และฮ่องเต้หยวนเต๋อ...
เหนียนยวี่หันไปมองฮ่องเต้หยวนเต๋อ เห็นเพียงคิ้วของเขาที่ยังคงขมวดแน่นเมื่อครู่นี้ มายามนี้คลายออกเล็กน้อยแล้ว ความระแวดระวังต่อจ้าวเยี่ยนลดน้อยลงแล้วหรือ?
เมื่อครู่นี้ จ้าวเยี่ยนใช้การล่าถอย เพื่อจะได้รุดไปข้างหน้า ยามนี้ฉางไทเฮายังยอมร่นถอยอีก ช่างปราดเปรื่องอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ปราดเปรื่องเท่านั้น ยังถึงขั้นใจกล้าพอควร!
ทว่านางไม่กลัวว่าการร่นถอยครั้งนี้ จะทำให้จ้าวเยี่ยนออกจากกระดานหมากไปหรือ?
ไม่เพียงแต่เหนียนยวี่เท่านั้น ทว่าจ้าวเยี่ยนเองก็รู้สึกว่าการก้าวเดินครั้งนี้มันอันตราย หากมีใครเหยียบย่ำมาในยามนี้ เขาคงจะชวดจากตำแหน่งแม่ทัพหลวงไปแล้วจริงๆ
ทว่าในเมื่อฉางไทเฮาหาญกล้าจะทำเช่นนี้ นางย่อมต้องมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ฝ่าาเพคะ พรุ่งนี้หม่อมฉันต้องออกจากเมืองชุ่นเทียน สิ่งเดียวที่วางใจไม่ลงคือเยี่ยนเอ๋อร์ เขาไม่สนใจชื่อเสียงและโชคลาภ ไม่ปรารถนาอยากได้สิ่งใดมาั้แ่เล็กๆ หากทรงอนุญาต หม่อมฉันอยากจะขอพระาานุญาตจากฝ่าาให้เยี่ยนเอ๋อร์ติดตามหม่อมฉันกลับเขาฉีชานเพคะ” ยามที่ฉางไทเฮากล่าว นางลุกขึ้นจากพระที่นั่ง และเข้าไปยืนขนาบข้างจ้าวเยี่ยน
ทุกคนล้วนตกตะลึง แม้แต่จ้าวเยี่ยนเองยังเกิดระลอกคลื่นสาดซัดในหัวใจ
กลับเขาฉีชานกับนางหรือ?
นี่... หมายความว่าอย่างไร?
สีหน้าของฮองเฮาอวี่เหวินแปรเปลี่ยนไปทันที นางเข้าใจว่า ฉางไทเฮา้าจะเร่งเชื้อไฟ จึงเคลื่อนไหวเหมือนจะก้าวถอยหลัง ทว่าแท้ที่จริงนาง้าจะกดดันฝ่าา ให้ทรงตัดสินพระทัยเลือกจ้าวเยี่ยนเป็แม่ทัพหลวง
อย่างที่คิด ยามที่ทุกคนกำลังตื่นใ ฉางไทเฮาพลันคุกเข่าลงกับพื้น
“ไทเฮา…” ฮ่องเต้หยวนเต๋อรีบลุกขึ้นทันที ฮองเฮาอวี่เหวินด้านข้างเองก็พรวดตัวยืนขึ้นเช่นกัน นางจ้องมองฮ่องเต้หยวนเต๋อ ซึ่งกำลังเดินไปทางฉางไทเฮาอย่างเร่งรีบ และจับมือประคองฉางไทเฮา “เ้าเป็ไทเฮานะ จะมาคุกเข่าได้อย่างไร? เร็วเข้า เ้ารีบลุกขึ้นมาเถิด”
แม้นฉางไทเฮาจะไร้อำนาจที่แท้จริง ทว่าอย่างไรก็เป็ไทเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ตามธรรมเนียม ฮ่องเต้และฮองเฮาเองก็สมควรจะต้องคารวะนาง เมื่ออยู่ต่อหน้านาง
แม้แต่เหนียนยวี่เองก็คาดไม่ถึงว่า ฉางไทเฮาจะเดินหมากเช่นนี้ นางทำเป็คุกเข่าขอพระราชบัญชาต่อหน้าผู้คน แล้วต่อจากนี้จะทำอย่างไรอีก?
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว ในเมื่อคุกเข่าไปแล้ว นางน่าจะไม่ยอมลุกขึ้นง่ายๆ!
อย่างที่คิด ฉางไทเฮาปล่อยให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อจับประคอง ทว่ากลับไม่ลุกขึ้น นางทอดสายตามองฮ่องเต้หยวนเต๋อ บนใบหน้าที่สงบนิ่งเสมอมาฉายแววกระตือรือร้นขึ้นมาสองสามส่วน “ฝ่าาเพคะ หลายวันมานี้ หม่อมฉันฝันเพคะ ฝันเห็นฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฮ่องเต้พระองค์ก่อน เขาเองก็ไม่สบายใจที่จะให้เยี่ยนเอ๋อร์อยู่ตามลำพังในเมืองชุ่นเทียน เยี่ยนเอ๋อร์เป็พระโอรสเพียงคนเดียวของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ความเฉยเมยไม่อยากแก่งแย่งเป็นิสัยที่มีมาแต่กำเนิดของเขา พระองค์ทรงเห็นเขาั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ ความประพฤติของเขา พระองค์ทรงรู้ดีที่สุด เขาเคารพพระองค์มาั้แ่ไหนแต่ไร ไม่เคยเลยที่จะไม่ซื่อสัตย์ ทว่าในเมื่อเป็เช่นนี้ ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับเองก็ยังคงไม่วางใจเช่นกัน มันเป็ความประสงค์ของเขาที่อยากให้หม่อมฉันพาเยี่ยนเอ๋อร์ออกจากเมืองชุ่นเทียน”
ฉางไทเฮากล่าวอย่างจริงใจ ทุกถ้อยคำให้เกียรติฮ่องเต้พระองค์ก่อน และเป็ห่วงหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน
ฮ่องเต้หยวนเต๋อแสดงอารมณ์ออกมาบนพระพักตร์ ทว่าความคลางแคลงภายในพระทัย มิว่าอย่างไรกลับมิอาจขจัดทิ้ง
ฝีปากของผู้คนบนใต้หล้านี้ เป็สิ่งที่ยากจะปิดกั้นที่สุด
ฉางไทเฮาอาศัยอยู่ที่ชิงโหยวกว่านเขาฉีชาน มีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่ววังว่า มีคนรับนางไม่ได้ หากจ้าวเยี่ยนออกจากเมืองชุ่นเทียน ข่าวลือนั้นจะต้องเปลี่ยนแน่ กลายเป็เขา าาผู้ปกครองแว่นแคว้นที่ทนพระโอรสในฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ได้!
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจะออกจากเมืองชุ่นเทียนไม่ได้เด็ดขาด!
ทว่าการยืนหยัดของฉางไทเฮา...
ฮ่องเต้หยวนเต๋อหรี่ดวงเนตร กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธคำขอของฉางไทเฮา ทว่าฉางไทเฮากลับหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาจากใต้เสื้อตรงหน้าอกเสียก่อน “ฝ่าา ยังจำสิ่งนี้ได้หรือไม่เพคะ"
แหวนนั่น...
สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หยวนเต๋อพลันแปรเปลี่ยน
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น หลายคนที่จำแหวนวงนั้นได้ สีหน้าต่างแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
“นี่มัน...นี่มิใช่แหวนที่เสด็จพ่อพระราชทานให้เมื่อยามนั้นหรอกหรือ? ยามนั้นเสด็จพี่ทั้งสองต่างมีแหวนกันคนละวง แท้ที่จริงแล้ว ฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้มอบแหวนของเขาให้เสด็จพี่ไทเฮานี่เอง”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยปาก ครั้นเห็นของเก่าพลันคิดถึงบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วขึ้นมา
ครั้นกล่าวเช่นนี้ ทุกคนจึงรู้ถึงที่มาของแหวนวงนั้น
ทว่าวันนี้ฉางไทเฮาหยิบแหวนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนพระราชทานให้ขึ้นมาแสดงต่อเบื้องพระพักตร์ฝ่าา มันหมายความว่าอย่างไร?
“เสด็จพี่ แล้วแหวนของเสด็จพี่เล่า?” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอถามอย่างสงสัย ดูเหมือนนานมากแล้วที่นางไม่เห็นเสด็จพี่สวมแหวนวงนั้น
พระวรกายของฮ่องเต้หยวนเต๋อชะงักงันเล็กน้อย และกลับมาได้สติทันใด แหวนวงนั้นของเขา...
เมื่อมองดูของในมือฉางไทเฮา รอยขีดข่วนเล็กๆ บนแหวนวงนั้น ทำให้ดวงเนตรของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย ราวกับคิดเื่บางอย่างขึ้นได้ สีหน้าจึงดูเหม่อลอยไปไกล
ฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่ตอบกลับเป็เวลานาน พระหัตถ์ภายใต้แขนเสื้อของฮองเฮาอวี่เหวิน ซึ่งกำลังกำผ้าเช็ดหน้า ค่อยๆ กำแน่นขึ้น ภายในพระทัยปั่นป่วน ประหนึ่งพลิกคว่ำแม่น้ำสาดซัดลงทะเล ทว่าบนพระพักตร์กลับยังคงสงบนิ่ง “ยามนั้น ฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ ฝ่าาทอดพระเนตรเห็นของแล้วทรงเ็ปพระทัย เปิ่นกงจึงช่วยเก็บแหวนวงนั้นไว้แทนฝ่าา”
เสียงของฮองเฮาอวี่เหวินทำให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อชะงักงัน ฉางไทเฮาผู้ซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ภายใต้ขนตาที่เปล่งประกายเล็กน้อยพาดผ่านแววประชดประชัน
"ที่แท้ก็เป็เช่นนั้น" องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเลิกคิ้ว แม้จะกล่าวเช่นนี้ ทว่าคนฉลาดมากปัญญาเช่นนาง รู้สึกได้ถึงความผิดปกติในบรรยากาศ นางคาดเดาบางอย่างได้ทันที สีพระพักตร์จึงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉางไทเฮาไม่ปฏิเสธคำพูดของฮองเฮาอวี่เหวิน ครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ของตัวเอง มองเข้าไปในดวงตาเหม่อลอยของฮ่องเต้หยวนเต๋อ แหวนวงนี้ในมือข้า ทำให้เขานึกถึงอดีตงั้นหรือ?
นางรู้ว่า ในยามนี้ตนอยู่ห่างจากเป้าหมายเพียงก้าวเดียว และก้าวนี้ เมื่อนางก้าวออกไป ไม่ว่าผู้ใดก็เลิกคิดจะเปลี่ยนสถานการณ์ไปได้เลย!
ฉางไทเฮาไม่สนใจผู้คน ยามนี้ในสายตาของนางมีเพียงฮ่องเต้หยวนเต๋อเท่านั้น “ฝ่าาทรงจำแหวนวงนี้ได้ แล้วทรงจำได้หรือไม่ ยามนั้นในสวนร้อยสัตว์...”
‘สวนร้อยสัตว์’ ถ้อยคำสามคำนี้ ทุกคนต่างได้ยินอย่างชัดเจน ทว่าคำพูดของฉางไทเฮา หยุดเพียงแค่คำว่าสวนร้อยสัตว์เท่านั้น ดูเหมือนเื่บางเื่มิจำเป็ต้องกล่าวต่อ ผู้ที่ควรเข้าใจย่อมเข้าใจได้โดยธรรมชาติ
ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนมากมายตรงนั้นไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของฉางไทเฮา ทว่าเหนียนยวี่สังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่า ยามที่ฉางไทเฮาเอ่ยคำว่า ‘ยามนั้นในสวนร้อยสัตว์’ มีหลายสิ่งแวบผ่านดวงตาของฮ่องเต้หยวนเต๋อ
ความใ... คาดไม่ถึง... แม้กระทั่งความหวาดกลัว...
“ฝ่าา...”
“พอได้แล้ว!”
เดิมทีฉางไทเฮายัง้าจะพูดอะไรอีก ทว่าเพิ่งจะเอ่ยเรียกออกไป ฮ่องเต้หยวนเต๋อกลับเอ่ยขัดบท น้ำเสียงที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ผู้คนล้วนตื่นใ
แต่ไหนแต่ไรมา ฝ่าาทรงเคารพฉางไทเฮามาตลอด น้อยนักจะขึ้นเสียงดังใส่ ทว่าเมื่อครู่นี้... เหนียนยวี่ยืนยันชัดเจนว่า ฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงหวาดกลัวว่าฉางไทเฮาจะกล่าวถ้อยคำอะไรที่ไม่ควรกล่าวออกมาอีก
พูดคุยอันใดที่ทำให้าาผู้ปกครองแว่นแคว้นต้องหวาดกลัวเพียงนี้?
เหนียนยวี่งุนงง หันไปมองฮองเฮาอวี่เหวิน เป็อย่างที่คิด นางเห็นฮองเฮาอวี่เหวินขมวดคิ้วแน่น รอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อครู่นี้ไม่มีอีกต่อไป นาง...รู้เื่อันใดงั้นหรือ?
มิรู้เพราะเหตุใด ระหว่าง่นี้ เหนียนยวี่ถึงได้กลิ่นผิดแปลกของการซุบซิบนินทาอะไรบางอย่าง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อตวาดลั่น พลันตระหนักได้ถึงอาการลืมตัวจนเสียกิริยาของตนเองจึงขมวดคิ้ว คลายอารมณ์ในใจให้สงบลงเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยปากออกไปอีกครั้ง “ไทเฮา เยี่ยนเอ๋อร์เป็พระโอรสของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจิ้นควรจะดูแลพระโอรสคนเดียวของเขาให้ดี ดังนั้น เจิ้นไม่อาจตอบรับไทเฮาให้เยี่ยนเอ๋อร์ออกจากเมืองชุ่นเทียนได้”
"ฝ่าา...” ฉางไทเฮาย่นคิ้ว ภายใต้ดวงเนตรที่ผิดหวัง กลับเป็ความสงบนิ่งซึ่งอยู่ในการควบคุมอย่างสุดกำลัง
ไม่อาจให้เยี่ยนเอ๋อร์ออกจากเมืองชุ่นเทียนงั้นหรือ?
ในเมื่อไม่ให้ เช่นนั้นก็ต้องให้อะไรแลกเปลี่ยน!
และสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน...
ฉางไทเฮาย่นคิ้ว เื่ราวเป็ไปตามการคาดการณ์ของนาง ต่อจากนั้น...
หึ นางจะทำให้ฮ่องเต้เต็มใจยอมมอบตำแหน่งแม่ทัพหลวงให้ลูกชายของนาง!