หลังจากนั้นทุกคนก็ย้ายเข้ามาอยู่ในจวนหลังใหม่ที่ทางราชสำนักจัดไว้ให้ รวมถึงมีบ่าวไพร่นับร้อยคอยดูแล ป้ายไม้ขนาดใหญ่สลักตัวอักษรสวยงามว่า ‘จวนสกุลหลี่’ จางเหยียนหลิงยืนมองด้วยความภูมิใจ เพราะรู้ว่าสิ่งนี้คือความใฝ่ฝันของหลี่เทียนจิน เขาใช้เวลาทุกชั่วยามในการอ่านหนังสือ ไม่ทิ้งเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ทุก่เวลาแห่งการทุ่มเทของเขา นางรับรู้มาเสมอ และในที่สุด...สิ่งที่เขาพยายามมาทั้งหมดนับว่าไม่สูญเปล่า
สายตากลมระริกจับจ้องไปยังป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่สลักอย่างสวยงาม พร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกาย ก่อนมืออบอุ่นของชายหนุ่มจะโอบกอดจากด้านหลัง แล้วเอ่ยขึ้น
“เหยียนหลิง...ต่อไปนี้เ้าเป็ฮูหยินของข้าแล้วนะ” พูดจบ เขาก็ก้มลงหอมแก้มนางด้วยความรัก
แต่...ความสุขมักอยู่ได้ไม่นาน เมื่อเวลาผ่านพ้นไปได้เพียงหนึ่งปี เหยียนหลิงได้ตั้งครรภ์อ่อน ๆ ทว่าแทนที่แม่สามีจะดีใจ กลับบึ้งตึงและตำหนิ
“ปล่อยให้ตั้งครรภ์เร็วเกินไป งานราชการของสามียังไม่มั่นคง เช่นนี้จะทำให้เขากังวลใจ” ถ้อยคำของหลี่ชิงหลี ทำให้นางผู้มาแจ้งข่าวดี ต้องหุบยิ้มลงด้วยความรู้สึกผิด
“อย่าเพิ่งบอกเื่นี้ให้สามีเ้ารู้ เขาจะไม่สบายใจ”
“แต่ว่า....” หญิงชราเชิดหน้าเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ทำตามที่ข้าบอก จะดีที่สุด” แม้ไม่เข้าใจมากนัก แต่ด้วยความรักที่มีต่อสกุลหลี่ ทำให้เหยียนหลิงก้มพยักหน้ายอมทำตามแม่สามีโดยไม่เผยสิ่งใดให้สามีรู้
นางยังคงอยู่ในจวนสกุลหลี่ฐานะฮูหยินของจวน ทำหน้าที่ภรรยาทุกอย่างได้ดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง จวบจนกระทั่งวันหนึ่งแม่สามีนำยาบำรุงครรภ์มาให้ และนางก็ดื่มจนหมดถ้วย
ไม่ถึงครึ่งชั่วยามหลี่เทียนจินก็กลับมา พร้อมมีหญิงสาวงดงามเดินเคียงข้างมาด้วย สายตาสั่นไหวของเหยียนหลิงรับรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางรีบเดินไปต้อนรับสามี ก่อนจะถูกหญิงชรากระชากไว้ได้ทัน
“อย่าเสียมารยาท นั่นคือคุณหนูไป๋หลานเสวี่ย” ทั้งสับสน ทั้งตกตะลึง หญิงสาวจึงเลื่อนสายตาไปยังสามีแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว
“ท่านพี่...เหตุใดคุณหนูคนนี้จึงกลับมาพร้อมท่าน” ไป๋หลานเสวี่ยได้ยินเข้าก็ยิ้มบาง แล้วเกาะแขนชายหนุ่ม พลางกล่าวเสียงอ่อนหวาน
“ท่านพี่ไม่ได้บอกนางเหรอ?”
“บอก...อะไร?” นางอึกอักหันไปยังสามี ซึ่งหลบสายตา พร้อมสายลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาปะทะกายรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงขั้วกระดูก ก่อนหลี่ชิงหลีจะเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้สกุลหลี่ของเรา จะมีฮูหยินเพิ่มมาอีกหนึ่งคน”
“หมายความว่ายังไง!” จางเหยียนหลิงเอ่ยด้วยแววตาสับสน ก่อนก้าวเข้าหาคุณหนูไป๋ หลี่เทียนจินรีบปัดนางออก จนร่างบางล้มลงกับพื้น เพื่อปกป้องหญิงสาวที่เคียงข้าง
เมื่อเห็นตนพลั้งมือ เขารีบเข้าไปหาภรรยา แต่แม่สามีคว้าตัวลูกชายไว้ทัน แววตาที่เคยเมตตากลับกลายเป็สายตาดูถูกเหยียดหยาม
“เ้ารู้หรือไม่ ว่าคุณหนูไป๋ผู้นี้เป็ใคร จึงกล้าเหิมเกริม นางเป็ถึงบุตรีของเสนาบดีกรมพระคลัง ฐานะสูงส่งเช่นนั้นควรค่าแก่การถูกเ้าจ้องมอง ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงงั้นเหรอ”
“ท่านแม่....” เหยียนหลิงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เอ่ยคำเรียกบุคคลที่นางเคารพรักออกมาเบา ๆ น้ำตาค่อย ๆ ไหลนองเต็มหน้า คำมั่นสัญญา ที่เขาเคยให้ไว้ในอดีตจางหายไปตามกาลเวลา บัดนี้เขานำใครอีกคนเข้ามาหักหาญน้ำใจกัน ความเจ็บแล่นเข้าสู่ท้องทันที จนต้องยกมือขึ้นจับแล้วทิ้งกายลง
“เหยียนหลิง!” หลี่เทียนจินรีบละมือจากไป๋หลานเสวี่ย วิ่งเข้าหานางด้วยความห่วงใย
“เ้าเป็อะไรไป” แต่ไป๋หลานเสวี่ยเอ่ยเสียงอ่อน
“ท่านพี่ กล้าปล่อยมือข้างั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มจึงได้สติ แล้วค่อย ๆ ปล่อยมือภรรยา หันตัวเดินกลับไปยืนเคียงข้างไป๋หลานเสวี่ยดังเดิม ปล่อยให้เหยียนหลิงกุมท้องน้อยด้วยอาการเ็ปทรมาน
“ท่านแม่ ท่านให้ข้าดื่มอะไร?” นางคล้ายรู้ตัวว่าถูกวางยาจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนหญิงชราจะย่อตัวลงด้านข้างแล้วกระซิบ
“ยาขับเื!” เมื่อได้ยินดังนั้น ความโกรธของจางเหยียนหลิงก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กในครรภ์แท้จริงแล้วเป็เืเนื้อเชื้อไขของสกุลหลี่ หากไม่เมตตานางแล้ว ก็ควรละเว้นเด็ก ทว่าการกระทำของแม่สามี ไม่อาจทำให้หญิงสาวควบคุมความโกรธไว้ได้ นางเอื้อมไปบีบคอหญิงกลางคนทันที ก่อนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ รีบปรี่เข้ามากระชากแขนนางออก แล้วตบหน้านางอย่างแรงเพื่อเรียกสติ
“เ้าบังอาจเกินไปแล้ว เสียสติไปแล้วหรือไง เ้ากำลังจะฆ่าท่านแม่” เขารีบหันไปประคองมารดาด้วยความเป็ห่วง ท่ามกลางสายตาเหยียนหลิง ที่มองสามีเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ก่อนเขาจะหันมาเห็นรอยนิ้วมือบนใบหน้าของนางเป็รอยแดง เมื่อได้สติจึงกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วอึกอักเพื่อสะกดความรู้สึกผิด ก่อนนางจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ตอนนี้สายตาของท่านสูงส่ง ไม่ใช่แววตาของคนที่เคยเหน็ดเหนื่อยเคียงข้าในบ้านไม้หลังเก่าอีกแล้ว หากรู้สักนิด ว่าท่านจะหลงมัวเมาในอำนาจ หมดรักข้ารวดเร็วเช่นนี้ ข้าจะไม่มีวันนำร้านสมุนไพร ไปจำนำเพื่อนำเงินให้ท่านเข้าไปสอบเป็จิงซื่อเด็ดขาด” นางหันไปหาไป๋หลานเสวี่ย พลางยิ้มบาง
“เดิมทีเคยคิดว่าอำนาจหอมหวานในวังหลวง ไม่อาจทำให้คนซื่อสัตย์และกตัญญูอย่างหลี่เทียนจินเปลี่ยนแปลงได้ แต่วันนี้ ทุกอย่างก็พิสูจน์แล้วว่า บนโลกใบนี้ ไม่มีรักแท้อยู่จริง คนที่ละทิ้งผลประโยชน์เพื่อความรัก ก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทำ เป็อย่างที่คนคนนั้นกล่าวไว้ไม่มีผิด และข้าก็คือคนโง่” หญิงสาวพูดกึ่งหัวเราะทั้งน้ำตา
“ออกไปจากจวนสกุลหลี่ซะ!” เมื่อแม่สามีหายใจได้สะดวกขึ้นและได้สติกลับมา จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนขณะที่หลี่เทียนจิน คอยประคองร่างของมารดาไม่ห่าง จับจ้องมองมายังสะใภ้ที่เป็เพียงหญิงสามัญธรรมดา ไม่มีอำนาจใดคอยค้ำจุนให้หลี่เทียนจินยืนหยัดอยู่ในราชสำนักด้วยความภาคภูมิใจ
“ก่อนหน้าข้าเคยคิดเมตตา ให้เ้าได้อาศัยอยู่ในจวนสกุลหลี่ได้อย่างปกติ แต่เมื่อครู่เ้าบังอาจบีบคอข้า เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้คงไม่เหมาะสมกับเ้าแล้ว ตอนนี้เ้าไม่คู่ควรกับหลี่เทียนจินอีกต่อไป!”
“ท่านแม่ หยุดเถอะ!” ชายหนุ่มเอ่ยห้าม แล้วหันใบหน้าหล่อเหลามายังรักแรกของเขาด้วยสายตาสั่นไหว แท้จริงแล้วความรักที่เขามีต่อนางไม่ได้ลดน้อยลง สายตาอบอุ่นยังคงทอดมองไปยังหญิงสาวด้วยความเสียใจ ก่อนไป๋หลานเสวี่ยจะเดินเข้ามาแล้วดึงแขนเขาไปจับไว้แแ่
“ตอนนี้ข้ากำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อีกไม่นาน จวนสกุลหลี่ก็จะมีเด็กเล็กมาวิ่งเล่น แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น สถานที่แห่งนี้จะมีงานพิธีมงคลยิ่งใหญ่ ข้าหวังว่าฮูหยินจะยอมรับได้ ว่ากำลังจะมีงานแต่งระหว่างข้ากับท่านพี่” เหยียนหลิงได้ยินดังนั้น น้ำตาของนางไหลพราก เลื่อนสายตาไปยังแม่สามีที่เคยเคารพรัก เข้าใจแล้วว่า ที่พยายามให้ปกปิดเื่การตั้งครรภ์กับสามี ก็เพราะมีใครอีกคนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ก่อน ยิ่งกว่านั้นที่กล้าให้กินยาขับเื ก็เพื่อไม่อยากได้หลาน ที่มีแม่เป็เพียงสามัญชน เพื่อรักษาหน้าตาของสกุลหลี่ นางแม่มดผู้นี้กล้าทำสิ่งชั่วที่นางคิดไม่ถึง
“สารเลว!” จางเหยียนหลิงกัดฟัน แล้วหันไปยังหญิงชราพลันรวบรวมกำลังทั้งหมด พุ่งตัวไปตบหน้าหญิงชั่วผู้นั้นด้วยความโกรธ ก่อนชายหนุ่มจะรีบเข้าไปห้ามแล้วผลักนางล้มลงอีกครั้ง
“เ้ากล้าทำร้ายแม่ข้าสองครั้ง ข้าเกลียดที่สุดก็คือคนที่ไม่เคารพแม่ของข้า ต่อให้รักมากแค่ไหน ข้าไม่มีวันยอม ออกไปจากจวนสกุลหลี่ซะ” เขาชี้มือไล่นางราวกับหมูหมา ไร้ซึ่งความเมตตาใด ๆ ท่ามกลางน้ำตาไหลเอ่อเต็มใบหน้า นางมองเขาด้วยความเ็ปอย่างแสนสาหัส พลันค่อย ๆ หันไปเพื่อเผชิญหน้ากับเขาเป็ครั้งสุดท้าย
“หลี่เทียนจิน นับจากวันนี้ ท่านกับข้า....เราตัดขาดความเป็สามีภรรยา ข้ากับท่านเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” คำตัดขาดของนางคล้ายมีดเล่มใหญ่กรีดเข้ากลางใจอีกฝ่าย เขาขมวดคิ้วพร้อมหัวใจหล่นวูบ เดิมทีคาดหวังเพียงแค่ให้นางเอ่ยคำขอโทษต่อมารดาสักครั้ง เขาจะไม่ถือโทษโกรธ ทว่าศักดิ์ศรีของนางมีมากกว่านั้น ไม่เพียงไม่กล่าวขอโทษ นางกลับเอ่ยวาจาตัดขาดกับเขาต่อหน้าทุกคน ดวงตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหันมองเขาเป็ครั้งสุดท้าย แล้วเบี่ยงตัวเดินจากไปโดยไม่เอ่ยขอความรักจากเขา
“เหยียนหลิง” เขาเอ่ยเรียกด้วยเสียงอาลัย ก่อนมือของไป๋หลานเสวี่ยจะเอื้อมมาจับแขนเขาไว้เบา ๆ
หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวละเอียดเดินออกจากจวนสกุลหลี่ พร้อมน้ำตารินไหลอาบสองแก้ม ก่อนหันมองไปยังป้ายไม้แกะสลักขนาดใหญ่เป็ครั้งสุดท้าย แล้วกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะกาย
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงเรียกของใครบางคนทำให้นางหยุดเดิน ไป๋หลานเสวี่ยเดินยิ้มออกมา แล้วยกมือกอดอก ทอดสายตามองอีกฝ่ายั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ข้าพอรู้มาบ้าง ว่าฮูหยินของหลี่เทียนจิน งดงามเป็ที่เื่ลือไปทั่วสารทิศ แต่ว่าต่อให้งดงามเพียงใด แต่ไร้ซึ่งอำนาจก็เท่านั้น เ้าเป็เพียงสามัญชนไม่มีปัญญาผลักดันหลี่เทียนจินให้ไปได้ไกลกว่านี้ เช่นนั้น สามีของเ้า...ข้าขอนะ!” จางเหยียนหลิงได้ยินดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองป้ายแกะสลัก้า พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมาปะทะวูบหนึ่ง ก่อนจะปล่อยยิ้มเบา ๆ ออกมา
“แล้วข้าจะรอดูวันที่ป้ายสกุลหลี่ ถูกปลดลงมา...” พูดจบ นางก็เดินจากไป โดยไม่หันกลับมามองจวนสกุลหลี่อีก
หญิงสาวก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง ฝืนพาร่างกายที่หลงเชื่อคนชั่วดื่มยาขับเื กลับไปยังร้านสมุนไพรของนาง ที่เวลานี้ปิดเงียบสนิท ทว่ามีคนเฝ้าอยู่สองสามคน ก่อนจะหมดแรงล้มลงตรงหน้าร้านสมุนไพร ซึ่งเป็สมบัติชิ้นเดียวที่บิดาทิ้งไว้ให้ ทว่าน่าเสียดาย ที่ตอนนี้นางโง่งม จำนำร้านสมุนไพรไว้ในราคาสูงลิบ
บัดนี้พึ่งตระหนักได้ว่าเป็การกระทำสิ้นคิดโดยแท้จริง นางกลั้นใจใช้มือกุมท้องตัวเอง ภาวนาให้เด็กในท้องเข้มแข็ง ขอเพียงได้กินสมุนไพรแก้พิษสักถ้วยอาการก็จะทุเลา ทว่ายังไม่ทันก้าวเท้าเข้าไป ก็ถูกคนของเถ้าแก่หลินไล่ออกมาราวกับหมูหมา แม้นางพยายามอธิบายเช่นไรก็ไม่เป็ผล หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งแล้วน้อมตัวกราบพวกเขา หวังเพียงแค่ขอสมุนไพรสักถ้วยเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น ทว่าสายตาและคำพูดของคนพวกนั้น ไร้ซึ่งความเมตตาต่อนาง
“เ้าจำนำให้เถ้าแก่หลิงไปแล้ว นอกจากเอาเงินทั้งหมดมาคืน จึงจะเข้าไปได้ หากไม่มีเงินก็เข้าไปไม่ได้!” พวกเขาพูดจบก็ดึงตัวนางออกมาให้ห่างจากร้านสมุนไพรของตัวเอง
นอกจากภายในท้องน้อยที่เ็ปราวกับกำลังถูกบีบ นางยังรู้สึกเหมือนถูกทุกคนในโลกทรยศหักหลัง ร้านสมุนไพรที่เปิดมาหลายปี ไม่ได้ทำกำไรมากมาย เพราะนางใช้ความเมตตานำทาง รักษาโดยไม่เก็บเงินให้กับผู้ยากไร้ มาวันนี้นางเพียงแค่ร้องขอความเมตตาจากผู้อื่นบ้าง เหตุใดจึงยากเย็นเช่นนี้ หรือในโลกนี้มีเพียงนางคนเดียวที่โง่งม....
‘ความเมตตางั้นเหรอ?....ข้าเมตตาผู้คนแล้วผลตอบแทนกลับเป็เช่นนี้งั้นเหรอ? ช่างไม่ยุติธรรม’ นางปวดท้องจนต้องนอนกองกับพื้นแล้วงอตัว พร้อมน้ำตารินไหลออกมา...
“ข้าจะตายไม่ได้...ข้าจะตายตอนนี้ไม่ได้” นางไม่ยอมแพ้ให้ตัวเองหมดแรงแล้วนอนหลับ พยายามรวบรวมสติ แล้วพยุ่งร่างกายฝ่าความมืดมิดเดินออกจากร้านสมุนไพร มุ่งตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยหัวใจที่แตกสลาย นางเดินโซเซท่ามกลางสายลมที่เหน็บหนาว ดวงตาฉายแววหมดสิ้นศรัทธาในความรัก เดินมาหยุดหน้าจวนหานเยี่ย จวนอ๋องที่นางคิดว่า จะไม่มีวันกลับมาเหยียบอีก ก่อนจะหมดแรงล้มลงในที่สุด....
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้