"มากันแล้ว"
"น้าจองไก่ไว้ก่อน 2 ชิ้นนะ ชิ้นละรส ขอส่วนอกนะนิด"เสียงทักจากน้ายุพิณ เ้าของร้านขายโจ๊กทักมาทันทีที่เห็นสองพ่อลูกเดินเข้ามาในตลาดในเช้าวันรุ่งขึ้น "อยากกินั้แ่เมื่อวาน มัวแต่ขายของ หันมาอีกทีก็หมดแล้ว วันนี้ยังไงต้องกินให้ได้ เอากระทะแรกเลยนะนิด"
"ได้ค่ะน้ายุพิณ ทอดเสร็จเดี๋ยวนิดเอามาส่งให้" อนงค์กานต์ตอบกลับเสียงใส
"โจ๊กตอนนี้ได้ที่รึยังยุพิณ ถ้าได้ที่แล้วขอ 3 ชามนะ ส่งไปที่ร้านเลย" กานต์ก็อุดหนุนกลับไปด้วย
เมื่อสองพ่อลูกมาถึงร้าน ก็รีบจัดแจงเตรียมของให้พร้อมทันที วันนี้ไม่ลนเท่าเมื่อวานแล้ว อะไรควรจัด อะไรควรวาง ก็จัดแจงเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยและรวดเร็ว กว่าตามภาภรณ์จะตามมาสมทบก็พร้อมทอดแล้ว และยังมีโจ๊กหอมกรุ่นวางรอไว้อีกด้วย
"มา ชมพู วันนี้เริ่มต้นด้วยโจ๊กกับปาท่องโก๋กัน" กานต์เอ่ยชวน พลางเลื่อนโจ๊กชามใหญ่และปาท่องโก๋ทอดร้อน ๆ ไปวางให้ตรงหน้า
"ครูกานต์ จองไก่ 2 ชิ้นนะ ชิ้นละแบบ"
"ลุงด้วย จอง 3 เลย จะเอากลับไปให้หลาน ๆ ที่บ้าน เอาแบบต้นตำรับ" ระหว่างกำลังเอร็ดอร่อยกับโจ๊กกัน ก็มีเสียงสั่งจองไก่ทอดจากบรรดาพ่อค้าแม่ขายในตลาดดังมาเป็ระยะ เมื่อวานได้แต่นั่งดมกลิ่นหอม ๆ และดูคนรุมซื้ออย่างเดียว วันนี้จึงตั้งใจกันมาก อย่างไรก็ไม่ยอมพลาดอีกเด็ดขาด อนงค์กานต์รีบหยิบกระดาษปากกามาจดรายการไว้จะได้ไม่ลืม
เมื่อโจ๊กหมดถ้วย น้ำมันก็ร้อนได้ที่พอดี วันนี้เริ่มทอดเร็วขึ้นเพราะเตรียมไก่ไว้มากกว่าเดิม และมียอดสั่งจากคนในตลาดค่อนข้างมาก
ยี่สิบนาทีต่อมา กลิ่นหอมของไก่ทอดก็ฟุ้งลอยไปทั่วตลาด ทำเอากลืนน้ำลายดังเอื๊อกกันเป็แถว อนงค์กานต์และตามภาภรณ์ช่วยกันนำไก่ใส่ถุงและวิ่งส่งตามออร์เดอร์ที่ได้รับไว้ทันที แม้ตอนนี้จะยังไม่มีคนเข้าตลาดแต่ไก่ทอดกลับขายออกไปได้เกือบ 30 ชิ้นแล้ว
เมื่อถึงหกโมงเช้า ร้านไก่ก็ถูกรุมด้วยฝูงชนที่มาจับจ่ายตลาดอีกครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็ลูกค้าเดิมที่ซื้อไก่ไปเมื่อวานแล้วติดใจ วันนี้เลยกลับมาซื้ออีกครั้ง
"มุงอะไรกันน่ะ เข้าไปดูสิพ่อ"
"หอมมากแม่ ของทอดแน่ ๆ แต่ไม่รู้ว่าอะไร ท่าทางน่าอร่อยนะ คนมุงเต็มเลย"
"ไก่ทอดค่ะน้า อร่อยมาก เมื่อวานซื้อกลับบ้านไป 2 ชิ้น แย่งกันกินแป๊บเดียวหมด ยังไม่หายอยาก วันนี้หนูเลยมาแต่เช้า กลัวไม่ทัน" หญิงสาวคนที่ยืนข้าง ๆ หันมาบอกกับสองสามีภรรยา "ของหมดไวด้วยนะคะ ที่เห็นรุม ๆ สั่งกันนี่เหมือนจะเป็คนที่ซื้อไปเมื่อวานทั้งนั้น คงติดใจเหมือนหนูแหละ"
"มันไม่เหมือนไก่ทอดทั่ว ๆ ไปเหรอ ถึงแย่งกันซื้อขนาดนี้ ชิ้นละตั้ง 10 บาท ไม่แพงไปหน่อยเรอะ" คนเป็สามียังข้องใจ
"ตอนแรกหนูก็คิดว่าแพงนะลุง แต่พอเห็นชิ้นไก่แล้วคุ้ม ชิ้นใหญ่มาก ที่สำคัญอร่อย ไม่เหมือนที่ไหนเลย แป้งกรอบ หมักเข้าเนื้อ ไม่อมน้ำมัน เมื่อวานกว่าจะกลับบ้าน ไก่ก็เย็นหมดแล้ว แต่แป้งยังกรอบอยู่และอร่อยมาก วันนี้หนูตั้งใจว่าซื้อแล้วจะกลับบ้านเลย อยากกินตอนร้อน ๆ คงอร่อยมากกว่าเดิมแน่"
"ถ้าลุงสนใจก็ไปสั่งกับน้องผู้หญิงที่ถือกระดาษปากกาอยู่ที่หน้าร้าน น้องเค้าจดคิวของแต่ละคนไว้ ไม่มีการลัดคิวแน่นอน"
"น่าสนใจนะพ่อ เช้านี้ยังไม่มีกับข้าวให้หลานเลย เข้าไปสั่งมา 2 ชิ้นเถอะ" คนเป็ภรรยาเชื่อคำโฆษณาในที่สุด
คนเข้ามาซื้อของในตลาดหน้าใหม่รายอื่นที่ได้ยินเสียงพูดคุยสนทนา ก็สนใจตามไปด้วย เร่งเดินตามติดคุณลุงเข้าไปสั่งซื้อไก่อีกหลายเ้า
วันนี้ อนงค์กานต์ถึงกับต้องนำกระดาษ ปากกามาจดชื่อและจำนวนชิ้นที่จะซื้อ เนื่องจากคนรุมแย่งกันสั่งซื้อเป็จำนวนมาก กลัวจะโมโหและผิดใจกันเปล่า ๆ ถ้าโดนลัดคิว และจะได้นับจำนวนไก่ไปด้วยเพราะไก่ที่เตรียมมามีจำนวนจำกัด
"ตอนนี้ยังเหลือไก่ว่างแค่ 15 ชิ้นนะคะ ใครสนใจจะซื้อเข้ามาแจ้งที่หนูได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูจดให้" อนงค์กานต์ะโเสียงใสอยู่ที่หน้าร้าน ขณะที่ตามภาภรณ์ก็คีบไก่ใส่ถุงมือเป็ระวิง หน้ามันแผล็บ ส่วนกานต์ไม่ต้องพูดถึง ั้แ่เส้นผมจรดปลายเท้าต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่แววตาและริมฝีปากกลับยกยิ้มอยู่ตลอดเวลา วันนี้ดีกว่าเมื่อวานมาก ถือเป็นิมิตหมายที่ดี แสดงว่าไก่ทอดเริ่มติดตลาดแล้วและมีแววว่าจะไปได้ดีมาก ๆ ในอนาคต กลับไปต้องปรึกษากับภรรยาอย่างจริงจังแล้วถึงอนาคตของร้าน
"ตอนนี้ไก่ในกระทะสุกแล้วนะคะ เป็ของคิวที่ 18-20 ค่ะ คิวถัดไปรบกวนรออีก 20 นาทีนะคะ สามารถไปหาซื้อของก่อนได้เลย เดี๋ยวทางร้านจัดใส่ถุงไว้ให้ตามคิวค่ะ" อนงค์กานต์ยังคงประกาศเจื้อยแจ้วอยู่หน้าร้าน ตอนนี้ยังแค่หกโมงห้าสิบเท่านั้น ไก่ก็ถูกจองไว้แล้วทั้งหมด เหลือที่ต้องทอดอีกแค่ 2 กระทะก็สามารถเก็บของกลับบ้านได้เลย
วันนี้ขายไก่ได้เงินถึง 1,180 บาท หักต้นทุน 300 บาท ได้กำไรถึง 880 บาททีเดียว อนงค์กานต์ถึงกับตาพราวเปล่งประกายระยิบระยับทีเดียวเมื่อคิดถึงเงินที่ได้ แต่น่าเสียดายอยู่นิดเดียว คือ ไม่สามารถเพิ่มจำนวนไก่ต่อวันได้แล้ว จึงยังไม่ได้เปิดตลาดกลับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาซื้อของใน่สายของทุกวัน เพราะไก่หมดก่อนเสมอ
บรรดาร้านค้าข้าง ๆ ต่างหันไปมองสองพ่อลูกที่กำลังช่วยกันเก็บทำความสะอาดร้านอย่างอิจฉา แค่เจ็ดโมงครึ่งก็ขายหมดแล้ว นับด้วยตาคร่าว ๆ คงขายได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันบาทแน่นอน เงินหนึ่งพันบาทยุคนี้สามารถทำให้คนคนหนึ่งดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสบายไปครึ่งเดือนเลยนะ หรือถ้าใช้อย่างประหยัดก็สามารถอยู่ได้ถึงเดือนเลยก็มี
พวกเขาก็อยากขายได้แบบนี้บ้าง ของที่ขายอยู่ตอนนี้ขายได้วันละ 300 บาทก็เก่งแล้ว อยากจะเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นก็คิดไม่ออกว่าจะขายอะไร หรือจะขายไก่ทอดเหมือนกับเค้าไปเลยก็ทำไม่เป็อีก จึงได้แต่พากันมองตาปริบ ๆ เท่านั้น
