ทักษะสามารถแต่งเติมรูปลักษณ์ภายนอกของคนผู้หนึ่งให้ดูดีได้จริงๆ
เหอหว่านไม่ได้เอ่ยโต้แย้งคำพูดของท่านปู่ เฉิงชิงดูเหมือนจะชนะจริงๆ แล้ว
สามารถแก้ปัญหาสามสิบข้อในชั่วอึดใจเดียว ผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าเฉิงชิงไร้ความสามารถ?
ทักษะที่บิดเบี้ยวก็ถือว่าเป็ทักษะ ปัญญาในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก็ถือว่าเป็ปัญญา เื่ที่ตนเองทำไม่ได้ก็อย่าไปเยาะเย้ยผู้อื่น!
อวี๋ซานถลึงตา ภายในตาเต็มไปด้วยเส้นเืแดงก่ำ ทั้งหมดนี้เป็เพราะถูกเฉิงชิงทำให้โกรธ
เมื่อเริ่มต้น เฉิงชิงแสดงท่าทีว่าเพียงสามารถทำคำถามคำนวณได้เท่านั้น ทำให้พวกเขางงงวยกันไปหมด คิดไปว่าเฉิงชิงอ่อนในด้านอื่นๆ อวี๋ซานจึงให้สหายร่วมเรียนไปแย่งชิงคำถามคำนวณเพื่อขัดขวางไม่ให้เฉิงชิงได้รับชัยชนะ
ไหนเลยจะรู้ว่าเฉิงชิงยังสามารถจับคู่โคลงคู่ได้ด้วย กลับเป็อวี๋ซานที่ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับเท้าตัวเอง[1] ถูกคำถามคำนวณที่แย่งชิงมาทำให้ลำบาก ยามนี้ขนมไหว้พระจันทร์บนโต๊ะมีเพียงสิบสี่ชิ้นเท่านั้น เป็ครึ่งหนึ่งของเฉิงชิงพอดี
อีกทั้งเฉิงกุยยังถูกเฉิงชิงทำให้จิตใจว้าวุ่น
ต้องมองเฉิงชิงชนะกับตาจริงๆ น่ะหรือ?
อวี๋ซานกลอกตาคิดหาแผนรับมือ เฉิงชิงไหนเลยจะไปสนใจเขา ยังขาดอีกสองข้อก็จะชนะแล้ว นางย่อมเร่งสุดฝีมือ
ผู้ดูแลก็้าที่จะประจบอวี๋ซาน แต่ภายใต้การจับตาดูของผู้คนก็ไม่อาจส่งคำตอบให้อวี๋ซานได้ อีกทั้งเฉิงชิงยังเป็บุตรหลานตระกูลเฉิง ผู้ดูแลไม่กล้าเข้าข้างอย่างเปิดเผย โคมไฟบนกำแพงถูกตอบไปเกินครึ่งแล้ว ตามกฎกติกาต้องเพิ่มคำถามใหม่
คำถามใหม่ก็ยิ่งยากขึ้น
แต่ก็มีคำถามคำนวณ
เฉิงชิงก็ไม่ทรมานตนเองกับการจับคู่โคลงคู่อีกต่อไป แก้คำถามคำนวณอีกสองข้อจนครบสามสิบข้อแล้ว!
“ยินดีกับคุณชายเฉิงชิง ท่านชนะได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และได้โอกาสเข้าพบราชบัณฑิตเสิ่นแล้ว”
ผู้ดูแลประสานมือยินดีด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม
เหงื่อบนหน้าผากของเฉิงกุยหยดลงบนกระดาษเซวียนจื่อ[2] เขาแก้ได้ยี่สิบห้าข้อแล้ว แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่า?
แต่ไหนแต่ไรมาผู้ที่โดดเด่นที่สุดล้วนเป็ผู้ที่ได้อันดับที่หนึ่ง
มีเสียงชื่นชมมาจากกลางฝูงชน ล้วนกล่าวว่าเฉิงชิงสมกับเป็บุตรหลานตระกูลเฉิง
เฉิงกุยเองก็เป็บุตรหลานตระกูลเฉิงเช่นกัน แต่กลับถูกละเลย
อวี๋ซานกำหมัดแน่น ริมฝีปากเ้าอ้วนชุยเปิดอ้าเล็กน้อย
ฝ่ายหลังหลังจากค้นพบทางลัดแล้วก็เลือกคำถามคำนวณที่เชี่ยวชาญเช่นกัน คำถามครึ่งหนึ่งถูกพวกอวี๋ซานชิงไป ยังมีอีกครึ่งที่ถูกเ้าอ้วนชุยแก้ไป ตรงหน้าเ้าอ้วนชุยมีขนมไหว้พระจันทร์อยู่เก้าชิ้น
ก่อนหน้าที่จะมางานชุมนุมวรรณกรรม เขาไหนเลยจะกล้าคิดว่าตนเองไม่เพียงสามารถเข้าประตูได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ด้วยความพยายามอันเล็กน้อยยังสามารถได้รับเงินรางวัลสิบตำลึงเงินมาอย่างเปล่าๆ ใช่แล้ว เฉิงชิงแก้ได้สามสิบข้อก็คงไม่แก้ปัญหาต่อแล้ว เมื่อไม่มีเฉิงชิง เขาก็อาจจะเป็ผู้ที่เก่งกาจด้านการคำนวณที่สุดในหมู่คน ณ ที่นี้ การได้รับเงินรางวัลสิบตำลึงเงินถือเป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้ว หากเขายังคงอดทนไขปริศนาอยู่ที่ทางเข้าของเรือนแยก ก็มีโอกาสที่จะค่อยๆ ไขไปจนได้ยี่สิบข้อ
แม้ว่าเขาจะมีความเชื่อมั่นที่จะสามารถแก้ได้ยี่สิบข้อ แต่สามสิบข้อนั้นมากเกินไปจริงๆ
ผู้ที่เ้าอ้วนชุยตกตะลึงคือเฉิงชิง ทั้งๆ ที่เมื่อหลายวันก่อนในการสอบประจำเดือนของสถานศึกษาได้อันดับที่เก้าสิบเจ็ด สูงกว่าอันดับที่หนึ่งร้อยสองของเขาอยู่แค่ห้าอันดับ แต่ทำไมพอมาถึงงานชุมนุมวรรณกรรมแล้ว เฉิงชิงจึงได้เก่งกาจถึงเพียงนี้?
นี่มันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ระยะห่างระหว่างสหายขยายใหญ่แล้ว เขาก็ย่อมมีความกดดัน
เ้าอ้วนชุยหดหู่ แต่เฉิงชิงกลับดีใจ
ผู้ดูแลสั่งให้คนนำเงินรางวัลมาแล้ว เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินถูกวางไว้บนถาดซึ่งรองด้วยผ้าสีแดง เมื่อถูกแสงจากโคมไฟส่องกระทบ แสงระยิบระยับนั่นก็ทำให้คนรู้สึกยินดี
“หากคุณชายเฉิงชิงไม่สะดวกที่จะนำติดตัวไป สามารถเปลี่ยนเป็ตั๋วเงินได้ขอรับ”
เฉิงชิงพยักหน้า “เช่นนั้นดีที่สุด”
ผู้ดูแลยิ้มพลางเชิญเฉิงชิงเข้าด้านใน เฉิงชิงก็พลันนึกถึงโคมไฟพวกนั้นขึ้นมาได้
“ตามกฎแล้ว ข้าสามารถเลือกโคมไฟสิบดวงได้ใช่หรือไม่!”
“โคมไฟนี้พวกข้าจะดูแลให้ก่อน รอคุณชายเข้าร่วมงานชุมนุมวรรณกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้วสามารถสั่งให้คนมารับ…”
เฉิงชิงโบกมือไปมา “ไม่จำเป็แล้ว เ้าสามารถเอามาให้ผู้ติดตามของข้าได้เลย”
เฉิงชิงสั่งให้ซือเยี่ยนดูแลรักษาเงินรางวัล และสั่งให้ซือโม่ดูแลรักษาโคมไฟ โคมไฟสิบดวงเอาไปหมดยากจริงๆ นางไม่้าเยอะขนาดนั้น จึงเลือกเอาห้าดวงที่ตนเองคิดว่าสวยที่สุด ที่เหลือนั้น… เฉิงชิงมองไปยังรอบด้าน แสดงถึงความยินยอมให้ขายทิ้ง ณ ที่ตรงนั้น
“อะไรนะ?!”
“ขายโคมไฟงานชุมนุมวรรณกรรม”
“เป็เื่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ดูแลแปรเปลี่ยนเป็แข็งทื่อ
การชนะได้รับโคมไฟงานชุมนุมวรรณกรรมถือเป็เกียรติยศอย่างหนึ่ง สามารถชนะได้ถึงสิบดวงย่อมเพียงพอที่จะผยอง แต่เฉิงชิงกลับ้าจะขายโคมไฟทิ้ง?
อวี๋ซานไม่มีกะจิตกะใจจะแก้ปัญหาแล้ว เมื่อเขวี้ยงพู่กันทิ้งก็เอ่ยปากเยาะเย้ย
“เฉิงชิง เ้านี่ยากจนจนเพี้ยนไปแล้วหรือ มีเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินยังไม่พออีก จิตใจละโมบถึงขนาดนี้ แม้แต่โคมไฟที่ชนะได้รับมาก็้าขายทิ้งหมด คาดไม่ถึงว่าคนอย่างเ้าที่เป็ผู้เห็นแก่เงินจะอยากเข้าไปปรากฏตัวต่อหน้าปรมาจารย์เสิ่น ข้าจะคอยดูเ้าอับอายขายขี้หน้า!”
เฉิงกุยเองก็ขมวดคิ้ว
แพ้แก่เฉิงชิงก็ช่างเถิด หลังจากเฉิงชิงชนะแล้วคาดไม่ถึงว่าจะแสดงความตระหนี่เช่นนี้
ควรห้ามดีหรือไม่?
หากเขาคัดค้าน เกรงว่าเฉิงชิงจะยิ่งหนักกว่าเดิม
หากไม่คัดค้าน ก็ต้องมองดูเฉิงชิงทำให้ตระกูลเฉิงขายหน้าเช่นนี้
พอมองเห็นผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กัน ซือเยี่ยนและซือโม่ต่างก็กระวนกระวายใจ
เฮ้อ นายน้อยเฉิงชิงแก้ปัญหาได้สามสิบข้อ พวกเขาก็ดีใจ ทั้งยังรู้สึกว่าติดตามเฉิงชิงก็อาจจะมีอนาคตที่ดีจริงๆ ก็ได้
แต่นายน้อยเฉิงชิงกลับทำเื่พรรค์นี้!
ขาดเงินจนเป็ขนาดนี้เลยหรือ?
นายท่านห้าเฉิงจะมองดูนายน้อยเฉิงชิงตกระกำลำบากขาดเงินใช้สอยได้อย่างไร นายท่านห้าเฉิงย่อมต้องแอบช่วยเหลือให้เงินอุดหนุนอยู่แล้ว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านายน้อยเฉิงชิงเพิ่งจะชนะได้เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึงเงินมา ไหนเลยจะต้องไปละโมบเงินจากการขายโคมไฟ
หาก้าจะขายจริงๆ ก็สามารถสั่งให้พวกเขาแอบขาย ทำเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนเป็การกระทำที่ไม่ฉลาดเกินไปแล้ว
เด็กรับใช้ทั้งสองคนต่างรู้สึกว่าเฉิงชิงสมองกระทบกระเทือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้อื่น
เหอหว่านเงยหน้ามองเศรษฐีเฒ่าเหอ นี่เรียกว่ามองคนไม่ผิดหรือ?
ช่างเถอะ ไม่ควรไปตอกย้ำท่านปู่แล้ว เหอหว่านเม้มปากแน่น เป็เช่นนี้ก็ดี ท่าทีของเฉิงชิงคงทำให้ท่านปู่ของนางขจัดความคิดเลอะเทอะไปได้
เศรษฐีเฒ่าเหอขมวดคิ้ว
จะขายหรือไม่ขายโคมไฟอย่างไรก็ได้ แต่เฉิงชิงไม่เหมือนคนที่โง่
ซือโม่ทำใจกล้าหาข้ออ้างแทนเฉิงชิง “นายน้อยชิง ท่านเกรงว่าพวกข้าน้อยจะถือโคมไฟไปไม่ไหวใช่หรือไม่ขอรับ? ข้าน้อยขอบคุณความห่วงใยของนายน้อย ข้าน้อยและซือเยี่ยนย่อมสามารถนำโคมไฟกลับไปได้ทั้งหมดอย่างไม่เสียหายแน่นอนขอรับ!”
เฉิงชิงส่ายหน้า “ไม่ เอาไปแค่ห้าดวง ที่เหลือขายทิ้งให้หมด!”
อวี๋ซานยิ้มหยัน ส่วนเฉิงกุยในที่สุดก็อดทนไม่ไหวแล้ว “เฉิงชิง หากเ้าขาดเงิน…”
“แปลกเสียจริง คืนนี้พวกเ้าแต่ละคนล้วนเป็ห่วงข้าว่าเงินขาดมือหรือไม่ ครอบครัวของข้าแน่นอนว่าตกต่ำลงแล้ว แต่ก็เพิ่งชนะได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินมา ข้าก็ถือว่าไม่ขาดเงินเป็การชั่วคราว ขายโคมไฟนี่มันประหลาดนักหรือ อย่าบอกนะว่างานชุมนุมวรรณกรรมยังมีกฎห้ามส่งต่อและห้ามขายต่อโคมไฟที่ชนะได้รับมา?”
เฉิงชิงตัดบทเฉิงกุย
เฉิงกุยผู้นี้แม้ไม่เอ่ยวาจาโผงผางน่าอับอายเช่นอวี๋ซาน แต่นางก็ไม่ชอบหน้าอย่างยิ่ง ย่อมไม่มีทางให้เฉิงกุยนำนางมาวางเป็หินที่เหยียบขึ้นข้างบนเพื่อแสดงตนเป็ผู้ใจกว้างหรอก
“ส่งต่อย่อมได้แน่ มอบให้แก่สหาย มอบให้แก่คนในครอบครัว ทั้งดูดีและเป็ที่เข้าใจได้ แต่ขายต่อ… แหะๆ ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดทำเช่นนี้มาก่อน!”
บัณฑิตยากจนก็้ารักษาหน้าตา
ผู้ที่ไม่้าหน้าตามีเพียงเฉิงชิงคนเดียว!
เศรษฐีเฒ่าเหอทนไม่ได้ที่เฉิงชิงถูกเยาะเย้ยถากถาง จึงกล่าวจากฝูงชน
“เ้าหนุ่มเฉิง หรือว่าเ้าประสบเื่ลำบากอันใด หากไม่สามารถเอ่ยต่อหน้าผู้ชมด้านข้างได้ ก็มาเอ่ยกับข้าเถิด”
“ท่านผู้เฒ่าเหอ ท่านเองก็มาแล้ว!”
ไม่เหมือนกับอวี๋ซานและเฉิงกุย คำพูดที่้าจะเอาเงินให้นางของทั้งสองคนเป็การเยาะเย้ยทำให้อับอาย เศรษฐีเฒ่าเหอเป็ผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีอย่างแท้จริง เฉิงชิงค่อนข้างเคารพอีกฝ่าย
เดิมทีนางยังคิดจะก่อกวนอารมณ์ของกลุ่มคนต่อ แต่ในเมื่อเศรษฐีเฒ่าเหอออกหน้าแล้ว เฉิงชิงจึงหยุดเมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้ว
“ลำบากให้ท่านผู้เฒ่าเหอเป็ห่วงแล้ว เฉิงชิงไม่ได้ประสบเื่ลำบากอันใด โคมไฟสิบดวงนี้จะให้ข้านำกลับก็มากเกินไป เอาไปไว้ที่นั่นก็ไม่มีผู้ใดชื่นชมไม่ถือว่าเป็การสิ้นเปลืองหรือ? ข้าจึงคิดว่าไม่สู้เอามาขายครึ่งหนึ่ง ในเมื่อสามารถทำให้ผู้คนซึมซาบถึงบรรยากาศของงานชุมนุมวรรณกรรมได้มากขึ้น และยังสามารถหาเงินบริจาคให้กับโรงเมตตาเด็กได้มากขึ้นด้วย ไม่ทราบว่าเหตุใดทุกท่านจึงได้โต้แย้งเื่ดีงามทั้งสองอย่างนี้”
[1] ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับเท้าตัวเอง หมายถึงคิดจะทำร้ายผู้อื่นแต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง
[2] กระดาษเซวียนจื่อ คือกระดาษชนิดหนึ่งของจีนที่มีคุณภาพดี เหมาะสมมากที่สุดสำหรับการวาดภาพและเขียนตัวอักษร
