บทที่ 11 การต่อสู้ของผู้ฝึกกระบี่
“ลุงรอง เป็ผู้ฝึกสอนอยู่ที่นี่ มั่นคงดีหรือไม่?” ดวงตาของฉู่อวิ๋นลุกเป็ไฟ เขามองดูฉู่อู๋โดยไม่เกรงกลัว ทั้งยังพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
เมื่อได้ยินดังนั้น ลูกศิษย์ของฉู่อู๋ก็ตัวลีบลงเล็กน้อยพร้อมขมวดคิ้ว
ฉู่อู๋ก็คือผู้นำตระกูลย่อยที่สนับสนุนการขับไล่ฉู่อวิ๋น
“เชอะ อย่ามาพูดอะไรเป็ลับลมคมในที่นี่เลย ตอนนี้ข้าเป็สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหลักแล้ว เ้าไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ข้าหรอก”
“นอกจากนี้ เ้าปลุกิญญายุทธ์พิกลพิการออกมา คนเขารู้กันทั้งเมือง ตอนแรก พ่อเ้า ซึ่งเป็พี่ใหญ่ของข้า ดื้อรั้นเก็บเ้าไว้ในเรือน เป็เื่ให้คนในตระกูลหายตัวไป จากนั้น แม้แต่คนที่แข็งแกร่งของตระกูลย่อยทั้งหมดก็ตายเพราะพวกสัตว์ปีศาจ”
“ข้าก็แค่พยายามปกป้องตัวเอง เ้าจะมาโทษข้าไม่ได้หรอกนะ”
บนลานฝึกยุทธ์ สมาชิกตระกูลบางคนรู้สึกว่าคำพูดของฉู่อู๋นั้นสมเหตุสมผล ต่างพยักหน้าเห็นด้วยและมองดูฉู่อวิ๋นอย่างรังเกียจ
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งบางคนก็เดินไปรอบๆ ฉู่อวิ๋น อยากใช้กำลังบังคับเขาให้ออกไป
เพราะเกิดมาพร้อมกับิญญายุทธ์พิการ ใครๆ ก็คอยแต่จะย่ำยี แม้แต่ญาติทางสายเืก็ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อมองดูผู้คนที่มีสีหน้าไร้เมตตา ฉู่อวิ๋นก็ยังไม่กลัว แต่พูดกับฉู่อู๋ด้วยน้ำเสียงเ็าว่า "เพราะว่าสายเืเดียวกันไหลอยู่ในร่างของข้า ข้าจึงยังเรียกท่านว่าลุงรอง แต่ท่านไม่ต้องกลัวข้าขนาดนั้นหรอก วันนี้ข้าไม่ได้มาที่นี่เพราะท่าน"
“ให้ผู้าุโที่ท่านรับใช้โผล่หัวออกมา ข้าอยากจะถามเื่เรือนตระกูลย่อย”
ความหมายของฉู่อวิ๋นนั้นตรงไปตรงมา เขาล้อเลียนฉู่อู๋ว่าขี้ขลาดเหมือนหนู ยินยอมเป็สุนัขรับใช้ของตระกูลหลัก แต่ไม่ยอมช่วยเหลือญาติของตนเอง
คำพูดเหน็บแนมลอยเข้าหู ทำให้ใบหน้าของฉู่อู๋เ็าขึ้น เขานึกไม่ถึงว่าฉู่อวิ๋นจะกล้าด่าว่าเขาในที่สาธารณะเช่นนี้
ฉู่อวิ๋นไม่กลัวถูกลูกหลานตระกูลหลักปิดล้อมหรือ?
“ฮ่าๆ หลานชาย คำพูดคำจาคมคายนัก ผู้าุโไม่ตื่นเช้าขนาดนี้หรอก เกรงว่าเ้าจะต้องรออีกสักพัก แต่ในเมื่อมาถึงลานฝึกยุทธ์แล้ว ทำไมไม่ให้เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ได้รับรู้ความสามารถของเ้ากันเล่า? "
“ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องอยากรู้แน่ ว่ากระบี่ที่เอวของเ้ามีไว้เพื่ออะไร”
ฉู่อู๋เย้ยหยันเล็กน้อย เขา้าทำให้ฉู่อวิ๋นอับอาย
ทันใดนั้น ศิษย์ที่อยู่รอบๆ ฉู่อวิ๋นต่างก็เตรียมพร้อม แสดงสีหน้าล้อเลียน บ้างก็ชักกระบี่ยาวออกมา
ฉู่อวิ๋นยืนตระหง่านอย่างสงบ เขารู้มานานแล้วว่าการมาครั้งนี้จะไม่ราบรื่น ดังนั้นเขาจึงพูดนิ่งๆ ว่า "ในเมื่อพวกน้องชายตื่นเต้นขนาดนี้ เช่นนั้นข้าจะร่วมมือให้เต็มที่"
ทันทีที่เขาพูดจบ ศิษย์บางคนที่ได้ยินฉู่อวิ๋นเรียกตนว่าน้องชาย สีหน้าก็โกรธขึ้งทันที
ถูกตัวไร้ประโยชน์เรียกว่าน้องชายหรือ? เป็ใครใครก็คงโกรธ
ทันใดนั้น หลายคนก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ยกหมัดขึ้นชกแนวตรงสองสามหมัดเข้าที่หน้าของฉู่อวิ๋น!
ในชั่วพริบตา ฉู่อวิ๋นก็ถูกล้อมรอบด้วยหมัดจากทุกทิศทุกทาง ไร้ทางหนี
"ช้ามาก"
ฉู่อวิ๋นพูดออกมาอย่างง่ายดาย ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวว่องไว เดินไปสองสามก้าวแล้วปล่อยหมัดหนักไปรอบๆ ความแข็งแรงของหมัดแต่ละครั้งมากกว่าแปดร้อยจิน ซึ่งเกินความสามารถของศิษย์ระดับต่ำเหล่านี้จะต้านทานได้!
"ตุ๊บ!"
ด้วยหมัดเดียว คนหนึ่งกระเด็นไปข้างหลัง หมัดกระทบเนื้อ สดชื่นยิ่งนัก!
“ตุ๊บ! ตุ๊บ! ตุ๊บ!”
ต่อให้ล้อมรอบด้วยเหล่าศิษย์ แต่ก็ค่อยๆ กระเด็นกันออกไป
ไม่นาน คลื่นคนส่วนใหญ่ก็ถูกหมัดกระแทกจนกระเด็นออกไป มีเพียงฉู่อวิ๋นเท่านั้นที่ยืนอย่างโอ้อวด ณ จุดนั้น โดยแทบไม่ขยับเลย
ศิษย์ทุกคนที่เข้าร่วมปิดล้อมต่างตกตะลึง พูดไม่ออก และรู้สึกอับอายมาก
อีกฝ่ายเอาชนะนักรบจำนวนหนึ่งที่อยู่ในขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับสองด้วยตัวคนเดียว โดยไม่ได้ใช้อาวุธหรือิญญายุทธ์ด้วยซ้ำ
น่าใจริงๆ
เมื่อเห็นพลังหมัดของฉู่อวิ๋น ฉู่อู๋ก็สูดลมเย็นๆ เข้าปอดอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขารู้ดีที่สุดว่าฉู่อวิ๋นได้ปลุกิญญายุทธ์ขยะไร้ทางฝึกฝนออกมา เขาจะเอาชนะนักรบจำนวนมากที่อยู่ในขอบเขตควบแน่นพลังปราณระดับสองได้อย่างไร?
ทั้งยังแทบไม่ต้องใช้ความพยายามเลยด้วย
ในเวลานี้ ศิษย์ที่ถือกระบี่ไว้อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขายกกระบี่ขึ้นอย่างหุนหันพลันแล่น และแทงฉู่อวิ๋นจากด้านหลังโดยตรง!
"ชิ้ง——"
เมื่อปลายดาบใกล้จะถึงหลังของเขา ฉู่อวิ๋นก็แค่นเสียง หันกลับมาทันที ตบดาบอันแหลมคมออกไปด้วยฝ่ามือข้างเดียว จากนั้นเตะมันอย่างสุดกำลังของเขา!
"ตุบ!"
ศิษย์ที่ลอบโจมตีถูกเตะห่างออกไปห้าเมตร ซี่โครงหักหลายซี่และกระอักเืเต็มปาก
เมื่อเห็นลูกเตะนี้ ก็ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าอีก พวกเขาถอยกลับไปอยู่ข้างๆ ฉู่อู๋ ใบหน้าเต็มไปด้วยความใและประหลาดใจ สีหน้าตื่นเต้น
ั้แ่ต้นจนจบ ฉู่อวิ๋นไม่ได้ใช้พลังปราณ ใช้เพียงพลังกายที่บริสุทธิ์เท่านั้น
นี่คือจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด
“ที่แท้ที่ตระกูลหลักไร้ยางอายก็เพราะถูกสอนมานี่เอง หลายคนปิดล้อมคนๆ เดียว แถมยังโจมตีจากด้านหลัง ลุงรอง ท่านอยู่ที่นี่ก็เหมาะสมแล้ว อาจารย์ไร้ยางอายสั่งสอนศิษย์ไร้ยางอาย” ฉู่อวิ๋นขึ้นเสียงใส่อย่างจงใจเหน็บแนม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของฉู่อู๋ก็เปลี่ยนเป็เ็า เขากำลังจะสอนบทเรียนให้กับฉู่อวิ๋น แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้น
“แปะ แปะ แปะ——”
ยามนี้ ด้านหลังลานฝึกยุทธ์ ชายหนุ่มรูปงามเดินเข้าไปหาฉู่อวิ๋นช้าๆ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าและเสียงปรบมือ
ข้างหลังเขา มีชายชราหลายคนเดินตามมาด้วย สีหน้าของพวกเขาเ็าและมืดมน
สาวใช้หลายคนย้ายเก้าอี้ออกจากห้องโถงมาวางไว้บนแท่นชมลานฝึกยุทธ์ เพื่อให้ผู้าุโนั่ง
ในหมู่พวกเขา ผู้าุโหกกวาดตามองไปทั่วตัวฉู่อวิ๋นอย่างน่ากลัว ั์ตาแฝงเจตนาฆ่าแล้วดับวูบไป
และชายหนุ่มคนนั้นคือพี่ชายของฉู่เฮ่า ฉู่เจี้ยนเหริน
“ดีมากๆ เป็การต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ข้าไม่คิดเลยว่าสักวันหนึ่งดาวหายนะจะสามารถต่อสู้ได้ ข้าประทับใจจริงๆ” ฉู่เจี้ยนเหรินจ้องมองฉู่อวิ๋นด้วยสีหน้าเหน็บแนม
ในสายตาของเขา ฉู่อวิ๋นเพียงแค่อาศัยระดับพลังยุทธ์ของตนเองเพื่อปราบปรามศิษย์ชั้นล่าง ก็แค่เท่านั้น?
ด้านหลังของฉู่เจี้ยนเหรินก็มีฉู่เฮ่าตามมาด้วย ทว่าข้อมือขวาของเขามีผ้าพันไว้ ลมหายใจแ่เบา เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นบนลานฝึกยุทธ์ ดวงตาก็เผยความเกลียดชัง ทว่ากลับซ่อนความหวาดกลัวไว้ด้วย
เมื่อศิษย์บางคนเห็นฉู่เจี้ยนเหรินปรากฏตัว พวกเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที
“พี่เจี้ยนเหริน! เ้าขยะคนนี้ทำให้พวกเราหลายคนาเ็ ท่านต้องช่วยเราระบายความโกรธนะขอรับ!”
“ใช่ เขายังเสแสร้งพกกระบี่มา แถมยังดูถูกอาจารย์ของพวกเรา มันต้องมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาแน่ขอรับ!”
“พี่เจี้ยนเหริน! สั่งสอนมันเลยขอรับ!”
ศิษย์ทุกคนะโอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าพวกเขากำลังจับฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ ในความคิดของพวกเขา ฉู่เจี้ยนเหรินเป็ผู้ฝึกกระบี่ที่ทรงพลังมากในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูลฉู่ที่มีเพียงไม่กี่คน ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้
เมื่อมองดูฝูงชนที่น่ารังเกียจ ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มอย่างเ็าและพูดกับฉู่เจี้ยนเหริน "วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อหารือเื่ตระกูลย่อยกับผู้าุโ เ้าหลีกไป"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เจี้ยนเหรินก็ตบริมฝีปากของเขาซ้ำๆ และส่ายนิ้วอย่างอวดดีต่อหน้าฉู่อวิ๋น "ไม่ ไม่ ไม่...ข้าไม่ได้ห้ามไม่ให้เ้าพบกับผู้าุโนี่ เ้าไม่เห็นหรือ? เหล่าผู้าุโกำลังเฝ้ามองเ้าอยู่นะ"
ฉู่เจี้ยนเหรินชี้ไปที่แท่นชมลานฝึกยุทธ์ที่อยู่ไกลๆ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เ้าบอกว่าเ้า้าจะรักษากรรมสิทธิ์ของตระกูลย่อยเอาไว้ แต่ตอนนี้ในเมื่อตระกูลย่อยไร้ผู้นำ ก็เป็เื่ปกติที่ตระกูลหลักจะรับเรือนคืน”
“แต่ข้าเห็นแก่เ้าที่โดดเดี่ยวคนเดียวแถมที่เรือนยังมีซินเหยาคนงามให้ต้องดูแล ฮ่าๆ ข้าพยายามอย่างยิ่งเพื่อช่วยให้เ้าได้รับโอกาสนี้เชียวนะ เ้าว่า ข้าเก่งมากใช่หรือไม่?”
ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า "หากมีอุบายใดก็พูดมาตรงๆ เถอะ อย่าทุบตีพุ่มไม้[1] ข้าไม่ฉลาดมากเล่ห์เท่าตระกูลหลักของเ้าหรอก"
ฉู่เจี้ยนเหรินเลิกคิ้ว แต่ยังคงยิ้ม "นี่ เ้ามาแข่งกับข้า หากเ้าชนะ ผู้าุโก็จะรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของเ้าและไม่สนใจเื่ตระกูลย่อยอีก"
“แต่หากเ้าแพ้ เ้าต้องเชื่อฟังคำสั่ง ห้ามก้าวเท้าเข้ามาในเมืองไป๋หยางอีก อีกอย่าง เื่ของซินเหยา เ้าก็ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลนางอย่างดี”
ฉู่เจี้ยนเหรินจงใจเน้นคำว่า "ดูแล" ทำให้สีหน้าของฉู่อวิ๋นเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่าฉู่เจี้ยนเหรินคนนี้กำลังทำให้เขาหงุดหงิดเพื่อยั่วยุให้เขาต่อสู้ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น มีเจตนาฆ่าที่น่าเกรงขามอย่างชัดเจนในสายตาของอีกฝ่าย
การต่อสู้ครั้งนี้เป็เื่เกี่ยวกับชีวิตของเขา และยิ่งกว่านั้นเกี่ยวกับอนาคตของพี่สาวของเขา ฉู่ซินเหยา
แต่เขาต้องสู้!
“ได้ ข้าจะสู้!”
เป็ที่รู้กันดีว่า ในโลกพลังยุทธ์ ความแข็งแกร่งมักได้รับการเคารพ ฉู่อวิ๋นเดินขึ้นไปบนลานฝึกยุทธ์ใจกลางจัตุรัสด้วยความโกรธอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด
เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของฉู่อวิ๋น ริมฝีปากของฉู่เจี้ยนเหรินก็ยิ้มย่องกับความสำเร็จ ฉู่อวิ๋นคนนี้ยอมงับเหยื่อแล้ว ตราบใดที่ในตอนแข่งเขาแกล้งทำเป็ฆ่าฉู่อวิ๋นโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่ผู้นำตระกูลหลักก็ลงโทษเขาไม่ได้
หลังจากนั้น เขาก็จะพาฉู่ซินเหยาไปที่เรือนของตน เขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งและรูปร่างหน้าตาของตนเอง จะสามารถพิชิตเทพธิดาผู้ดื้อรั้นและงดงามคนนั้นได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่เจี้ยนเหรินก็ยิ้มกว้างขึ้น เขาเดินขึ้นไปบนลานฝึกยุทธ์
ฝูงชนที่กำลังรอชมต่างตกตะลึงและรู้สึกว่าฉู่อวิ๋นประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป ฉู่เจี้ยนเหรินเป็ผู้ฝึกกระบี่ในระดับสี่ของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ และมีกระบี่หฤสังหารเป็อาวุธที่ช่วยให้เขาแสดงทักษะกระบี่ได้ แต่ฉู่อวิ๋นกลับกล้ารับคำท้าเขาจริงๆ
“ข้าไม่คิดว่าลูกชายของฉู่ซานเหอจะมีนิสัยแบบเดียวกับเขา ดื้อรั้นเหลือเกิน”
“นี่ไม่ใช่ความดื้อรั้น แต่รนหาเื่ตาย ไม่ว่าการฝึกฝนของเขาจะดีขึ้นอย่างก้าวะโเพียงใด แต่ิญญายุทธ์ของเขายังไม่สมบูรณ์ จึงไม่มีทางที่เขาจะเป็คู่ต่อสู้ของเจี้ยนเหรินได้”
“เชอะ ขับไล่เ้าเด็กนี่ออกไปให้เร็วที่สุดจะดีกว่า ตระกูลหลักจะได้ไม่ต้องใไปมากกว่านี้”
บริเวณโต๊ะนั่งของผู้าุโมีการพูดคุยกัน พวกเขาทั้งหมดไม่ได้มองฉู่อวิ๋นในแง่ดีเลย นักรบิญญาที่ฝึกฝนเพียงไม่กี่วันจะเทียบกับฉู่เจี้ยนเหรินที่ฝึกฝนมาเป็เวลาหนึ่งปีได้อย่างไร
บนลานฝึกยุทธ์ ฉู่อวิ๋นและฉู่เจี้ยนเหรินอยู่กันคนละฝั่ง ทั้งคู่ต่างดึงกระบี่ยาวออกมา
ฉู่เจี้ยนเหรินดูผ่อนคลาย เขายืดตัวและพูดอย่างสบายๆ ว่า "จริงๆ แล้วข้าก็สงสารเ้านะ เราทั้งคู่ต่างก็เป็คนในตระกูลฉู่ที่ปลุกิญญายุทธ์กระบี่ขึ้นมา ของข้าเป็ิญญายุทธ์ระดับสี่ แต่ของเ้าเป็เพียงเศษกระบี่หักไร้นาม กับิญญายุทธ์ที่เป็เศษเดน”
"เช่นนั้นหรือ?" ฉู่อวิ๋นสงบนิ่งและตอบอย่างใจเย็น "ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะบอกเ้าตอนนี้เลยว่าชื่อของิญญายุทธ์ของข้าคือกระบี่บาป์ ทางที่ดี เ้าก็จำมันไปตลอดชีวิตแล้วกัน"
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็หรี่ตาลง เขารวบรวมพลังปราณ ชี้ปลายกระบี่ไปที่ฉู่เจี้ยนเหริน หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น!
"ควั่บ!"
บนกระบี่เล่มยาว มีดวงดาวหลายดวง เปล่งรัศมีเ็าและดุร้ายอย่างยิ่งออกมา!
“ดาราจรัสแสง? ฮ่าๆ ข้าหยุดเล่นท่าดาบระดับต่ำเช่นนี้มานานแล้ว” เมื่อมองไปที่กระบี่ยาวที่ส่องประกายด้วยแสงสีม่วงเย็นๆ ฉู่เจี้ยนเหรินก็มองดูมันอย่างดูิ่และรอให้ฉู่อวิ๋นตกหลุมพราง
แม้ว่าวิชากระบี่ดาวตกจะเป็ทักษะการต่อสู้ของบรรพบุรุษตระกูลฉู่ แต่หากขาดพลังจำนวนมากก็จัดว่าเป็ทักษะการต่อสู้ระดับกลางธรรมดาเท่านั้น ดังนั้น ศิษย์ตระกูลฉู่ทั่วไปจึงไม่ได้ศึกษามันอย่างลึกซึ้ง
แต่ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ ฉู่เจี้ยนเหรินคุ้นเคยกับวิชากระบี่ดาวตกมานานแล้ว เขาไม่คิดว่านั่นคือท่าที่ฉู่อวิ๋นจะใช้โจมตีเขาด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นไม่พูดพล่ามทำเพลง มือข้างหนึ่งถือกระบี่ เขาก้าวย่างลึกลับ ยกกระบี่ขึ้นมาแล้วฟันลงไป!
"ควั่บ!"
มองเห็นแสงสีม่วงส่องผ่านความว่างเปล่า เหมือนดาวตกไล่ตามดวงจันทร์ รวดเร็วและรุนแรง เหมือนสายฟ้า เหมือนฟ้าร้อง งดงามและเฉียบคม!
แสงสีม่วงกะพริบหรี่ ดึงแสงเงากระบี่ให้สะท้อนแสงดาวออกมา!
แต่ฉู่เจี้ยนเหรินดันหันกลับมาและหลบไปจากที่เดิม โดยมีรอยยิ้มอันภาคภูมิใจประดับอยู่บนริมฝีปาก
ทั้งสองซวนเซออกไปและเปลี่ยนท่ายืน
“ฮ่าๆ เ้าฟันไม่โดนข้าด้วยซ้ำ ยังจะมาดาราจรัสแสงอยู่อีก?” ฉู่เจี้ยนเหรินหัวเราะเยาะ
“จริงหรือ?” ฉู่อวิ๋นก็ยิ้มเยาะเช่นกัน
ทันใดนั้น ฉู่เจี้ยนเหรินก็รู้สึกเ็ปที่แก้มด้านขวา
"ซิก--"
รอยแผลกระบี่ที่ยาวและบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่เจี้ยนเหริน คล้ายมีเืพุ่งออกมาอย่างสะดุดตา ทำลายใบหน้าที่หล่อเหลาดังเดิมของเขา
ฉู่เจี้ยนเหรินััรอยกระบี่ด้วยมืออันสั่นเทา
ปลายนิ้วเปรอะเปื้อนไปด้วยเืสีแดงสดทั้งยังอุ่นร้อน
“เ้า...เ้าทำร้ายข้าหรือ?” เมื่อมองดูฉู่อวิ๋นที่ยืนสูงตระหง่านตรงหน้า ฉู่เจี้ยนเหรินก็ตกตะลึงทันที
---------------------------------------------
[1] อย่าทุบตีพุ่มไม้ หมายถึง หยุดพูดอ้อม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้