ไม่ถึงครึ่งชั่วยามใต้เท้าเจียงก็ได้ร่วมมือกับกองทหารรักษาพระองค์เข้าปิดล้อมห้องยาสำนักหมอหลวงอย่างแ่า และไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนก็ตามเข้าออก
ภายใต้การร่วมมือของใต้เท้าหนานกง ใต้เท้าเจียงได้นำตัวบ่าวยา แพทย์หญิง แพทย์ชาย และอาจารย์แพทย์ ที่มีส่วนร่วมในการแจกจ่ายย่าวซ่านในครั้งนี้ รวมไปถึงผู้ที่เคยััสมุนไพรอย่างขันทีและสตรีภายในพระราชวังมาไต่สวนทั้งหมด ผู้ที่ต้องสงสัยล้วนถูกพาตัวไปคุมขังรอการพิจารณาคดี
ใต้เท้าเจียงเพียงแค่กล่าวไว้ว่า มีคนลงมือกับห่อย่าวซ่านและไม่ได้เอ่ยรายละเอียดของสถานการณ์ออกมา ยิ่งไม่ได้บอกอธิบายอีกว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงใช้ยาไปหรือไม่
เมื่อข่าวได้แพร่กระจายออกไปทั้งภายในและภายนอกพระราชวังล้วนเกิดความโกลาหล แม้กระทั่งไท่โฮ่วเหนียงเหนี่ยงก็ล้วนรีบมาที่จิ้งหวางฝู่โดยพระองค์เองเพราะกังวลถึงความปลอดภัยของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
ทางด้านขององค์หญิงหวายหนิงและฉีฟู่ฟางกลับอยู่ภายในพระตำหนักทำเล็บไปด้วยพูดคุยเล่นไปด้วย เซวียกงกงได้เข้ามารายงานถึงสถานการณ์ของห้องยาสำนักหมอหลวงอย่างรีบร้อน แต่พวกเขาสองคนล้วนทราบอยู่แก่ใจจึงได้สบตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้แก่กัน
หลังจากที่เซวียกงกงถอยออกไปฉีฟู่ฟางก็อดใจรอไม่ไหว “องค์หญิง ไปกัน พวกเราไปดูความคึกคักกันเถอะ! ”
องค์หญิงหวายหนิงหัวเราะแล้วกล่าวมาว่า “ไม่รีบร้อน รอให้คนนั้นสารภาพแล้วดึงตัวกูเฟยเยี่ยนออกมา พวกเราค่อยไปดูฉากเด็ดกัน! ”
ฉีฟู่ฟางและองค์หญิงหวายหนิงรอคอยอยู่ในพระตำหนักฟางหวาด้วยความอดทน ่บ่ายของวันรุ่งขึ้นองค์หญิงหวายหนิงยังคงบรรทมอยู่ ทว่าใต้เท้าเจียงได้มาด้วยตนเอง คนที่เขามาพบด้วยนั้นไม่ใช่องค์หญิงหวายหนิงแต่เป็ฉีฟู่ฟาง
ใต้เท้าเจียงยังนับได้ว่าให้ความเกรงอกเกรงใจอยู่ “คุณหนูใหญ่ฉี มีแพทย์ชายเฉินซานหยวนรับคำสารภาพว่าท่านมีส่วนเกี่ยวกับย่าวซ่าน รบกวนตามพวกเราไปแล้วให้ความร่วมมือในการสืบสวนด้วย”
“เ้า เ้าว่าอะไรนะ? ” ฉีฟู่ฟางลุกพรวดพราดขึ้นมาด้วยความคาดไม่ถึง
นางและองค์หญิงหวายหนิงได้ติดสินบนแพทย์ยาในการสับเปลี่ยนห่อยาสมุนไพรเพื่อใส่ร้ายกูเฟยเยี่ยนที่ทำการสับเปลี่ยนยาสมุนไพรโดยพลการ และวางแผนประทุษร้ายจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ใต้เท้าเจียงควรไปหากูเฟยเยี่ยนไม่ใช่หรือ?
สถานการณ์เปลี่ยนมาเป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
หรือว่าแพทย์ชายทรยศนาง?
ไม่ช้าใต้เท้าเจียงก็ได้ให้คำตอบออกมา เขากล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ฉี แพทย์ชายในห้องนำส่งให้การยอมรับแล้วว่า ได้รับคำสั่งจากท่านให้ทำการสับเปลี่ยนสมุนไพรในห่อย่าวซ่าน มีเจตนาวางแผนประทุษร้ายจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย รวมไปถึงใส่ร้ายป้ายสีแพทย์หญิงกู เจียงโหม่ว [1] ได้รับมอบหมายจากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย มีอำนาจในการสืบเื่นี้อย่างเต็มที่ รบกวนให้ความร่วมมือตามเปิ่นกงไปด้วย
ฉีฟู่ฟางตระหนกใมาก “ใส่ร้าย! ใต้เท้าเจียง นี่เป็การใส่ร้าย! นี่คือการโยนความผิดให้ผู้อื่น! แพทย์คนนั้นจะต้องถูกคนอื่นติดสินบนเป็แน่ ใช่แน่ๆ ! ”
ใต้เท้าเจียงกล่าวอย่างสุภาพว่า “คุณหนูใหญ่ฉี แพทย์ชายใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ยังต้องรอการพิสูจน์ เชิญคุณหนูใหญ่ฉีไปที่ศาลต้าหลี่และให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ หากว่าคุณหนูใหญ่ฉีเป็ผู้บริสุทธิ์ เจียงโหม่วจะต้องคืนความยุติธรรมแก่คุณหนูใหญ่ฉีอย่างแน่นอน”
“ข้าไม่ไป! นี่เป็การใส่ร้าย! ”
“นี่เป็การใส่ร้ายป้ายสีกัน! ”
ฉีฟู่ฟางก้าวเท้าถอยหลังไปพร้อมกับหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเพื่อให้นางไปตามองค์หญิงหวายหนิงมา
ทว่าใต้เท้าเจียงไม่ได้ให้เวลานาง เมื่อเห็นว่านางไม่เดินไปใต้เท้าเจียงจึงได้เอ่ยอย่างจริงจัง “คุณหนูใหญ่ฉี จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงมอบอำนาจให้เจียงโหม่วมีอำนาจในการจัดการเื่นี้ เจียงโหม่วนั้นปฏิบัติตามคำสั่ง ล่วงเกินแล้ว! ”
ฉีฟู่ฟางกระวนกระวายใจแล้ว “หรือว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงเชื่อในตัวแพทย์ชายคนนั้น? ”
“คุณหนูใหญ่ฉี ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคดี โปรดอภัยที่เจียงโหม่วไม่สามารถตอบคำถามได้ชั่วคราว” หลังจากที่ใต้เท้าเจียงเอ่ยจบก็ได้ออกคำสั่งให้นำตัวนางออกไปทันที
ในขณะที่องค์หญิงหวายหนิงได้รีบเสด็จมา ก็ไม่พบร่างของใต้เท้าเจียงและฉีฟู่ฟางแล้ว เมื่อได้ยินถึงเื่ที่แพทย์ชายรับสารภาพฉีฟู่ฟางออกมา นางก็ล้มตัวลงไปบนเก้าอี้ทันที หัวใจเต้นถี่เร็ว ขาทั้งสองข้างเกิดความอ่อนแรง
เซวียกงกงมองออกถึงความผิดปกติเล็กน้อย เขารีบปิดประตูกระซิบเสียงเบา “พ่อคุณทูนหัวของบ่าว! พวกท่านทำไม…ไม่ว่าจะอย่างไรพวกท่านก็ไม่ควรที่จะแตะต้องยาของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย! หากว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงมีอันเป็ไป นี่มันเป็โทษหนักเก้าชั่วโคตรเชียวนะ! ”
“ข้า ข้า…มันเป็เพราะกูเฟยเยี่ยน! ”
องค์หญิงหวายหนิงยิ่งคิดยิ่งกระวนกระวายใจ ยิ่งคิดยิ่งเสียใจในภายหลัง นางก็ไม่ทราบว่าในตอนนั้นนางกล้าได้อย่างไร นางกล่าวอย่างร้อนใจ “เซวียกงกง เ้า เ้ารีบไปสืบข่าวมาว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงเป็อย่างไรบ้าง? ”
“องค์หญิง เื่ของจิ้งหวางฝู่นั้นไม่ง่ายเลยที่จะสืบข่าวออกมา! ” เซวียกงกงก็ลุกลี้ลุกลนแล้ว
องค์หญิงหวายหนิงครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา “ไป ไปสืบข่าวที่หวงหน่ายนาย! หวงหน่ายนายไม่ใช่ได้ไปหาท่านพี่จิ้งหวางแล้วอย่างนั้นหรือ?” หลังจากสิ้นคำ เซวียกงกงก็ได้ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าเขาก็ได้วิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ข่าวดีข่าวดี! จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงไม่ได้เสวยย่าวซ่าน เสด็จออกไปจากเมืองั้แ่เมื่อวานนี้แล้ว ไท่โฮ่วเหนียงเหนี่ยงเสด็จไปเยี่ยมเยียนก็ไม่พบคน”
ในตอนนี้เององค์หญิงหวายหนิงจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วพึมพำเบาๆ “ท่านพี่จิ้งหวางไม่ได้เสวยยา แล้วยานั่นถูกตรวจสอบออกมาได้อย่างไร”
เซวียกงกงส่ายหน้า ในเื่นี้เขาสืบข่าวไม่ได้เลย
องค์หญิงหวายหนิงไม่ได้สนใจครุ่นคิดมากนัก นางทราบเพียงว่าท่านพี่จิ้งหวางไม่เป็อะไร เช่นนั้นเื่นี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นรับมือไม่ได้
อย่างมากนางก็แค่ออกมายอมรับผิดก็เท่านั้น ถึงอย่างไรลิ่วตันซางลู่นั่นก็ไม่ใช่ของที่เป็อันตรายถึงชีวิต อย่างมากก็ทำให้ท่านพี่จิ้งหวางไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น มากที่สุดฟู่หวงก็กักบริเวณนางสองสามวัน นอกนั้นจะทำอะไรนางได้อีก?
แน่นอนว่าหากไม่ต้องยอมรับผิดจะดีที่สุด ถึงอย่างไรเื่นี้ก็พัวพันไปถึงกูเฟยเยี่ยนและตระกูลฉี ทันทีที่เื่แพร่กระจายออกไป นางก็จะกลายเป็ตัวตลก องค์หญิงหวายหนิงจึงตัดสินใจและไม่รอช้ารีบเอ่ยขึ้นมา “เร็ว เตรียมเกี้ยวพระที่นั่ง! ไปที่ตระกูลฉี! ”
ตระกูลฉี
แม่ทัพใหญ่ฉีและฉีอวี้ยังไม่ได้เข้านอน พวกเขากำลังพูดคุยถึงเื่ย่าวซ่าน ทันทีที่องค์หญิงหวายหนิงเสด็จมาถึงก็ร้อนใจ จนพูดจาสะเปะสะปะเล็กน้อย “แม่ทัพใหญ่ฉี ท่านพี่อวี้ ท่านพี่ฟู่ฟางถูกศาลต้าหลี่จับกุมไป แพทย์ชายรับสารภาพไปที่นางแล้ว! ”
“อะไรนะ? ”
“ให้การสารภาพไปที่นาง? นางทำอะไรลงไป? ” แม่ทัพใหญ่ฉีและฉีอวี้สายตาล้วนปรากฏขึ้นถึงความตกตะลึง เดิมทีองค์หญิงหวายหนิงวางแผนที่จะบอกไปตามความเป็จริง ทว่าเมื่อเห็นถึงปฏิกิริยาตอบสนองของพ่อลูกตระกูลฉี จู่ๆ นางก็เกิดความลังเลขึ้นมา แล้วไม่ตอบคำถามเป็่ระยะเวลาหนึ่ง
แม่ทัพใหญ่ฉีนึกขึ้นได้ถึงคดีของย่าวซ่านที่ศาลต้าหลี่ กำลังดำเนินการอยู่ เขาเกิดความไม่สบายใจ ในชั่วพริบตาเดียวก็ไม่ได้คำนึงถึงตัวตนขององค์หญิงหวายหนิง เขากล่าวอย่างโกรธจัด “ตกลงแล้วเื่อะไรกันแน่? นังหนูนั่นทำอะไรไป? พูดออกมาสิ! ”
องค์หญิงหวายหนิงไม่เคยพบกับแม่ทัพใหญ่ฉีที่ดุขนาดนี้มาก่อนจึงใ แล้วรีบไปหลบอยู่ด้านหลังของฉีอวี้ แม้ว่าฉีอวี้จะกระวนกระวาย แต่ก็ยังมีความอดทนในการปลอบขวัญองค์หญิงหวายหนิง “องค์หญิงไม่ต้องกลัว เชิญนั่งลงก่อน เื่ราวตกลงแล้วเป็อย่างไรกันแน่? ”
ในขณะนี้เองแม่ทัพใหญ่ฉีจึงตระหนักได้ว่าตนเองเสียมารยาทไป จึงรีบเชิญองค์หญิงหวายหนิงมานั่งพร้อมกับให้คนยกชามาให้
องค์หญิงหวายหนิงที่เกิดความลังเลแล้ว เมื่อถูกแม่ทัพใหญ่ฉีทำให้ใอีกนางก็ยิ่งไม่กล้าที่จะพูดความจริงออกมา นางฉวยโอกาสตัดสินใจอย่างฉับพลันผลักดันทุกสิ่งทุกอย่างไปให้ฉีฟู่ฟาง โดยกล่าวว่าตนเองได้รับรู้เื่ราวทั้งหมดหลังจากที่เกิดเื่
เมื่อองค์หญิงหวายหนิงกล่าวจบ สีหน้าของแม่ทัพใหญ่ฉีและฉีอวี้ก็ได้ขาวซีดอย่างถึงที่สุด
นี่มันคือความตระหนกใ!
แม่ทัพใหญ่ฉีตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ จากนั้นจึงตบลงไปที่โต๊ะอย่างรุนแรง “ไร้สาระ นี่มันเป็เื่ไร้สาระ! ”
ฉีอวี้เกิดความไม่สงบ แล้วเอ่ยถามอย่างเดือดพล่านจนหายใจแทบไม่ทัน “กล้าแตะต้องยาของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ท่านพี่เป็บ้าไปแล้วหรือ! ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ องค์หญิงหวายหนิงก็ยิ่งไม่กล้าดึงตนเองเข้าไปด้วย นางโน้มน้าว “ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านพี่ฉีอวี้ ท่านพี่ฟู่ฟางก็แค่ไม่อาจทนดูกูเฟยเยี่ยนได้ นาง นาง…นางทำเพื่อข้าและท่านพี่ฉีอวี้ เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลฉี”
แม่ทัพใหญ่ฉีไม่้าเอ่ยถึงชื่อกูเฟยเยี่ยนเป็อย่างยิ่ง ในเวลานี้ยิ่งไม่มีเวลามาพูดถึงเื่นี้ เขาซักถามอย่างจริงจังขึ้นมา “องค์หญิง นอกจากแพทย์ชายแล้วยังมีผู้ใดรับรู้ในเื่นี้บ้าง? เป็ใครที่เป็คนบอกใบสั่งยาย่าวซ่านให้แก่ฉีฟู่ฟาง? อีกอย่างคือลิ่วตันซางลู่นั้นตกลงคืออะไรกันแน่ หากว่าใช้ไปแล้วจะเป็เช่นไร? ฟู่ฟางนางไปเอามาจากที่ไหน? ”
————————
เชิงอรรถ
[1] โหม่ว หมายถึง การใช้แทนนามของตน เช่น หากว่าแซ่เจียงก็จะเรียกตนเองว่าเจียงโหม่ว