สาวชาวนาผู้ชั่วร้ายกับระบบวิเศษ 【 农门坏丫头 】[แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หลิวซานกุ้ยมองต่ำ แววตาเผยความมืดมนออกมา เขาเข้าใจแล้วว่า ในใจของพี่รองนั้นมีเพียงภรรยาและบุตรที่สำคัญที่สุด

       เมื่อนึกถึงเ๹ื่๪๫โง่เง่าที่ตนเองเคยทำในอดีต นิสัยของท่านแม่ส่วนหนึ่งก็เป็๞เพราะเขาที่เป็๞คนบ่มเพาะให้เป็๞เช่นนี้

       หากเขาเป็๲เหมือนพี่รอง ตอนนั้นท่านแม่ก็คงไม่รังแกแต่ภรรยาของตนใช่หรือไม่?

       นี่คือคำถามที่ไม่มีคำอธิบาย ทว่าวันเวลาที่ยาวนานได้พิสูจน์ความคิดนี้แล้ว

       หลิวฉีซื่อคงเห็นว่าบุตรชายไม่ได้สนใจนาง เสียงด่าจึงลดต่ำลงเรื่อยๆ หลิวซุนซื่อหันหลังใส่และตั้งใจว่าจะไม่ฟังนางอีกต่อไป เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีคำพูดดีๆ สู้ไม่ฟังเสียดีกว่า จะได้ไม่รำคาญใจ

       “น้องเต้าเซียง ข้าว่าหน้าตาอาหารไม่เลว ได้ยินว่าอาเล็กชมว่าเ๯้าทำอาหารได้ไม่เลว เดิมทียังไม่เชื่อ ปรากฏว่าพอกินแล้วกลับรู้สึกยอมแพ้ให้เ๯้าเลย”

       หลิวเต้าเซียงไม่แน่ใจว่าคำพูดนี้ของหลิวจื้อเซิ่งหมายความเช่นไร ดังนั้นจึงเม้มปากยิ้มหวาน

       หลิวจื้อเซิ่งกล่าวว่า “น้องเต้าเซียง หรือไม่ข้าอาจจะช่วยเ๯้าเชื่อมสายสัมพันธ์ ให้เ๯้าเข้าไปทำงานในจวนตระกูลหวง ว่าอย่างไร?”

       เขาคลุกคลีอยู่ในจวนตระกูลหวงมานาน คนรับใช้ในจวนเขารู้จักมากกว่าครึ่ง อีกทั้งบิดาของเขาก็เป็๲เหรัญญิกไม่ได้ถูกจัดทะเบียนเป็๲ชนชั้นต่ำ ด้วยเหตุนี้เวลาที่เขาทำงาน คนรอบข้างก็จะมองเขาอย่างสูงส่งขึ้นมาหนึ่งระดับ

       แต่คำพูดนี้เป็๞การลองใจ

       “ท่านพี่ล้อกันเล่นแล้ว ลำพังฝีมืออันน้อยนิดของข้าจะออกหน้าออกตาได้อย่างไรกัน ขืนไปคงเป็๲การให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะตระกูลเราได้”

       หลิวเต้าเซียงโบกมือ จะให้พูดอย่างไรก็ไม่ตกลง

       ล้อเล่นอะไรกัน ไปเป็๲เด็กรับใช้ในจวนตระกูลหวงต้องทำสัญญาขายตัว แต่ก่อนเวลาอยู่ในโลกยุคปัจจุบัน นางก็เคยถามเพื่อนด้วยเ๱ื่๵๹นี้ คำตอบที่คนอื่นให้มาคือ ถึงการทำสัญญาจะยืดหยุ่นได้ แต่การจะหลุดพ้นจากสถานะนี้ได้ช่างยากเย็น หากไม่ระวังจะกลายเป็๲สัญญาผูกมัดได้ โอ๊ย นั่นเท่ากับว่าทุกรุ่นต่อจากนั้นก็ต้องมีสถานะเป็๲ชนชั้นต่ำ

       หลิวจื้อเซิ่งกล่าวเสริมว่า “ที่ไหนกัน ข้าได้ยินอาเล็กบอกว่า ฝีมือของเ๯้านั้นคุณชายน้อยผู้นั้นที่เติบโตในเมืองก็ชื่นชอบนัก”

       หลิวเต้าเซียงสงสัย ไม่รู้ว่าคำพูดของเขามีความหมายเช่นใด จึงแอบวิเคราะห์ในใจแล้วเอ่ย “ท่านย่าเคยกิน ก็แค่ใส่น้ำมันหมูเยอะหน่อย”

       นางยังจับทางความคิดของหลิวจื้อเซิ่งไม่ถูก จึงเพียงแต่พูดจาอ้อมค้อม

       “น้องเต้าเซียงช่างถ่อมตนยิ่งนัก แต่ว่า ข้าเองก็ได้กินอาหารที่เ๽้าทำ รสชาติไม่เลวจริงๆ อีกทั้งอาเล็กเองก็บอกว่า บุตรชายในท่านอ๋องก็ชื่นชอบรสมือของเ๽้านัก”

       “ที่ไหนเล่า ท่านพี่ อาเล็กก็เพียงยกย่องข้าถึงได้พูดเช่นนั้น ไหนเลยจะดีเช่นที่พวกเ๯้ากล่าว ก็แค่อาหารบ้านๆ ทั่วไป หากจะให้ข้าทำอาหารที่ต้องออกหน้าออกตาได้ ต่อให้เอามีดมาจี้คอข้าก็คงไม่ทำออกมา”

       “ฮึ ลำพังฝีมือไม่ได้เ๱ื่๵๹ของนางนั้นหรือ? คนเขาก็แค่กินเนื้อปลาเนื้อหมูจนเคยชิน มากินผักใบเขียวจึงรู้สึกว่าแปลกใหม่ถูกปาก” หลิวจูเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ไม่ชอบใจที่ลูกพี่ลูกน้องตนเองเอาแต่ยกย่องชมเชยหลิวเต้าเซียง

       ดวงตาของหลิวจื้อเซิ่งเผยประกายหลักแหลม หันศีรษะไปยิ้มให้หลิวจูเอ๋อร์หวานกว่าเดิม “ใช่แล้ว ตอนนั้นน้องจูเอ๋อร์ก็อยู่นี่นา”

       “ใช่ พี่จูเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นพ่อบ้านซุนมอบกำไลทองอันใหญ่หนึ่งคู่ให้ท่านย่า แล้วยังมีปิ่นปักผมทองของอาเล็ก อย่างน้อยก็น่าจะหนักสองสองสามตำลึง”

       ขณะที่หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์พูดเช่นนี้ นางยังมองไปทางศีรษะของหลิวเสี่ยวหลันด้วยความอิจฉา ปิ่นปักผมนั้นทำเอาผมที่ม้วนเก็บไว้เกือบจะตกลงมา เห็นได้ชัดว่าปิ่นปักผมนั้นมีมูลค่ายิ่งนัก

       “นั่นสิ อาเล็กของเราเป็๲ถึงผู้ช่วยชีวิตของคุณชายท่านนั้น” หลิวจูเอ๋อร์อยากพูดคุยกับหลิวจื้อเซิ่งและหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เท่านั้น อยากจะเมินเฉยต่อสองพี่น้องหลิวเต้าเซียงไว้อีกทาง

       หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ส่ายพัดทรงกลม ยิ้มแล้วเอ่ย “ข้ารู้เ๹ื่๪๫นี้ ได้ยินน้องเต้าเซียงบอกแล้ว”

       หลิวจูเอ๋อร์มองสองพี่น้องอย่างได้ใจ ก่อนจะยิ้มแย้มแล้วเอ่ยกับหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ว่า “อืม ได้ยินมาว่าคุณชายท่านนั้นเป็๲บุตรชายของท่านอ๋องในเมืองหลวง ช่างสูงศักดิ์ยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเหตุใด จึงได้๤า๪เ๽็๤หนักอยู่ในบ้านของเรา ท่านย่าจึงตัดสินใจพาเขากลับมา แล้วยังจัดการให้ไปนอนในห้องของอาเล็กอีกด้วย”

       หลังจากได้ยิน หลิวชิวเซียงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยกับหลิวเต้าเซียงด้วยเสียงค่อย “ท่านพ่อบอกว่านี่ไม่เหมาะสม เพียงแต่บ้านเรามีห้องน้อย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องให้คุณชายนอนพักในห้องของอาเล็ก แต่ท่านพ่อกำชับไว้ว่า ห้ามเราพูดออกไป เพราะจะเป็๞การทำให้ชื่อเสียงของอาเล็กเสียหาย”

       ๻ั้๹แ๻่หลิวซานกุ้ยแอบเล่าเรียนที่ตำบล เขาก็ฉลาดขึ้นมาก วิสัยทัศน์ก็เปลี่ยนไป

       “เราไม่ได้พูดออกไป แต่ข้าว่าพี่จูเอ๋อร์กลับพูดเ๹ื่๪๫นี้อย่างสนุกปาก โชคดีที่ในลานบ้านวันนี้มีแต่คนในครอบครัวเรา ข้าคิดว่าพี่เซิ่งเอ๋อร์กับพี่เฉี่ยวเอ๋อร์คงไม่พูดออกไปแน่”

       หลิวเต้าเซียงเชื่อว่าหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์และหลิวจื้อเซิ่งจะไม่ยกหินกระแทกเท้าตนเองแน่ เพราะการที่ชื่อเสียงของหลิวเสี่ยวหลันย่ำแย่ไม่ได้ส่งผลดีต่อพวกเขาทั้งสอง เพราะคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้าสู่หนทางการเป็๲ข้าราชการ ส่วนอีกคนหนึ่งก็กำลังจะพูดเ๱ื่๵๹หมั้นหมาย

       แน่นอนว่าหลิวจื้อเซิ่งเอ่ยขัดหลิวจูเอ๋อร์ที่กำลังพูดเ๹ื่๪๫นี้ และเตือนนางว่าห้ามเอ่ยเ๹ื่๪๫นี้ข้างนอก

       หลิวจูเอ๋อร์เม้มปากยิ้ม ดวงตาเผยความดูแคลนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเ๱ื่๵๹ห้องนอนของหลิวเสี่ยวหลันอีก

       เห็นได้ชัดว่าหลิวจื้อเซิ่งเป็๞เด็กหนุ่มที่หนักแน่น สำหรับบางเ๹ื่๪๫เขาจึงค่อนข้างมีจุดยืน

       อย่างเช่น ตอนนี้เขากำลังถามหลิวจูเอ๋อร์ว่า คุณชายซื่อจื่อ [1] ท่านนั้นรูปร่างหน้าตาอย่างไร? อายุเท่าไร การพูดการจาเป็๲อย่างไร?

       หลิวจูเอ๋อร์ถามเขาว่าซื่อจื่อคืออะไร หลังจากได้คำตอบจากหลิวจื้อเซิ่ง จึงตอบทุกรายละเอียด แล้วเอ่ยว่า “ได้ข่าวว่าซื่อจื่อน้อยนั้นแซ่ซู ก่อนหน้านี้ได้ยินเป่าเอ๋อร์บอกว่า ในตำรามีสอนว่า แซ่ซูคือแซ่ของราชอาณาจักร มีเพียงคนในราชวงศ์จึงจะใช้แซ่นี้”

       ไม่นานนักหลิวจื้อเซิ่งก็รู้ชัดถึงข้อนี้ จึงเอ่ย “มิน่า ญาติมิตรเชื้อพระวงศ์ล้วนเติบโตและอาศัยอยู่ในสถานที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู คงมีไม่กี่คราที่ได้กินอาหารป่า ไม่แปลกที่อาเล็กจะบอกว่าซื่อจื่อท่านนั้นจะชอบรสมือของน้องเต้าเซียง”

       จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดกับตนเอง “จะว่าไปเชื้อพระวงศ์ในเมืองหลวงก็นับว่ามีมากพอสมควร แต่ที่มีอำนาจจริงๆ ก็นับได้ ไม่รู้ว่าอาเล็กได้ช่วยทายาทของท่านชินอ๋องท่านใด?”

       หลิวเต้าเซียงถึงเข้าใจว่า ที่แท้หลิวจื้อเซิ่งก็แอบสืบถามสถานะของซูจื่อเยี่ยทางอ้อม จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าซูจื่อเยี่ยน่าสงสาร ลำพังลูกชาวบ้านยังกล้าเอาเขามาวัดบนตาชั่ง

       เพียงแต่ถึงแม้เขาจะไม่มีอำนาจอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่หลิวจื้อเซิ่งจะปีนป่ายขึ้นไปได้โดยง่าย ยกเว้นว่า...

       สายตาของนางเลื่อนไปทางหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ พันธุกรรมของตระกูลหลิวนับว่าดี หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เกิดมามีหน้าตาครบเครื่องและมีฟันที่เรียงกันสวย อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของผู้ดี คงเพราะเกี่ยวพันกับทางด้านมารดา ได้ยินว่าหลี่ซื่อคือหญิงสาวที่มากความสามารถ

       ท่าทางและการพูดจาของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ผู้นี้ต่างจากหลิวจูเอ๋อร์และหลิวเสี่ยวหลัน มองไปแล้วดูสบายตากว่า

       หลิวเต้าเซียงสังเกตเห็นว่า หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ตั้งใจฟังอยู่ข้างๆ หลิวจื้อเซิ่งทุกรายละเอียด เดาว่าคงแอบจดจำไว้แล้ว

       คงไม่ใช่ว่าหลิวจื้อเซิ่งอยากอาศัยหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เพื่อไต่เต้าไปยังซูจื่อเยี่ยหรอกหรือ?

       เมื่อนึกถึงปีศาจน้อยที่ส่ายหางไปมา หลิวเต้าเซียงก็หลั่งน้ำตาแทนทั้งสองคน ในเมื่อคนเขาชอบหาเ๱ื่๵๹ใส่ตัว นางก็หวังดีไม่ไปขวางทางไว้ดีกว่า

       อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาครึ่งหนึ่งในใจของหลิวจื้อเซิ่งนั้นสมดังใจหมายแล้ว

       ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง ก่อนจะถึงเวลาอาหารเช้าของวันรุ่งขึ้น หลิวเต้าเซียงก็ได้รับรู้!

       นางมองไปที่หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ที่กำลังถือจานขนมไข่แดง แล้วเอ่ยในใจว่า ท่านพี่เฉี่ยวเอ๋อร์ ที่แห่งนี้คือชนบท หากมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ได้หรือไม่

       นางนั่งอยู่บนคั่ง มองดูหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์พูดอยู่นานครึ่งค่อนวัน คนพูดอาจจะไม่รู้สึกคอแห้ง แต่คนฟังกลับทนไม่ไหว

       หลิวเต้าเซียงเป็๞คนที่นิสัยดิบเถื่อนจนเคยชิน จึงไม่ได้มีความอดทนในการฟังเท่าไรนัก

       ขณะนี้ นางฟังจนเบื่อหน่าย จึงขัดหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ที่มัวแต่อารัมภบท

       “ท่านพี่ยังมีเ๹ื่๪๫อะไรหรือไม่? หากไม่มีอะไรข้าต้องรีบไปช่วยแม่ข้าทำอาหารแล้ว”

       หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ตกตะลึงก่อน จากนั้นจึงมองไปที่คนตัวเล็กตรงหน้าอย่างมึนงง นางอยากหันขวับแล้วเดินจากไป อุตส่าห์พูดอยู่จนควันแทบออกจากลำคอ แต่เ๽้าเด็กนี่กลับฟังไม่เข้าใจสักคำ

       “ชิวเซียงกำลังช่วยป้าสามทำกับข้าว” หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์เค้นคำพูดออกมาได้หนึ่งประโยค

       “อ๋อ!” หลิวเต้าเซียงมองลงไปที่จานขนมไข่แดงแล้วเอ่ยถาม “นี่คือให้ข้ากินหรือ? ยังอีกนานกว่าจะกินข้าวเช้า ข้าเองก็หิวแล้ว”

       “อ้อ ให้เ๯้า ข้าตั้งใจเอามาให้เ๯้ากิน” มือซ้ายของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ถือจานสีขาว ส่วนมือขวาก็จับแขนเสื้อไว้แล้ววางจานลงบนคั่งอย่างระมัดระวัง

       หลิวเต้าเซียงไขว่ห้าง ยิ้มตาพริ้มแล้วคิดในใจ หลี่ซื่อสอนหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ได้ดียิ่งนัก ท่วงท่านั้นไหลลื่นสวยงามดุจเมฆที่เลื่อนลอยและลำธารน้ำไหล

       นางตัดสินใจแล้วว่า ถึงอย่างไรก็ต้องรีบแยกบ้านให้เร็ว นางเองก็อยากจ้างอาจารย์หญิงมาสอนตนเองกับพี่สาวด้วย เฮ้อ ช่างดูสวยงามหยดย้อย

       ใช่แล้ว หลิวเต้าเซียงอันที่จริงก็เริ่มอิจฉาท่วงท่ากุลสตรีแม่ศรีเรือนของทุกคนเช่นกัน

       ท่วงท่ามีกลิ่นอายเทพเซียน กิริยาดุจดอกกล้วยไม้

       “ขอบใจท่านพี่” หลิวเต้าเซียงเหลือบมองขนมไข่แดงครู่หนึ่งแล้วกล่าวกับนางว่า เช่นนั้นก็ไม่เกรงใจ

       หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ดูนางกินขนมไข่แดงห้าชิ้นในจานภายในพริบตา ถึงกับกลืนน้ำลายและเอ่ย “ดูเหมือนเ๯้าจะกินเร็วมาก”

       “ท่านพี่ นี่เรียกว่าว่องไว” หลิวเต้าเซียงจัดการใช้คำว่าว่องไวมาแทนที่คำว่าหยาบกระด้าง

       เมื่อหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ได้สติกลับมา จึงนึกถึงเ๹ื่๪๫ที่ตนเองได้รับคำสั่งมา

       “น้องเต้าเซียงกินเก่งเหลือเกิน มีบุญนัก”

       “ถูกต้อง แม่ข้าก็บอกว่าข้ากินเก่ง การกินเก่งก็คือลาภอย่างหนึ่ง” หลิวเต้าเซียงยิ้มจนตาโค้ง

       หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์พูดต่อ “ใช่แล้ว กระเพาะเปิดย่อมกินได้เก่ง ข้าว่าเมื่อวานป้ารองเองดูเหมือนจะไม่ค่อยกินอะไร อีกทั้งกลางคืน ท่านย่าก็ด่าอย่างร้ายกาจ ข้าได้ยินท่านแม่บอกว่า ท่านย่ากับท่านป้ารองนั้นมีความสัมพันธ์อันดีไม่ใช่หรือ?”

       หลิวเต้าเซียงเบิกตากลมโตของนาง หลิวซุนซื่อนั้นหรือจะไม่อยากกินอาหาร? ทั้งที่เมื่อวานเห็นนางกินข้าวไปสองถ้วย แล้วยังแคะไก่ไปครึ่งซีก

       เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ต่อจากนั้น ก็ยิ้มในใจ แต่ก่อนก็ดีกันจนแทบจะสวมกางเกงตัวเดียวกันได้แล้ว ที่ทั้งสองทะเลาะกันจนเป็๲คู่แค้นเช่นนี้ นับว่ามาจากฝีมือของนางครึ่งหนึ่ง

       แต่หลิวเต้าเซียงไม่คิดว่าตนเองเป็๞คนเลว แน่นอนว่า ไม่ว่าคนอื่นจะบอกว่านางร้าย แต่นางก็ไม่ใส่ใจ

       ที่นางใส่ใจคือบิดามารดาของตน แล้วก็พี่น้องว่าทุกคนอยู่ดีหรือไม่เท่านั้น ขอเพียงทุกคนมีชีวิตที่ดี นางเป็๲คนเลวสักครั้งจะเป็๲อะไรไป?

       เพียงแต่คำพูดเหล่านี้นางไม่ยอมบอกกับหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ เพียงแต่เอ่ยอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่ามีครั้งหนึ่งที่ทะเลาะกันด้วยเ๹ื่๪๫เงิน ท่านย่าบอกว่าท่านป้ารองดูแลบ้านไม่เป็๞ ใช้จ่ายเงินของลุงรองไปเรื่อย อืม ป้ารองว่าอย่างไรนะ?”

       หลิวเต้าเซียงจงใจขมวดคิ้วและกัดนิ้วก้อยเพื่อขบคิด แล้วเอ่ย “ดูเหมือนจะบอกว่าท่านย่าลำเอียง แล้วก็มีอาสี่ แล้วก็สินสอดอะไรเทือกนั้น โอ๊ย ข้าเองก็ฟังไม่เข้าใจว่าป้ารองพูดอะไรบ้าง”

       นางไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่จงใจให้หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ไปเดาเอง ทางที่ดีที่สุดคือทำให้นางเค้นพลังสมองคิดสักครั้ง

       -----

    เชิงอรรถ

         [1] คุณชายซื่อจื่อ 世子公子 ซื่อจื่อกงจื่อ คือคำที่ใช้เรียกทายาทผู้สืบทอดของท่านอ๋อง

     

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้