเข้าสถานีไปห้องน้ำ”

        คังเหว่ยหนีหายตัวไปเลยเหลือเพียงโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานไว้สองคน

        โจวเฉิงเปิดประตูรถฝั่งคนขับ “เสี่ยวหลาน เธอก็ขึ้นรถมาสิ ฉันมีของบางอย่างจะให้เธอ”

        สิ่งที่โจวเฉิงแสดงให้เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นคือกระบอกไฟฉายอันเล็ก

        ไฟฉายกระบอกนี้ไม่เหมือนกับไฟฉายเหล็กขนาดใหญ่ที่ใส่ถ่านมันกะทัดรัดและประณีตกว่าพลาสติกคุณภาพสูงด้านนอกและรูปร่างสี่เหลี่ยมทำให้มันดูล้ำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยสมบูรณ์

        “นี่คือ?”

        ไม่ใช่หรอกน่า ตอนนี้ก็มีของแบบนี้แล้วหรือ?

        เซี่ยเสี่ยวหลานมีการคาดคะเนไว้โจวเฉิงไม่ส่งไฟฉายให้เธอทันทีทันใด แต่สาธิตวิธีการใช้งานให้เธอดู

        “ตรงนี้มีสองปุ่ม กดปุ่มสีเขียวลงไปคือแสงปกติ สีแดงคือกระแสไฟฟ้าแรงสูงถ้า๼ั๬๶ั๼ผิวคนโดยตรง ภายในสามวินาทีสามารถช็อตผู้ใหญ่หนึ่งคนให้หมดสติได้...ใช้แล้วจำไว้ว่าต้องเสียบไฟเติมให้เต็ม”

        นี่มันไฟฉายอะไรกัน เป็๞เครื่องช็อตไฟฟ้าชัดๆ !

        ช่างละม้ายกับเครื่องช็อตไฟฟ้าป้องกันตัวจากภาพจำในอนาคตของเซี่ยเสี่ยวหลานมากเหลือเกิน!

        เทคโนโลยีตอนนี้ชั้นสูงถึงเพียงนี้เลยหรือ?ความตกตะลึงของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถูกปกปิดเอาไว้เลยสักนิด

        โจวเฉิงนึกว่าเขาทำให้เธอกลัวเสียแล้ว “ไม่ต้องกลัว กำตัวด้ามขณะใช้งาน ไม่มีทางที่กระแสไฟจะไหลถึงเธอแน่”

        เซี่ยเสี่ยวหลานรับมาไว้ในมือ เครื่องช็อตไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดช่างเป็๞เจตจำนงอันหนักแน่นของโจวเฉิงเสียจริง

        “ฤดูร้อนปีนี้ที่เซี่ยงไฮ้เปิดสถานีกระจายสัญญาณแห่งแรกแล้วมีอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่สามารถสื่อสารกันได้ทันที ขนาดเล็กเท่ากับซองบุหรี่ได้ถ้าทางอวี้หนานนี้จะเปิดศูนย์ให้บริการเหมือนกัน ต่อไปพวกเราก็สามารถติดต่อหากันได้ทุกเวลาแล้ว...”

        เซี่ยงไฮ้มีเพจเจอร์ [3] แล้ว?!

         

         

        เชิงอรรถ

        [1]中原 จงหยวน คือพื้นที่ภาคกลางของประเทศจีน โดยเป็๞พี่นที่ตอนกลางและตอนล่างของแม่น้ำหวงประกอบด้วย เหอหนาน ตะวันตกของซานตง ใต้ของส่านซี และเหอเป่ย

        [2]肾上腺素 อะดรีนาลีนคือฮอร์โมนซึ่งหลั่งจากต่อมหมวกไตจะหลั่งออกมาเมื่อเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว


        [3]传呼机 เพจเจอร์หรือวิทยุตามตัว เป็๲อุปกรณ์สื่อสารแบบพกพาชนิดหนึ่งโดยต้องโทรศัพท์ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ที่ให้บริการก่อน จากนั้นทำการฝากข้อความทางศูนย์บริการก็จะส่งข้อความเข้าเครื่องเพจเจอร์ โดยข้อความที่ส่งได้จะจำกัดได้รับความนิยมเพราะรวดเร็วกว่าการส่งจดหมายหรือโทรเลข

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้